39. ฉันมุ่งมั่นบนเส้นทางนี้

โดย หานเฉิน, ประเทศจีน

สองสามปีที่แล้ว ฉันถูกตำรวจจับฐานประกาศข่าวประเสริฐ พรรคคอมมิวนิสต์ตัดสินจำคุกฉันสามปีข้อหา “จัดการและใช้องค์กรลัทธิเพื่อบ่อนทำลายการบังคับใช้กฎหมาย” หลังออกจากคุก ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็เข้าร่วมชุมนุมอีกครั้งและทำหน้าที่ต่อไปได้ ฉันไม่ได้นึกเลยว่าตำรวจจะจับตาดูฉันต่อและจำกัดเสรีภาพของฉัน  เมื่อพ่อแม่พาฉันไปขึ้นทะเบียนผู้พักอาศัยที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่ตรวจตราฉันบอกฉันอย่างดุๆ ว่า “ถ้าต้องการออกจากพื้นที่คุณต้องมารายงานผม และห้ามคุณออกจากเมืองนี้หรือไปต่างประเทศเป็นเวลาห้าปี อีกทั้งคุณยังปฏิบัติความเชื่อหรือไปร่วมงานชุมนุมไม่ได้ด้วย  ถ้าผมรู้ว่าคุณไปชุมนุมทางศาสนา ผมจะส่งคุณกลับเข้าคุกทันที  และอย่าคิดว่าคุณจะได้ออกมา!”  พ่อแม่กลัวว่าฉันอาจจะถูกจับอีก จึงขอให้พี่สาวของฉันคอยจับตาดูฉัน เพื่อให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าหรือติดต่อกับพี่น้องชายหญิงคนไหน  พี่ฉันหางานให้ฉันทำ เป็นพนักงานขาย และถ้าฉันกลับบ้านช้า พี่ก็จะโทรมาถามว่า “อยู่ที่ไหน?  ทำอะไรอยู่?”  มีครั้งหนึ่ง ตอนที่ฉันกำลังอ่านพระวจนะของพระเจ้าในแท็บเล็ต พี่สาวของฉันก็สังเกตเห็นและจี้ถามว่าฉันกำลังอ่านพระวจนะของพระเจ้าอยู่หรือเปล่า และถึงกับพยายามจะแย่งแท็บเล็ตไปจากฉัน  ฉันรีบโพล่งไปว่าฉันอ่านนิยายอยู่ แล้วพี่ก็ไม่ยุ่งกับฉัน  หลังจากนั้น ฉันต้องแอบอ่านพระวจนะของพระเจ้าใต้ผ้าห่มหลังจากที่พี่หลับแล้วเท่านั้น

วันหนึ่ง พี่สาวของฉันเจอพระวจนะของพระเจ้าบางส่วนที่ฉันทำสำเนาไว้และถามว่า “เธอยังมีความเชื่อและไปร่วมชุมนุมอยู่ใช่ไหม?”  ฉันตอบไปด้วยความโมโหว่า “การมีความเชื่อและนมัสการพระเจ้าถูกต้องและเหมาะสม ปล่อยฉันเถอะ!”  แล้วพี่ฉันก็รีบโทรหาพี่สาวคนโตของพวกเรา ซึ่งทันทีที่เดินเข้าประตูมาก็ตบหน้าฉัน พร้อมตะคอกว่า “ยังกล้าเชื่ออยู่ได้อย่างไร?  ตั้งแต่เธอถูกจับขังคุก แม่ร้องไห้จนตาบวมไม่เว้นแต่ละวัน!  แม่ร้องไห้จนเกือบจะตาบอดอยู่แล้ว  ถ้าเธอถูกส่งกลับเข้าคุก คิดสิว่ามันจะส่งผลอย่างไรกับแม่!  เลิกเรื่องพระเจ้าอะไรนี่ ให้แม่ได้สบายใจบ้างไม่ได้เชียวหรือ?”  เมื่อได้ยินพี่พูดอย่างนี้ ฉันแทบจะทนไม่ไหว และน้ำตาก็ไหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย  แม่มีความรักให้ฉันมาตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก และตอนนี้ที่ฉันโตขึ้น ฉันกำลังทำให้แม่เป็นห่วง  ถ้าฉันถูกจับกุมอีกครั้ง แม่จะรับไหวหรือไม่?  ฉันรู้สึกถึงความอ่อนแอ จึงรีบอธิษฐานต่อพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงคุ้มครองหัวใจของฉัน ต่อมา ฉันเห็นบทตอนนี้ในพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “พระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้และทรงนำพามนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่พระองค์ประทานชีวิตให้เข้ามาในโลก  ต่อมา มนุษย์ก็มามีพ่อแม่และญาติพี่น้อง และไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป  ตั้งแต่ครั้งแรกที่มนุษย์เปิดตามองโลกแห่งวัตถุ เขาก็ได้ถูกลิขิตชะตาไว้แล้วให้ดำรงอยู่ภายในการทรงลิขิตของพระเจ้า  ลมปราณจากพระเจ้าสนับสนุนสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดทุกชีวิต ตลอดช่วงวัยเจริญเติบโตไปจนถึงวัยผู้ใหญ่(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์)  ทุกลมหายใจของฉันมาจากพระเจ้า เป็นพระเจ้าที่ทรงเฝ้ามองและปกป้องฉันในขณะที่ฉันเติบโตขึ้นมา ใครก็ตามที่ใจดีหรือชอบช่วยเหลือฉันก็ได้รับการจัดการเตรียมการโดยพระเจ้า  ครอบครัวที่ฉันเกิดมาและพ่อแม่แบบที่ฉันมีก็ถูกกำหนดและจัดการเตรียมการโดยพระเจ้าเช่นกัน  ฉันควรขอบคุณพระเจ้าและตอบแทนความรักของพระองค์ ที่ฉันสามารถเติบโตมาได้โดยไม่มีเหตุการณ์อะไร ที่ฉันสามารถมีชีวิตมาเห็นวันนี้ได้  ถ้าหากฉันปฏิเสธพระเจ้าหรือทรยศพระองค์เนื่องจากความรู้สึกที่ฉันมีให้ครอบครัว นั่นคงจะเป็นการไร้จิตสำนึก  แม่เป็นห่วงฉัน และสุขภาพของท่านก็ทรุดโทรมลง  ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะพรรคคอมมิวนิสต์หรอกหรือ?  ถ้าพวกนั้นไม่จับกุมและข่มเหงฉัน พ่อแม่ของฉันก็คงไม่ต้องกลัว  พรรคคอมมิวนิสต์ข่มเหงฉันและทำร้ายคนที่ฉันรักเพราะมันต้องการให้ฉันทรยศพระเจ้า  ฉันจะไม่ยอมให้อุบายของมันสำเร็จ!  เมื่อคิดได้ดังนี้ ความมุ่งมั่นของฉันก็กลับมา กล่าวคือ ไม่ว่าครอบครัวจะขวางทางแค่ไหน ฉันก็ต้องเชื่อในพระเจ้าและติดตามพระองค์!  หลังจากนั้น ขณะที่ฉันทำงาน ฉันก็ไปร่วมชุมนุมและแบ่งปันข่าวประเสริฐด้วย

เช้าวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ฉันกำลังเตรียมตัวไปทำงาน แล้วก็ได้รับโทรศัพท์  ผู้ชายชื่อเฉิน ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนจากคณะกรรมการกิจการการเมืองและกฎหมายบอกฉันว่า “เข้ามาเซ็นเอกสารบอกว่าคุณไม่เชื่อในพระเจ้าภายในสองวัน ผู้เชื่อในพื้นที่คนอื่นๆ ที่เคยถูกจับและปล่อยตัวได้เซ็นกันหมดแล้ว เหลือแต่คุณเท่านั้น”  พอได้ยินอย่างนี้ ก็ทำให้ฉันโกรธจริงๆ  ความเชื่อของฉันส่งผลแค่ให้ฉันเข้าร่วมการชุมนุมและอ่านพระวจนะของพระเจ้า แต่พวกเขาจับฉันขังคุกเพราะเรื่องนั้น ทรมานฉัน และพยายามบังคับล้างสมองฉัน  ตอนนี้ฉันออกมาแล้ว พวกนั้นก็ยังเฝ้าติดตามฉัน พยายามบังคับให้เซ็นเอกสารประกาศละทิ้งความเชื่อ พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ฉันทรยศพระเจ้า พวกมันช่างน่ารังเกียจและชั่วช้าจริงๆ!  ฉันไม่อาจปล่อยให้กลอุบายของซาตานประสบความสำเร็จได้  แต่แล้วฉันก็คิดว่า “ถ้าฉันบอกเขาว่าจะไม่เซ็น คณะกรรมการกิจการการเมืองและกฎหมายจะส่งฉันกลับเข้าคุกไหม?  ฉันไม่อยากกลับเข้าคุกและมีชีวิตที่ไม่เป็นมนุษย์แบบนั้น”  เมื่อคิดแบบนี้ ฉันจึงบอกเขาว่า “ช่วงสองวันนี้งานของฉันยุ่งมากๆ จนไม่มีเวลาเลย ฉันจะเข้าไปในไม่กี่วันนี้ก็แล้วกัน”  เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันแปลกใจที่หัวหน้าเฉินส่งข้อความมาบอกว่า “บัตรประกันสุขภาพของคุณมาถึงแล้ว แวะมารับไปวันนี้นะ”  ฉันคิดกับตัวเองว่า “ฉันไม่เคยสมัครบัตรประกันสุขภาพ นี่คืออุบายหนึ่งของซาตานหรือ?”  ฉันคิดถึงบางอย่างที่พระเจ้าตรัสว่า “พวกเจ้าต้องตื่นและรอคอยอยู่เสมอ และเจ้าต้องอธิษฐานต่อหน้าเราให้มากขึ้น  เจ้าต้องระลึกรู้ถึงแผนร้ายสารพัด และกลอุบายอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน ระลึกรู้ถึงจิตวิญญาณทั้งหลาย  รู้จักผู้คน และมีความสามารถที่จะหยั่งรู้ในผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งทั้งหลายทุกประเภท(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 17)  พระวจนะของพระเจ้าย้ำเตือนฉันว่าซาตานมีเล่ห์กลมากมาย  ที่พูดว่าผู้เชื่อในพื้นที่ที่เคยถูกจับแล้วก็ได้รับการปล่อยตัวเซ็นกันหมดแล้วยกเว้นฉันนั้น หัวหน้าเฉินพยายามหลอกฉันให้เข้าไป  เมื่อเล่ห์กลนั้นไม่สำเร็จ เขาก็ใช้บัตรประกันสุขภาพมาเป็นเหยื่อล่อ  เขาเจ้าเล่ห์จริงๆ  เมื่อคิดทบทวนทั้งหมดนี้แล้ว ฉันก็ตัดสินใจไม่เข้าไป

จากนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น พ่อของฉันรีบร้อนมาที่ทำงานฉัน  พ่อดูหวาดระแวงมากและบอกฉันว่า “เมื่อวาน หัวหน้าเฉินเรียกพ่อเข้าไปที่สำนักงานตั้งแต่เช้า เขาบอกว่าทางเมืองกำลังทำการสืบสวนพิเศษว่าลูกยังปฏิบัติความเชื่ออยู่หรือไม่  ถ้าลูกเซ็นเอกสารยืนยันว่าไม่ได้ปฏิบัติ ลูกก็จะมีชีวิตปกติได้เหมือนคนอื่นๆ และจะไม่มีใครคอยจับตาหรือมองหาลูก  แต่ถ้าลูกไม่เซ็น ลูกก็จะถูกส่งเข้าคุกไปรับการปฏิรูป!  ฟังพ่อนะ—ละทิ้งความเชื่อและไปเซ็นชื่อเสียเถอะ!”  ฉันรู้สึกขุ่นเคืองและชิงชังเมื่อได้ยินแบบนี้  ฉันพูดกับพ่อว่า “พ่อ รู้ไหมว่าการเชื่อในพระเจ้าคือเส้นทางที่ถูกต้อง แล้วหนูจะเลิกเชื่อในพระเจ้าเพราะกลัวการข่มเหงได้อย่างไร?  ความวิบัติกำลังรุนแรงขึ้น  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงความจริง เพื่อช่วยผู้คนให้รอดจากบาปและจากความวิบัติ  นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้รับความรอดของพวกเรา  หากเราไม่เชื่อ เราจะย่อยยับในความวิบัติอย่างแน่นอน  ทางพรรคคอมมิวนิสต์ได้จับกุมและข่มเหงผู้เชื่ออย่างบ้าคลั่ง บังคับให้พวกเขาทรยศพระเจ้า เพื่อให้ลงเอยถูกลงโทษในนรกไปพร้อมกับมัน  การลงชื่อในเอกสารก็คือการทรยศพระเจ้า และสุดท้ายแล้วหนูจะถูกทำลายล้าง!  หนูเซ็นไม่ได้!”  พ่อพูดกับฉันด้วยความกลัวและกระวนกระวายว่า “ถ้าลูกไม่เซ็นเอกสาร ตำรวจจะจับลูกกลับเข้าคุกนะ อยากทนทุกข์ในนั้นอีกจริงๆ หรือ?  ต่อให้ลูกจะไม่คิดถึงตัวเอง ก็คิดถึงน้องสาวบ้าง  พรรคคอมมิวนิสต์เล่นงานทั้งครอบครัวของผู้เชื่อ  ดูพี่สาวของลูกสิ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยครู แต่ไม่ผ่านคัดกรองทางการเมืองเนื่องจากความเชื่อของลูก และไม่ได้งานที่โรงเรียนประถมที่สำคัญ  น้องสาวของลูกกำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยครูปีนี้ และจะมองหางาน ถ้าลูกไม่เซ็น น้องก็จะไม่ผ่านคัดกรองทางการเมือง และจะหางานดีๆ ไม่ได้แน่  ลูกกำลังทำลายอนาคตน้องไม่ใช่หรือ?  ฟังพ่อนะ แค่กัดฟันเซ็นๆ ไปเถอะ  เชื่อแบบเก็บเป็นความลับไม่ได้หรือ?  ทำไมต้องดื้อขนาดนี้?”  เมื่อมองดูใบหน้าซูบผอมของพ่อที่มีน้ำตาคลอเบ้า พ่อร้อนใจมากจนมีสะเก็ดแห้งๆ บนปาก ฉันรู้สึกแย่มากและขัดแย้งในใจว่า “ถ้าฉันเซ็น ก็จะทรยศพระเจ้า และถูกตีตราด้วยเครื่องหมายสัตว์ร้าย นี่คือเครื่องหมายของการทำให้พระเจ้าเสื่อมพระเกียรติ และพระองค์จะไม่ทรงเห็นชอบในตัวฉัน  แต่ถ้าไม่เซ็น น้องสาวของฉันก็จะไม่ผ่านคัดกรองทางการเมืองและอนาคตของเธอก็จะได้รับผลกระทบ  ทั้งครอบครัวจะเกลียดฉันไปตลอดชีวิต  แล้วถ้าเกิดฉันไม่เซ็นแล้วตำรวจจับฉันกลับเข้าคุกและทรมานฉันล่ะ?  ถ้าเกิดพวกนั้นซ้อมฉันจนตายล่ะ?”  การคิดถึงทั้งหมดนั้นทำให้ฉันเจ็บปวดเหมือนถูกมีดแทงทะลุอก  ไม่รู้ว่าควรเลือกทางไหน  ฉันพูดกับพ่อว่า “ขอให้หนูได้คิดหน่อย”  พอเขาไป ฉันก็อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “พระเจ้า หัวใจของข้าพระองค์อ่อนแอ  โปรดประทานความเชื่อและกำลัง และทรงนำให้ข้าพระองค์ตั้งมั่นในคำพยานด้วยเถิด”

หลังจากอธิษฐาน ฉันอ่านพระวจนะของพระเจ้าบทตอนหนึ่ง “เมื่อผู้คนยังไม่ได้รับการช่วยให้รอด บ่อยครั้งที่ชีวิตของพวกเขาถูกรบกวน และแม้กระทั่งถูกควบคุมโดยซาตาน  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้คนที่ยังไม่ได้รับการช่วยให้รอดนั้นเป็นนักโทษของซาตาน พวกเขาไม่มีอิสรภาพ พวกเขายังไม่ถูกซาตานปล่อยตัว พวกเขาไม่มีคุณสมบัติหรือสิทธิ์ที่จะนมัสการพระเจ้า และพวกเขาถูกไล่ตามอย่างใกล้ชิดและถูกโจมตีอย่างชั่วช้าโดยซาตาน  ผู้คนเช่นนั้นไม่มีความสุขให้พูดถึง พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการดำรงอยู่ตามปกติให้พูดถึง และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีศักดิ์ศรีให้พูดถึง  มีเพียงเมื่อเจ้ายืนขึ้นสู้รบกับซาตาน โดยใช้ความเชื่อที่เจ้ามีในพระเจ้า การนบนอบและการยำเกรงพระเจ้าของเจ้าเป็นอาวุธต่อกรในการสู้รบที่ตัดสินความเป็นความตายกับซาตาน จนกระทั่งเจ้าทำให้ซาตานพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงและทำให้มันหันหนีและขลาดกลัวทุกครั้งที่มันมองเห็นเจ้า เพื่อที่มันจะได้ละทิ้งการโจมตีและการกล่าวหาของมันที่มีต่อเจ้าโดยสิ้นเชิง—เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะได้รับการช่วยให้รอดและกลายเป็นมีอิสระ  หากเจ้ามุ่งมั่นที่จะตัดขาดกับซาตานอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีพร้อมด้วยอาวุธที่จะช่วยให้เจ้าทำให้ซาตานพ่ายแพ้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะยังคงอยู่ในอันตราย  ครั้นเวลาผ่านไป เมื่อเจ้าถูกซาตานทรมานอย่างยิ่งจนไม่มีเรี่ยวแรงเหลือในตัวเจ้าแม้แต่น้อย กระนั้นเจ้าก็ยังคงไม่สามารถเป็นคำพยานได้ ยังคงไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระโดยบริบูรณ์จากการกล่าวหาและการโจมตีของซาตานที่มีต่อเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีความหวังน้อยนิดในความรอด  ในวาระสุดท้าย เมื่อการสรุปปิดตัวพระราชกิจของพระเจ้าได้รับการประกาศขึ้น เจ้าจะยังคงอยู่ในกำมือของซาตาน ไร้ความสามารถที่จะปล่อยตัวเจ้าเองให้เป็นอิสระ และด้วยเหตุนี้เจ้าจะไม่มีวันมีโอกาสหรือความหวัง  เช่นนั้นแล้ว ความหมายก็คือว่า ผู้คนเช่นนั้นจะอยู่ในการเป็นเชลยของซาตานโดยบริบูรณ์(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2)  เมื่อคิดถึงพระวจนะของพระเจ้า ฉันก็ตระหนักว่าการข่มเหงของพรรคคอมมิวนิสต์และการแทรกแซงของครอบครัวล้วนเป็นการทดลองและการโจมตีจากซาตาน  ฉันนึกถึงตอนที่โยบถูกซาตานทดลอง  ทุกสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของถูกขโมยไปจากเขา และเขาถึงกับเสียลูกๆ ไป  ตัวเขาเต็มไปด้วยแผลเปื่อยและฝี ภรรยาโจมตีเขาและบอกให้เขาละทิ้งพระเจ้าและตาย แต่โยบไม่เคยพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระเจ้าหรือปฏิเสธพระองค์  โยบสรรเสริญพระองค์ด้วยซ้ำว่า “พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์” (โยบ 1:21)  โยบมีชัยเหนือการทดลองของซาตาน ผ่านความเชื่อในพระเจ้าและความยำเกรงพระองค์ของเขา  เป็นพยานที่ดังก้องให้แก่พระเจ้า เขาทำให้ซาตานอับอายและพ่ายแพ้  หลังจากฉันได้รับการปล่อยตัวจากคุก พรรคคอมมิวนิสต์ใช้ครอบครัวของฉันมาบีบให้ฉันเซ็นเอกสารประกาศเลิกเชื่อ  มันคือการทดลองและการโจมตีโดยซาตาน  ซาตานใช้ความรักต่อครอบครัว และความกังวลถึงอนาคตของน้องสาว เพื่อทำให้ฉันทรยศพระเจ้า  ถ้าฉันปกป้องครอบครัวและผลประโยชน์ทางเนื้อหนังโดยทรยศพระเจ้า ฉันจะไม่ตกเป็นเชลยของซาตานหรือ?  ฉันรู้ว่าต้องไม่หลงกลอุบายของซาตาน แต่ต้องทำตามตัวอย่างของโยบ ยืนหยัดเป็นพยานให้แก่พระเจ้าและทำให้ซาตานอับอาย

ต่อมา ฉันอ่านพระวจนะของพระเจ้าอีกบทตอนหนึ่งที่ว่า “ไม่ว่าซาตานจะ ‘ทรงพลัง’ เพียงใด ไม่ว่ามันจะฮึกเหิมหรือทะเยอทะยานเพียงใด ไม่ว่าความสามารถของมันในการก่อความเสียหายจะมีมากเพียงใด ไม่ว่ากลเม็ดที่มันใช้ยั่วยวนและทำให้มนุษย์เสื่อมทรามจะมีขอบเขตกว้างขวางเพียงใด ไม่ว่าเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายที่มันใช้ข่มขวัญมนุษย์จะฉลาดแยบยลเพียงใด ไม่ว่ารูปสัณฐานที่มันใช้ในการดำรงอยู่จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้สักสิ่งเดียว ไม่เคยสามารถกำหนดธรรมบัญญัติหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับการดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง และไม่เคยสามารถปกครองและควบคุมวัตถุใดๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต  ทั่วทั้งจักรวาลและพื้นฟ้านั้นไม่มีบุคคลหรือวัตถุใดที่กำเนิดจากมัน หรือดำรงอยู่เพราะมัน ไม่มีบุคคลใดหรือวัตถุใดที่อยู่ใต้ปกครองของมัน หรือในการควบคุมของมัน  ในทางตรงกันข้าม มันไม่เพียงต้องดำรงชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันยังต้องนบนอบคำสั่งและพระบัญชาทั้งหมดของพระเจ้าอีกด้วย  หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า ก็เป็นการยากที่ซาตานจะแตะต้องแม้น้ำสักหยดหรือทรายสักเม็ดบนแผ่นดินได้  หากไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า ซาตานก็ไม่มีอิสระที่จะเคลื่อนย้ายฝูงมดไปมาบนแผ่นดินด้วยซ้ำ ไม่พักต้องพูดถึงมวลมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา  ในสายพระเนตรของพระเจ้า ซาตานด้อยค่ากว่าดอกลิลลี่บนภูเขา นกที่บินอยู่ในอากาศ ปลาในทะเล และหนอนแมลงบนแผ่นดินโลก  บทบาทของมันท่ามกลางสรรพสิ่งก็คือการรับใช้ทุกสิ่ง รับใช้มวลมนุษย์ และรับใช้พระราชกิจของพระเจ้าและแผนการบริหารจัดการของพระองค์  ไม่ว่าธรรมชาติของมันจะมุ่งร้ายเพียงใด และไม่ว่าแก่นแท้ของมันจะชั่วเพียงใด สิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้คือทำงานของมันไปตามหน้าที่ นั่นคือ การปรนนิบัติพระเจ้า และการเป็นความต่างขั้วให้พระเจ้า  เช่นนั้นเองที่เป็นธาตุแท้และตำแหน่งของซาตาน  แก่นแท้ของมันไม่ได้เชื่อมโยงกับชีวิต ไม่ได้เชื่อมโยงกับฤทธานุภาพ ไม่ได้เชื่อมโยงกับสิทธิอำนาจ มันเป็นเพียงของเล่นในพระหัตถ์ของพระเจ้า แค่เครื่องจักรที่รับใช้พระเจ้าเท่านั้น!(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1)  การอ่านพระวจนะบทตอนนี้ทำให้ฉันเกิดความเข้าใจลึกซึ้งในสิทธิอำนาจและอธิปไตยของพระเจ้า  ไม่ว่าซาตานจะป่าเถื่อนขนาดไหน มันก็เป็นแค่เบี้ยในพระหัตถ์ของพระเจ้า เป็นเครื่องมือรับใช้พระองค์  พอคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ถูกจับและถูกทรมานในเงื้อมมือของพรรคคอมมิวนิสต์  ตอนที่เนื้อหนังของฉันอ่อนแอ พระวจนะของพระเจ้าได้เพิ่มความเชื่อให้ฉัน และนำฉันผ่านความยากลำบากแต่ละครั้ง  หลังฉันได้รับการปล่อยตัวจากคุก พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยังจับตาดูฉันต่อ และครอบครัวฉันที่เชื่อคำโกหกของพวกนั้นก็คอยจับตาดูฉันและขัดขวางความเชื่อของฉันด้วย  แต่ฉันก็มาเข้าใจความจริงบางส่วนผ่านการนำจากพระวจนะของพระเจ้า มีชัยเหนือการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า และความมุ่งมั่นที่จะติดตามพระเจ้าก็แกร่งขึ้น  ผ่านทั้งหมดนั้น ฉันเห็นว่าซาตานเป็นแค่เครื่องมือให้พระเจ้าทรงทำให้ประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรรเพียบพร้อม ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัว  พระเจ้าทรงปกครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงกำกับดูแลโชคชะตาของทุกคน  ความเป็นความตายของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า  น้องสาวของฉันจะหางานได้หรือไม่ เธอจะมีอนาคตแบบไหน สิ่งเหล่านี้พระเจ้าทรงกำหนด  พรรคคอมมิวนิสต์ควบคุมชะตากรรมของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะควบคุมความเป็นความตายของฉัน และอนาคตของน้องสาวฉันได้อย่างไร?  ต่อให้วันหนึ่งฉันจะถูกตำรวจจับและถูกทรมานอีก นั่นก็เป็นเพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้มันเกิดขึ้น  ฉันจะต้องพึ่งพาพระเจ้าและยืนหยัดเป็นพยาน  ถ้าฉันทะนุถนอมชีวิตตัวเอง วิตกกังวลถึงประโยชน์ของครอบครัว และเซ็นเอกสารทรยศพระเจ้า นั่นจะเป็นเครื่องหมายแห่งความอับอาย  ต่อให้มีชีวิตก็จะเป็นแค่ศพเดินได้  เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันก็ทำให้ตัวเองเข้มแข็งเพื่อต้านทานการทดลองและการโจมตีใดๆ จากซาตาน และตั้งมั่นในคำพยานให้ซาตานอับอาย!

พอกลับถึงบ้านคืนนั้น พี่สาวก็ตะคอกใส่ฉันว่า “คณะกรรมการกิจการการเมืองและกฎหมายให้เวลาเธอสามวัน  พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย จะเซ็นเอกสารนั่นหรือไม่เซ็น?  แม่กับพ่อแก่แล้วนะ พวกท่านเป็นห่วงเธอตลอดเวลา  แทบไม่กินไม่นอนเลยตลอดสามปีที่เธออยู่ในคุก!  ตอนนี้เธอออกมาแล้ว แต่พวกท่านก็ยังเป็นห่วงอยู่ไม่หาย  จะทำให้พวกท่านผิดหวังแบบนี้หรือ?  เธอมีมโนธรรมบ้างหรือเปล่า?  แค่เซ็นเอกสารนั่นมันจะตายหรือไง?”  ฉันตระหนักว่านี่คือการที่ซาตานโจมตีฉันผ่านทางครอบครัวอีกครั้ง  ฉันคิดถึงพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “เจ้าต้องมีความกล้าหาญของเราภายในตัวเจ้า และเจ้าต้องมีหลักการยามที่เจ้าเผชิญหน้ากับบรรดาญาติที่ไม่เชื่อ  อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่เรา เจ้าต้องไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืดใดๆ เช่นกัน  จงวางใจในสติปัญญาของเราที่จะเดินไปตามหนทางที่เพียบพร้อม จงอย่ายอมให้แผนประทุษกรรมใดๆ ของซาตานเริ่มมีผล  จงใช้ความพยายามทั้งหมดของเจ้าไปในการวางหัวใจของเจ้าต่อหน้าเรา และเราจะปลอบประโลมเจ้า และนำสันติและความสุขมาให้เจ้า  จงอย่ากระเสือกกระสนเพื่อจะเป็นหนทางใดหนทางหนึ่งเบื้องหน้าคนอื่น การทำให้เราพึงพอใจไม่มีคุณค่าและน้ำหนักมากกว่าหรอกหรือ?  ในการทำให้เราพึงพอใจนั้น เจ้าจะไม่เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นด้วยสันติสุขและความสุขนิรันดร์และตราบชั่วชีวิตหรอกหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 10)  พระวจนะของพระเจ้าให้กำลังแก่ฉัน  การเชื่อในพระเจ้าคือเส้นทางที่ถูกต้อง และไม่ว่าอย่างไรฉันก็ต้องรักษาความเชื่อในพระองค์และติดตามพระองค์ พรรคคอมมิวนิสต์กดดันและนำให้ครอบครัวของฉันหลงผิดในการกันฉันจากความเชื่อ  นี่แสดงให้ฉันเห็นชัดยิ่งขึ้นไปอีกถึงแก่นแท้เยี่ยงปีศาจที่เกลียดความจริงและเป็นศัตรูกับพระเจ้าของพรรคคอมมิวนิสต์  ฉันดูหมิ่นและปฏิเสธมันจากหัวใจ  ถึงแม้ครอบครัวจะไม่เข้าใจหรือสนับสนุน ฉันก็ต้องยืนหยัดเป็นพยานให้ซาตานอับอาย  เมื่อคิดแบบนี้ ฉันบอกพี่สาวว่า “แม่กับพ่อกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงตลอดเวลา  ทั้งหมดคือความผิดของพรรคไม่ใช่หรือ?  การเชื่อในพระเจ้า เป็นคนดี และเดินตามเส้นทางที่ถูกสิถึงจะถูกต้องและเป็นธรรมชาติ  แต่พรรคไม่ใช่แค่จับฉัน พวกเขาไม่เหลือทางออกให้กับพวกเราอีกด้วย พรรคคือตัวการ!”  ชั่วขณะนั้น พี่สาวคนโตโทรมาเรียกร้องคำตอบว่า “พรุ่งนี้จะไปเซ็นเอกสารหรือไม่เซ็น?  มีทางเลือกแค่สองทางนะ เซ็นเอกสารสัญญาว่าเธอไม่เชื่อในพระเจ้าและไปทำงานต่อ หาเงิน และใช้ชีวิตดีๆ หรือไม่เซ็น แล้วก็รอถูกจับยัดเข้าคุกได้เลย!”  ฉันตอบอย่างหนักแน่นว่า “ต่อให้ต้องกลับเข้าคุก ฉันก็จะไม่เซ็นเอกสารนั้น!”  พี่ตัดสายฉันไปด้วยความโมโห และพี่สาวอีกคนก็เมินฉัน

ต่อมา ฉันก็ออกจากเมืองเพื่อทำหน้าที่  เมื่อไรก็ตามที่ฉันคิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ทั้งหมด ฉันก็รู้สึกแน่วแน่ในหัวใจ  รู้สึกเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ฉันเคยตัดสินใจ และฉันจะไม่มีวันเสียใจ

ก่อนหน้า: 38. การเผชิญกับการเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของลูกชาย

ถัดไป: 40. ผลของการไม่เพียรพยายามในหน้าที่ของฉัน

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

31. ยึดมั่นในหน้าที่ของฉัน

โดย หย่างมู่ ประเทศเกาหลีใต้ฉันเคยรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นพี่น้องชายหญิงแสดง ร้องเพลง และเต้นรำในการสรรเสริญพระเจ้า...

26. เปิดประตูสู่หัวใจของฉันและต้อนรับการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

โดยหยงหย่วน สหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1982 ครอบครัวของเราอพยพไปยังประเทศสหรัฐอเมริกากันทั้งครอบครัว...

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger