รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์

ตอนนี้ พวกเจ้าจงไล่ตามเสาะหาการเป็นประชากรของพระเจ้า แล้วพวกเจ้าจะเริ่มเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องโดยบริบูรณ์  การเป็นประชากรของพระเจ้าหมายถึงการเข้าสู่ยุคราชอาณาจักร  วันนี้เจ้าเริ่มเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ และชีวิตในอนาคตของพวกเจ้าจะเลิกย่อหย่อนและเหลวไหลดังที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อมีชีวิตในแนวทางนั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุมาตรฐานที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์  หากเจ้าไม่รู้สึกถึงความเร่งด่วนใดๆ นี่ก็แสดงว่าเจ้าไม่ปรารถนาที่จะปรับปรุงตัวเจ้าเอง แสดงว่าการไล่ตามเสาะหาของเจ้ายุ่งเหยิงและสับสน และเจ้าไม่สามารถสนองเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้  การเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักรหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตแห่งประชากรของพระเจ้า—เจ้าเต็มใจยอมรับการฝึกฝนเช่นนั้นหรือไม่?  เจ้าเต็มใจที่จะรู้สึกถึงสำนึกของความเร่งด่วนหรือไม่?  เจ้าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตภายใต้การบ่มวินัยของพระเจ้าหรือไม่?  เจ้าเต็มใจที่จะใช้ชีวิตภายใต้การตีสอนของพระเจ้าหรือไม่?  เมื่อพระวจนะของพระเจ้ามาถึงเจ้าและทดสอบเจ้า เจ้าจะกระทำการอย่างไร?  และเจ้าจะทำสิ่งใดเมื่อเผชิญกับข้อเท็จจริงสารพัดอย่าง?  ในอดีต สิ่งที่เจ้ามุ่งเน้นไม่ใช่ชีวิต วันนี้เจ้าต้องมุ่งเน้นไปที่การเข้าสู่ความเป็นจริงชีวิต และไล่ตามเสาะหาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในอุปนิสัยแห่งการดำเนินชีวิตของเจ้า  นี่คือสิ่งที่ประชากรของราชอาณาจักรต้องสัมฤทธิ์  ทุกคนที่เป็นประชากรของพระเจ้าต้องครอบครองชีวิต พวกเขาต้องยอมรับการฝึกฝนของราชอาณาจักร และไล่ตามเสาะหาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในอุปนิสัยแห่งการดำเนินชีวิตของพวกเขา  นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์จากประชากรของราชอาณาจักร

ข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าสำหรับประชากรของราชอาณาจักรมีดังต่อไปนี้

1. พวกเขาต้องยอมรับพระบัญชาของพระเจ้า  กล่าวคือ พวกเขาต้องยอมรับพระวจนะทุกคำที่ตรัสไว้ในพระราชกิจยุคสุดท้ายของพระเจ้า

2. พวกเขาต้องเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักร

3. พวกเขาต้องไล่ตามเสาะหาการทำให้หัวใจของพวกเขาได้รับสัมผัสจากพระเจ้า  เมื่อหัวใจของเจ้าหันเข้าหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์และเจ้ามีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ เจ้าก็จะอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งอิสรภาพ ซึ่งหมายความว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลและคุ้มครองปกป้องแห่งความรักของพระเจ้า  เฉพาะเมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลและคุ้มครองปกป้องของพระเจ้าเท่านั้นที่เจ้าจะเป็นของพระเจ้า

4. พวกเขาต้องได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า

5. พวกเขาต้องเป็นการสำแดงพระสิริของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก

ห้าประเด็นนี้คือบัญชาที่เรามีต่อพวกเจ้า  วจนะของเรากล่าวแก่ประชากรของพระเจ้า และหากเจ้าไม่เต็มใจยอมรับบัญชาเหล่านี้ เราจะไม่บังคับเจ้า—แต่หากเจ้ายอมรับบัญชาเหล่านี้อย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะสามารถทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  วันนี้พวกเจ้าเริ่มยอมรับบัญชาของพระเจ้า และไล่ตามเสาะหาการเป็นประชากรของราชอาณาจักรและบรรลุมาตรฐานที่พึงประสงค์ของการเป็นประชากรของราชอาณาจักร  นี่คือก้าวแรกของการเข้าสู่  หากเจ้าปรารถนาที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างครบถ้วน เช่นนั้นแล้ว เจ้าต้องยอมรับบัญชาทั้งห้าประการนี้ และหากเจ้ามีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์บัญชาเหล่านี้ได้ เจ้าก็จะทำได้ตามเจตนารมณ์ของพระเจ้า และแน่นอนว่าพระเจ้าจะใช้เจ้าให้เป็นประโยชน์อย่างมาก  สิ่งที่สำคัญยิ่งยวดในวันนี้คือการเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักร  การเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักรเกี่ยวข้องกับชีวิตฝ่ายวิญญาณ  ก่อนหน้านี้ไม่มีการพูดคุยถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณ แต่วันนี้ขณะที่เจ้าเริ่มเข้าสู่การฝึกฝนของราชอาณาจักร เจ้าก็เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างเป็นทางการ

ชีวิตแบบใดคือชีวิตฝ่ายวิญญาณ?  ชีวิตฝ่ายวิญญาณคือชีวิตที่หัวใจของเจ้าหันเข้าหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ และสามารถที่จะใส่ใจในความรักของพระเจ้า  เป็นการมีชีวิตอยู่ในวจนะของพระเจ้า และไม่มีสิ่งอื่นใดจับจองหัวใจของเจ้า และเจ้าย่อมสามารถทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าในวันนี้ และได้รับการนำโดยความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้เพื่อที่จะทำหน้าที่ของเจ้า  ชีวิตแบบนี้ซึ่งเป็นชีวิตระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าคือชีวิตฝ่ายวิญญาณ  หากเจ้าไม่สามารถติดตามความสว่างของวันนี้ เช่นนั้นแล้ว สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าย่อมมีระยะห่าง—อาจถึงขั้นขาดจากกันก็เป็นได้—แล้วเจ้าก็ปราศจากชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ  สัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าสร้างขึ้นบนรากฐานของการยอมรับพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้  เจ้ามีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติหรือไม่?  เจ้ามีสัมพันธภาพอันปกติกับพระเจ้าหรือไม่?  เจ้าคือใครคนหนึ่งที่ติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?  หากเจ้าสามารถติดตามความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ และสามารถทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าที่อยู่ในพระวจนะของพระองค์ได้ และเข้าสู่พระวจนะเหล่านี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็คือใครคนหนึ่งที่ติดตามกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์  หากเจ้าไม่ติดตามกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็คือใครคนหนึ่งที่ไม่ไล่ตามเสาะหาความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย  พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีโอกาสที่จะทรงพระราชกิจภายในบรรดาผู้ที่ไม่ปรารถนาที่จะปรับปรุงตนเอง และผลก็คือผู้คนเช่นนั้นไม่มีวันที่จะสามารถรวบรวมพละกำลังของพวกเขาได้และคิดลบอยู่เรื่อยไป  วันนี้เจ้าติดตามกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?  เจ้าอยู่ในกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?  เจ้าออกมาจากสภาวะที่คิดลบแล้วหรือยัง?  บรรดาผู้ที่เชื่อในพระวจนะของพระเจ้า ยึดพระราชกิจของพระเจ้าเป็นรากฐาน และติดตามความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้—พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์  หากเจ้าเชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าแท้จริงและถูกต้องอย่างปราศจากความเคลือบคลุมสงสัย และหากเจ้าเชื่อพระวจนะของพระเจ้าไม่ว่าพระองค์จะตรัสว่าอย่างไร เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็คือใครคนหนึ่งที่ไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่พระราชกิจของพระเจ้า และด้วยหนทางนี้ เจ้าย่อมสนองเจตนารมณ์ของพระเจ้า

เพื่อเข้าสู่กระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจ้าต้องมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า และเจ้าต้องขจัดสภาวะที่คิดลบของเจ้าเสียก่อน  บางคนติดตามคนหมู่มากอยู่เสมอ และหัวใจของพวกเขาหลงผิดจากพระเจ้าไปไกลเกินไป ผู้คนเช่นนั้นไม่มีความปรารถนาที่จะปรับปรุงตนเอง และมาตรฐานที่พวกเขาไล่ตามเสาะหาก็ต่ำเกินไป  มีเพียงการไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้าและถูกพระเจ้ารับไว้เท่านั้นที่เป็นเจตนารมณ์ของพระเจ้า  มีผู้คนที่ใช้เพียงมโนธรรมของตนมาตอบแทนความรักของพระเจ้า แต่นี่ไม่สามารถเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้ ยิ่งเจ้าไล่ตามเสาะหามาตรฐานที่สูงขึ้นเท่าใด ก็จะยิ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  ในฐานะใครคนหนึ่งที่ปกติและไล่ตามเสาะหาการรักพระเจ้า การเข้าสู่ราชอาณาจักรเพื่อกลายเป็นหนึ่งในประชากรของพระเจ้าคืออนาคตที่แท้จริงของพวกเจ้า และเป็นชีวิตที่มีคุณค่าและมีนัยสำคัญมากที่สุด ไม่มีผู้ใดได้รับพรมากไปกว่าพวกเจ้า  เหตุใดเราจึงกล่าวเช่นนี้?  เพราะพวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อเนื้อหนัง และพวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อซาตาน แต่วันนี้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า และมีชีวิตอยู่เพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล่าวว่าชีวิตของพวกเจ้ามีนัยสำคัญมากที่สุด  เฉพาะผู้คนกลุ่มนี้ซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตที่มีนัยสำคัญมากที่สุด นั่นคือ ไม่มีใครอีกเลยในแผ่นดินโลกที่สามารถใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและมีความหมายเช่นนี้ได้  เนื่องจากพระเจ้าเลือกสรรและฟูมฟักพวกเจ้า และยิ่งไปกว่านั้นคือ เพราะความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อพวกเจ้า พวกเจ้าจึงได้มีความเข้าใจในชีวิตที่แท้จริงและรู้วิธีใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากที่สุด  นี่ไม่ใช่เพราะการไล่ตามเสาะหาของพวกเจ้านั้นดี แต่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าต่างหากที่ทรงเปิดดวงตาให้แก่วิญญาณของพวกเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าต่างหากที่ได้สัมผัสหัวใจของพวกเจ้า โดยประทานโชคอันดีงามให้พวกเจ้ามาเฉพาะพระพักตร์พระองค์  หากพระวิญญาณของพระเจ้าไม่ได้ประทานความรู้แจ้งแก่พวกเจ้า เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าก็คงจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งดีงามเกี่ยวกับพระเจ้าได้ อีกทั้งคงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะรักพระเจ้า  ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพระวิญญาณของพระเจ้าได้สัมผัสหัวใจของผู้คน ทำให้หัวใจของพวกเขาหันเข้าหาพระเจ้า  บางครั้งเมื่อเจ้ากำลังชื่นชมพระวจนะของพระเจ้า วิญญาณของเจ้าก็ได้รับการสัมผัส และเจ้ารู้สึกว่าเจ้าอดไม่ได้ที่จะรักพระเจ้า รู้สึกว่ามีพละกำลังมหาศาลภายในตัวเจ้า และรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่สามารถละวางได้  หากเจ้ารู้สึกเช่นนี้ เจ้าก็ได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว และหัวใจของเจ้าก็ได้หันเข้าหาพระเจ้าทั้งหมดแล้ว และเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเจ้าแล้วกล่าวว่า “โอ พระเจ้า!  พวกเราได้รับการลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้รับการเลือกสรรจากพระองค์อย่างแท้จริง  พระสิริของพระองค์ยังความภาคภูมิใจให้แก่ข้าพระองค์ และข้าพระองค์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นหนึ่งในประชากรของพระองค์  ข้าพระองค์จะยอมสละสิ่งใดก็ตามและมอบสิ่งใดก็ตามเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และจะอุทิศขวบปีทั้งหมดของข้าพระองค์รวมถึงความพยายามทั้งชีวิตแด่พระองค์”  เมื่อเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ ก็จะมีความรักที่ไม่สิ้นสุดและการนบนอบพระเจ้าอย่างแท้จริงอยู่ในหัวใจของเจ้า  เจ้าเคยมีประสบการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่?  หากผู้คนได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณของพระเจ้าบ่อยครั้ง เช่นนั้นแล้ว พวกเขาย่อมเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะอุทิศตนแก่พระเจ้าในคำอธิษฐานของพวกเขาว่า  “โอ พระเจ้า!  ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมองเห็นวันแห่งพระสิริของพระองค์ และข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์—ไม่มีสิ่งใดมีค่าหรือมีความหมายมากไปกว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ และข้าพระองค์ไม่ได้มีความอยากที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อซาตานและเนื้อหนังแม้แต่น้อย  พระองค์ทรงฟูมฟักข้าพระองค์โดยการทำให้ข้าพระองค์สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ในวันนี้”  เมื่อเจ้าได้อธิษฐานด้วยวิธีนี้ เจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าอดไม่ได้ที่จะมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า รู้สึกว่าเจ้าต้องได้รับพระเจ้า และรู้สึกว่าเจ้าเกลียดที่จะตายโดยปราศจากการได้รับพระเจ้าขณะที่เจ้ามีชีวิตอยู่  เมื่อได้กล่าวอธิษฐานเช่นนั้นออกไป ย่อมจะมีพละกำลังที่ไม่รู้จักหมดอยู่ภายในตัวเจ้า และเจ้าจะไม่รู้ว่าพละกำลังนั้นมาจากที่ใด ในหัวใจของเจ้าจะมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด และเจ้าจะมีสำนึกรับรู้ว่าพระเจ้าดีงามยิ่งนัก และพระองค์มีค่าควรที่จะรัก  นี่คือเวลาที่เจ้าจะได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า  บรรดาผู้คนที่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นล้วนได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า  สำหรับผู้ที่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าบ่อยครั้ง ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายย่อมบังเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา พวกเขาสามารถทำตามปณิธานของพวกเขาได้และเต็มใจที่จะรับพระเจ้าไว้โดยบริบูรณ์ เมื่อเทียบไปแล้ว หัวใจที่รักพระเจ้าของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น และหัวใจของพวกเขาได้หันหาพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงครอบครัว โลก ความยุ่งเหยิงทั้งหลาย หรืออนาคตของพวกเขา และพวกเขาเต็มใจที่จะอุทิศความพยายามทั้งชีวิตแด่พระเจ้า  บรรดาผู้ที่ได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้าคือผู้คนที่ไล่ตามเสาะหาความจริงและมีความหวังที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า

เจ้าได้หันหัวใจของเจ้าเข้าหาพระเจ้าแล้วหรือยัง?  หัวใจของเจ้าถูกพระวิญญาณของพระเจ้าสัมผัสแล้วหรือยัง?  หากเจ้าไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น และหากเจ้าไม่เคยอธิษฐานด้วยวิธีนั้น เช่นนั้นแล้ว นี่แสดงว่าพระเจ้าไม่ทรงมีพื้นที่ในหัวใจของเจ้า  บรรดาผู้ที่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำและผู้ที่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสัมผัส ย่อมมีพระราชกิจของพระเจ้า ซึ่งแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าและความรักของพระเจ้าได้ฝังรากอยู่ภายในตัวพวกเขาแล้ว  ผู้คนบางส่วนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้จริงจังจริงใจในการอธิษฐานของฉันมากเท่าคุณ อีกทั้งพระเจ้าก็ไม่ได้ทรงสัมผัสฉันถึงขนาดนั้น บางครั้ง—เมื่อฉันใคร่ครวญและอธิษฐาน—ฉันรู้สึกว่าพระเจ้าทรงดีงาม และหัวใจของฉันได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า”  ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าหัวใจของมนุษย์  เมื่อหัวใจของเจ้าหันเข้าหาพระเจ้าแล้ว ความเป็นอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าก็จะหันเข้าหาพระเจ้า และในเวลานั้นหัวใจของเจ้าจะได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้า  พวกเจ้าส่วนใหญ่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นแล้ว—เพียงแต่ความลึกซึ้งในประสบการณ์ของพวกเจ้าไม่เหมือนกัน  บางคนกล่าวว่า “ฉันไม่กล่าวคำอธิษฐานมากนัก ฉันเพียงฟังการเข้าสนิทของผู้อื่นแล้วจึงมีพละกำลังผุดขึ้นในตัวฉัน”  นี่แสดงว่าเจ้าได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าอยู่ภายใน  ผู้คนที่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าอยู่ภายในได้รับแรงดลใจเมื่อพวกเขาได้ฟังการเข้าสนิทของผู้อื่น หากหัวใจของบุคคลหนึ่งยังคงไม่สะทกสะท้านโดยสิ้นเชิงเมื่อพวกเขาได้ฟังคำที่สร้างแรงดลใจ เช่นนั้นแล้ว นี่พิสูจน์ว่าไม่มีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในตัวพวกเขา  ไม่มีการโหยหาภายในตัวพวกเขา ซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจแน่วแน่ และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงปราศจากพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  หากบุคคลหนึ่งได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า พวกเขาย่อมจะมีปฏิกิริยาเมื่อพวกเขาได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า หากพวกเขาไม่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ยังไม่มีส่วนร่วมในพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กับพระวจนะ และพวกเขาไม่สามารถได้รับความรู้แจ้ง  บรรดาผู้ที่ได้ฟังพระวจนะของพระเจ้าแล้วไม่มีปฏิกิริยา คือผู้ที่พระเจ้ายังไม่ได้ทรงสัมผัส—พวกเขาเป็นผู้คนที่ปราศจากพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  บรรดาผู้คนที่สามารถยอมรับความสว่างใหม่ล้วนได้รับการสัมผัสและมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

จงประเมินตนเอง ดังนี้

1. เจ้าอยู่ท่ามกลางพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?

2. หัวใจของเจ้าหันเข้าหาพระเจ้าแล้วหรือยัง?  เจ้าได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าแล้วหรือยัง?

3. วจนะของพระเจ้าฝังรากอยู่ในตัวเจ้าแล้วหรือยัง?

4. การปฏิบัติของเจ้าก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานที่เป็นข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่?

5. เจ้ามีชีวิตอยู่ภายใต้การนำของความสว่างปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?

6. หัวใจของเจ้าถูกมโนคติที่หลงผิดเก่าๆ ปกครอง หรือถูกพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ปกครอง?

เมื่อได้ฟังวจนะเหล่านี้ ปฏิกิริยาภายในตัวพวกเจ้าเป็นเช่นไร?  หลังจากที่มีความเชื่อมาตลอดเวลาหลายปีนี้ เจ้ามีพระวจนะของพระเจ้าเหมือนที่มีชีวิตของเจ้าหรือไม่?  มีความเปลี่ยนแปลงใดในอุปนิสัยที่เสื่อมทรามแต่เก่าก่อนของเจ้าหรือไม่?  ตามพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการมีชีวิตคืออะไร และจะเป็นอย่างไรหากไร้ซึ่งชีวิต?  เช่นนี้ชัดเจนสำหรับพวกเจ้าหรือไม่?  ความสำคัญหลักในการติดตามพระเจ้าคือทุกสิ่งควรเป็นไปอย่างสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ กล่าวคือ ไม่ว่าเจ้าจะไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ชีวิตหรือการสนองเจตนารมณ์ของพระเจ้าก็ตาม ทุกสิ่งควรมีศูนย์กลางอยู่ที่พระวจนะของพระเจ้าในวันนี้  หากสิ่งที่เจ้าสามัคคีธรรมและแสวงหาการเข้าไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่พระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็แปลกหน้าต่อพระวจนะของพระเจ้า และสูญเสียพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง  สิ่งที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์คือผู้คนที่ติดตามรอยพระบาทของพระองค์  ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าเข้าใจมาก่อนนั้นจะมหัศจรรย์และบริสุทธิ์เพียงใด พระเจ้าก็ไม่ทรงต้องประสงค์สิ่งนั้น และหากเจ้าไม่สามารถละวางสิ่งเหล่านั้นได้ เช่นนั้นแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเข้าสู่ของเจ้าในอนาคต  บรรดาผู้ที่สามารถติดตามความสว่างปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมได้รับพร  ผู้คนในยุคก่อนๆ ก็ติดตามรอยพระบาทของพระเจ้าเช่นกัน แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถติดตามมาจนถึงทุกวันนี้ นี่จึงเป็นพรของผู้คนในยุคสุดท้าย  บรรดาผู้ที่สามารถติดตามพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้และสามารถติดตามรอยพระบาทของพระเจ้าจนถึงขนาดที่พวกเขาติดตามพระเจ้าไปไม่ว่าพระองค์จะทรงนำทางพวกเขาไปยังที่ใด—เหล่านี้คือผู้คนที่ได้รับพรจากพระเจ้า  พวกที่ไม่ได้ติดตามพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมไม่ได้เข้าสู่พระราชกิจแห่งพระวจนะของพระเจ้า และไม่ว่าพวกเขาจะทำงานมากมายเพียงใด หรือความทุกข์ของพวกเขาใหญ่หลวงเพียงใด หรือพวกเขาวิ่งวุ่นเพียงใด สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไรกับพระเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงชมเชยพวกเขา  วันนี้บรรดาผู้ที่ติดตามพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าล้วนอยู่ในกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกที่แปลกหน้าต่อพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ต่างอยู่นอกกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้คนเช่นนั้นไม่ได้รับการชมเชยจากพระเจ้า  การปรนนิบัติที่เลิกร้างจากถ้อยดำรัสปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือการปรนนิบัติที่เกิดจากเนื้อหนังและมโนคติอันหลงผิด และเป็นไปไม่ได้ที่จะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระเจ้า  หากผู้คนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดที่ตรงตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้ และแม้ว่าพวกเขาจะรับใช้พระเจ้า แต่พวกเขาก็รับใช้ท่ามกลางจินตนาการและมโนคติอันหลงผิดของพวกเขา และไม่สามารถรับใช้ตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้โดยสิ้นเชิง  พวกที่ไม่สามารถติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้า และพวกที่ไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าก็ไม่สามารถรับใช้พระเจ้าได้  พระเจ้าทรงต้องประสงค์การปรนนิบัติที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงต้องประสงค์การปรนนิบัติที่มาจากมโนคติอันหลงผิดและเนื้อหนัง  หากผู้คนไม่สามารถติดตามขั้นตอนของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ท่ามกลางมโนคติอันหลงผิด  การปรนนิบัติของผู้คนเช่นนั้นรบกวนและทำให้เกิดการหยุดชะงัก และการปรนนิบัติเช่นนั้นวิ่งสวนทางกับพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้ พวกที่ไม่สามารถติดตามรอยพระบาทของพระเจ้าจึงไม่สามารถรับใช้พระเจ้า พวกที่ไม่สามารถติดตามรอยพระบาทของพระเจ้ามักจะต่อต้านพระเจ้าเป็นส่วนใหญ่ และไม่สามารถเข้ากันได้กับพระเจ้า  “การติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์” หมายถึงการเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าในวันนี้ สามารถกระทำการอย่างสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ในปัจจุบันของพระเจ้า สามารถนบนอบและติดตามพระเจ้าของวันนี้ และเข้าสู่อย่างสอดคล้องกับถ้อยดำรัสใหม่ล่าสุดของพระเจ้า  นี่คือใครคนหนึ่งที่ติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และอยู่ในกระแสของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น  ผู้คนเช่นนี้ไม่เพียงสามารถรับการสรรเสริญจากพระเจ้าและมองเห็นพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้าจากพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้า และสามารถรู้จักมโนคติอันหลงผิดและการกบฏของมนุษย์และธรรมชาติและแก่นแท้ของมนุษย์จากพระราชกิจล่าสุดของพระองค์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังสามารถค่อยๆ สัมฤทธิ์การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในอุปนิสัยของพวกเขาในระหว่างการปรนนิบัติของพวกเขา  เฉพาะผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถได้รับพระเจ้า และเป็นผู้ที่พบหนทางที่แท้จริงโดยแท้  พวกที่ถูกพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กำจัดออกไปคือผู้คนที่ไม่สามารถติดตามพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้าและกบฏต่อพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้า  การที่ผู้คนเช่นนั้นต่อต้านพระเจ้าอย่างเปิดเผยเป็นเพราะพระเจ้าได้ทำพระราชกิจใหม่ และเพราะภาพลักษณ์ของพระเจ้าไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ในมโนคติอันหลงผิดของพวกเขา—ผลของการนี้คือ พวกเขาต่อต้านพระเจ้าอย่างเปิดเผยและตัดสินพระเจ้า ซึ่งส่งผลให้พวกเขาเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของพระเจ้า  การครอบครองความรู้เกี่ยวกับพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากผู้คนมีจิตใจที่จะนบนอบพระราชกิจของพระเจ้าและแสวงหาพระราชกิจของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พวกเขาย่อมจะมีโอกาสมองเห็นพระเจ้า และจะมีโอกาสได้รับการทรงนำครั้งใหม่ล่าสุดของพระวิญญาณบริสุทธิ์  พวกที่ต่อต้านพระราชกิจของพระเจ้าโดยเจตนา จะไม่สามารถรับความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือการทรงนำของพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้ การที่ผู้คนจะสามารถได้รับพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพระคุณของพระเจ้า ขึ้นอยู่กับการไล่ตามเสาะหาของพวกเขา และขึ้นอยู่กับเจตนาของพวกเขา

บรรดาผู้ที่สามารถนบนอบถ้อยดำรัสปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมได้รับพร  ไม่ว่าพวกเขาเคยเป็นเช่นไรหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์เคยทรงพระราชกิจอย่างไรภายในตัวพวกเขา—บรรดาผู้ที่ได้รับพระราชกิจล่าสุดของพระเจ้าคือผู้ที่ได้รับพรมากที่สุด และพวกที่ไม่สามารถติดตามพระราชกิจล่าสุดของวันนี้ย่อมถูกกำจัดออกไป  พระเจ้าทรงต้องประสงค์ผู้ที่สามารถยอมรับความสว่างใหม่ และพระองค์ทรงต้องประสงค์ผู้ที่ยอมรับและรู้จักพระราชกิจล่าสุดของพระองค์  เหตุใดจึงมีคำกล่าวที่ว่าเจ้าต้องเป็นผู้รักษาพรหมจารีบริสุทธิ์?  ผู้รักษาพรหมจารีบริสุทธิ์สามารถแสวงหาพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และเข้าใจสิ่งใหม่ๆ ได้ และยิ่งไปกว่านั้น สามารถวางมโนคติอันหลงผิดเก่าๆ และนบนอบพระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้ได้  ผู้คนกลุ่มนี้ที่ยอมรับพระราชกิจใหม่ล่าสุดของวันนี้ถูกพระเจ้าลิขิตไว้ล่วงหน้าก่อนยุคต่างๆ และเป็นผู้คนที่ได้รับพรมากที่สุด  พวกเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าโดยตรงและเห็นการปรากฏของพระเจ้า และดังนั้น ทั่วสวรรค์และแผ่นดินโลก และตลอดยุคสมัยต่างๆ จึงไม่มีใครได้รับพรมากไปกว่าพวกเจ้าซึ่งเป็นผู้คนกลุ่มนี้  ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพระราชกิจของพระเจ้า เพราะการลิขิตไว้ล่วงหน้าและการเลือกสรรของพระเจ้า และเพราะพระคุณของพระเจ้า หากพระเจ้ามิได้ตรัสและดำรัสพระวจนะของพระองค์ ภาวะของพวกเจ้าจะเป็นเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่?  ด้วยเหตุนี้ ขอให้พระสิริและการสรรเสริญทั้งปวงจงมีแด่พระเจ้า เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพราะพระเจ้าทรงฟูมฟักเจ้า  เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เจ้าจะยังคงคิดลบได้หรือ?  เจ้าจะยังคงไร้พละกำลังอยู่อีกหรือ?

การที่เจ้าสามารถยอมรับการพิพากษา การตีสอน การเฆี่ยนตี และกระบวนการถลุงแห่งพระวจนะของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น สามารถยอมรับพระบัญชาของพระเจ้านั้น ได้รับการลิขิตไว้ล่วงหน้าโดยพระเจ้ามาก่อนยุคสมัยต่างๆ แล้ว และด้วยเหตุนี้ เจ้าต้องไม่เศร้าหมองเกินไปเมื่อเจ้าถูกตีสอน  ไม่มีใครสามารถพรากพระราชกิจที่ทรงทำไว้ในตัวพวกเจ้าและพรที่ประทานแก่พวกเจ้าไปได้ และไม่มีใครสามารถพรากทุกสิ่งที่ได้ประทานแก่พวกเจ้าไว้แล้วไปได้  ผู้คนของศาสนาไม่อาจเทียบพวกเจ้าได้เลย  พวกเจ้าไม่ได้มีความเชี่ยวชาญมากมายในพระคัมภีร์และไม่ได้มีทฤษฎีทางศาสนา แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงพระราชกิจในตัวพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าจึงได้รับมากกว่าใครตลอดยุคสมัยต่างๆ—และด้วยเหตุนี้ นี่จึงเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเจ้า  เพราะการนี้พวกเจ้าจึงต้องมอบอุทิศตนเองแด่พระเจ้าให้มากขึ้น และจงรักภักดีต่อพระเจ้าให้มากขึ้น  เนื่องจากพระเจ้าทรงฟูมฟักเจ้า เจ้าจึงต้องมานะพยายามให้มากขึ้น และต้องเตรียมวุฒิภาวะของเจ้าให้พร้อมที่จะยอมรับพระบัญชาของพระเจ้า  เจ้าต้องตั้งมั่นในสถานที่ที่พระเจ้าประทานแก่เจ้า ไล่ตามเสาะหาการเป็นหนึ่งในประชากรของพระเจ้า ยอมรับการฝึกฝนของราชอาณาจักร ได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า และในท้ายที่สุดก็กลายเป็นคำพยานอันรุ่งโรจน์ให้พระเจ้า  เจ้ามีปณิธานเหล่านี้หรือไม่?  หากเจ้ามีปณิธานเช่นนี้แล้วไซร้ ในท้ายที่สุดพระเจ้าจะทรงรับเจ้าไว้เป็นแน่ และเจ้าจะได้เป็นคำพยานอันรุ่งโรจน์ให้พระเจ้า  เจ้าควรเข้าใจว่าพระบัญชาหลักคือการได้รับการรับไว้โดยพระเจ้า และการกลายเป็นคำพยานอันรุ่งโรจน์ให้พระเจ้า  นี่คือเจตนารมณ์ของพระเจ้า

พระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้คือพลวัตของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการประทานความรู้แจ้งแก่มนุษย์อย่างต่อเนื่องของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในระหว่างช่วงเวลานี้คือแนวโน้มของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์  แล้วแนวโน้มของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้คืออะไร?  ก็คือการทรงนำผู้คนเข้าสู่พระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้ และเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ  มีหลายขั้นตอนในการเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ ได้แก่

1. ก่อนอื่น เจ้าต้องเทหัวใจของเจ้าให้แก่พระวจนะของพระเจ้า  เจ้าต้องไม่ไล่ตามเสาะหาพระวจนะในอดีตของพระเจ้า และต้องไม่นำมาศึกษาหรือเปรียบเทียบกับพระวจนะของวันนี้  แต่เจ้าต้องเทใจของเจ้าให้แก่พระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าโดยบริบูรณ์แทน  หากมีผู้คนที่ยังคงปรารถนาที่จะอ่านพระวจนะของพระเจ้า หนังสือทางจิตวิญญาณ หรือเรื่องราวอื่นๆ ของการเทศนาจากอดีต และไม่ติดตามพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็เป็นผู้คนที่เขลาที่สุด ซึ่งพระเจ้าทรงรังเกียจผู้คนเช่นนี้  หากเจ้าเต็มใจที่จะยอมรับความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้ว จงเทหัวใจของเจ้าให้แก่ถ้อยดำรัสของพระเจ้าในวันนี้โดยบริบูรณ์  นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าต้องสัมฤทธิ์

2. เจ้าต้องอธิษฐานบนรากฐานของพระวจนะที่พระเจ้าตรัสในวันนี้ เข้าสู่พระวจนะของพระเจ้าและเข้าสนิทกับพระเจ้า และตั้งปณิธานของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า โดยกำหนดว่าเจ้าปรารถนาที่จะไล่ตามเสาะหาการทำให้มาตรฐานข้อใดสำเร็จลุล่วง

3. เจ้าต้องไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ความจริงอย่างลุ่มลึกบนรากฐานของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้  จงอย่ายึดมั่นในถ้อยดำรัสและทฤษฎีที่ล้าสมัยของอดีต

4. เจ้าต้องพยายามที่จะได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้า

5. เจ้าต้องไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่เส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดำเนินอยู่ในวันนี้

แล้วเจ้าแสวงหาการได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร?  สิ่งสำคัญยิ่งยวดคือการมีชีวิตอยู่ในพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้า และการอธิษฐานบนรากฐานที่เป็นข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า  เมื่อได้อธิษฐานด้วยวิธีนี้แล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสัมผัสเจ้าอย่างแน่นอน  หากเจ้าไม่แสวงหาโดยมีรากฐานของพระวจนะที่พระเจ้าตรัสในวันนี้เป็นพื้นฐาน เช่นนั้นแล้ว การนี้ก็จะไร้ผล  เจ้าควรอธิษฐานและกล่าวว่า “โอ พระเจ้า!  ข้าพระองค์ต่อต้านพระองค์ และข้าพระองค์เป็นหนี้พระองค์มากเหลือเกิน ข้าพระองค์ช่างเป็นกบฏและไม่เคยสามารถทำให้พระองค์สมดังพระทัย  โอ พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาให้พระองค์ช่วยข้าพระองค์ให้รอด ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะออกแรงทำงานเพื่อพระองค์จวบจนถึงปลายทาง ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะตายเพื่อพระองค์  พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์และตีสอนข้าพระองค์ และข้าพระองค์ไม่มีการพร่ำบ่นใดๆ ข้าพระองค์ต่อต้านพระองค์และข้าพระองค์สมควรตาย เพื่อที่ผู้คนทั้งมวลจะได้เห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ในการตายของข้าพระองค์”  เมื่อเจ้าอธิษฐานจากภายในหัวใจของเจ้าด้วยวิธีนี้ พระเจ้าจะทรงรับฟังเจ้า และจะทรงนำเจ้า หากเจ้าไม่อธิษฐานบนรากฐานแห่งพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสัมผัสเจ้า  หากเจ้าอธิษฐานตามเจตนารมณ์ของพระเจ้า และตามสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทำในวันนี้ เจ้าจะทูลว่า “โอ พระเจ้า!  ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะยอมรับพระบัญชาของพระองค์และสัตย์ซื่อต่อพระบัญชาของพระองค์ และข้าพระองค์เต็มใจที่จะอุทิศทั้งชีวิตของข้าพระองค์เพื่อพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำสามารถเข้าถึงมาตรฐานแห่งการเป็นประชากรของพระเจ้าได้  ขอให้หัวใจของข้าพระองค์ได้รับการสัมผัสจากพระองค์  ข้าพระองค์ปรารถนาให้พระวิญญาณของพระองค์ประทานความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์อยู่เสมอ ทำให้ทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นนำความอับอายมาสู่ซาตาน และปรารถนาให้พระองค์ทรงรับข้าพระองค์ไว้ในท้ายที่สุด”  หากเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ ด้วยวิธีที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เจตนารมณ์ของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ไม่สำคัญเลยว่าการอธิษฐานของเจ้ามีถ้อยคำมากเพียงใด—กุญแจสำคัญคือเจ้าเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าหรือไม่  พวกเจ้าทั้งหมดอาจเคยมีประสบการณ์ดังต่อไปนี้มาแล้ว กล่าวคือ บางครั้งในขณะที่อธิษฐานในการชุมนุม พลวัตแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าถึงจุดสูงสุด ทำให้พละกำลังของทุกคนบังเกิด  ผู้คนบางส่วนร้องไห้อย่างขมขื่นและหลั่งน้ำตาร่ำไห้ขณะอธิษฐาน ถูกความสำนึกผิดครอบงำเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และผู้คนบางส่วนแสดงปณิธานของพวกเขาและกล่าวคำสาบาน  เช่นนั้นคือผลที่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสัมฤทธิ์  ในวันนี้ สิ่งสำคัญยิ่งยวดคือการที่ผู้คนทั้งปวงเทหัวใจของพวกเขาให้แก่พระวจนะของพระเจ้าโดยบริบูรณ์  จงอย่าจดจ่ออยู่กับพระวจนะที่ได้ตรัสมาก่อนหน้านี้ หากเจ้ายังคงยึดมั่นในสิ่งที่มีมาก่อนหน้านี้ เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทรงพระราชกิจภายในตัวเจ้า  เจ้าเห็นหรือไม่ว่านี่สำคัญเพียงใด?

พวกเจ้ารู้เส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดำเนินในวันนี้หรือไม่?  หลายประเด็นข้างต้นคือสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสำเร็จลุล่วงในวันนี้และในอนาคต สิ่งเหล่านั้นคือเส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ และการเข้าสู่ที่มนุษย์ควรที่จะไล่ตามเสาะหา  ในการเข้าสู่ชีวิตของเจ้า อย่างน้อยที่สุดเจ้าต้องเทหัวใจของเจ้าให้แก่พระวจนะของพระเจ้า และสามารถยอมรับการพิพากษาและการตีสอนแห่งพระวจนะของพระเจ้าได้ หัวใจของเจ้าต้องโหยหาพระเจ้า เจ้าต้องไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ความจริงอันลึกซึ้งและเป้าหมายที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์  เมื่อเจ้าครอบครองพละกำลังนี้ เช่นนั้นแล้วก็แสดงว่าเจ้าได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า และหัวใจของเจ้าได้เริ่มหันเข้าหาพระเจ้าแล้ว

ขั้นตอนแรกของการเข้าสู่ชีวิตคือการเทหัวใจของเจ้าให้แก่พระวจนะของพระเจ้าโดยบริบูรณ์ และขั้นตอนที่สองคือการยอมรับการสัมผัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  ผลสัมฤทธิ์จากการยอมรับการสัมผัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์คืออะไร?  นั่นก็คือการสามารถโหยหา แสวงหา และท่องสำรวจความจริงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสามารถร่วมมือกับพระเจ้าในลักษณะที่เป็นบวกได้  ในวันนี้ เจ้าร่วมมือกับพระเจ้า กล่าวคือ มีเป้าหมายในการไล่ตามเสาะหาของเจ้า ในการอธิษฐานของเจ้า และในการที่เจ้าเข้าสนิทกับพระวจนะของพระเจ้า และเจ้าปฏิบัติหน้าที่โดยสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า—เพียงการนี้เท่านั้นที่เป็นการร่วมมือกับพระเจ้า  หากเจ้าเพียงแต่กล่าวถึงการยอมให้พระเจ้าทรงกระทำการ แต่เจ้ากลับไม่ลงมือกระทำสิ่งใด ไม่อธิษฐานหรือแสวงหา เช่นนั้นแล้ว การนี้จะเรียกว่าความร่วมมือได้หรือ?  หากเจ้าไม่มีร่องรอยของความร่วมมือในตัวเจ้า และสูญสิ้นการฝึกฝนเพื่อการเข้าสู่ที่มีเป้าหมาย เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือ  ผู้คนบางส่วนกล่าวว่า “ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการลิขิตไว้ล่วงหน้าของพระเจ้า พระเจ้าพระองค์เองทรงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้น หากพระเจ้าไม่ได้ทรงลงมือทำสิ่งนั้น แล้วมนุษย์จะทำได้อย่างไร?”  พระราชกิจของพระเจ้านั้นปกติ และไม่เหนือธรรมชาติแม้แต่น้อย และโดยผ่านทางการแสวงหาที่แข็งขันของเจ้าเท่านั้นที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจ เพราะพระเจ้าไม่ทรงบังคับมนุษย์—เจ้าต้องเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงพระราชกิจ และหากเจ้าไม่ไล่ตามเสาะหาหรือเข้าสู่ และหากไม่มีความโหยหาแม้แต่น้อยในหัวใจของเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ไม่มีโอกาสทรงพระราชกิจ  เจ้าสามารถพยายามให้ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าได้ด้วยเส้นทางใด?  ผ่านทางการอธิษฐานและการเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น  แต่ที่สำคัญที่สุด จงจำไว้ว่าการทำเช่นนั้นต้องตั้งอยู่บนรากฐานของพระวจนะที่พระเจ้าได้ตรัสไว้  เมื่อเจ้าได้รับการสัมผัสบ่อยครั้งจากพระเจ้า เจ้าก็ไม่ถูกเนื้อหนังอันได้แก่  สามี ภรรยา บุตร และเงินตรา ตีกรอบเอาไว้—ทั้งหมดนี้ย่อมไม่สามารถตีเส้นจำกัดเจ้าไว้ได้ และเจ้าย่อมปรารถนาที่จะทำเพียงไล่ตามเสาะหาความจริงและมีชีวิตอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเท่านั้น  เมื่อนั้นเจ้าจะเป็นใครคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในอาณาจักรแห่งอิสรภาพ

ก่อนหน้า: เฉพาะบรรดาผู้ที่รู้จักพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้เท่านั้นที่อาจรับใช้พระเจ้าได้

ถัดไป: พระเจ้าทรงทำให้ผู้ที่ทำได้ตามเจตนารมณ์ของพระองค์มีความเพียบพร้อม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger