2. พวกคุณให้คำพยานว่า พระเจ้าแห่งยุคสุดท้ายผู้ที่ทรงกลับมาแล้วนั้นได้รับการเรียกขานว่า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเราเชื่อว่า พระนาม “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” อ้างอิงถึงฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดของพระเจ้า และไม่ใช่เป็นพระนามใหม่สำหรับพระเจ้า ทำไมหรือพวกคุณจึงพูดว่า “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” เป็นพระนามใหม่ของพระเจ้า?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง
“คนที่ชนะ เราจะตั้งให้เขาเป็นเสาหลักอยู่ในพระวิหารของพระเจ้าของเรา และเขาจะไม่ออกไปจากพระวิหารอีกเลย และบนตัวเขา เราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเรา และชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือนครเยรูซาเล็มใหม่ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกนามใหม่ของเราด้วย” (วิวรณ์ 3:12)
“พระเจ้าผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ที่จะเสด็จมา และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ตรัสว่า ‘เราเป็นอัลฟาและโอเมกา’” (วิวรณ์ 1:8)
“เขาร้องเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และร้องเพลงของพระเมษโปดกว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์ ข้าแต่องค์พระมหากษัตริย์ของบรรดาประชาชาติ บรรดามรรคาของพระองค์ยุติธรรมและสัตย์จริง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างไม่เกรงกลัวพระองค์ และไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์’” (วิวรณ์ 15:3-4)
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
คำสรรเสริญได้มาสู่ศิโยน และสถานที่ประทับของพระเจ้าได้ปรากฏขึ้น พระนามบริสุทธิ์อันรุ่งโรจน์ซึ่งได้รับการถวายสาธุการโดยบรรดาผู้คนทั้งปวงแพร่ไปทั่ว โอ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พระเศียรแห่งจักรวาล พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย—พระองค์ทรงเป็นองค์ตะวันอันทรงแสงที่ขึ้นบนภูเขาศิโยน ซึ่งตั้งตระหง่านเหนือจักรวาลทั้งมวลด้วยพระบารมีและความโอ่อ่าตระการ…
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พวกข้าพระองค์ร้องเรียกไปยังพระองค์ด้วยความยินดีปรีดา พวกข้าพระองค์เต้นรำและขับร้อง พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของพวกข้าพระองค์อย่างแท้จริง ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล! พระองค์ได้ทรงจัดกลุ่มของผู้ชนะขึ้นและทำให้แผนการบริหารจัดการของพระเจ้าลุล่วง ผู้คนทั้งปวงจะหลั่งไหลมายังภูเขาแห่งนี้ ผู้คนทั้งปวงจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระบัลลังก์! พระองค์คือพระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์นั้นแต่ผู้เดียว พระองค์ทรงสมควรแก่พระสิริและพระเกียรติ ขอพระสิริ คำสรรเสริญ และสิทธิอำนาจทั้งปวงจงมีแด่พระบัลลังก์! ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตไหลออกจากพระบัลลังก์ ให้น้ำและหล่อเลี้ยงมวลชนซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้า ชีวิตเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน ความสว่างใหม่และวิวรณ์ใหม่ติดตามพวกเราไป ให้ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าแก่เราอยู่เนืองนิตย์ ท่ามกลางประสบการณ์มากหลาย พวกเรามาถึงความมั่นใจที่ครบบริบูรณ์เกี่ยวกับพระเจ้า พระวจนะของพระองค์ได้รับการสำแดงอยู่เนืองนิตย์ พระวจนะของพระองค์ได้รับการสำแดงภายในผู้คนที่ถูกต้องเหล่านั้น พวกเราช่างได้รับการอวยพรมากมายเสียจริง! ทั้งการพบพระเจ้าแบบเผชิญกันในแต่ละวัน การพูดคุยกับพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง และการให้อำนาจอธิปไตยของพระเจ้าเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้พวกเราจงใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าอย่างรอบคอบ หัวใจของพวกเราพักผ่อนอย่างสงบเงียบในพระเจ้า และด้วยเหตุนี้เอง พวกเราจึงได้มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ในที่ซึ่งพวกเราได้รับความสว่างของพระองค์ ทุกวันในชีวิตของพวกเรา ในการกระทำของพวกเรา ในคำพูดของพวกเรา ในความคิดของพวกเราและในแนวคิดของพวกเรา พวกเราใช้ชีวิตภายในพระวจนะของพระเจ้า พวกเรามีความสามารถที่จะแยกแยะได้ตลอดเวลา พระวจนะของพระเจ้าทรงนำเส้นด้ายทะลุผ่านรูเข็ม สิ่งต่างๆ สิ่งแล้วสิ่งเล่าที่ซ่อนเร้นภายในตัวพวกเราได้เข้ามาสู่ความสว่างอย่างไม่ได้คาดหมาย การสามัคคีธรรมกับพระเจ้าไม่อนุญาตให้ล่าช้า ความคิดและแนวคิดของพวกเราถูกแผ่วางโดยพระเจ้า พวกเรากำลังใช้ชีวิตต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระคริสต์ทุกชั่วขณะ ที่ซึ่งพวกเราก้าวผ่านการพิพากษา ทุกส่วนภายในร่างกายของพวกเรายังคงถูกจับจองโดยซาตาน ในวันนี้ เพื่อที่จะฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า วิหารของพระองค์ต้องได้รับการชำระให้สะอาด การที่จะให้พระเจ้าทรงครองอย่างครบบริบูรณ์นั้น พวกเราต้องมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ดิ้นรนที่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย เมื่อตัวตนเก่าของพวกเราได้ถูกตรึงกางเขนแล้วเท่านั้น ชีวิตที่ทรงคืนพระชนม์ของพระคริสต์จึงสามารถปกครองสูงสุดได้
ในตอนนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเริ่มปฏิบัติการในทุกๆ มุมของพวกเราเพื่อทำการสู้รบสำหรับการเรียกคืนของพวกเรา! ตราบเท่าที่พวกเราพร้อมที่จะปฏิเสธตัวเอง และเต็มใจร่วมมือกับพระเจ้า พระเจ้าก็จะทรงมอบความกระจ่างแก่พวกเรา และชำระพวกเราให้บริสุทธิ์จากภายในตลอดเวลาอย่างแน่นอน และเรียกคืนสิ่งที่ซาตานได้จับจองกลับมาใหม่อีกครั้ง เพื่อที่พวกเราอาจกลายเป็นครบบริบูรณ์โดยพระเจ้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จงอย่าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์—จงใช้ชีวิตทุกชั่วขณะภายในพระวจนะของพระเจ้า จงเสริมสร้างร่วมกับเหล่าธรรมิกชน จงได้รับการนำไปสู่ราชอาณาจักร และจงเข้าสู่พระสิริร่วมกับพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 1
ตั้งแต่เมื่อครั้งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—องค์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักร—ทรงได้รับการเป็นพยาน ขอบเขตแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้าได้เปิดเผยคลี่คลายด้วยความครบถ้วนบริบูรณ์ไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่เพียงแต่การทรงปรากฏของพระเจ้าเท่านั้นที่ได้รับการเป็นพยานในประเทศจีน แต่พระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ยังได้รับการเป็นพยานในชนชาติทั้งมวลและในทุกสถานที่ พวกเขาทั้งหมดล้วนกำลังร้องเรียกพระนามอันบริสุทธิ์นี้ กำลังพยายามที่จะสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ กำลังจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และกำลังรับใช้พระองค์ด้วยการร่วมมือกันในคริสตจักร นี่คือหนทางอันน่าอัศจรรย์ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจ
ภาษาของชนชาติต่างๆ ทั้งหลายนั้นแตกต่างจากกัน แต่มีพระวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พระวิญญาณนี้รวมประสานคริสตจักรทั้งหลายทั่วทั้งจักรวาลเข้าด้วยกันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าอย่างแท้จริง โดยไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย นี่คือบางสิ่งที่อยู่เหนือความสงสัย บัดนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเรียกร้องไปยังพวกเขา และพระสุรเสียงของพระองค์ปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้น นี่คือพระสุรเสียงแห่งความกรุณาของพระเจ้า พวกเขาทั้งหมดร้องเรียกพระนามอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พวกเขาให้การสรรเสริญและพวกเขาร้องเพลงด้วย ไม่มีทางที่จะมีการออกนอกลู่นอกทางใดๆ ในพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เลย ผู้คนเหล่านี้ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าตามเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขาไม่เปลี่ยนใจเลย—การอัศจรรย์มากมายจึงได้เกิดขึ้น นี่เป็นบางสิ่งที่ผู้คนพบว่ายากจะจินตนาการและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาถึง
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์กษัตริย์แห่งชีวิตในจักรวาล! พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์และพิพากษาโลก พระองค์ครองอำนาจเหนือทั้งหมด และปกครองชนชาติทั้งมวล กลุ่มชนทั้งปวงคุกเข่าต่อพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ เข้าใกล้ชิดพระองค์และสื่อสารกับพระองค์ ไม่ว่าเจ้าจะได้เชื่อในพระเจ้ามานานเท่าใดก็ตาม ไม่ว่าสถานะของเจ้าจะสูงสักเท่าใดก็ตาม หรือความอาวุโสของเจ้าจะมากเท่าใดก็ตาม หากเจ้าต่อต้านพระเจ้าในหัวใจของเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ต้องถูกพิพากษาและต้องให้ตัวเจ้าเองหมอบราบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ส่งเสียงแห่งคำวิงวอนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกมา นี่เป็นการเก็บเกี่ยวผลของการกระทำของเจ้าเองโดยแท้ เสียงคร่ำครวญนี้คือเสียงของการถูกทรมานในบึงไฟและกำมะถัน และมันเป็นเสียงร้องของการถูกสั่งสอนด้วยคทาเหล็กของพระเจ้า นี่เป็นการพิพากษาต่อหน้าพระที่นั่งของพระคริสต์
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 8
ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นที่รู้จักในนามพระยาห์เวห์ เรายังเคยถูกเรียกว่าพระเมสสิยาห์เช่นกัน และครั้งหนึ่งผู้คนเรียกเราว่าพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความรักและความเคารพยกย่อง อย่างไรก็ดี ณ วันนี้ เราไม่ใช่พระยาห์เวห์หรือพระเยซูซึ่งผู้คนได้รู้จักในช่วงเวลาที่ผ่านมาอีกต่อไป เราคือพระเจ้าผู้ที่ได้กลับมาในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ที่จะนำพายุคนี้ไปสู่บทอวสาน เราคือพระเจ้าพระองค์เองซึ่งลุกขึ้นมาจากสุดปลายแผ่นดินโลก สมบูรณ์พร้อมด้วยอุปนิสัยอันครบถ้วนทั้งมวลของเรา และเต็มเปี่ยมไปด้วยสิทธิอำนาจ เกียรติ และสง่าราศี ผู้คนไม่เคยเข้ามาร่วมสัมพันธ์กับเรา ไม่เคยได้รู้จักเรา และไม่รู้เท่าทันในอุปนิสัยของเราตลอดเวลา ตั้งแต่การสร้างโลกจนกระทั่งวันนี้ ไม่มีบุคคลสักคนเดียวที่เคยเห็นเรา นี่คือพระเจ้าผู้ที่ทรงปรากฏต่อมนุษย์ในยุคสุดท้ายแต่ได้ทรงถูกซ่อนไว้ท่ามกลางมนุษย์ พระองค์ทรงอาศัยอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ทรงเที่ยงแท้และเป็นจริง ดุจดวงสุรีย์ที่แผดเผาและเปลวเพลิงที่ลุกโชน ทรงเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพและปริ่มล้นด้วยสิทธิอำนาจ ไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกพิพากษาโดยวจนะของเรา และไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกชำระให้บริสุทธิ์ผ่านทางการแผดเผาของไฟ ในท้ายที่สุด ชนชาติทั้งมวลจะได้รับการอวยพรเพราะวจนะของเรา และจะถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นๆ เพราะวจนะของเราเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ ผู้คนทั้งหมดในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายจะเห็นว่าเราคือพระผู้ช่วยให้รอดที่ได้กลับมา และเห็นว่าเราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวง และทุกคนจะเห็นว่าครั้งหนึ่งเราคือเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับมนุษย์ แต่เห็นว่าในยุคสุดท้ายเรายังได้กลายเป็นเปลวเพลิงแห่งสุริยันซึ่งเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้เป็นจุณเช่นเดียวกับองค์ตะวันแห่งความชอบธรรมซึ่งเปิดเผยทุกสรรพสิ่งด้วย นี่คืองานของเราในยุคสุดท้าย เราใช้ชื่อนี้และครองอุปนิสัยนี้เพื่อที่ผู้คนทั้งหมดจะได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าที่ชอบธรรม ดวงสุรีย์ที่แผดเผา เปลวเพลิงที่ลุกโชน และเพื่อที่ทุกคนจะได้นมัสการเรา พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว และเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเรา เราไม่ใช่เพียงแค่พระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น และเราไม่ใช่เพียงพระผู้ไถ่ เราคือพระเจ้าของสิ่งทรงสร้างทั้งมวลทั่วทั้งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและห้วงทะเล
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว
“พระยาห์เวห์” คือชื่อที่เราใช้ในช่วงระหว่างงานของเราในอิสราเอล และหมายถึงพระเจ้าของคนอิสราเอล (ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร) ที่สามารถเวทนามนุษย์ สาปแช่งมนุษย์ และนำทางชีวิตของมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงครองมหาฤทธานุภาพและเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาญาณ “พระเยซู” คือ อิมมานูเอล ซึ่งหมายถึงเครื่องบูชาลบล้างบาปอันเปี่ยมไปด้วยความรัก เปี่ยมไปด้วยความสงสาร และไถ่บาปให้มนุษย์ พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจของยุคพระคุณ และพระองค์ทรงเป็นตัวแทนยุคพระคุณ และสามารถเป็นตัวแทนได้เพียงหนึ่งส่วนของพระราชกิจของแผนการบริหารจัดการเท่านั้น กล่าวคือ พระยาห์เวห์เท่านั้นที่ทรงเป็นพระเจ้าของประชากรแห่งอิสราเอลผู้ได้รับการเลือกสรร พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค พระเจ้าของยาโคบ พระเจ้าของโมเสส และพระเจ้าของประชาชนทั้งหมดของประเทศอิสราเอล และดังนั้น ในยุคปัจจุบัน คนอิสราเอลทุกคน นอกเหนือจากผู้คนชาวยิว จึงนมัสการพระยาห์เวห์ พวกเขาทำเครื่องถวายแด่พระองค์บนแท่นบูชาและรับใช้พระองค์ในวิหารโดยสวมเสื้อคลุมของพวกปุโรหิตทั้งหลาย สิ่งที่พวกเขาหวังก็คือการทรงปรากฏใหม่ของพระยาห์เวห์ พระเยซูเท่านั้นคือพระผู้ไถ่ของมวลมนุษย์ และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปที่ได้ไถ่มวลมนุษย์ให้พ้นจากบาป กล่าวคือ พระนามของพระเยซูมาจากยุคพระคุณและได้มาดำรงอยู่เพราะพระราชกิจแห่งการไถ่ในยุคพระคุณ พระนามของพระเยซูได้มาดำรงอยู่เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนของยุคพระคุณได้เกิดใหม่และได้รับการช่วยให้รอด และเป็นพระนามเฉพาะสำหรับการไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ พระนามของพระเยซูจึงเป็นตัวแทนพระราชกิจแห่งการไถ่ และบ่งบอกถึงยุคพระคุณ พระนามพระยาห์เวห์เป็นชื่อเฉพาะสำหรับประชาชนอิสราเอลที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้ธรรมบัญญัติ ในแต่ละยุคและแต่ละช่วงระยะในงานของเรา ชื่อของเรานั้นใช่ว่าไม่มีพื้นฐานที่มา แต่ถือครองนัยสำคัญเชิงตัวแทน กล่าวคือ แต่ละชื่อเป็นตัวแทนหนึ่งยุค “พระยาห์เวห์” ทรงเป็นตัวแทนยุคธรรมบัญญัติ และเป็นพระนามซึ่งแสดงการถวายพระเกียรติซึ่งประชาชนอิสราเอลใช้เรียกพระเจ้าผู้ที่พวกเขานมัสการ “พระเยซู” ทรงเป็นตัวแทนยุคพระคุณ และเป็นพระนามของพระเจ้าของทุกคนที่ได้รับการไถ่ในช่วงระหว่างยุคพระคุณ หากมนุษย์ยังคงถวิลหาการเสด็จมาถึงของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย และยังคงคาดหวังว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงในพระฉายาที่พระองค์ทรงใช้ในแคว้นยูเดีย เช่นนั้นแล้วแผนการบริหารจัดการสำหรับหกพันปีทั้งหมดทั้งสิ้นก็คงจะหยุดลงไปแล้วในยุคแห่งการไถ่ และคงไม่อาจคืบหน้าไปได้มากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยุคสุดท้ายจะไม่มีวันมาถึง และยุคนั้นจะไม่มีวันถูกนำพาไปถึงบทอวสาน นี่เป็นเพราะพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดทรงดำรงอยู่เพื่อการไถ่และความรอดของมวลมนุษย์เท่านั้น เราได้ใช้ชื่อพระเยซูเพียงเพื่อประโยชน์ของคนบาปทั้งหมดในยุคพระคุณเท่านั้น แต่ไม่ใช่ชื่อที่เราจะใช้เพื่อนำพามวลมนุษย์ทั้งปวงไปสู่บทอวสาน แม้ว่าพระยาห์เวห์ พระเยซู และพระเมสสิยาห์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนวิญญาณของเราทั้งสิ้น แต่ชื่อเหล่านี้ก็แค่แสดงถึงยุคที่แตกต่างกันของแผนการบริหารจัดการของเราเท่านั้น และไม่ได้เป็นตัวแทนเราในความครบถ้วนทั้งมวลของเรา ชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนบนแผ่นดินโลกใช้เรียกขานเราไม่สามารถแสดงชัดถึงอุปนิสัยครบถ้วนทั้งมวลของเราและทุกอย่างที่เราเป็นได้ ชื่อเหล่านั้นเป็นเพียงชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนใช้เรียกขานเราระหว่างยุคที่ต่างกันเท่านั้น และดังนั้น เมื่อยุคสุดท้าย—ยุคแห่งวันสุดท้าย—มาถึง ชื่อของเราก็จะเปลี่ยนอีกครั้ง เราจะไม่ถูกเรียกว่าพระยาห์เวห์ หรือพระเยซู นับประสาอะไรที่จะเรียกว่าพระเมสสิยาห์—เราจะถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้ทรงฤทธานุภาพพระองค์เอง และภายใต้ชื่อนี้เราจะนำยุคทั้งยุคไปสู่บทอวสาน
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว
พระเจ้าอาจได้รับการเรียกขานด้วยพระนามมากมาย แต่ท่ามกลางพระนามอันมากมายนี้ ไม่มีสักพระนามหนึ่งที่สามารถครอบคลุมทั้งหมดของพระเจ้าได้ ไม่มีสักพระนามหนึ่งที่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน และดังนั้นพระเจ้าจึงมีพระนามมากมาย แต่พระนามอันมากมายนี้ไม่สามารถแสดงพระอุปนิสัยของพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน เพราะพระอุปนิสัยของพระเจ้านั้นอุดมมากเสียจนเกินความสามารถของมนุษย์ที่จะรู้จักพระองค์ได้ ไม่มีทางเลยที่มนุษย์จะใช้ภาษาของมวลมนุษย์มาบรรยายสรุปพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน มวลมนุษย์มีคำศัพท์ไว้ใช้สรุปใจความของทุกสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าอย่างจำกัดเท่านั้น ได้แก่ ยิ่งใหญ่ ทรงเกียรติ มหัศจรรย์ มิอาจหยั่งถึง สูงสุด บริสุทธิ์ ชอบธรรม ทรงปัญญา และอื่นๆ ช่างมากมายหลายคำนัก! แต่คำศัพท์ที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ไม่สามารถที่จะพรรณนาส่วนน้อยนิดที่มนุษย์ได้รู้เห็นเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าได้ เมื่อเวลาผ่านไป คนอื่นอีกมากได้เพิ่มคำศัพท์ที่พวกเขาคิดว่าสามารถพรรณนาความรู้สึกอันแรงกล้าในหัวใจของพวกเขาได้ดีขึ้น ได้แก่ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหลือเกิน! พระเจ้าทรงบริสุทธิ์เหลือเกิน! พระเจ้าทรงดีงามเหลือเกิน! วันนี้คำกล่าวของมนุษย์เช่นที่ยกมานี้ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว กระนั้นมนุษย์ก็ยังคงไม่สามารถแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนเองออกมาได้อย่างชัดเจน และดังนั้น สำหรับมนุษย์แล้ว พระเจ้าจึงมีพระนามมากมาย กระนั้นพระองค์ก็มิได้มีพระนามเดียว และนี่เป็นเพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นนั้นช่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก และภาษาของมนุษย์ก็ขัดสนเหลือเกิน คำเฉพาะหรือชื่อเฉพาะเพียงหนึ่งเดียวไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้แล้วเจ้าคิดหรือว่าพระนามของพระองค์จะสามารถคงที่ดังเดิมได้? พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ยิ่งนักและบริสุทธิ์ยิ่งนัก แต่ทว่าเจ้าจะไม่ยินยอมให้พระองค์เปลี่ยนพระนามของพระองค์ในยุคใหม่แต่ละยุคกระนั้นหรือ? ดังนั้น ในทุกยุคที่พระเจ้าทรงพระราชกิจของพระองค์เองด้วยพระองค์เองนั้น พระองค์จึงใช้พระนามที่เหมาะกับยุคเพื่อสรุปใจความของพระราชกิจที่พระองค์ตั้งพระทัยที่จะทำ พระองค์ใช้พระนามเฉพาะนี้ ซึ่งเป็นพระนามที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับยุค เพื่อเป็นตัวแทนพระอุปนิสัยของพระองค์ในยุคนั้น นี่คือการที่พระเจ้าทรงใช้ภาษาของมวลมนุษย์เพื่อแสดงพระอุปนิสัยของพระองค์เอง กระนั้นก็ตาม ผู้คนมากมายที่มีประสบการณ์ทางวิญญาณและได้เห็นพระเจ้าด้วยตนเองมาแล้วก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าพระนามเฉพาะพระนามหนึ่งนี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนพระเจ้าอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ได้—อนิจจา เช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้—ดังนั้นมนุษย์จึงไม่เรียกพระเจ้าด้วยพระนามใดอีกต่อไป เพียงเรียกพระองค์อย่างง่ายๆ ว่า “พระเจ้า” เท่านั้น เป็นราวกับว่าหัวใจของมนุษย์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่ก็ถูกความขัดแย้งรุมเร้าด้วย เพราะมนุษย์ไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงพระเจ้าอย่างไร สิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนักจนกระทั่งไม่มีหนทางที่จะพรรณนาถึงได้โดยง่าย ไม่มีชื่อใดที่สามารถสรุปพระอุปนิสัยของพระเจ้าไว้ในชื่อเดียวได้ และไม่มีชื่อใดที่สามารถพรรณนาทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นไว้ในชื่อเดียวได้ หากมีใครถามเราว่า “พระองค์ใช้พระนามว่ากระไรกันแน่?” เราจะบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าก็คือพระเจ้า!” นั่นมิใช่พระนามที่ดีที่สุดสำหรับพระเจ้าหรอกหรือ? นั่นมิใช่การสรุปความถึงพระอุปนิสัยของพระเจ้าที่ดีที่สุดหรอกหรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงใช้ความพยายามมากมายเช่นนั้นเพื่อแสวงหาพระนามของพระเจ้า? เหตุใดพวกเจ้าจึงพยายามใช้สมอง ไม่กินไม่นอน เพียงเพื่อชื่อชื่อหนึ่ง? วันนั้นจะมาถึง เมื่อพระเจ้าจะไม่ได้ทรงพระนามว่ายาห์เวห์ เยซู หรือเมสสิยาห์—แต่พระองค์จะเป็นเพียงพระผู้สร้าง เมื่อนั้นพระนามทั้งหมดที่พระองค์มีบนแผ่นดินโลกย่อมจะถึงกาลสิ้นสุด เพราะพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกย่อมจะถึงกาลสิ้นสุดแล้ว และหลังจากนั้นจะไม่มีพระนามทั้งหลายของพระองค์อีกแล้ว เมื่อสรรพสิ่งมาอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระผู้สร้าง พระองค์จะต้องประสงค์พระนามที่เหมาะสมยิ่ง แต่ไม่ครบบริบูรณ์ ไปเพื่อสิ่งใด? ขณะนี้เจ้ายังคงแสวงหาพระนามของพระเจ้าอยู่หรือไม่? เจ้ายังกล้าที่จะพูดว่าพระเจ้าทรงพระนามว่ายาห์เวห์เท่านั้นหรือไม่? เจ้ายังคงกล้าที่จะพูดว่าพระเจ้าทรงพระนามได้ว่าเยซูเท่านั้นหรือไม่? เจ้าสามารถแบกรับบาปแห่งการหมิ่นประมาทพระเจ้าได้หรือ? เจ้าควรรู้ว่าเดิมทีนั้นพระเจ้าไม่มีพระนาม พระองค์เพียงใช้พระนามหนึ่ง หรือสอง หรือหลายพระนามก็เพราะพระองค์มีพระราชกิจต้องทำและต้องทรงบริหารจัดการมวลมนุษย์เท่านั้น ไม่ว่าพระนามใดที่พระองค์ใช้—พระองค์มิได้ทรงเลือกเด้วยพระองค์เองโดยเสรีหรอกหรือ? พระองค์จำเป็นจะต้องให้เจ้า—ซึ่งเป็นหนึ่งในสรรพสิ่งทรงสร้างของพระองค์—มาตัดสินใจให้กระนั้นหรือ? พระนามที่พระเจ้าใช้ก็คือพระนามที่สอดคล้องกับสิ่งที่มนุษย์สามารถทำความเข้าใจได้ สอดคล้องกับภาษาของมวลมนุษย์ แต่พระนามนี้ไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์สามารถสรุปความได้ เจ้าสามารถพูดได้เพียงว่ามีพระเจ้าในสวรรค์ ว่าพระองค์ทรงได้รับการเรียกขานว่าพระเจ้า ว่าพระองค์คือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ มีพระปัญญายิ่งนัก เป็นที่ยกย่องยิ่งนัก น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ล้ำลึกยิ่งนัก และทรงมหิทธิฤทธิ์ยิ่งนักเท่านั้น แล้วจากนั้นเจ้าก็ไม่สามารถพูดมากไปกว่านี้ได้อีก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้คือทั้งหมดที่เจ้าสามารถรู้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เพียงแค่พระนามของพระเยซูจะสามารถเป็นตัวแทนพระเจ้าพระองค์เองได้หรือ? เมื่อยุคสุดท้ายมาถึง แม้ว่าพระเจ้าจะยังคงทรงพระราชกิจของพระองค์ แต่พระนามของพระองค์ต้องเปลี่ยนไป เพราะเป็นยุคที่แตกต่างออกไป
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)