บทที่ 95

ผู้คนจินตนาการว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบง่ายอย่างที่สุด ในเมื่ออันที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น  มีความล้ำลึกซ่อนอยู่ภายในทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดจนปัญญาของเราและการจัดการเตรียมการของเรา  ไม่มีรายละเอียดใดถูกมองข้าม และทั้งหมดได้รับการจัดการเตรียมการโดยเราเอง  การพิพากษาในวันยิ่งใหญ่บังเกิดกับผู้คนทั้งหมดที่ไม่รักเราอย่างจริงใจ (จำไว้ว่าการพิพากษาในวันยิ่งใหญ่มีจุดมุ่งหมายที่ทุกๆ บุคคลที่ได้รับนามนี้) และทำให้พวกเขาร่ำไห้คร่ำครวญและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  เสียงร่ำไห้คร่ำครวญนี้มาจากแดนคนตายและจากนรก ไม่ใช่ผู้คนที่ร่ำไห้คร่ำครวญ แต่เป็นปีศาจ  เป็นการพิพากษาของเรานั่นเองที่นำมาซึ่งการร่ำไห้คร่ำครวญนี้ ที่นำความรอดสุดท้ายของแผนการบริหารจัดการของเรามาให้กับผู้คน  เราเคยมีความหวังให้กับผู้คนบางคนอยู่บ้าง  แต่ดูตอนนี้ เราต้องละทิ้งผู้คนเหล่านี้ทีละคน เพราะนี่คือช่วงระยะที่งานของเราได้มาถึงแล้ว และนี่คือบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้  ผู้คนทั้งหมดที่ไม่ใช่บรรดาบุตรหัวปีของเราหรือประชากรของเราต้องถูกละทิ้ง และต้องออกห่างจากเรา!  เจ้าต้องเข้าใจว่า ในประเทศจีน นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราและประชากรของเราแล้ว บุคคลอื่นทั้งหมดคือเชื้อสายของพญานาคใหญ่สีแดงและจะต้องถูกละทิ้ง  พวกเจ้าต้องเข้าใจว่า จะว่าไปแล้วประเทศจีนคือชนชาติที่ถูกเราสาปแช่ง และมีประชากรของเราไม่กี่คนที่นั่นที่ไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าพวกที่ทำการปรนนิบัติเพื่องานในอนาคตของเรา  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ก็ไม่มีบุคคลอื่นใด—พวกเขาทั้งหมดจะต้องพินาศ  จงอย่าคิดว่าเราสุดขั้วจนเกินไปในกิจการของเรา—นี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา  พวกที่ทุกข์ทนกับคำสาปแช่งของเราคือเป้าหมายของความเกลียดชังของเรา และการนี้ได้รับการกำหนดไว้อย่างมั่นคง  เราไม่ทำผิดพลาด หากเราเห็นคนบางคนที่ทำให้เราไม่พอใจ เราจะเตะพวกเขาออกไป นั่นคือหลักฐานที่เพียงพอว่าเจ้าถูกเราสาปแช่งและเป็นพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง  ให้เราได้ทำให้เจ้าเข้าใจอีกครั้ง—มีเพียงบรรดาบุตรหัวปีของเราเท่านั้นในประเทศจีน (นอกเหนือจากประชากรของเราผู้ทำการปรนนิบัติ) และนี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา  แต่บรรดาบุตรหัวปีของเราช่างมีน้อยนักและทั้งหมดเราได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว—เรารู้ว่าสิ่งใดที่เราทำ เราไม่เกรงกลัวความเป็นลบของเจ้า และเราไม่เกรงกลัวว่าเจ้าจะกลับมาแว้งกัดเรา เพราะเรามีประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราและเรามีความโกรธเคือง  นั่นจึงกล่าวได้ว่า เราถือความวิบัติใหญ่หลวงในมือของเรา และเราไม่เกรงกลัวสิ่งใด เนื่องจากเราคำนึงถึงทุกสรรพสิ่งว่าได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว และเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะรับมือกับเจ้าอย่างถ้วนทั่ว  คนเราไม่สามารถได้รับการทำให้เพียบพร้อมหรือได้รับการสอนใจจากมนุษย์ให้กลายเป็นบุตรหัวปีของเราได้—เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดไว้ล่วงหน้าของเราทั้งหมด  ใครก็ตามที่เราพูดว่าเป็นบุตรหัวปีเป็นบุตรหัวปี อย่าได้พยายามแข่งขันเพื่อเป็นบุตรหัวปีหรือไขว่คว้าการเป็นบุตรหัวปี  ทุกสรรพสิ่งขึ้นอยู่กับเรา พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์พระองค์เอง

วันหนึ่งเราจะยอมให้พวกเจ้าทั้งหมดเห็นว่าประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราคืออะไร และความโกรธเคืองของเราคืออะไร (พวกเจ้าทั้งหมดจะคุกเข่าเพื่อเรา ทั้งหมดจะนมัสการเรา ทั้งหมดจะขอร้องการให้อภัยจากเรา และทั้งหมดจะเชื่อฟัง ตอนนี้เรายอมให้แค่บรรดาบุตรหัวปีของเราเห็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้นเท่านั้น)  เราจะทำให้เชื้อสายทั้งหมดของพญานาคใหญ่สีแดงมองเห็นว่าเราได้เลือกผู้คนมากมายให้ถูกพลีอุทิศ (ทุกคนยกเว้นบรรดาบุตรหัวปีของเรา) เพื่อทำให้บรรดาบุตรหัวปีของเราเพียบพร้อม ว่าเราได้ทำให้พญานาคใหญ่สีแดงตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของมันเอง  (ในแผนการบริหารจัดการของเรา พญานาคใหญ่สีแดงส่งพวกที่ทำการปรนนิบัติเพื่อเราออกไป—นั่นคือ ทุกคนยกเว้นบรรดาบุตรหัวปีของเรา—เพื่อขัดจังหวะแผนการบริหารจัดการของเรา กระนั้น มันกลับได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของมันเอง และพวกมันทั้งหมดทำการปรนนิบัติให้กับงานของเรา  นี่คือส่วนหนึ่งของความหมายที่แท้จริงของการที่เราขับเคลื่อนผู้คนทั้งหมดให้ทำการปรนนิบัติเพื่อเรา)  วันนี้ เมื่อทุกสรรพสิ่งได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว เราจะกำจัดทิ้งพวกเขาทั้งหมด บดขยี้พวกเขาให้อยู่ใต้เท้าของเรา และโดยผ่านทางการนี้ เราจะเหยียดหยามพญานาคใหญ่สีแดงและทำให้มันละอายถึงที่สุด (พวกมันพยายามที่จะหลอกลวงเพื่อให้ได้รับพร แต่พวกมันไม่เคยคิดว่าพวกมันจะทำการปรนนิบัติเรา)—นี่คือปัญญาของเรา  เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ผู้คนคิดว่าเราปราศจากความรู้สึกหรือความปรานี และคิดว่าเราไม่มีสภาวะความเป็นมนุษย์  เราปราศจากความรู้สึกหรือความปรานีต่อซาตานอย่างแท้จริง และยิ่งไปกว่านั้น เราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงอยู่เหนือสภาวะความเป็นมนุษย์  เจ้าสามารถพูดได้อย่างไรว่าเราเป็นพระเจ้าที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์?  เจ้าไม่รู้หรือว่าเราไม่ได้เป็นของโลกนี้?  เจ้าไม่รู้หรือว่าเราอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง?  นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเราแล้ว ไม่มีผู้ใดเหมือนเรา ไม่มีผู้ใดที่มีอุปนิสัยของเรา (อุปนิสัยที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นของพระเจ้า) และไม่มีผู้ใดที่ครอบครองคุณสมบัติของเรา

เมื่อประตูสู่โลกฝ่ายจิตวิญญาณถูกเปิดออก พวกเจ้าจะเห็นความล้ำลึกทั้งหมด ซึ่งทำให้พวกเจ้าสามารถเข้าสู่อาณาจักรอิสระได้อย่างครบบริบูรณ์ เข้าสู่อ้อมกอดอันรักใคร่ของเรา และเข้าสู่พรนิรันดร์กาลของเรา  มือของเรารองรับมวลมนุษย์อยู่เสมอ  แต่มีส่วนหนึ่งของมวลมนุษย์ที่เราจะช่วยให้รอด และส่วนหนึ่งที่เราจะไม่ช่วยให้รอด  (เราพูดว่า “รองรับ” เพราะหากปราศจากการรองรับของเราแล้ว โลกทั้งโลกคงจะได้ตกลงสู่แดนคนตายไปนานแล้ว)  จงตระหนักการนี้!  นี่คือแผนการบริหารจัดการของเรา  แล้วแผนการบริหารจัดการของเราคืออะไร?  เราสร้างมวลมนุษย์ แต่เราไม่เคยวางแผนที่จะได้รับทุกๆ บุคคล เราวางแผนเพียงให้ได้รับส่วนเล็กน้อยของมวลมนุษย์เท่านั้น  ดังนั้นแล้ว เหตุใดเราจึงสร้างผู้คนมากมายนัก?  เราได้พูดก่อนหน้าแล้วว่า กับเราแล้วทั้งหมดคืออิสรภาพและการปลดปล่อย และเราทำสิ่งใดก็ตามที่เราปรารถนา  เมื่อเราสร้างมวลมนุษย์ การสร้างนั้นเป็นไปเพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตที่ปกติได้และจากนั้นจึงอาจมีส่วนเล็กน้อยของมวลมนุษย์ที่จะเป็นบรรดาบุตรหัวปีของเรา บรรดาบุตรของเรา และบรรดาผู้คนของเราเกิดขึ้นเพียงเท่านั้น  สามารถพูดได้ว่าผู้คน เหตุการณ์ และเป้าหมายทั้งหมด—นอกเหนือจากบรรดาบุตรหัวปีของเรา บรรดาบุตรของเรา และบรรดาผู้คนของเรา—ทั้งหมดคือคนปรนนิบัติและต้องพินาศทั้งหมด  ในหนทางนี้ แผนการบริหารจัดการทั้งหมดของเราจะได้รับการสรุปปิดตัว  นี่คือแผนการบริหารจัดการของเรา แผนนี้คืองานของเรา และแผนนี้คือขั้นตอนที่เราใช้ปฏิบัติ  เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลง เราจะหยุดพักอย่างครบบริบูรณ์  ในเวลานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะสุขสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบสุขและปลอดภัย

ย่างก้าวของงานของเรานั้นเร็วมากจนเกินจินตนาการของมนุษย์  จังหวะนี้เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน และใครก็ตามที่ไม่สามารถตามทันได้จะทุกข์ทนกับการสูญเสีย คนเราสามารถเพียงยึดมั่นในความสว่างใหม่ทุกวัน (ถึงแม้ว่าไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา อีกทั้งนิมิตและความจริงที่เราสามัคคีธรรม)  เหตุใดเราจึงพูดทุกวัน?  เหตุใดเราจึงมอบความรู้แจ้งให้เจ้าอยู่เนืองนิตย์?  เจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงภายในหรือไม่?  ขณะนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงกำลังหัวเราะและเล่นตลก และไม่สามารถจริงจังได้  พวกเขาไม่ใส่ใจไม่ว่าอะไรก็ตามกับคำพูดของเราเลย แต่แค่รู้สึกถึงความกังวลที่ผ่านไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเรา  หลังจากนั้น คำพูดของเราก็ถูกลืมในไม่ช้า และในไม่ช้าพวกเขาก็ไม่ตระหนักรู้ถึงอัตลักษณ์ของพวกเขาเอง และพวกเขากลายเป็นไม่ระมัดระวัง  เจ้ารู้หรือไม่ว่าสภาพของเจ้าคืออะไร?  การที่คนบางคนทำการปรนนิบัติเพื่อเราหรือได้รับการกำหนดไว้ก่อนและได้รับเลือกโดยเราหรือไม่นั้น ได้รับการจัดการด้วยมือของเราเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงการนี้ได้—เราต้องทำการนี้ด้วยตัวเราเอง เราต้องเลือกและกำหนดพวกเขาไว้ก่อนด้วยตัวเราเอง  ใครกล้าพูดบ้างว่าเราเป็นพระเจ้าที่ไม่รอบรู้?  ทุกๆ คำพูดที่เราพูดและทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำคือปัญญาของเรา  ใครกล้าที่จะขัดจังหวะการบริหารจัดการของเราหรือทำลายแผนของเราอีกครั้ง?  เราจะไม่อภัยให้พวกเขาอย่างแน่นอน!  เวลาอยู่ในมือของเรา และเราไม่เกรงกลัวการล่าช้าใดๆ เราไม่ใช่องค์หนึ่งเดียวผู้ตัดสินพระทัยเรื่องเวลาที่แผนการบริหารจัดการของเราจะสิ้นสุดลงหรอกหรือ?  ทั้งหมดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคิดเดียวของเราหรอกหรือ?  เมื่อเราพูดว่ามันเสร็จสิ้น มันก็เสร็จสิ้น และเมื่อเราพูดว่ามันสิ้นสุด มันก็สิ้นสุด  เราไม่เร่งรีบและเราจะทำการจัดการเตรียมการที่เหมาะสม  ผู้คนต้องไม่ยื่นจมูกของพวกเขามายุ่งเรื่องงานของเรา และพวกเขาต้องไม่ทำสิ่งทั้งหลายเพื่อเราในวิธีใดๆ ก็ตามที่พวกเขาพอใจ  เราสาปแช่งผู้ใดก็ตามที่ยื่นจมูกของพวกเขามายุ่ง—นี่คือหนึ่งในประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา  เราทำงานของเราด้วยตัวเราเอง และเราไม่ต้องการผู้คนอื่นใด (เราอนุญาตให้คนปรนนิบัติเหล่านั้นปฏิบัติได้ มิฉะนั้นแล้วพวกเขาจะไม่กล้าปฏิบัติอย่างหุนหันหรือไม่ลืมหูลืมตา)  งานทั้งหมดได้รับการจัดการเตรียมการโดยเรา และตัดสินใจโดยเรา เพราะเราคือพระเจ้าพระองค์เององค์หนึ่งเดียว

ชนชาติทั้งมวลของโลกแข่งขันกันเพื่อให้ได้อำนาจและผลกำไร และต่อสู้แย่งแผ่นดิน แต่จงอย่าตื่นกลัวไป เพราะทุกสรรพสิ่งเหล่านี้เป็นการปรนนิบัติของเรา  แล้วเหตุใดเราจึงพูดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการปรนนิบัติของเรา?  เราทำสิ่งทั้งหลายโดยไม่ต้องยกนิ้ว  ในการพิพากษาซาตาน อันดับแรกเราทำให้พวกมันโต้เถียงกันเองก่อน แล้วในที่สุดก็นำพวกมันมาสู่ความพินาศและทำให้พวกมันตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของพวกมันเอง (พวกมันปรารถนาที่จะแข่งขันกับเราเพื่อให้ได้ฤทธิ์เดช แต่พวกมันลงท้ายด้วยการทำการปรนนิบัติเพื่อเรา)  เราเพียงพูดและออกคำสั่งของเราเท่านั้น และทุกคนก็ทำสิ่งที่เราบอกให้เจ้าทำ หรือมิฉะนั้นแล้วเราจะทำลายเจ้าโดยทันที  สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการพิพากษาของเรา ด้วยเหตุที่เราบัญชาทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งได้รับการสถาปนาโดยเรา  ไม่ว่าใครก็ตามจะทำสิ่งใดก็ตาม พวกเขาทำเช่นนั้นโดยไม่ได้รู้ตัว และทำเช่นนั้นตามการจัดการเตรียมการของเรา  เราหวังว่าพวกเจ้าสามารถเต็มไปด้วยปัญญาของเราในเหตุการณ์ที่จะบังเกิดในไม่ช้า  จงอย่าใช้วิธีเข้าหาที่สะเพร่า แต่เข้าใกล้เราให้มากขึ้นและบ่อยขึ้นเมื่อสิ่งทั้งหลายบังเกิดแก่เจ้า จงพิถีพิถันและระมัดระวังให้มากขึ้นในทุกด้านเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดการตีสอนของเรา และเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของแผนการอันเจ้าเล่ห์ของซาตาน  พวกเจ้าควรได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกจากคำพูดของเรา รู้สิ่งที่เราเป็น และมองเห็นสิ่งที่เรามี  พวกเจ้าต้องทำสิ่งทั้งหลายตามการแสดงความหมายของเรา และต้องไม่ปฏิบัติอย่างสะเพร่า  ทำสิ่งที่เราทำ และพูดสิ่งที่เราพูด  เราพูดสิ่งเหล่านี้กับพวกเจ้าไว้ล่วงหน้า เพื่อที่พวกเจ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดและหลีกเลี่ยงการถูกทดลอง  “สิ่งที่เราเป็น” และ “สิ่งครอบครองของเรา” คืออะไร?  พวกเจ้ารู้จริงๆ หรือไม่?  ความเจ็บปวดที่เราทุกข์ทนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเป็น เนื่องจากมันเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ปกติของเรา และสิ่งที่เราเป็นยังสามารถพบได้ในเทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเราด้วยเช่นกัน—พวกเจ้ารู้การนี้หรือไม่?  สิ่งที่เราเป็นประกอบด้วยสองแง่มุม กล่าวคือ แง่มุมหนึ่งคือแง่มุมของสภาวะความเป็นมนุษย์ของเรา ในขณะที่อีกแง่มุมหนึ่งคือแง่มุมของเทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเรา  เพียงสองแง่มุมนี้รวมกันเท่านั้นที่ทำให้เกิดพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครบบริบูรณ์  สิ่งที่เทวสภาพที่ครบบริบูรณ์ของเราเป็นยังรวมถึงสิ่งดีๆ มากมายหลายประการด้วยเช่นกัน กล่าวคือ เราไม่ทุกข์ทนกับการยับยั้งโดยบุคคลใด เรื่องใด หรือสิ่งใด เราอยู่เหนือสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เราเกินจากข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับเวลา หรือพื้นที่ หรือภูมิศาสตร์ เรารู้จักผู้คน เรื่อง และสิ่งทั้งหลายทั้งหมดอย่างแท้จริงราวกับหลังมือของเรา แต่กระนั้น เรายังคงเป็นเนื้อหนังและกระดูก และเราปรากฏในรูปสัณฐานที่จับต้องได้ เรายังคงเป็นสภาวะบุคคลนี้ในสายตาของผู้คน แต่ธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว—นั่นไม่ใช่เนื้อหนัง แต่เป็นกาย  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเทวสภาพ  บรรดาบุตรหัวปีทั้งหมดของเราก็จะเป็นเช่นนี้เช่นกันในอนาคต นี่คือวิถีที่ต้องมีการก้าวย่าง และพวกที่ได้ถูกชี้ชะตากรรมแล้วไม่อาจจะหลีกหนีได้  ขณะที่เรากำลังดำเนินการนี้ ผู้คนทั้งหมดที่ไม่ได้รับการกำหนดไว้ก่อนจะถูกเตะออกไป (เพราะนี่คือการที่ซาตานทดสอบเราเพื่อดูว่าคำพูดของเราถูกต้องแม่นยำหรือไม่)  บรรดาผู้ที่ได้รับการกำหนดไว้ก่อนไม่สามารถหลีกหนีไปได้ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะไปที่ใด และด้วยการนั้น พวกเจ้าจะมองเห็นหลักธรรมที่อยู่เบื้องหลังกิจการนี้ของเรา  คำว่า “สิ่งครอบครองของเรา” อ้างอิงถึงปัญญาของเรา ความรู้ของเรา ความเจ้าความคิดของเรา และทุกๆ คำพูดที่เราพูด  ทั้งสภาวะความเป็นมนุษย์ของเราและเทวสภาพของเราครอบครองสิ่งนี้  นั่นจึงกล่าวได้ว่า ทั้งหมดที่ได้รับการดำเนินการเสร็จสิ้นโดยสภาวะความเป็นมนุษย์ของเรา อีกทั้งที่ได้รับการดำเนินการเสร็จสิ้นโดยเทวสภาพของเราคือสิ่งที่เรามีครอบครอง ไม่มีผู้ใดสามารถนำสิ่งเหล่านี้ออกไปหรือโยกย้ายสิ่งเหล่านี้ได้ สิ่งเหล่านี้อยู่ในความเป็นเจ้าของของเรา และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้  นี่คือประกาศกฤษฎีกาบริหารที่รุนแรงที่สุดของเรา (ด้วยเหตุที่ในมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์นั้น สิ่งทั้งหลายมากมายที่เราทำนั้นไม่สอดคล้องกับมโนคติที่หลงผิดของพวกเขาและเกินความเข้าใจของมนุษย์ นี่คือคำบัญชาที่ทุกๆ บุคคลละเมิดง่ายที่สุด และยังมีความรุนแรงที่สุดเช่นกัน  ดังนั้น ชีวิตของพวกเขาจึงทุกข์ทนกับการสูญเสียในมโนคติที่หลงผิดนั้น)  เราจะพูดอีกครั้ง เจ้าต้องใช้วิธีเข้าหาที่มีมโนธรรมกับสิ่งที่เราเตือนสติให้พวกเจ้าทำ—เจ้าต้องไม่เลินเล่อ!

ก่อนหน้า: บทที่ 94

ถัดไป: บทที่ 96

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger