6. ฉันเชื่อว่า มีพระเจ้าอยู่ แต่ฉันยังอายุน้อย ฉันจำเป็นต้องทำงานเพื่อครอบครัวและอาชีพการงานของฉัน และยังมีอีกมากนักที่ฉันต้องการทำ ฉันจะยังคงได้รับการช่วยให้รอดหรือไม่ หากฉันรอจนกระทั่งฉันแก่ชราและมีเวลาที่จะเชื่อในพระเจ้า?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง
“เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของหมดทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา?” (มัทธิว 16:26)
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
บัดนี้เป็นเวลาที่วิญญาณของเราจะได้ปฏิบัติงานอันยิ่งใหญ่ และเป็นเวลาที่เราจะได้เริ่มต้นงานของเราท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย ที่มากไปกว่านั้น นี่เป็นเวลาที่เราจะได้จำแนกแยกแยะสรรพสิ่งสร้างทั้งปวง วางแต่ละสิ่งให้อยู่ในหมวดหมู่ที่สอดคล้องกัน เพื่อที่งานของเราจะได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราขอจากพวกเจ้าก็ยังคงเป็นว่า ให้เจ้ามอบถวายการดำรงอยู่ทั้งหมดของเจ้าให้แก่งานทั้งปวงของเรา และยิ่งไปกว่านั้น ให้เจ้าหยั่งรู้และมั่นใจในงานทั้งหมดที่เราได้ทำในตัวเจ้าให้ชัดเจน และวางกำลังทั้งหมดของเจ้าในงานของเราเพื่อที่งานนั้นจะได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องเข้าใจ จงหยุดจากการต่อสู้กันท่ามกลางตัวพวกเจ้าเอง การมองหาหนทางกลับหลัง หรือการแสวงหาความชูใจฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งจะทำให้งานของเราล่าช้าออกไป และทำให้อนาคตที่วิเศษสุดของเจ้าล่าช้าออกไป แทนที่จะปกป้องเจ้า การทำเช่นนั้นจะนำการทำลายล้างมาสู่เจ้า นี่จะไม่ใช่ความโง่เขลาของเจ้าดอกหรือ? สิ่งซึ่งเจ้าชื่นชมอย่างละโมบในวันนี้คือสิ่งที่กำลังทำลายอนาคตของเจ้า ในขณะที่ความเจ็บปวดที่เจ้าทนทุกข์ในวันนี้คือสิ่งที่กำลังปกป้องเจ้า เจ้าจะต้องตระหนักรู้สิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการทดลองทั้งหลายซึ่งเจ้าจะออกแรงอย่างมากเพื่อสลัดตัวเจ้าเองให้หลุดพ้น และเพื่อเลี่ยงหนีการเดินหลงเข้าไปในหมอกหนาและการที่ไม่สามารถพบแสงอาทิตย์ได้ เมื่อหมอกหนาจางหายไป เจ้าจะพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางการพิพากษาของวันที่ใหญ่ยิ่ง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐคืองานแห่งการช่วยมนุษย์ให้รอดด้วยเช่นกัน
พวกที่ใช้ชีวิตนอกวจนะของเรา หลบหนีความทุกข์แห่งการทดสอบ พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่กำลังล่องลอยผ่านโลกหรอกหรือ? พวกเขาเป็นเหมือนกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงที่ปลิวสะบัดตรงนั้นตรงนี้ โดยไม่มีที่ให้หยุดพัก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้อยคำปลอบประโลมของเรา แม้ว่าการตีสอนและกระบวนการถลุงของเราจะไม่ติดตามพวกเขาไป พวกเขาไม่ใช่บรรดาขอทานที่เร่ร่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เตร็ดเตร่บนท้องถนนนอกราชอาณาจักรแห่งสวรรค์หรอกหรือ? โลกคือที่หยุดพักของเจ้าจริงๆ หรือ? โดยการหลีกเลี่ยงการตีสอนของเรา เจ้าสามารถบรรลุรอยยิ้มบางที่สุด ซึ่งแสดงความปลาบปลื้มจากโลกได้จริงๆ หรือ? เจ้าสามารถใช้ความชื่นชมยินดีชั่วขณะเดียวของเจ้าเพื่อปกปิดความว่างเปล่าในหัวใจของเจ้า ความว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ ได้จริงๆ หรือ? เจ้าอาจมีความสามารถหลอกทุกคนในครอบครัวของเจ้าได้ แต่เจ้าไม่มีวันสามารถหลอกเราได้ เพราะความเชื่อของเจ้านั้นมีน้อยเกินไป จนถึงทุกวันนี้ เจ้าจึงยังคงไร้พลังอำนาจที่จะค้นพบความปีติยินดีใดๆ ที่ชีวิตมีให้ เราเร่งเร้าเจ้า กล่าวคือ การใช้ครึ่งชีวิตของเจ้าอย่างจริงใจเพื่อเห็นแก่เราดีกว่าการใช้ทั้งชีวิตของเจ้าในเรื่องธรรมดาสามัญและงานที่ทำให้ยุ่งและไม่มีประโยชน์สำหรับเนื้อหนัง สู้ทนความทุกข์ทั้งมวลที่มนุษย์คนหนึ่งแทบจะไม่สามารถทนได้ การหวงแหนความล้ำค่าของตัวเจ้าเองมากมายยิ่งนักและหลบหนีจากการตีสอนของเราเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดเล่า? การซ่อนตัวเจ้าเองจากการตีสอนชั่วขณะของเราเพียงเพื่อเก็บเกี่ยวความน่าตะขิดตะขวงใจชั่วนิรันดร์ การตีสอนชั่วนิรันดร์ เป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดเล่า? โดยข้อเท็จจริงแล้ว เราไม่บิดงอผู้ใดต่อเจตจำนงของเรา หากใครบางคนเต็มใจที่จะนบนอบต่อแผนการของเราทั้งหมดอย่างแท้จริง เราก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอ่อนด้อย แต่เราพึงประสงค์ให้ผู้คนทั้งหมดเชื่อในเรา ดั่งเช่นที่โยบได้เชื่อในเรา พระยาห์เวห์ หากความเชื่อของพวกเจ้าเกินกว่าความเชื่อของโธมัส เช่นนั้นแล้วความเชื่อของพวกเจ้าก็จะบรรลุคำชมเชยจากเรา ในความจงรักภักดีของพวกเจ้านั้นเจ้าจะพบความสุขอันล้นพ้นของเรา และเจ้าจะพบสง่าราศีของเราในวันต่างๆ
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การเป็นมนุษย์ที่แท้จริงหมายถึงอะไร
จงตื่นเถิด พี่ชายน้องชายทั้งหลาย! จงตื่นเถิด พี่สาวน้องสาวทั้งหลาย! วันของเราจะไม่ถูกทำให้ล่าช้า เวลาคือชีวิต และการยึดเวลากลับมาก็คือการช่วยชีวิตให้รอด! เวลาอยู่ไม่ไกลแล้ว! หากพวกเจ้าล้มเหลวในการสอบเข้าวิทยาลัย พวกเจ้าสามารถเรียนและสอบซ้ำได้หลายครั้งตามที่เจ้าเห็นชอบ อย่างไรก็ดี วันของเราจะไม่ทนกับความล่าช้าอีกต่อไป จงจำไว้! จงจำไว้! เรารบเร้าเจ้าด้วยวจนะดีๆ เหล่านี้ บทอวสานของโลกเปิดเผยคลี่คลายออกมาต่อหน้าต่อตาของพวกเจ้า และความวิบัติอันใหญ่หลวงก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว สิ่งใดสำคัญกว่า: ชีวิตของพวกเจ้า หรือการนอนหลับของพวกเจ้า อาหารและเครื่องดื่มและเสื้อผ้าของพวกเจ้า? ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องชั่งน้ำหนักสิ่งเหล่านี้แล้ว จงอย่ากังขาอีกต่อไป และจงอย่าหลบเลี่ยงจากความแน่นอน!
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก! ช่างต่ำต้อยยิ่งนัก! ช่างมืดบอดยิ่งนัก! มวลมนุษย์ช่างโหดร้ายยิ่งนัก! พวกเจ้าทำหูทวนลมต่อวจนะของเราโดยแท้—นี่เราพูดกับพวกเจ้าโดยสูญเปล่าหรือ? พวกเจ้ายังคงเลินเล่อเหลือเกิน—เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? พวกเจ้าไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นเลยจริงๆ หรือ? เราพูดสิ่งเหล่านี้เพื่อใครเล่า? จงเชื่อในเรา! เราคือพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเจ้า! เราคือองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพวกเจ้า! จงคอยดู! จงคอยดู! เวลาที่เสียไปจะไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง—จงจำการนี้ไว้! ไม่มีเวชกรรมใดในโลกที่จะรักษาความเสียดายได้! ดังนั้น เราควรพูดกับพวกเจ้าอย่างไร? วจนะของเราไม่คู่ควรต่อการพิจารณาซ้ำๆ อย่างใส่ใจของพวกเจ้าหรอกหรือ? พวกเจ้าช่างไม่เอาใจใส่ต่อวจนะของเรา และขาดความรับผิดชอบต่อชีวิตพวกเจ้าเหลือเกิน เราจะทนการนั้นได้อย่างไร? เราจะทนได้อย่างไร?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 30
ช่วงระหว่างกระบวนการของการศึกษาหาความรู้ของมนุษย์ ซาตานใช้วิธีการทุกลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง การให้ความรู้เพียงแค่บางส่วนแก่พวกเขา หรือการเปิดโอกาสให้พวกเขาตอบสนองความอยากได้อยากมีหรือความมักใหญ่ใฝ่สูงมักใหญ่ใฝ่สูงของพวกเขา ซาตานต้องการนำทางเจ้าล่องไปตามถนนใดกัน? ผู้คนคิดว่าการศึกษาหาความรู้นั้นไม่มีอะไรผิด ว่ามันเป็นธรรมชาติโดยทั้งหมดทั้งสิ้น หากจะพูดในแบบที่ฟังดูแล้วน่าสนใจ การหล่อเลี้ยงอุดมคติอันสูงส่งหรือการมีความมักใหญ่ใฝ่สูงก็คือการมีแรงขับเคลื่อน และนี่ควรจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต นั่นไม่ใช่หนทางอันรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าสำหรับการดำรงชีวิตของผู้คนหรอกหรือ หากพวกเขาสามารถตระหนักถึงอุดมคติของพวกเขาเอง หรือตั้งหลักในอาชีพการงานได้อย่างประสบความสำเร็จ? โดยการทำสิ่งเหล่านี้ คนเราไม่เพียงแค่สามารถให้เกียรติแก่บรรพบุรุษของตนได้เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะทิ้งรอยประทับของตนไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน—นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอกหรือ? นี่เป็นสิ่งที่ดีในสายตาของผู้คนทางโลก และสำหรับพวกเขามันควรเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมและเป็นด้านบวก อย่างไรก็ดี ซาตานพาผู้คนไปตามถนนแบบนี้ด้วยสิ่งจูงใจอันส่อแววร้ายของมัน และทั้งหมดรวมแล้วก็มีเท่านั้นใช่หรือไม่? แน่นอนว่าไม่ใช่ ในข้อเท็จจริงนั้น ไม่สำคัญว่าอุดมคติของมนุษย์จะสูงส่งเพียงใด ไม่สำคัญว่าความอยากได้อยากมีของมนุษย์จะสอดคล้องกับความเป็นจริงเพียงใด หรือสิ่งเหล่านั้นจะถูกต้องเหมาะสมเพียงใด ทั้งหมดที่มนุษย์ต้องการจะสัมฤทธิ์ผล ทั้งหมดที่มนุษย์แสวงหา เชื่อมโยงกับคำสองคำอย่างแยกกันไม่ออก คำสองคำนี้สำคัญยิ่งชีพต่อชีวิตของทุกคน และคำสองคำนี้เป็นสิ่งที่ซาตานตั้งใจที่จะปลูกฝังในมนุษย์ คำสองคำนี้คืออะไรนะหรือ? คำสองคำนี้ก็คือ “ชื่อเสียง” และ “ผลตอบแทน” ซาตานใช้วิธีการชนิดที่แยบยลมาก วิธีการซึ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับมโนคติที่หลงผิดของผู้คน ซึ่งไม่แตกต่างกันทางความคิดเลยแม้แต่น้อย มันอาศัยวิธีการนี้ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกตัวยอมรับหนทางแห่งการดำรงชีวิตของมัน กฎเกณฑ์ของมันที่ใช้ในการดำรงชีวิต และทำให้ผู้คนตั้งเป้าหมายในชีวิตและทิศทางในชีวิตของพวกเขา และในการทำเช่นนั้นพวกเขายังมามีความมักใหญ่ใฝ่สูงในชีวิตโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ไม่สำคัญว่าความมักใหญ่ใฝ่สูงในชีวิตเหล่านี้อาจดูโอ่อ่าผ่าเผยเพียงใด มันถูกเชื่อมโยงกับ “ชื่อเสียง” และ “ผลตอบแทน” อย่างแยกกันไม่ออก ทุกสิ่งทุกอย่างที่บุคคลที่ยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงคนใดก็ตาม—ในข้อเท็จจริงนั้นก็คือผู้คนทั้งหมด—ดำเนินรอยตามในชีวิต มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสองคำนี้เท่านั้นคือ “ชื่อเสียง” และ “ผลตอบแทน” ผู้คนคิดว่าทันทีที่พวกเขามีชื่อเสียงและผลตอบแทน พวกเขาก็ย่อมสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์เพื่อให้ได้ชื่นชมสถานะอันสูงส่งและความมั่งคั่งอันใหญ่หลวง และเพื่อชื่นชมชีวิต พวกเขาคิดว่าชื่อเสียงและผลตอบแทนคือต้นทุนอย่างหนึ่งที่พวกเขาสามารถใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตแห่งการแสวงหาความยินดีและความชื่นชมยินดีแบบมัวเมาของเนื้อหนัง เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชื่อเสียงและผลตอบแทนซึ่งมวลมนุษย์ละโมบยิ่งนัก ผู้คนจึงมอบร่างกาย จิตใจของพวกเขา ทั้งหมดที่พวกเขามี อนาคตของพวกเขาและโชคชะตาของพวกเขาให้ซาตานอย่างเต็มใจ แม้ไม่รู้ตัวก็ตาม พวกเขาทำเช่นนั้นโดยที่ไม่มีความลังเลแม้แต่อึดใจ ไม่รู้เท่าทันอยู่ร่ำไปถึงความจำเป็นที่จะต้องเอาทั้งหมดที่พวกเขาได้มอบไปแล้วกลับคืนมา ผู้คนสามารถรักษาการควบคุมตัวเองได้หรือไม่ในเมื่อพวกเขาได้หลบภัยอยู่ในซาตานในลักษณะนี้และกลายเป็นจงรักภักดีต่อมันแล้ว? แน่นอนว่าไม่ พวกเขาถูกซาตานควบคุมอย่างสมบูรณ์และอย่างถึงที่สุด พวกเขาได้จมดิ่งลงในปลักตมอย่างสมบูรณ์และอย่างถึงที่สุด และไร้ความสามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระได้ เมื่อใครสักคนจมปลักอยู่ในชื่อเสียงและผลตอบแทน พวกเขาจะไม่แสวงหาสิ่งที่สดใส สิ่งที่ชอบธรรม หรือบรรดาสิ่งที่สวยงามและดีงามอีกต่อไป นี่เป็นเพราะพลังยั่วยวนที่ชื่อเสียงและผลตอบแทนมีอยู่เหนือผู้คนนั้นมากเกินไป พวกมันกลายเป็นสิ่งสำหรับให้ผู้คนไล่ตามเสาะหาชั่วชีวิตของพวกเขาและกระทั่งชั่วนิรันดร์โดยไม่มีที่สิ้นสุด นี่ไม่จริงหรือไร?
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6
ซาตานใช้ชื่อเสียงและผลตอบแทนควบคุมความคิดของมนุษย์ จนกระทั่งทั้งหมดที่ผู้คนสามารถนึกถึงได้ก็คือชื่อเสียงและผลตอบแทน พวกเขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน ทนทุกข์จากความยากลำบากทั้งหลายเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน สู้ทนความอัปยศอดสูเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน พลีอุทิศทุกสิ่งที่พวกเขามีเพื่อชื่อเสียงและผลตอบแทน และพวกเขาจะทำการพิพากษาหรือการตัดสินใจอันใดก็เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชื่อเสียงและผลตอบแทน ซาตานผูกมัดผู้คนเข้ากับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นก็ด้วยวิธีนี้ และพวกเขาก็ไม่มีทั้งความเข้มแข็งและความกล้าที่จะขว้างโซ่ตรวนออกไป พวกเขาแบกโซ่ตรวนเหล่านี้ไว้โดยที่ไม่รู้ตัว และเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความลำบากยากเย็นอันใหญ่หลวง เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชื่อเสียงและผลตอบแทนนี้ มนุษย์หลบเลี่ยงพระเจ้าและทรยศพระองค์และกลายเป็นเลวยิ่งขึ้นทุกที ดังนั้น คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าจึงถูกทำลายในท่ามกลางชื่อเสียงและผลตอบแทนของซาตานด้วยวิธีนี้นี่เอง
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 6
พระเจ้าทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่ถวิลหาให้พระองค์ทรงปรากฏ พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่สามารถได้ยินพระวจนะของพระองค์ ผู้ที่ยังไม่ลืมพระบัญชาของพระองค์ และมอบถวายหัวใจและร่างกายของพวกเขาแด่พระองค์ พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่เชื่อฟังดุจทารกทั้งหลายเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และไม่ต่อต้านพระองค์ หากเจ้ายอมอุทิศตัวเจ้าให้กับพระเจ้าโดยไม่ถูกยับยั้งจากพลังอำนาจหรือกำลังบังคับใดๆ พระเจ้าก็จะทรงมองดูพวกเจ้าด้วยความโปรดปราน และจะประทานพรของพระองค์ให้กับเจ้า หากเจ้าอยู่ในสถานะอันสูงส่ง มีภาพลักษณ์อันทรงเกียรติ ครองความรู้อันอุดม เป็นเจ้าของสินทรัพย์ล้นเหลือและได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมาย กระนั้น สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ป้องกันเจ้าจากการมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อยอมรับการทรงเรียกของพระองค์และยอมรับพระบัญชาของพระองค์ และทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงขอให้เจ้าทำ เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งที่เจ้าทำก็จะเป็นมูลเหตุอันเปี่ยมความหมายที่สุดบนแผ่นดินโลก และเป็นหน้าที่รับผิดชอบอันชอบธรรมที่สุดของมวลมนุษย์ หากเจ้าปฏิเสธการทรงเรียกของพระเจ้าเพื่อประโยชน์ของสถานภาพและเป้าหมายของตัวเจ้าเอง ทั้งหมดที่เจ้าทำก็จะถูกสาปแช่ง และอาจถึงขั้นถูกดูหมิ่นโดยพระเจ้า บางที เจ้าอาจเป็นประธานาธิบดี นักวิทยาศาสตร์ ศิษยาภิบาล หรือผู้สูงอายุคนหนึ่ง แต่ไม่สำคัญว่าอำนาจในตำแหน่งของเจ้าจะสูงส่งเพียงใด หากเจ้าพึ่งพาความรู้ของเจ้าและความสามารถในหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ของเจ้า เมื่อนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้ที่ล้มเหลวเสมอ และจะสูญสิ้นพรจากพระเจ้าเสมอ เพราะพระเจ้าไม่ทรงยอมรับสิ่งใดทั้งสิ้นที่เจ้าทำ และพระองค์ไม่ทรงยอมรับว่าหน้าที่รับผิดชอบของเจ้าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม หรือยอมรับว่า เจ้ากำลังทำงานเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ พระองค์จะตรัสว่า ทุกสิ่งที่เจ้าทำนั้นทำไปเพื่อใช้ความรู้และความแข็งแกร่งของมวลมนุษย์เพื่อผลักไสการทรงอารักขาของพระเจ้าไปจากมนุษย์ และว่านั่นทำไปเพื่อที่จะปฏิเสธพรของพระเจ้า พระองค์จะตรัสว่า เจ้ากำลังนำทางมวลมนุษย์ไปสู่ความมืดมิด ไปสู่ความตาย และไปสู่จุดเริ่มต้นของการดำรงอยู่อย่างปราศจากขีดจำกัด ในจุดที่มนุษย์ได้สูญเสียพระเจ้าและพรของพระองค์ไปแล้ว
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง
พระเจ้าทรงกำสรดต่ออนาคตของมวลมนุษย์ พระองค์ตรมพระทัยกับการตกต่ำของมวลมนุษย์ และทรงเจ็บปวดที่มวลมนุษย์กำลังเดินตบเท้าทีละก้าวเข้าหาความเสื่อมสลายและเส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน มีใครเคยคิดหรือไม่ว่า มวลมนุษย์เช่นนี้ที่ได้ทำร้ายพระทัยของพระเจ้าและประกาศตัดสัมพันธ์กับพระองค์เพื่อแสวงหามารร้าย อาจมุ่งหน้าไปในทิศทางใด? ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำไมจึงไม่มีใครสำนึกถึงพระพิโรธของพระเจ้า ทำไมจึงไม่มีใครแสวงหาหนทางที่จะทำให้พระเจ้าทรงยินดี หรือพยายามเข้าใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น และที่มากยิ่งกว่านั้นคือ ทำไมจึงไม่มีใครพยายามจับใจความในความตรมพระทัยและความเจ็บปวดของพระเจ้า แม้กระทั่งหลังจากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า มนุษย์ก็ยังคงเดินไปบนเส้นทางของตนต่อไป ยืนกรานในการหันเหไปจากพระเจ้า เลี่ยงหนีพระคุณและการดูแลของพระเจ้า และหลบเลี่ยงความจริงของพระองค์ เลือกชอบที่จะขายตนเองให้กับซาตาน—ศัตรูของพระเจ้า—มากกว่า และมีใครหรือไม่ที่เคยคิดว่า หากมนุษย์ยังยืนกรานในความดื้อดึงต่อไป พระเจ้าจะทรงทำอย่างไรกับมนุษยชาติพวกนี้ที่ผลักไสพระองค์ออกห่างอย่างไร้เยื่อใย? ไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลที่พระเจ้าทรงเตือนความจำและเคี่ยวเข็ญซ้ำๆ นั่นก็เป็นเพราะ ในพระหัตถ์ของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงตระเตรียมหายนะอย่างหนึ่งซึ่งไม่เคยมีอันใดเสมอเหมือนมาก่อนเอาไว้แล้ว เป็นหายนะที่เนื้อหนังและจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นมิอาจจะทนรับได้เลย หายนะนี้ไม่ใช่แค่การลงโทษต่อเนื้อหนัง แต่ต่อดวงจิตด้วยเช่นกัน เจ้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ว่า เมื่อแผนการของพระเจ้าเป็นอันล้มเหลวไป และเมื่อคำเตือนความจำและการเคี่ยวเข็ญของพระองค์ไม่ได้รับการตอบแทน พระโทสะแบบใดเล่าที่พระองค์จะทรงปลดปล่อยออกมา? มันจะไม่เหมือนกับสิ่งใดเลยที่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างใดได้เคยผ่านประสบการณ์หรือได้ยินมาก่อน เราจึงจะกล่าวว่า หายนะนี้ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีซ้ำอีก เพราะว่าแผนการของพระเจ้านั้นก็คือ การสร้างมวลมนุษย์เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น และช่วยมวลมนุษย์ให้รอดเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครสามารถจับใจความเจตนารมณ์อันอุตสาหะและความมุ่งหวังอันแรงกล้าที่พระเจ้าจะทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอดในครั้งนี้ได้เลย
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์