บทที่ 37

ตลอดยุคต่างๆ และในทุกงานที่เราได้ทำไป ทุกช่วงระยะของงานล้วนเกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานอันถูกต้องเหมาะสมของเรา  ด้วยเหตุนี้ ประชากรอันเป็นที่รักของเราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นทุกที และเหมาะสมสำหรับการใช้งานของเรายิ่งขึ้นทุกที  อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น “สิ่งที่น่าเสียดาย” ก็คือว่า เมื่อวิธีการทำงานของเรามีมากขึ้น  จำนวนประชากรกลับลดลง และนี่เป็นเหตุให้พวกเขาจมสู่การใคร่ครวญลึกซึ้ง  แน่นอนว่างานนี้ของวันนี้ก็ยังคงไม่เป็นข้อยกเว้น และผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังจมจ่อมอยู่ในการใคร่ครวญอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในวิธีการทั้งหลายของเรา จึงยังคงมีบางคนที่จำต้องถอนตัวไป  อาจอธิบายได้อย่างนี้ว่า นี่เป็นบางสิ่งที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้า ทว่ามิใช่บางสิ่งที่เราได้กระทำ  นับตั้งแต่การสร้างโลก ผู้คนมากมายเหลือเกินตกต่ำลง และผู้คนมากมายเหลือเกินสูญเสียหนทางของตนไป อันเป็นผลจากวิธีการแห่งงานของเรา  อย่างไรก็ตาม เรามิได้ใส่ใจในสิ่งที่ผู้คนกระทำ—ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าเราไม่รักใคร่เอ็นดู หรือใจไม้ไส้ระกำเกินไป—ไม่ว่าความเข้าใจของพวกเขานั้นจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม เราก็หลีกเลี่ยงที่จะให้คำอธิบาย  ก่อนอื่นพวกเรามาสามัคคีธรรมเกี่ยวกับประเด็นหลักของการเสวนานี้กันเสียก่อน เพื่อที่ทุกคนอาจได้รับความเข้าใจอย่างละเอียดถ้วนทั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาข้องใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงทนทุกข์  เราจะไม่บีบให้ผู้คนทนทุกข์ในความเงียบงันเหมือนคนใบ้ แต่ในทางกลับกัน เราจะบรรยายทุกสิ่งอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้พวกเขาบ่นว่าเรา  แล้ววันหนึ่ง เราจะทำให้ทุกคนเปล่งถ้อยคำสรรเสริญอันจริงใจ แม้ในท่ามกลางการตีสอนพวกเขา  เจ้าเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่?  นั่นตรงกับข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของผู้คนหรือไม่?

ในการเกริ่นนำไปสู่ยุคสมัยแห่งการตีสอน ก่อนอื่นเราจะบอกผู้คนถึงความหมายทั่วไปเบื้องหลัง “ยุคสมัย” นี้ เพื่อให้พวกเขาไม่ล่วงเกินเรา  กล่าวคือ เราจะจัดการเตรียมการต่างๆ เพื่องานของเรา ซึ่งจะไม่มีผู้ใดมาเปลี่ยนแปลง และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดก็ตามที่มาปรับเปลี่ยนการจัดการเตรียมการเหล่านี้ลอยนวลอย่างแน่นอน เราจะกล่าวโทษพวกเขา  เจ้าจะจดจำสิ่งนั้นไว้หรือไม่?  ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็น “การให้วัคซีน”  ในวิธีการใหม่ๆ เหล่านี้ ผู้คนทั้งหมดต้องจับใจความก่อนว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดที่ต้องสัมฤทธิ์เป็นอันดับแรกก็คือการได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะอันจริงแท้ของตัวพวกเขาเอง  ก่อนที่จะได้รับความเข้าใจบางประการเกี่ยวกับตนเอง ไม่มีใครจะได้รับอนุญาตให้พูดจาอย่างขาดความระมัดระวังในคริสตจักร และแน่นอนว่าเราจะตีสอนใครก็ตามที่ละเมิดกฎเกณฑ์นี้  นับจากวันนี้เป็นต้นไป  อัครทูตทุกคนจะได้รับการลงชื่อไว้ตามคริสตจักรต่างๆ และห้ามมิให้ย้ายไปที่นั่นที่นี่ตามอำเภอใจ—เพราะการย้ายไปมาเช่นนั้นย่อมเกิดดอกผลน้อย  พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนกำลังทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วง แต่อันที่จริงแล้วกลับกำลังหลอกลวงเรา  แม้จะเคยเกิดเรื่องเช่นนั้น แต่ทุกวันนี้ทั้งหมดก็เป็นอดีตไปแล้ว และต้องไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอีก  นับแต่นี้ต่อไป คำว่า “อัครทูต” จะถูกยกเลิก และไม่มีวันถูกนำมาใช้อีก เพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจลงจาก “ตำแหน่ง” ของพวกเขาและรู้จักตนเองเสียที  แน่นอนว่านี่เป็นไปเพื่อความรอดของพวกเขาเอง  “ตำแหน่ง” ไม่ใช่มงกุฎ แต่เป็นเพียงศัพท์ที่ใช้เรียกขาน  เจ้าเข้าใจความหมายของเราใช่หรือไม่?  บรรดาผู้ที่นำคริสตจักรจะยังคงใช้ชีวิตคริสตจักรภายในคริสตจักรของพวกเขาเอง แม้จะเป็นที่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่กฎเกณฑ์ตายตัว  เมื่อจำเป็น พวกเขาอาจไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรต่างๆ เพื่อประสานงานกับอดีตอัครทูตคนอื่น  สิ่งที่สำคัญยิ่งยวดก็คือการสามัคคีธรรมของคริสตจักรทั้งหลายต้องเพิ่มพูนขึ้น—เว้นเสียแต่ว่าสมาชิกของคริสตจักรเหล่านั้นไม่ได้ใช้ชีวิตคริสตจักรอย่างแท้จริงเลยแม้แต่คนเดียว  ถึงกระนั้นก็ตาม เราต้องเน้นย้ำว่าพวกเจ้าทั้งหมดต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการรู้จักตนเอง และในการกบฏต่อพญานาคใหญ่สีแดง  นี่คือเจตจำนงของเรา  ผู้คนจะพูดมากน้อยเท่าใดนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญยิ่งยวดที่สุดก็คือประชากรของเราทั้งหมดสามารถมารวมกันเป็นหนึ่ง เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะเป็นพยานได้อย่างแท้จริง  ในอดีตนั้น ผู้คนล้วนกล่าวว่าพวกเขาจะมารู้จักตัวพวกเขาเอง ทว่าแม้เราได้เปล่งถ้อยคำมานับไม่ถ้วน—พวกเจ้าเข้าใจตัวเองได้มากมายเพียงใดกัน?  ยิ่งตำแหน่งของคนเราสูงขึ้นเท่าใด คนเราก็ยิ่งวางตนเองลงยากขึ้นเท่านั้น ยิ่งความหวังของคนเราใหญ่หลวงขึ้นเท่าใด คนเราก็ย่อมทนทุกข์มากขึ้นเท่านั้นเมื่อถูกตีสอน  นี่คือการช่วยมนุษยชาติให้รอดของเรา  เจ้าเข้าใจหรือไม่?  อย่าเพียงแต่รับเอาสิ่งนี้ไว้เฉยๆ โดยไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน การทำเช่นนั้นตื้นเขินเกินไปและไร้ค่า  เจ้าเข้าใจความหมายแฝงในที่นี้หรือไม่?  หากสมาชิกของคริสตจักรสามารถเข้าใจตัวพวกเขาเองได้อย่างแท้จริงแล้วไซร้ นี่ย่อมจะแสดงให้เห็นว่าผู้คนหลากชนิดเหล่านั้นรักเราอย่างแท้จริง  กล่าวได้อีกอย่างว่าหากเจ้าไม่กินอาหารร่วมกับผู้คน เจ้าก็จะไม่เข้าใจความยากลำบากของพวกเขา  เจ้าตีความคำกล่าวนี้ว่าอย่างไรหรือ?  สุดท้ายแล้ว เราจะทำให้ผู้คนทั้งหมดรู้จักตัวพวกเขาเองในช่วงระหว่างเวลาแห่งการตีสอนพวกเขา และทำให้พวกเขาขับร้องและหัวเราะพลางรับการตีสอนไปด้วย  เจ้าจะมีความเชื่ออย่างแท้จริงเพื่อทำให้เราพึงพอใจหรือไม่?  ดังนั้นแล้ว พวกเจ้าควรทำสิ่งใดในการฝึกฝนปฏิบัติของพวกเจ้า?  นับแต่นี้ไป กิจธุระทั้งหลายของคริสตจักรแต่ละแห่งจะได้รับการจัดการโดยบุคคลที่เหมาะสมในคริสตจักรนั้น และอัครทูตทั้งหลายจะเพียงแต่ใช้ชีวิตคริสตจักรเท่านั้น นี่เรียกว่า “การผ่านประสบการณ์กับชีวิต”  พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?

ก่อนที่การตีสอนจะมาถึงมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ เราจะทำ “งานแห่งการต้อนรับ” กับผู้คนก่อน เพื่อที่ว่าในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทุกคนอาจทำให้เราพึงพอใจ  แม้แต่พวกที่กำลังจะถอนตัว พวกเขาก็ต้องทนทุกข์และเป็นคำพยานให้แล้วเสร็จก่อนที่จะจากไป มิเช่นนั้นแล้ว เราจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ  นี่แสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยของเราที่ไม่ยอมผ่อนปรนต่อการล่วงเกินของผู้คน รวมทั้งอุปนิสัยของเราซึ่งย่อมทำสิ่งที่เรากล่าวให้สำเร็จลุล่วง  เมื่อเป็นเช่นนั้น เราย่อมจะทำให้สัญญาของเราที่ว่า “เราหมายความตามที่เรากล่าว สิ่งที่เรากล่าว เราจะทำ และสิ่งที่เราทำจะยืนยงตลอดกาล” ลุล่วง  เมื่อวจนะออกจากปากเราไป วิญญาณของเราก็เริ่มงานของตน  ผู้ใดจะกล้าจงใจเล่นกับ “ของเล่นทั้งหลาย” ที่พวกเขาถืออยู่ในมือ?  ทุกคนต้องยอมรับการตีสอนของเราอย่างมีสัมมาคารวะและเชื่อฟัง  ผู้ใดจะสามารถหลีกหนีไปได้?  จะมีอีกเส้นทางหนึ่งนอกจากเส้นทางของเราได้หรือ?  วันนี้เราได้อนุญาตให้เจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก และเจ้าก็ชื่นบาน พรุ่งนี้เราจะอนุญาตให้เจ้าขึ้นสวรรค์ และเจ้าก็จะให้การสรรเสริญ  และในวันมะรืน เราจะให้เจ้าอยู่ใต้ผืนปฐพีอันเป็นที่ซึ่งเจ้าจะถูกตีสอน  ทั้งหมดนี้มิใช่ข้อพึงประสงค์แห่งงานของเราหรอกหรือ?  มีใครบ้างที่ไม่ทนทุกข์กับโชคร้ายและได้รับพรเพื่อประโยชน์แห่งข้อพึงประสงค์ของเรา?  พวกเจ้าจะเป็นข้อยกเว้นได้หรือ?  ในฐานะประชากรของเราบนแผ่นดินโลก สิ่งใดหรือที่พวกเจ้าควรทำเพื่อประโยชน์แห่งข้อพึงประสงค์ของเราและเจตจำนงของเรา?  เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าสรรเสริญนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราด้วยวาจา ในขณะที่รังเกียจเราอยู่ในหัวใจของเจ้า?  การทำงานให้เราและการสนองหัวใจของเรา ตลอดจนการเข้าใจตัวพวกเจ้าเอง และการกบฏต่อพญานาคใหญ่สีแดง—เหล่านี้มิใช่กิจอันง่ายดายเลย และเจ้าต้องจ่ายราคาในการทำเช่นนั้น  เมื่อเรากล่าวถึง “ราคา” พวกเจ้าคิดว่าเราหมายถึงสิ่งใดหรือ?  เราจะไม่เสวนาเรื่องนี้ในตอนนี้ และเราจะไม่ให้คำตอบแก่ผู้คนโดยตรง  แต่ในทางกลับกัน เราอนุญาตให้พวกเขาขบคิดด้วยตนเอง และหลังจากนั้น ให้ตอบคำถามทั้งหลายของเราอย่างสัมพันธ์กับชีวิตจริงโดยผ่านทางการกระทำและพฤติกรรมของพวกเขา  เจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้หรือไม่?

27 เมษายน ค.ศ. 1992

ก่อนหน้า: บทที่ 36

ถัดไป: บทที่ 38

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger