ก) พระคัมภีร์เป็นเพียงบันทึกของพระราชกิจสองช่วงระยะของพระเจ้าในยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณเท่านั้น ไม่ใช่บันทึกของพระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้า

พระวจนะของพระเจ้าจากพระคัมภีร์

“เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะว่าพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่พระองค์จะตรัสสิ่งใดก็ตาม ที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น” (ยอห์น 16:12-13)

“ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย” (วิวรณ์ 2:7)

พระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แห่งยุคสุดท้าย

พระคัมภีร์เป็นหนังสือประเภทใด?  พันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจของพระเจ้าในระหว่างยุคธรรมบัญญัติ  พันธสัญญาเดิมของพระคัมภีร์บันทึกพระราชกิจทั้งหมดของพระยาห์เวห์ในระหว่างยุคธรรมบัญญัติและพระราชกิจแห่งการทรงสร้างของพระองค์  ทั้งหมดในพันธสัญญาเดิมบันทึกพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ทรงปฏิบัติ และในท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกิจของพระยาห์เวห์สิ้นสุดลงด้วยหนังสือมาลาคี  พันธสัญญาเดิมบันทึกพระราชกิจสองประการที่พระเจ้าทรงทำ อันได้แก่  ประการหนึ่งคือพระราชกิจแห่งการทรงสร้าง และอีกประการหนึ่งคือการประกาศใช้ธรรมบัญญัติ  พระราชกิจทั้งสองประการนี้คือพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ได้ทรงปฏิบัติ  ยุคธรรมบัญญัติเป็นตัวแทนพระราชกิจภายใต้พระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้า เป็นความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระราชกิจที่ดำเนินการภายใต้พระนามของพระยาห์เวห์เป็นหลัก  ดังนั้น พันธสัญญาเดิมจึงบันทึกพระราชกิจของพระยาห์เวห์ และพันธสัญญาใหม่บันทึกพระราชกิจของพระเยซู ซึ่งเป็นพระราชกิจที่ได้รับการดำเนินการภายใต้พระนามของพระเยซูเป็นหลัก  นัยสำคัญของพระนามของพระเยซูและพระราชกิจที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติถูกบันทึกในพันธสัญญาใหม่เป็นส่วนใหญ่  ในระหว่างยุคธรรมบัญญัติตามพันธสัญญาเดิม พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้างพระวิหารและแท่นบูชาในอิสราเอล พระองค์ได้ทรงนำทางชีวิตชาวอิสราเอลบนแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาคือประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร ผู้คนกลุ่มแรกที่พระองค์ได้ทรงคัดเลือกบนแผ่นดินโลกและผู้ที่สมดังพระทัยของพระองค์ กลุ่มแรกที่พระองค์ได้ทรงนำด้วยพระองค์เอง  สิบสองเผ่าของอิสราเอลคือคนกลุ่มแรกที่ได้รับเลือกจากพระยาห์เวห์ และดังนั้นพระองค์จึงทรงพระราชกิจในตัวพวกเขาเสมอจนกระทั่งพระราชกิจของพระยาห์เวห์ในยุคธรรมบัญญัติได้รับการสรุปปิดตัว  พระราชกิจช่วงระยะที่สองคือพระราชกิจของยุคพระคุณตามพันธสัญญาใหม่ และพระราชกิจนี้ได้รับการดำเนินการท่ามกลางผู้คนชาวยิว ท่ามกลางหนึ่งในสิบสองเผ่าของอิสราเอล  วงเขตของพระราชกิจนี้เล็กลงเนื่องจากพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์  พระเยซูได้ทรงพระราชกิจทั่วทั้งดินแดนยูเดียเท่านั้น และได้ทรงพระราชกิจเพียงสามปีครึ่งเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่บันทึกในพันธสัญญาใหม่จึงไม่สามารถเกินกว่าปริมาณของพระราชกิจที่บันทึกในพันธสัญญาเดิมได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (1)

พระคัมภีร์คือหนังสือประวัติศาสตร์  แน่นอนว่าพระคัมภีร์ยังบรรจุไว้ด้วยการพยากรณ์ของบรรดาผู้เผยพระวจนะ และการพยากรณ์ดังกล่าวไม่ใช่ประวัติศาสตร์แต่อย่างใด  พระคัมภีร์ประกอบด้วยหลายส่วน—ไม่ได้มีแค่คำเผยพระวจนะเท่านั้น หรือแค่พระราชกิจของพระยาห์เวห์เท่านั้น และไม่ได้มีแค่หมวดจดหมายฝากของเปาโลเท่านั้น  เจ้าต้องรู้ว่าพระคัมภีร์ประกอบด้วยกี่ส่วน พันธสัญญาเดิมมีหนังสือปฐมกาล อพยพ… และยังมีหนังสือการเผยพระวจนะที่บรรดาผู้เผยพระวจนะได้เขียนขึ้นอีกด้วย  ในท้ายที่สุด พันธสัญญาเดิมจบลงด้วยหนังสือมาลาคี  หนังสือเล่มนี้บันทึกพระราชกิจแห่งยุคธรรมบัญญัติซึ่งนำโดยพระยาห์เวห์ จากหนังสือปฐมกาลจนถึงหนังสือมาลาคีเป็นบันทึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับพระราชกิจทั้งหมดแห่งยุคธรรมบัญญัติ  กล่าวคือ พันธสัญญาเดิมบันทึกทุกสิ่งที่ผู้คนที่ได้รับการทรงนำโดยพระยาห์เวห์ในยุคธรรมบัญญัติได้รับประสบการณ์มา  ในระหว่างยุคธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิมนั้น บรรดาผู้เผยพระวจนะจำนวนมากที่พระยาห์เวห์ทรงให้มีขึ้นได้พูดคำเผยพระวจนะเพื่อพระองค์ พวกเขาได้ให้คำแนะนำกับชนเผ่าและชนชาติต่างๆ และพยากรณ์พระราชกิจที่พระยาห์เวห์จะทรงปฏิบัติ  ผู้คนที่พระองค์ทรงให้มีขึ้นเหล่านี้ทั้งหมดได้รับมอบพระวิญญาณแห่งการเผยพระวจนะจากพระยาห์เวห์ นั่นคือ  พวกเขามีความสามารถที่จะมองเห็นนิมิตต่างๆ จากพระยาห์เวห์และได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการดลใจจากพระองค์และได้เขียนคำเผยพระวจนะขึ้น  งานที่พวกเขาทำคือการแสดงออกถึงพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์  คือการแสดงออกถึงการเผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ และพระราชกิจของพระยาห์เวห์ ณ เวลานั้นเป็นเพียงการนำทางผู้คนโดยใช้พระวิญญาณ  พระองค์ไม่ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และผู้คนไม่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เลย  ดังนั้น พระองค์จึงทรงให้มีผู้เผยพระวจนะมากมายเพื่อทำพระราชกิจของพระองค์ และประทานพระดำรัสที่พวกเขาได้ส่งต่อไปยังทุกเผ่าและทุกวงศ์ตระกูลของอิสราเอล  งานของพวกเขาคือการพูดคำเผยพระวจนะ และพวกเขาบางคนได้เขียนคำสอนที่พระยาห์เวห์ทรงมีให้กับพวกเขาเพื่อแสดงต่อผู้อื่น  พระยาห์เวห์ทรงให้มีผู้คนเหล่านี้ขึ้นเพื่อพูดคำเผยพระวจนะ เพื่อพยากรณ์พระราชกิจของอนาคตหรือพระราชกิจที่ยังต้องทำในระหว่างเวลานั้น เพื่อให้ผู้คนสามารถมองเห็นความอัศจรรย์และพระปรีชาญาณของพระยาห์เวห์  หนังสือคำเผยพระวจนะเหล่านี้แตกต่างอย่างยิ่งจากหนังสือเล่มอื่นๆ ในพระคัมภีร์  หนังสือเหล่านี้คือถ้อยคำทั้งหลายที่พูดหรือเขียนขึ้นโดยบรรดาผู้ที่เคยได้รับพระวิญญาณแห่งการเผยพระวจนะ—โดยบรรดาผู้ที่เคยได้รับนิมิตต่างๆ หรือพระสุรเสียงจากพระยาห์เวห์  นอกเหนือจากหนังสือเกี่ยวกับคำเผยพระวจนะเหล่านี้แล้ว สิ่งอื่นทุกอย่างในพันธสัญญาเดิมประกอบด้วยบันทึกต่างๆ ที่ผู้คนได้บันทึกหลังจากที่พระยาห์เวห์ได้ทรงเสร็จสิ้นพระราชกิจของพระองค์แล้ว  หนังสือเหล่านี้ไม่สามารถแทนที่การพยากรณ์ที่พูดโดยบรรดาผู้เผยพระวจนะที่พระยาห์เวห์ทรงให้มีขึ้น เช่น หนังสือปฐมกาลและอพยพไม่สามารถถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังสืออิสยาห์และหนังสือดาเนียลได้  คำเผยพระวจนะต่างๆ ถูกพูดขึ้นก่อนที่จะมีการดำเนินพระราชกิจ ในขณะที่หนังสืออื่นๆ เขียนขึ้นหลังจากที่พระราชกิจได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถทำได้  บรรดาผู้เผยพระวจนะในเวลานั้นได้รับแรงบันดาลใจจากพระยาห์เวห์และได้พูดคำเผยพระวจนะบางประการ  พวกเขาได้พูดคำมากมาย และพวกเขาได้เผยพระวจนะเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากมายของยุคพระคุณ ตลอดจนการทำลายล้างของโลกในยุคสุดท้าย—ซึ่งเป็นพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ทรงวางแผนที่จะทำ  หนังสือทั้งหมดที่เหลือต่างบันทึกพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ทรงปฏิบัติในอิสราเอล  ดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านพระคัมภีร์ เจ้ากำลังอ่านเกี่ยวกับสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงปฏิบัติในอิสราเอลเป็นหลัก  โดยพื้นฐานแล้ว พันธสัญญาเดิมของพระคัมภีร์บันทึกพระราชกิจของพระยาห์เวห์ในการทรงนำทางอิสราเอล การที่พระองค์ทรงใช้โมเสสเพื่อนำทางคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ผู้ที่ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากพันธนาการของฟาโรห์ และนำพวกเขาออกสู่ถิ่นทุรกันดาร ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาเข้าสู่คานาอันและทุกสิ่งหลังจากนี้คือชีวิตของพวกเขาในคานาอัน  ทั้งหมดนอกเหนือจากนี้ประกอบด้วยบันทึกเกี่ยวกับพระราชกิจของพระยาห์เวห์ทั่วทั้งอิสราเอล  ทุกสิ่งที่บันทึกในพันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจของพระยาห์เวห์ในอิสราเอล คือพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ทรงปฏิบัติในแผ่นดินที่พระองค์ได้ทรงสร้างอาดัมและเอวาขึ้น  นับตั้งแต่ที่พระเจ้าได้ทรงเริ่มต้นนำผู้คนบนแผ่นดินโลกอย่างเป็นทางการหลังจากโนอาห์ ทั้งหมดที่บันทึกอยู่ในพันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจเกี่ยวกับอิสราเอล  แล้วเหตุใดจึงไม่มีการบันทึกพระราชกิจใดนอกเหนือจากในอิสราเอล?  เพราะแผ่นดินอิสราเอลคือเปลของมวลมนุษย์  ในปฐมกาลนั้น ไม่มีประเทศอื่นใดนอกเหนือจากอิสราเอล และพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงพระราชกิจในที่อื่นใด  ด้วยวิธีนี้ สิ่งที่ถูกบันทึกในพันธสัญญาเดิมแห่งพระคัมภีร์จึงเป็นพระราชกิจของพระเจ้าในอิสราเอลในเวลานั้นทั้งหมด  คำพูดที่กล่าวโดยบรรดาผู้เผยพระวจนะ โดยอิสยาห์ ดาเนียล เยเรมีย์ และเอเสเคียล… คำพูดทั้งหลายของพวกเขาพยากรณ์พระราชกิจอื่นๆ ของพระองค์บนแผ่นดินโลก  คำพูดเหล่านั้นพยากรณ์พระราชกิจของพระยาห์เวห์พระเจ้าพระองค์เอง  ทั้งหมดนี้มาจากพระเจ้า ทั้งหมดนี้คือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนอกเหนือจากหนังสือเหล่านี้ของบรรดาผู้เผยพระวจนะแล้ว สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดคือบันทึกประสบการณ์ทั้งหลายของผู้คนเกี่ยวกับพระราชกิจของพระยาห์เวห์ ณ เวลานั้น

พระราชกิจแห่งการทรงสร้างเกิดขึ้นก่อนที่จะมีมวลมนุษย์ แต่หนังสือปฐมกาลมาหลังจากที่มีมวลมนุษย์แล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นหนังสือที่โมเสสเขียนขึ้นในระหว่างยุคธรรมบัญญัติ  เป็นเหมือนกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่พวกเจ้าในวันนี้ กล่าวคือ  หลังจากที่สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น พวกเจ้าก็เขียนมันลงไปเพื่อแสดงให้ผู้คนในอนาคตเห็น และสำหรับผู้คนในอนาคตนั้น สิ่งที่เจ้าได้บันทึกไว้คือสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเวลาที่ผ่านไปแล้ว—และไม่ได้เป็นสิ่งใดที่มากไปกว่าประวัติศาสตร์  สิ่งที่บันทึกในพันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจของพระยาห์เวห์ในอิสราเอล และสิ่งที่บันทึกในพันธสัญญาใหม่คือพระราชกิจของพระเยซูในระหว่างยุคพระคุณ พันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่เก็บข้อมูลพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงปฏิบัติในสองยุคที่แตกต่างกัน  พันธสัญญาเดิมเก็บข้อมูลพระราชกิจของพระเจ้าในระหว่างยุคธรรมบัญญัติ และดังนั้นพันธสัญญาเดิมจึงเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ในขณะที่พันธสัญญาใหม่คือผลิตผลของพระราชกิจในยุคพระคุณ  เมื่อพระราชกิจใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น พันธสัญญาใหม่ก็จะกลายเป็นล้าสมัยเช่นเดียวกัน—และดังนั้น พันธสัญญาใหม่ก็จะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน  แน่นอนว่าพันธสัญญาใหม่ไม่ได้เป็นระบบเท่ากับพันธสัญญาเดิม อีกทั้งไม่ได้บันทึกสิ่งต่างๆ มากเท่า  พระวจนะมากมายทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ตรัสถูกบันทึกอยู่ในพันธสัญญาเดิมแห่งพระคัมภีร์ ในขณะที่พระวจนะของพระเยซูได้รับการบันทึกเพียงบางส่วนเท่านั้นในหนังสือหมวดพระกิตติคุณสี่เล่ม  แน่นอนว่าพระเยซูได้ทรงพระราชกิจมากมายเช่นกัน แต่ไม่ได้มีการบันทึกอย่างละเอียด  ในพันธสัญญาใหม่มีเรื่องราวที่ได้รับการบันทึกน้อยกว่าอันเนื่องมาจากปริมาณพระราชกิจที่พระเยซูทรงทำ ปริมาณของพระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติในช่วงเวลาสามปีครึ่งบนแผ่นดินโลกและงานของบรรดาอัครทูตนั้นน้อยกว่าพระราชกิจของพระยาห์เวห์มากนัก  และดังนั้น ในพันธสัญญาใหม่จึงมีหนังสือน้อยกว่าพันธสัญญาเดิม

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (1)

สิ่งทั้งหลายที่ถูกบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์นั้นมีขีดจำกัด สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระราชกิจของพระเจ้าในความครบถ้วนบริบูรณ์ของมันได้  รวมพระกิตติคุณทั้งสี่เข้าด้วยกันแล้วก็มีน้อยกว่าหนึ่งร้อยบท ซึ่งในนั้นเขียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในจำนวนที่จำกัด อาทิเช่น พระเยซูทรงสาปแช่งต้นมะเดื่อ คำปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้งของเปโตร พระเยซูทรงปรากฏแก่บรรดาสาวกภายหลังการตรึงกางเขนและการคืนพระชนม์ของพระองค์ การสอนเรื่องการอดอาหาร การสอนเรื่องการอธิษฐาน การสอนเรื่องการหย่า การประสูติและลำดับพงศ์ของพระเยซู การแต่งตั้งบรรดาสาวกของพระเยซู เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม มนุษย์ให้คุณค่าสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ประหนึ่งสมบัติล้ำค่า ถึงขั้นเปรียบเทียบพระราชกิจของวันนี้กับสิ่งเหล่านั้น  พวกเขาถึงขั้นเชื่อว่าพระราชกิจทั้งหมดที่พระเยซูได้ทรงทำไว้ในช่วงพระชนม์ชีพของพระองค์รวมกันได้มากแค่นั้นเท่านั้นเอง ราวกับว่าพระเจ้าทรงสามารถทำได้มากแค่นี้เท่านั้นและไม่มีสิ่งใดเกินไปจากนี้  นี่ไม่ไร้สาระสิ้นดีหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการประสูติเป็นมนุษย์ (1)

ผู้คนมากมายเชื่อว่าความเข้าใจและความสามารถที่จะตีความพระคัมภีร์เป็นสิ่งเดียวกันกับการพบหนทางที่แท้จริง—แต่ในความเป็นจริงแล้ว อะไรๆ ก็ง่ายดายเช่นนั้นจริงๆ หรือ?  ไม่มีใครรู้ความเป็นจริงของพระคัมภีร์  ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้า และพันธสัญญาของพระราชกิจสองช่วงระยะของพระเจ้า และว่าพระคัมภีร์ไม่ได้ให้ความเข้าใจใดๆ เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพระราชกิจของพระเจ้าแก่เจ้า  ทุกคนที่ได้อ่านพระคัมภีร์รู้ว่าพระคัมภีร์บันทึกพระราชกิจสองช่วงระยะของพระเจ้าในช่วงระหว่างยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณ  พันธสัญญาเดิมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและพระราชกิจของพระยาห์เวห์นับตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งจุดสิ้นสุดของยุคธรรมบัญญัติ  พันธสัญญาใหม่บันทึกพระราชกิจของพระเยซูบนแผ่นดินโลก ซึ่งอยู่ในหนังสือหมวดพระกิตติคุณสี่เล่ม ตลอดจนงานของเปาโล—เหล่านี้ไม่ใช่บันทึกประวัติศาสตร์หรือ?  การยกสิ่งต่างๆ ในอดีตมากล่าวถึงในวันนี้ทำให้สิ่งเหล่านั้นเป็นประวัติศาสตร์ และไม่สำคัญว่าสิ่งเหล่านั้นอาจเที่ยงแท้หรือเป็นจริงเพียงใดก็ตาม สิ่งเหล่านั้นยังคงเป็นประวัติศาสตร์—และประวัติศาสตร์ไม่สามารถกล่าวถึงปัจจุบันได้ เพราะพระเจ้าไม่ทรงย้อนกลับไปมองประวัติศาสตร์!  และดังนั้น หากเจ้าเพียงเข้าใจพระคัมภีร์เท่านั้น แต่ไม่เข้าใจพระราชกิจที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะปฏิบัติในวันนี้เลย และหากเจ้าเชื่อในพระเจ้าแต่ไม่แสวงหาพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไม่เข้าใจความหมายของการแสวงหาพระเจ้า  หากเจ้าอ่านพระคัมภีร์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เพื่อค้นคว้าประวัติศาสตร์การทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทั้งหมดของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า  แต่วันนี้ เนื่องจากเจ้าเชื่อในพระเจ้าและไล่ตามเสาะหาชีวิต เนื่องจากเจ้าไล่ตามเสาะหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า และไม่ไล่ตามเสาะหาคำพูดและคำสอนที่ตายไปแล้วหรือความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เจ้าต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าในวันนี้ และเจ้าต้องมองหาทิศทางของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  หากเจ้าเป็นนักโบราณคดี เจ้าจะสามารถอ่านพระคัมภีร์ได้—แต่เจ้าไม่ใช่ เจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้า และเจ้าควรจะแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าของวันนี้อย่างดีที่สุด  อย่างมากที่สุดเจ้าจะเข้าใจประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเล็กน้อยจากการอ่านพระคัมภีร์ เจ้าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของอับราฮัม ดาวิด และโมเสส เจ้าจะพบว่าท่านทั้งหลายนั้นยำเกรงพระยาห์เวห์อย่างไร พระยาห์เวห์ทรงเผาพวกผู้ต่อต้านพระองค์อย่างไร และพระองค์ตรัสต่อผู้คนในยุคนั้นอย่างไร  เจ้าจะพบเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้าในอดีตเท่านั้น  บันทึกของพระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับว่าผู้คนอิสราเอลในยุคแรกๆ ยำเกรงพระเจ้าอย่างไร และใช้ชีวิตภายใต้การทรงนำทางของพระยาห์เวห์อย่างไร  เพราะคนอิสราเอลคือประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ในพันธสัญญาเดิมเจ้าจึงสามารถมองเห็นความจงรักภักดีต่อพระยาห์เวห์ของผู้คนทั้งหมดในอิสราเอล ว่าบรรดาผู้ที่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ได้รับการใส่พระทัยและได้รับพระพรจากพระองค์อย่างไร  เจ้าสามารถเรียนรู้ว่าเมื่อพระเจ้าทรงพระราชกิจในอิสราเอล พระองค์ทรงเต็มไปด้วยความกรุณาและความรัก อีกทั้งทรงยังกอปรด้วยเพลิงที่เผาผลาญ และว่าคนอิสราเอลทั้งหมด ตั้งแต่คนต่ำต้อยไปจนถึงคนที่มีอำนาจ ต่างก็ยำเกรงพระยาห์เวห์ และดังนั้นทั้งประเทศจึงได้รับพระพรจากพระเจ้า  เช่นนั้นคือประวัติศาสตร์ของอิสราเอลที่บันทึกไว้ในพันธสัญญาเดิม

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (4)

หากเจ้าปรารถนาที่จะพบเห็นพระราชกิจของยุคธรรมบัญญัติ และดูว่าชาวอิสราเอลติดตามหนทางของพระยาห์เวห์อย่างไร เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ต้องอ่านพันธสัญญาเดิม หากเจ้าปรารถนาที่จะเข้าใจพระราชกิจของยุคพระคุณ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ต้องอ่านพันธสัญญาใหม่  แต่เจ้าจะพบเห็นพระราชกิจของยุคสุดท้ายได้อย่างไร?  เจ้าต้องยอมรับการเป็นผู้นำของพระเจ้าในวันนี้ และเข้าสู่พระราชกิจของวันนี้ เพราะนี่คือพระราชกิจใหม่ และไม่เคยมีผู้ใดได้บันทึกถึงมันในพระคัมภีร์มาก่อน  วันนี้ พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงคัดเลือกผู้ที่ได้รับการเลือกสรรคนอื่นๆ ในประเทศจีน  พระเจ้าทรงพระราชกิจในผู้คนเหล่านี้ พระองค์ทรงดำเนินการต่อจากพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก และทรงดำเนินการต่อจากพระราชกิจของยุคพระคุณ  พระราชกิจในวันนี้คือเส้นทางที่มนุษย์ไม่เคยเดิน และเป็นหนทางที่ไม่มีใครเคยพบเห็น  นี่คือพระราชกิจที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน—นี่คือพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก  ดังนั้น พระราชกิจที่ไม่เคยมีการทำมาก่อนจึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์ เพราะตอนนี้คือตอนนี้ และยังไม่ได้กลายเป็นอดีต  ผู้คนไม่รู้ว่าพระเจ้าได้ทรงพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า ใหม่กว่าบนแผ่นดินโลก และนอกอิสราเอลแล้ว ไม่รู้ว่าพระราชกิจได้ไปไกลเกินวงเขตของอิสราเอลแล้ว และเกินจากการพยากรณ์ของบรรดาผู้เผยพระวจนะ ไม่รู้ว่านี่คือพระราชกิจที่ใหม่และน่าพิศวงซึ่งอยู่นอกเหนือคำเผยพระวจนะทั้งหลาย และคือพระราชกิจใหม่กว่าที่เลยพ้นอิสราเอล และคือพระราชกิจที่ผู้คนทั้งไม่สามารถรับรู้หรือจินตนาการได้  พระคัมภีร์จะมีบันทึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับพระราชกิจเช่นนั้นได้อย่างไร?  ใครจะสามารถบันทึกทุกๆ เสี้ยวส่วนของพระราชกิจของวันนี้ไว้ล่วงหน้าโดยไม่มีการตกหล่นได้?  ใครจะสามารถบันทึกพระราชกิจนี้ที่ทรงฤทธิ์กว่า มีสติปัญญากว่า และท้าทายระเบียบแบบแผนในหนังสือเก่าคร่ำคร่าเล่มนั้นได้?  พระราชกิจของวันนี้ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ และดังนั้น หากเจ้าปรารถนาที่จะเดินบนเส้นทางใหม่ของวันนี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าต้องแยกจากพระคัมภีร์ เจ้าต้องไปไกลกว่าหนังสือทั้งหลายเกี่ยวกับคำเผยพระวจนะหรือประวัติศาสตร์ในพระคัมภีร์  เมื่อนั้นเท่านั้นที่เจ้าจะมีความสามารถที่จะเดินบนเส้นทางใหม่ได้อย่างเหมาะสม และเมื่อนั้นเท่านั้นที่เจ้าจะมีความสามารถที่จะเข้าสู่อาณาจักรใหม่และพระราชกิจใหม่

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (1)

พระเจ้าจะทรงมุ่งเป้าพระวจนะของพระองค์ไปที่ผู้คนที่มีชาติพันธุ์และภูมิหลังที่หลากหลาย และพระองค์จะพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวงและสิ้นสุดยุคเก่า  ครั้นเป็นเช่นนั้น พระองค์จะทรงสามารถทำทั้งหมดให้แล้วเสร็จหลังจากเพียงแค่แสดงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของพระวจนะของพระองค์ได้อย่างไร?  มันเป็นแค่ว่าพระราชกิจของพระองค์นั้นถูกแบ่งออกเป็นช่วงเวลาที่แตกต่างกันและช่วงระยะที่แตกต่างกัน พระองค์กำลังทรงพระราชกิจโดยสอดคล้องกับแผนการของพระองค์และกำลังทรงแสดงพระวจนะของพระองค์โดยสอดคล้องกับขั้นตอนของพระองค์  มนุษย์จะอาจสามารถหยั่งลึกถึงฤทธานุภาพอันไม่สิ้นสุดและพระปัญญาของพระเจ้าได้อย่างไร?  ข้อเท็จจริงที่เราปรารถนาที่จะอธิบายตรงนี้ก็คือ สิ่งใดที่พระเจ้าทรงเป็นและทรงมีนั้น ไม่มีวันหมดและไม่มีที่สิ้นสุดชั่วนิรันดร์  พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตและทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้างใดจะสามารถหยั่งลึกถึงพระองค์ได้  สุดท้ายนี้ เราต้องเตือนความจำทุกคนต่อไปว่า จงอย่าจำกัดเขตพระเจ้าไว้ในหนังสือ ในพระวจนะ หรือในถ้อยดำรัสในอดีตของพระองค์อีกเลย  มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่จะบรรยายคุณลักษณะเฉพาะของพระราชกิจของพระเจ้า นั่นคือ ใหม่  พระองค์ไม่ทรงชอบที่จะใช้เส้นทางเก่าๆ หรือทำพระราชกิจของพระองค์ซ้ำ ที่มากกว่านั้น พระองค์ไม่ทรงต้องการให้ผู้คนนมัสการพระองค์โดยจำกัดเขตพระองค์ไว้ภายในวงเขตเฉพาะหนึ่ง  นี่คือพระอุปนิสัยของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, คำแถลงท้ายเล่ม

ฉากตัดตอนจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีพระวจนะหรือพระราชกิจของพระเจ้านอกพระคัมภีร์เลยหรือ?

คำเทศนาที่เกี่ยวข้อง

จริงหรือไม่ที่พระราชกิจและพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้าอยู่ในพระคัมภีร์?

เพลงนมัสการที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าได้ทรงทำพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่และใหม่กว่าท่ามกลางชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวยิวในยุคสุดท้าย

ก่อนหน้า: ค) เหตุที่บรรดาผู้ที่เพียงอยากเห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์จะถูกกำจัดออกไป

ถัดไป: ข) โลกศาสนาเชื่อว่าพระคัมภีร์ทั้งหมดได้รับการดลใจโดยพระเจ้า และเป็นพระวจนะของพระองค์ทั้งสิ้น ทัศนะนี้เป็นเท็จ

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger