บทที่ 114
เราได้สร้างสากลพิภพขึ้น เราได้ทำให้ภูเขา แม่น้ำ และทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้น เราได้ทำให้จักรวาลและสุดปลายแผ่นดินโลกเป็นรูปร่างขึ้น เราได้นำทางบุตรทั้งหลายของเราและประชากรของเรา เราได้บัญชาทุกสรรพสิ่งและเรื่องทั้งหลาย บัดนี้ เราจะนำทางบรรดาบุตรหัวปีของเรากลับสู่ภูเขาศิโยนของเรา เพื่อหวนคืนสู่ที่ซึ่งเราพักอาศัย และนี่จะเป็นขั้นตอนขั้นสุดท้ายในงานของเรา ทั้งหมดที่เราได้ทำไปนั้น (ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำจากนับตั้งแต่เวลาแห่งการสร้างโลกจนกระทั่งถึงบัดนี้) เป็นไปเพื่อช่วงระยะของงานของเราในวันนี้ และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เป็นไปเพื่อกฎเกณฑ์ของพรุ่งนี้ ราชอาณาจักรของพรุ่งนี้ และเพื่อเราและบรรดาบุตรหัวปีของเราจะได้มีความชื่นชมยินดีชั่วนิรันดร์ นี่คือเป้าหมายของเราในการสร้างทุกสรรพสิ่ง และเป็นสิ่งที่เราจะสัมฤทธิ์ผลในท้ายที่สุดโดยผ่านทางการสร้างของเรา สิ่งที่เราพูดและทำนั้นมีจุดประสงค์อยู่อย่างหนึ่งและแผนอยู่อย่างหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดเลยที่กระทำไปอย่างส่งเดช ถึงแม้ว่าเราพูดว่ากับเรานั้นทั้งหมดคืออิสรภาพและเสรีภาพ แต่กระนั้นก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำก็มีหลักการ ทั้งหมดที่เราทำอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและอุปนิสัยของเรา พวกเจ้ามีความรู้ความเข้าใจอันใดเกี่ยวกับการนี้บ้างหรือไม่? นับตั้งแต่เวลาแห่งการสร้างโลกจนกระทั่งถึงวันนี้ นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ไม่มีผู้ใดเลยได้มารู้จักเรา และไม่มีผู้ใดเลยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเรา ข้อยกเว้นที่เราได้ทำสำหรับบรรดาบุตรหัวปีของเรานั้นก็เป็นเพราะโดยแก่นแท้แล้วพวกเขาคือส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา
ตอนที่เราได้สร้างโลก เราได้แบ่งแยกมนุษย์ออกเป็นสี่หมวดหมู่ตามลำดับชั้นโดยสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของเรา ซึ่งก็คือ บรรดาบุตรของเรา ประชากรของเรา บรรดาผู้ที่ทำการปรนนิบัติ และพวกที่จะถูกทำลาย เหตุใดหรือที่บรรดาบุตรหัวปีของเราจึงไม่ถูกรวมอยู่ในรายการแสดงนี้? นั่นเป็นเพราะบรรดาบุตรหัวปีของเราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแห่งการสร้างโลก พวกเขามาจากเรา และไม่ใช่มนุษยชาติ เราได้ทำการจัดการเตรียมการสำหรับบรรดาบุตรหัวปีของเราก่อนที่จะได้บังเกิดเป็นมนุษย์ พวกเขาจะมาเกิดในครัวเรือนใดและผู้ใดที่จะอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานปรนนิบัติให้กับพวกเขา—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้ถูกวางแผนถ้วนถี่โดยเรา เรายังได้วางแผนการไว้อีกด้วยว่าเราจะได้รับผู้ใดในบรรดาพวกเขากลับคืนมา ณ เวลาใด ในบทอวสาน พวกเราจะหวนคืนสู่ศิโยนด้วยกัน การนี้ได้ถูกวางแผนการถ้วนถี่ทั้งหมดก่อนการสร้างโลก ดังนั้นจึงไม่มีมนุษย์คนใดเลยที่รู้เกี่ยวกับการนี้และการนี้ก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใด เพราะเหล่านี้คือกิจธุระของศิโยน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเราได้บังเกิดเป็นมนุษย์ เราไม่ได้ให้ปฏิภาณนี้แก่มนุษย์ และดังนั้นจึงไม่มีใครเลยที่ได้รู้สิ่งเหล่านั้น เมื่อพวกเจ้าหวนคืนสู่ศิโยน พวกเจ้าจะรู้ว่าพวกเจ้าเคยเป็นอย่างไรในอดีต พวกเจ้าเป็นอย่างไรในตอนนี้ และสิ่งที่พวกเจ้าได้ทำในชีวิตนี้ ในขณะนี้เราเพียงกำลังบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกเจ้าอย่างชัดแจ้งและทีละน้อยๆ มิฉะนั้นแล้วพวกเจ้าก็คงจะไม่เข้าใจ ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าได้ทุ่มความพยายามออกไปมากเท่าใด และเจ้าคงจะทำให้การบริหารจัดการของเราหยุดชะงัก ในวันนี้ แม้ว่าเราถูกแยกจากบรรดาบุตรหัวปีส่วนใหญ่ของเราในข้อกำหนดด้านเนื้อหนัง แต่พวกเราก็เป็นของพระวิญญาณหนึ่งเดียว และในขณะที่รูปลักษณ์ทางกายภาพของพวกเราอาจแตกต่างกัน พวกเราก็เป็นของพระวิญญาณหนึ่งเดียวตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงเบื้องปลาย อย่างไรก็ตาม พงศ์พันธุ์ของซาตานต้องไม่ใช้การนี้เป็นโอกาสเหมาะที่จะฉวยประโยชน์ ไม่สำคัญว่าเจ้าอำพรางตัวเจ้าเองอย่างไร มันยังคงผิวเผิน และเราจะไม่เห็นชอบ ดังนั้น คนเราจึงสามารถเห็นได้จากการนี้ว่า พวกที่มุ่งเน้นเรื่องผิวเผินและพยายามเลียนแบบเราภายนอกนั้นย่อมเป็นซาตานร้อยทั้งร้อยแน่นอน เพราะจิตวิญญาณของพวกเขาแตกต่างออกไปและพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่เป็นที่รักของเรา ไม่สำคัญว่าพวกเขาเลียนแบบเราอย่างไร พวกเขาก็เป็นอะไรที่ไม่เหมือนกับเราเลย ยิ่งไปกว่านั้น เพราะบรรดาบุตรหัวปีของเราโดยแก่นแท้แล้วมีวิญญาณเดียวกับเรา ต่อให้พวกเขาไม่เลียนแบบเรา พวกเขาก็พูดและปฏิบัติตนในหนทางเดียวกับเรา และพวกเขาทั้งหมดล้วนซื่อสัตย์ ปราศจากราคี และเปิดกว้าง (ผู้คนเหล่านั้นกำลังขาดพร่องในสติปัญญาเพราะประสบการณ์อันจำกัดของพวกเขาในโลก และดังนั้นการขาดพร่องสติปัญญาจึงไม่ใช่ข้อตำหนิในบรรดาบุตรหัวปีของเรา เมื่อพวกเขาหวนคืนสู่ร่างกาย ทุกอย่างก็จะถูกหมด) ดังนั้นเพราะเหตุผลซึ่งบรรยายไว้ข้างต้นนั่นเองที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติเดิมของพวกเขา โดยไม่สำคัญว่าเราจัดการกับพวกเขาอย่างไรก็ตาม กระนั้นบรรดาบุตรหัวปีของเราก็คล้อยตามเจตจำนงของเราโดยที่เราไม่ต้องจัดการกับพวกเขา นี่เป็นเพราะพวกเราเป็นของพระวิญญาณหนึ่งเดียว ในจิตวิญญาณของพวกเขา พวกเขารู้สึกถึงความเต็มใจที่จะสละให้เราโดยพร้อมสรรพ ดังนั้นนอกจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ก็ไม่มีใครเลยที่คำนึงถึงเจตจำนงของเราอย่างจริงแท้และอย่างจริงใจ มีเพียงภายหลังจากที่เราพิชิตซาตานแล้วเท่านั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะทำงานปรนนิบัติเพื่อเรา
สติปัญญาของเราและบรรดาบุตรหัวปีของเรายืนเหนือทั้งหมดและมีสิทธิพิเศษเหนือทั้งหมด และไม่มีสิ่งใดหรือบุคคลใดหรือเรื่องใดเลยที่กล้าขวางทาง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีบุคคลใด เรื่องใด หรือสิ่งใดที่สามารถมีสิทธิพิเศษเหนือสิ่งเหล่านั้น และแทนที่จะเป็นนั้น ทั้งหมดกลับนบนอบต่อหน้าสภาวะบุคคลของเราอย่างเชื่อฟังแทน นี่คือข้อเท็จจริงหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นต่อตาของคนเราจริงๆ และเป็นข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราได้สัมฤทธิ์แล้ว ใครก็ตามที่ดื้อแพ่งที่จะไม่เชื่อฟัง (พวกที่ไม่เชื่อฟังยังคงอ้างอิงถึงซาตาน และพวกที่ถูกซาตานครอบครองไม่ต้องกังขาเลยว่าไม่ได้เป็นสิ่งอื่นใดนอกจากซาตาน) แน่นอนว่าเราจะทำลายพวกเขาอย่างถอนรากถอนโคน เพื่อที่จะได้ไม่มีเรื่องเดือดร้อนในอนาคต พวกเขาจะตายลงทันทีจากการตีสอนของเรา ซาตานชนิดนี้คือพวกที่ไม่เต็มใจที่จะทำการปรนนิบัติเรา สิ่งเหล่านี้ได้ยืนต่อต้านเราอย่างดื้อด้านเสมอมานับตั้งแต่การสร้างโลก และในวันนี้สิ่งเหล่านี้ก็ดื้อแพ่งที่จะไม่เชื่อฟังเรา (ผู้คนไร้ความสามารถที่จะเห็นการนี้ได้เพราะมันเป็นเพียงเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ บุคคลชนิดนี้เป็นตัวแทนซาตานชนิดนี้) เราจะทำลายพวกเขาเสียก่อน ก่อนที่สิ่งอื่นใดจะพร้อม โดยปล่อยให้พวกเขารับความมีวินัยของการลงโทษอันรุนแรงไว้ตลอดกาล (“ทำลาย” ในที่นี้มิได้มีความหมายว่า “การทำให้พวกเขาไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป” แต่กลับหมายถึงขอบข่ายของความเหี้ยมโหดที่พวกเขาจะตกไปอยู่ภายใต้ คำว่า “ทำลาย” ในที่นี้แยกชัดจากคำศัพท์ “ทำลาย” ที่ใช้สำหรับพวกที่จะถูกทำลาย) พวกเขาจะร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตลอดชั่วกาลนาน โดยไม่มีบทอวสานใด จินตนาการของมนุษย์ไม่สามารถอย่างที่สุดที่จะมโนภาพฉากเหตุการณ์นั้นได้ ด้วยการคิดแบบมนุษย์ของมวลมนุษย์ พวกเขาไร้ความสามารถที่จะมโนภาพเกี่ยวกับสิ่งทางจิตวิญญาณทั้งหลาย และดังนั้นจึงมีสิ่งทั้งหลายอีกมากที่พวกเจ้าจะเข้าใจเฉพาะหลังจากที่หวนคืนสู่ศิโยนแล้วเท่านั้น
ในบ้านในอนาคตของเรา จะไม่มีผู้ใดเลยเว้นแต่บรรดาบุตรหัวปีของเรากับเรา และมีเพียงในเวลานั้นเท่านั้น เป้าหมายของเราจึงจะไปถึงได้และแผนของเราจะมาเกิดดอกผลเต็มที่ ด้วยเหตุที่ทั้งหมดจะถูกคืนสู่สภาวะดั้งเดิมของมันและทั้งหมดจะถูกจำแนกจำพวกโดยสอดคล้องกับประเภทของมัน บรรดาบุตรหัวปีของเราจะเป็นของเรา บรรดาบุตรหัวปีและประชากรของเราจะเป็นของท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งหลาย และพวกคนปรนนิบัติและผู้ที่ถูกทำลายจะเป็นของซาตาน หลังจากการพิพากษาโลกแล้ว เราและบรรดาบุตรหัวปีของเราจะเริ่มต้นชีวิตแห่งพระเจ้าอีกครั้ง และพวกเขาจะไม่มีวันทิ้งเราไปและจะอยู่ร่วมกับเราเสมอไป ความล้ำลึกทั้งหมดที่ไม่สามารถเข้าใจได้โดยจิตใจมนุษย์จะถูกเปิดเผยแก่พวกเจ้าทีละนิดๆ ตลอดทั่วทั้งประวัติศาสตร์ ได้มีผู้คนเกินคณานับที่ได้พลีชีพเพราะเรา ยอมถวายตัวพวกเขาเองให้เรา แต่จะว่าไปแล้วผู้คนก็คือสิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งหลายและไม่สำคัญว่าพวกเขาจะดีงามเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถได้รับการจำแนกชั้นว่าเป็นพระเจ้า นี่คือครรลองแห่งเหตุการณ์ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยใครก็ตาม จะว่าไปแล้ว เป็นพระเจ้านั่นเองที่ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ในขณะที่ผู้คนคือสิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งหลาย และจะว่าไปแล้วซาตานคือเป้าแห่งการทำลายล้างของเราและปัจจามิตรซึ่งเป็นที่เกลียดชังของเรา—นี่คือความหมายที่แท้จริงที่สุดของคำพูดที่ว่า “แม้ภูเขาและแม่น้ำอาจแปรผันและแปลงสภาพ แต่ธรรมชาติของคนเรานั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง” การอยู่ในสภาพเงื่อนไขนี้และช่วงระยะนี้ในตอนนี้เป็นลางบอกเหตุว่าเราและบรรดาบุตรหัวปีของเราจะเข้าสู่การหยุดพัก นี่เป็นเพราะงานของเราในโลกครบบริบูรณ์อย่างถ้วนทั่ว และขั้นตอนถัดไปของงานของเราจะพึงประสงค์ให้เราหวนคืนสู่ร่างกายเพื่อที่จะทำงานนั้นให้ครบบริบูรณ์ เหล่านี้คือขั้นตอนทั้งหลายของงานของเรา ซึ่งเราได้วางแผนไว้นานมาแล้ว ประเด็นนี้ต้องถูกมองเห็นอย่างชัดเจน มิฉะนั้นแล้วผู้คนส่วนใหญ่ก็จะฝ่าฝืนประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา