2. พวกคุณพูดว่า ในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาเพื่อที่จะจำแนกชั้นแต่ละคนไปตามประเภทของเขา เพื่อที่จะประทานบำเหน็จคนดีและลงโทษคนชั่ว เพื่อที่จะนำพายุคเก่าไปสู่ปลายทาง และพูดว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ราชอาณาจักรของพระคริสต์ก็จะได้รับการทำให้เป็นจริงบนแผ่นดินโลก  ราชอาณาจักรของพระคริสต์จะปรากฏบนแผ่นดินโลกอย่างไรหรือ?  และราชอาณาจักรจะดูงดงามเหมือนสิ่งใดหรือ?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“และข้าพเจ้าได้เห็นนครบริสุทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้เตรียมพร้อมเหมือนอย่างเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับสามี ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า ‘นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา [และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา] พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว’” (วิวรณ์ 21:2-4)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ราชอาณาจักรกำลังแผ่ขยายในท่ามกลางมนุษยชาติ ราชอาณาจักรกำลังเป็นรูปเป็นร่างในท่ามกลางมนุษยชาติ และกำลังยืนหยัดขึ้นมาในท่ามกลางมนุษยชาติ ไม่มีกำลังบังคับใดที่สามารถทำลายราชอาณาจักรของเราได้  ในบรรดาประชากรของเราในราชอาณาจักรของวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดที่มิใช่มนุษย์ท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย?  มีพวกเจ้าคนใดอยู่นอกภาวะของมนุษย์?  เมื่อจุดเริ่มต้นใหม่ของเราถูกประกาศแก่มหาชน มนุษยชาติจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?  พวกเจ้ามองเห็นสภาวะของมวลมนุษย์ด้วยตาของพวกเจ้าเองแล้ว  แน่ใจหรือว่าพวกเจ้ามิใช่ยังคงเก็บงำความหวังในการคงอยู่ตลอดไปในโลกนี้?  บัดนี้เรากำลังเดินไปอย่างกว้างไกลท่ามกลางประชากรของเราและเราใช้ชีวิตในท่ามกลางพวกเขา  วันนี้ บรรดาผู้ที่มีความรักแท้ต่อเรา—ผู้คนเช่นนั้นได้รับการอวยพร  บรรดาผู้ที่นบนอบต่อเราย่อมได้รับพร พวกเขาจะพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรของเราอย่างแน่นอน  บรรดาผู้ที่รู้จักเราย่อมได้รับพร พวกเขาจะกุมฤทธานุภาพในราชอาณาจักรของเราอย่างแน่นอน  บรรดาผู้ที่แสวงหาเราย่อมได้รับพร พวกเขาจะหนีพ้นพันธนาการของซาตานและได้ชื่นชมพรของเราอย่างแน่นอน  บรรดาผู้ที่สามารถละทิ้งตัวพวกเขาเองย่อมได้รับพร พวกเขาจะได้เข้าสู่สิ่งที่เราครองและสืบทอดความไพบูลย์แห่งราชอาณาจักรของเราอย่างแน่นอน  เราจะจดจำบรรดาผู้ที่วิ่งวุ่นเพื่อเรา เราจะโอบกอดบรรดาผู้ที่ทำการสละเพื่อเราเอาไว้อย่างชื่นบาน และเราจะมอบความชื่นชมยินดีให้แก่บรรดาผู้ที่มอบเครื่องบูชาแก่เรา  เราจะอวยพรบรรดาผู้ที่พบความชื่นชมยินดีในวจนะของเรา พวกเขาจะเป็นเสาหลักที่ค้ำชูสันหลังคาในราชอาณาจักรของเราอย่างแน่นอน พวกเขาจะมีความอุดมที่มิอาจหาใดเทียบในนิเวศของเราอย่างแน่นอน และจะไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้  พวกเจ้าเคยยอมรับพรทั้งหลายที่พวกเจ้าได้รับหรือไม่?  พวกเจ้าเคยแสวงหาสัญญาทั้งหลายที่ทำไว้ให้แก่พวกเจ้าหรือไม่?  ภายใต้การนำแห่งความสว่างของเรา พวกเจ้าจะฝ่าพ้นอำนาจกดขี่แห่งกำลังบังคับของความมืดอย่างแน่นอน  พวกเจ้าจะไม่สูญเสียความสว่างที่นำทางพวกเจ้าในท่ามกลางความมืดอย่างแน่นอน  พวกเจ้าจะเป็นนายแห่งสิ่งสร้างทั้งปวงอย่างแน่นอน  พวกเจ้าจะเป็นผู้ชนะต่อหน้าซาตานอย่างแน่นอน  เมื่อราชอาณาจักรของพญานาคใหญ่สีแดงล่มสลาย พวกเจ้าจะยืนหยัดท่ามกลางฝูงชนมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อเป็นพยานให้แก่ชัยชนะของเราอย่างแน่นอน  พวกเจ้าจะตั้งมั่นและไม่หวั่นไหวอย่างแน่นอนในแผ่นดินแห่งซีนิม  พวกเจ้าจะสืบทอดพรของเราโดยผ่านทางความทุกข์ที่พวกเจ้าทนฝ่า และจะฉายสง่าราศีของเราไปทั่วทั้งจักรวาลอย่างแน่นอน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 19

ทันทีที่พระราชกิจแห่งการพิชิตชัยเสร็จสมบูรณ์ มนุษย์ก็จะถูกพาเข้าสู่พิภพหนึ่งที่สวยงาม  แน่นอนว่าชีวิตเช่นนี้จะยังคงอยู่บนแผ่นดินโลก แต่จะไม่เหมือนกับชีวิตมนุษย์ในวันนี้โดยสิ้นเชิง  เป็นชีวิตที่มวลมนุษย์จะมีหลังจากที่มวลมนุษย์ทั้งปวงถูกพิชิตแล้ว เป็นการเริ่มต้นใหม่ของมนุษย์บนแผ่นดินโลก และการที่มนุษย์มีชีวิตเช่นนี้ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ว่ามวลมนุษย์ได้เข้าสู่อาณาจักรอันงดงามแห่งใหม่แล้ว  นั่นจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตของมนุษย์และพระเจ้าบนแผ่นดินโลก  ข้อสนับสนุนชีวิตที่สวยงามเช่นนี้ต้องเป็นว่า หลังจากที่มนุษย์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และถูกพิชิตแล้ว เขานบนอบเฉพาะพระพักตร์พระผู้สร้าง  และดังนั้นพระราชกิจแห่งการพิชิตชัยจึงเป็นช่วงระยะสุดท้ายแห่งพระราชกิจของพระเจ้าก่อนที่มวลมนุษย์จะเข้าสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์  ชีวิตเช่นนี้คือชีวิตในอนาคตของมนุษย์บนแผ่นดินโลก เป็นชีวิตที่งดงามที่สุดบนแผ่นดินโลก เป็นชีวิตในแบบที่มนุษย์ถวิลหา ชีวิตประเภทที่มนุษย์ไม่เคยสัมฤทธิ์มาก่อนในประวัติศาสตร์โลก  เป็นผลสุดท้ายของพระราชกิจบริหารจัดการ 6,000 ปี เป็นสิ่งที่มวลมนุษย์โหยหามากที่สุด และยังเป็นสัญญาที่พระเจ้าทรงมีกับมนุษย์อีกด้วย  แต่สัญญานี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที กล่าวคือ มนุษย์จะเข้าสู่บั้นปลายในอนาคตได้ก็ต่อเมื่อพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ และเขาถูกพิชิตโดยบริบูรณ์แล้วเท่านั้น นั่นคือ ทันทีที่ซาตานปราชัยอย่างราบคาบ  หลังจากที่มนุษย์ได้รับการถลุงแล้ว เขาจะปราศจากธรรมชาติอันเปี่ยมบาป เพราะพระเจ้าย่อมจะทรงทำให้ซาตานปราชัยแล้ว หมายความว่าจะไม่มีการรุกล้ำโดยกำลังบังคับที่ไม่เป็นมิตร และไม่มีกำลังบังคับอันไม่เป็นมิตรใดเลยที่สามารถโจมตีเนื้อหนังของมนุษย์ได้  และดังนั้นมนุษย์จะเป็นอิสระและบริสุทธิ์ นั่นคือ เขาย่อมจะเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์แล้ว  มีเพียงเมื่อกำลังบังคับที่ไม่เป็นมิตรของความมืดถูกพันธนาการไว้แล้วเท่านั้น มนุษย์จึงจะเป็นอิสระไม่ว่าเขาจะไปยังแห่งหนใด และดังนั้นเขาย่อมจะปราศจากความเป็นกบฏหรือการต่อต้าน  ซาตานจำต้องถูกพันธนาการเท่านั้น ทุกสิ่งจึงจะดีสำหรับมนุษย์ สถานการณ์ปัจจุบันดำรงอยู่ก็เพราะซาตานยังคงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาไปทั่วทุกหนแห่งบนแผ่นดินโลก และเพราะพระราชกิจทั้งหมดแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้ายังไปไม่ถึงปลายทาง  ทันทีที่ซาตานปราชัยไปแล้ว มนุษย์จึงจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระโดยบริบูรณ์ เมื่อมนุษย์ได้รับพระเจ้าและออกมาจากภายใต้แดนครอบครองของซาตาน เขาจะมองเห็นดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฟื้นฟูชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์

เมื่อพระเจ้าระบายพระพิโรธอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ออกมา ผลก็คือทั้งโลกจะมีประสบการณ์กับความวิบัติทุกจำพวก เช่น ภูเขาไฟระเบิด  เมื่อยืนสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ย่อมจะสามารถมองเห็นว่าบนแผ่นดินโลกนั้น ความหายนะทุกรูปแบบเข้าใกล้มวลมนุษย์ทั้งปวงมากขึ้นทุกวัน  เมื่อมองลงมาจากที่สูง แผ่นดินโลกแสดงให้เห็นฉากเหตุการณ์อันหลากหลาย เช่น ฉากเหตุการณ์ที่เกิดนำหน้าแผ่นดินไหว  ไฟเหลวพวยพุ่งโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ลาวาไหลอย่างอิสระ ภูเขาทั้งหลายขยับย้าย และแสงเย็นส่องระยิบระยับเหนือทุกสิ่ง  ทั่วทั้งโลกจมอยู่ในเปลวเพลิง  นี่คือฉากเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยพระพิโรธของพระองค์ และเป็นเวลาแห่งการพิพากษาของพระองค์  บรรดาผู้ที่มีเลือดและเนื้อหนังทั้งปวงจะไม่สามารถหลีกหนีไปได้  ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้สงครามระหว่างประเทศและความขัดแย้งระหว่างผู้คนมาทำลายทั้งโลก แทนที่จะเป็นเช่นนั้น โลกกลับจะ “สุขสำราญกับตัวมันเองอย่างมีสติรู้ตัว” ภายในเปลแห่งการตีสอนของพระเจ้า  ไม่มีผู้ใดสามารถหลีกหนีได้ ทุกคนต่างต้องผ่านความทุกข์ยากสาหัสนี้ไปทีละคน  หลังจากนั้น ทั่วทั้งจักรวาลจะส่งประกายสว่างไสวอันพิสุทธิ์อีกครั้ง และมวลมนุษย์ทั้งปวงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง  และพระเจ้าจะทรงหยุดพักเหนือจักรวาล และในแต่ละวันจะทรงอวยพรมวลมนุษย์ทั้งปวง  

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตีความความล้ำลึกต่างๆ แห่ง “พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล” บทที่ 18

ขณะที่วจนะของเราถูกทำให้เป็นจริง ราชอาณาจักรก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นบนแผ่นดินโลกและมนุษย์ก็ค่อยๆ กลับสู่ความเป็นปกติ และด้วยเหตุนี้ราชอาณาจักรในหัวใจของเราจึงถูกสถาปนาขึ้นบนแผ่นดินโลก  ในราชอาณาจักรนั้น ประชากรทั้งหมดของพระเจ้าฟื้นคืนชีวิตของมนุษย์ที่ปกติ  ฤดูหนาวที่จับตัวเป็นน้ำแข็งได้จากไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยโลกที่เต็มไปด้วยนครแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่ซึ่งฤดูใบไม้ผลินั้นยาวนานตลอดปี  ผู้คนไม่ต้องเผชิญกับโลกที่มืดมนและยากแค้นของมนุษย์อีกต่อไป และพวกเขาไม่ต้องสู้ทนความหนาวเย็นยะเยือกของโลกมนุษย์อีกต่อไป  ผู้คนไม่ต่อสู้กัน ประเทศไม่ทำสงครามกัน ไม่มีการสังหารหมู่และเลือดที่ไหลนองจากการสังหารหมู่อีกต่อไป แผ่นดินทั้งมวลเต็มไปด้วยความสุข และทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความอบอุ่นระหว่างมนุษย์  เราเคลื่อนไหวไปทั่วโลก เราชื่นชมจากบนยอดบัลลังก์ของเรา และเราดำรงชีวิตท่ามกลางมวลดารา  บรรดาทูตสวรรค์นำเสนอบทเพลงใหม่ๆ และการเต้นรำใหม่ๆ แก่เรา  ความบอบบางของพวกเขาเองไม่เป็นเหตุให้น้ำตาไหลรินอาบใบหน้าของพวกเขาอีกต่อไป  เราไม่ได้ยินเสียงทูตสวรรค์ร่ำไห้ต่อหน้าเราอีกต่อไป และไม่มีผู้ใดพร่ำบ่นกับเราถึงความยากลำบากอีกต่อไป  วันนี้ พวกเจ้าทั้งหมดมีชีวิตอยู่ต่อหน้าเรา พรุ่งนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจะดำรงอยู่ในราชอาณาจักรของเรา  นี่ไม่ใช่พรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรามอบให้มนุษย์หรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 20

การใช้ชีวิตอยู่ในการหยุดพักหมายถึงชีวิตที่ปราศจากการสู้รบ ปราศจากความโสมม และปราศจากความไม่ชอบธรรมที่ดึงดันใดๆ  กล่าวคือ เป็นชีวิตที่ไร้ซึ่งการถูกซาตานทำให้หยุดชะงัก (“ซาตาน” ในที่นี้อ้างอิงถึงกองกำลังศัตรู) และความเสื่อมทรามของซาตาน และไม่มีแนวโน้มที่จะมีการรุกรานของกองกำลังใดๆ เพื่อต่อต้านพระเจ้า นั่นคือ เป็นชีวิตซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างติดตามประเภทของมันเอง และสามารถนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งการทรงสร้างได้ และซึ่งสวรรค์และแผ่นดินโลกต่างเงียบสงบโดยบริบูรณ์—นี่คือความหมายของคำพูดที่ว่า “ชีวิตที่หยุดพักของมนุษย์”  เมื่อพระเจ้าทรงหยุดพัก ความไม่ชอบธรรมจะไม่คงอยู่บนแผ่นดินโลกอีกต่อไป อีกทั้งจะไม่มีการรุกรานจากกองกำลังศัตรูอีก และมวลมนุษย์จะเข้าสู่อาณาจักรใหม่ ซึ่งมนุษยชาติไม่ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอีกต่อไป แต่ทว่าจะเป็นมนุษยชาติที่ได้รับการช่วยให้รอดหลังจากถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามแล้ว  วันแห่งการหยุดพักของมนุษยชาติจะเป็นวันแห่งการหยุดพักของพระเจ้าด้วยเช่นกัน  พระเจ้าทรงสูญเสียการหยุดพักของพระองค์เนื่องจากมนุษยชาติไร้ความสามารถในการเข้าสู่การหยุดพัก มิใช่เพราะเดิมทีพระองค์ทรงไร้ความสามารถที่จะหยุดพัก  การเข้าสู่การหยุดพักไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวหรือเลิกพัฒนา อีกทั้งไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าหยุดทรงพระราชกิจหรือว่ามนุษย์หยุดใช้ชีวิต หมายสำคัญของการเข้าสู่การหยุดพักคือเมื่อซาตานถูกทำลาย เมื่อบรรดาคนชั่วผู้ซึ่งเข้าร่วมกับมันในการกระทำชั่วถูกลงโทษและถูกกวาดล้างออกไป และเมื่อกองกำลังทั้งหมดที่เป็นศัตรูกับพระเจ้าสูญสิ้นไป การที่พระเจ้าทรงเข้าสู่การหยุดพักหมายความว่า พระองค์จะไม่ทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งความรอดของมนุษยชาติอีกต่อไป  มนุษยชาติเข้าสู่การหยุดพักหมายความว่า มนุษยชาติทั้งหมดจะใช้ชีวิตอยู่ภายในความสว่างของพระเจ้าและอยู่ภายใต้พรของพระองค์ ไร้ซึ่งความเสื่อมทรามของซาตาน และจะไม่มีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นอีกเลย  ภายใต้การดูแลของพระเจ้า มนุษย์จะใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติบนแผ่นดินโลก  เมื่อพระเจ้าและมนุษยชาติเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน นั่นหมายความว่า มนุษยชาติได้รับการช่วยให้รอดและซาตานได้ถูกทำลายไปแล้ว และหมายความว่าพระราชกิจของพระเจ้าในตัวมนุษย์นั้นครบบริบูรณ์อย่างถ้วนทั่วแล้ว  พระเจ้าจะไม่ทรงสานต่อพระราชกิจในตัวมนุษย์อีกต่อไป และพวกเขาจะไม่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานอีกต่อไป  เมื่อนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงสาละวนอีกต่อไป และมนุษย์ก็จะไม่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดหย่อนอีกต่อไป  พระเจ้าและมนุษยชาติจะเข้าสู่การหยุดพักไปพร้อมกัน  พระเจ้าจะเสด็จกลับสู่ที่ประทับดั้งเดิมของพระองค์ และแต่ละคนก็จะกลับไปสู่สถานที่แต่ละแห่งของพวกเขา  เหล่านี้คือบั้นปลายที่พระเจ้าจะทรงพำนักและมนุษย์จะอาศัยอยู่เมื่อการบริหารจัดการทั้งหมดทั้งมวลของพระเจ้าเสร็จสิ้นลงแล้ว พระเจ้าทรงมีบั้นปลายของพระเจ้า และมนุษยชาติก็มีบั้นปลายของมนุษยชาติ  ขณะทรงหยุดพัก พระเจ้าจะทรงสานต่อการทรงนำมนุษย์ทั้งมวลในการใช้ชีวิตบนแผ่นดินโลกของพวกเขาต่อไป และขณะที่อยู่ในความสว่างของพระองค์ พวกเขาจะนมัสการพระเจ้าแท้จริงพระองค์เดียวบนสวรรค์  พระเจ้าจะไม่ดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางมนุษยชาติอีกต่อไป อีกทั้งมนุษย์ก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับพระเจ้าในบั้นปลายของพระองค์ได้  พระเจ้าและมนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในอาณาจักรเดียวกันได้ ตรงกันข้าม ทั้งสองมีลักษณะการดำรงชีวิตของตนเอง  พระเจ้าคือองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงนำมนุษยชาติทั้งมวล และมนุษยชาติทั้งมวลคือการตกผลึกของพระราชกิจบริหารจัดการของพระเจ้า  มนุษย์คือผู้ซึ่งได้รับการนำทาง และไม่ได้มีแก่นแท้แบบเดียวกันกับพระเจ้า  การ “หยุดพัก” หมายถึงการกลับคืนสู่สถานที่ดั้งเดิมของคนเรา  เพราะฉะนั้น เมื่อพระเจ้าทรงเข้าสู่การหยุดพัก จึงหมายถึงการที่พระองค์ได้ทรงกลับมาสู่ที่ประทับดั้งเดิมของพระองค์  พระองค์จะไม่ดำรงพระชนม์ชีพอยู่บนแผ่นดินโลกหรืออยู่ท่ามกลางมนุษยชาติเพื่อร่วมแบ่งปันความชื่นบานยินดีและความทุกข์ของพวกเขาอีกต่อไป  เมื่อมนุษย์เข้าสู่การหยุดพัก ก็หมายถึงการที่พวกเขาได้กลายเป็นวัตถุแห่งการทรงสร้างที่แท้จริง พวกเขาจะนมัสการพระเจ้าอยู่ที่แผ่นดินโลก และดำเนินชีวิตแบบมนุษย์ปกติ  ผู้คนจะไม่เป็นผู้ไม่เชื่อฟังพระเจ้าหรือต้านทานพระองค์อีกต่อไป และจะกลับคืนสู่ชีวิตดั้งเดิมของอาดัมและเอวา  เหล่านี้คือการดำรงพระชนม์ชีพ การดำรงชีวิต และบั้นปลายแต่ละแบบของพระเจ้าและมนุษย์หลังจากที่พระเจ้าและมนุษย์ได้เข้าสู่การหยุดพัก  การพ่ายแพ้ของซาตานเป็นแนวโน้มที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ในการสู้รบระหว่างมันกับพระเจ้า  เช่นนั้นเอง การเข้าสู่การหยุดพักของพระเจ้าหลังจากการครบบริบูรณ์แห่งพระราชกิจบริหารจัดการของพระองค์ และความรอดอย่างครบบริบูรณ์และการเข้าสู่การหยุดพักของมนุษยชาติจึงได้กลายเป็นแนวโน้มที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ในทำนองเดียวกัน  สถานที่แห่งการหยุดพักของมนุษยชาติคือบนแผ่นดินโลก และที่ประทับแห่งการหยุดพักของพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ ขณะที่มนุษย์นมัสการพระเจ้าในการหยุดพัก พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก และขณะที่พระเจ้าทรงนำทางมนุษยชาติที่เหลือในการหยุดพักนั้น พระองค์จะทรงนำทางพวกเขาจากสวรรค์ ไม่ใช่จากแผ่นดินโลก  พระเจ้าจะยังคงเป็นพระวิญญาณ ในขณะที่มนุษย์จะยังคงเป็นเนื้อหนัง  พระเจ้าและมนุษย์ต่างหยุดพักในลักษณะที่แตกต่างกัน  ขณะที่พระเจ้าทรงหยุดพัก พระองค์จะเสด็จมาปรากฏท่ามกลางมนุษย์ ขณะที่มนุษย์หยุดพัก พวกเขาจะได้รับการทรงนำทางโดยพระเจ้าเพื่อไปเยือนสวรรค์ รวมถึงเพื่อชื่นชมชีวิตที่นั่นด้วย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน

เมื่อมนุษย์สัมฤทธิ์ชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์บนแผ่นดินโลก และกำลังบังคับทั้งมวลของซาตานถูกพันธนาการแล้ว มนุษย์ย่อมจะใช้ชีวิตอย่างง่ายดายบนแผ่นดินโลก  สิ่งทั้งหลายจะไม่ซับซ้อนเช่นที่เป็นอยู่ในวันนี้ กล่าวคือ สัมพันธภาพของมนุษย์ สัมพันธภาพทางสังคม สัมพันธภาพในครอบครัวที่ซับซ้อน—เหล่านี้นำมาซึ่งปัญหารุมเร้ามากมายยิ่งนัก ความเจ็บปวดมากมายยิ่งนัก!  ชีวิตของมนุษย์ที่แผ่นดินโลกนี้ช่างทุกข์ระทมยิ่ง!  ทันทีที่มนุษย์ได้รับการพิชิต หัวใจและจิตใจของเขาย่อมจะเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ เขาจะมีหัวใจที่เคารพและรักพระเจ้า  ทันทีที่บรรดาผู้ที่อยู่ภายในจักรวาลและพยายามที่จะรักพระเจ้าได้รับการพิชิต ซึ่งหมายความว่าทันทีที่ซาตานปราชัยแล้ว และเมื่อซาตาน—ซึ่งก็คือกำลังบังคับทั้งปวงแห่งความมืด—ถูกพันธนาการไว้แล้ว เมื่อนั้นชีวิตมนุษย์บนแผ่นดินโลกก็จะไม่เดือดร้อน และเขาจะสามารถมีชีวิตอย่างอิสระบนแผ่นดินโลก  หากชีวิตมนุษย์ไม่มีสัมพันธภาพทางเนื้อหนังและความซับซ้อนของเนื้อหนัง เช่นนั้นแล้วก็ย่อมจะง่ายขึ้นมากนัก  สัมพันธภาพทางเนื้อหนังของมนุษย์ซับซ้อนเกินไป และการที่มนุษย์มีสิ่งทั้งหลายเช่นนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขายังไม่ปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของซาตาน  หากเจ้ามีสัมพันธภาพกับพี่น้องชายหญิงแต่ละคนของเจ้าในแบบเดียวกัน หากเจ้ามีสัมพันธภาพกับสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวของเจ้าในแบบเดียวกัน เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ไร้กังวล และไม่จำเป็นต้องห่วงใยผู้ใด  ไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่านี้ และในหนทางนี้ความทุกข์ของมนุษย์ย่อมบรรเทาลงไปครึ่งหนึ่ง  เมื่อมีชีวิตมนุษย์ที่ปกติบนแผ่นดินโลก มนุษย์จะคล้ายกับทูตสวรรค์ แม้ว่าจะยังเป็นเนื้อหนัง แต่เขาก็จะเหมือนกับทูตสวรรค์มาก  นี่คือสัญญาขั้นสุดท้าย เป็นสัญญาสุดท้ายที่ประทานแก่มนุษย์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฟื้นฟูชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์

เมื่อมนุษย์เข้าสู่บั้นปลายอันเป็นนิรันดร์ มนุษย์จะนมัสการพระผู้สร้าง และเนื่องจากมนุษย์ได้รับความรอดและเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์แล้ว มนุษย์ย่อมจะไม่ไล่ตามเสาะหาเป้าหมายใดๆ และยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกซาตานตีวงล้อม  ในเวลาเช่นนี้มนุษย์จะรู้ตำแหน่งแห่งที่ของเขาเอง และจะปฏิบัติหน้าที่ของเขา และต่อให้พวกเขาไม่ถูกตีสอนหรือถูกพิพากษา แต่ละบุคคลก็จะปฏิบัติหน้าที่ของตน  ณ เวลานั้นมนุษย์จะเป็นสิ่งทรงสร้างทั้งในอัตลักษณ์และสถานะ  จะไม่มีการแบ่งแยกว่าสูงและต่ำอีกต่อไป แต่ละคนจะเพียงปฏิบัติหน้าที่แตกต่างกันเท่านั้น  กระนั้นมนุษย์ก็จะยังคงดำรงชีวิตอยู่ในบั้นปลายที่มีระเบียบและเหมาะสมสำหรับมวลมนุษย์ มนุษย์จะปฏิบัติหน้าที่ของเขาเพื่อนมัสการพระผู้สร้าง และมวลมนุษย์เช่นนี้นี่เองที่จะกลายเป็นมวลมนุษย์แห่งกัลปาวสาน  ณ เวลานั้นมนุษย์จะได้รับชีวิตที่พระเจ้าประทานความกระจ่างให้ ชีวิตที่อยู่ภายใต้การดูแลและคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า ชีวิตที่ดำรงอยู่ร่วมกันกับพระเจ้า  มวลมนุษย์จะมีชีวิตที่ปกติบนแผ่นดินโลก และผู้คนทั้งหมดจะเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้อง แผนการบริหารจัดการ 6,000 ปีย่อมจะเอาชนะซาตานอย่างราบคาบแล้ว ซึ่งหมายความว่าพระเจ้าย่อมจะทรงฟื้นฟูภาพลักษณ์ดั้งเดิมของมนุษย์เมื่อครั้งที่ทรงสร้างเขาแล้ว และเมื่อเป็นเช่นนั้น เจตนารมณ์ดั้งเดิมของพระเจ้าย่อมจะลุล่วงแล้ว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฟื้นฟูชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์

เมื่อมนุษย์ได้รับการทำให้ฟื้นคืนสู่สภาพเสมือนดั้งเดิมของพวกเขาแล้ว และเมื่อพวกเขาสามารถทำหน้าที่แต่ละอย่างของพวกเขาให้ลุล่วง คงอยู่กับที่ตั้งที่ถูกต้องเหมาะสมของพวกเขาเอง และนบนอบต่อการจัดการเตรียมการทั้งหมดของพระเจ้าได้ พระเจ้าก็จะทรงได้รับผู้คนกลุ่มหนึ่งบนแผ่นดินโลกผู้ซึ่งนมัสการพระองค์  และพระองค์จะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่งขึ้นบนแผ่นดินโลกที่นมัสการพระองค์อีกด้วย  พระองค์จะทรงมีชัยชนะอันเป็นนิรันดร์บนแผ่นดินโลก และพวกเหล่านั้นทั้งหมดผู้ซึ่งต่อต้านพระองค์จะพินาศย่อยยับไปตลอดกาล  นี่จะฟื้นคืนเจตนารมณ์ดั้งเดิมของพระองค์ในการทรงสร้างมนุษยชาติ ซึ่งจะฟื้นคืนเจตนารมณ์ของพระองค์ในการทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และยังจะฟื้นคืนสิทธิอำนาจของพระองค์บนแผ่นดินโลก ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง และท่ามกลางศัตรูของพระองค์อีกด้วย  เหล่านี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะทั้งหมดของพระองค์  นับตั้งแต่นั้นมา มนุษยชาติจะเข้าสู่การหยุดพักและเริ่มต้นชีวิตที่อยู่ในร่องครรลองที่ถูกต้อง  พระเจ้าจะทรงเข้าสู่การหยุดพักอันเป็นนิรันดร์กับมนุษยชาติด้วยเช่นกัน และเริ่มต้นชีวิตอันเป็นนิรันดร์ซึ่งทั้งพระองค์เองและพวกมนุษย์ต่างก็มีร่วมกัน  ความโสมมและการไม่เชื่อฟังบนแผ่นดินโลกจะปลาสนาการไปแล้ว และเสียงคร่ำครวญทั้งหมดจะได้เหือดหายไปแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ที่ต่อต้านพระเจ้าจะได้ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว  มีเพียงพระเจ้าและบรรดาผู้คนซึ่งพระองค์ได้ทรงนำความรอดมาให้เท่านั้นที่จะคงเหลืออยู่ เฉพาะสรรพสิ่งทรงสร้างของพระองค์เท่านั้นที่จะคงเหลืออยู่

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน

ทั่วทั้งแผ่นดินก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกหนแห่งบนแผ่นดินโลกมีบรรยากาศของการสรรเสริญ และไม่มีที่ใดที่ปราศจากสง่าราศีของเรา  ปัญญาของเรานั้นอยู่ทั่วทุกหนแห่งบนแผ่นดินโลก และตลอดทั่วทั้งจักรวาล  ท่ามกลางทุกสรรพสิ่งคือดอกผลแห่งปัญญาของเรา ท่ามกลางผู้คนทั้งปวงคับคั่งไปด้วยผลงานชิ้นเอกแห่งปัญญาของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหมือนทุกสรรพสิ่งในราชอาณาจักรของเรา และผู้คนทั้งหมดอยู่อาศัยอย่างสงบภายใต้ฟ้าสวรรค์ของเราเหมือนแกะบนทุ่งหญ้าของเรา  เราเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์ทั้งหมดและกำลังเฝ้ามองทุกหนแห่ง  ไม่มีสิ่งใดเคยดูเก่า และไม่มีบุคคลใดเป็นดังที่เขาเคยเป็น  เราหยุดพักบนบัลลังก์ เราเอนกายอยู่เหนือทั้งจักรวาล และเราพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม เพราะทุกสรรพสิ่งได้ฟื้นคืนความบริสุทธิ์ของตน และเราสามารถพักอาศัยอย่างสันติสุขภายในศิโยนได้อีกครั้ง และผู้คนบนแผ่นดินโลกสามารถใช้ชีวิตอันสงบเย็นและเป็นสุขอยู่ภายใต้การนำของเรา  กลุ่มชนทั้งหมดกำลังบริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในมือของเรา กลุ่มชนทั้งปวงได้รับเชาวน์ปัญญาแต่เก่าก่อนและรูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกเขาคืนมา พวกเขาไม่มีฝุ่นจับอีกต่อไป แต่บริสุทธิ์ดุจดังหยกอยู่ในราชอาณาจักรของเรา โดยแต่ละคนมีใบหน้าเหมือนใบหน้าของผู้บริสุทธิ์ภายในหัวใจของมนุษย์ เพราะราชอาณาจักรของเราได้ถูกสถาปนาขึ้นท่ามกลางมนุษย์แล้ว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 16

“เราเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์ทั้งหมดและกำลังเฝ้ามองทุกหนแห่ง  ไม่มีสิ่งใดเคยดูเก่า และไม่มีบุคคลใดเป็นดังที่เขาเคยเป็น  เราหยุดพักบนบัลลังก์ เราเอนกายอยู่เหนือทั้งจักรวาล…”  นี่คือบทอวสานแห่งพระราชกิจปัจจุบันของพระเจ้า  ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรทั้งปวงกลับคืนสู่รูปทรงดั้งเดิมของพวกเขา ซึ่งเพราะการนี้ บรรดาทูตสวรรค์ที่ได้ทนทุกข์มาเป็นเวลาหลายปียิ่งนักจึงได้รับการปลดปล่อย ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “ใบหน้าของพวกเขาเหมือนใบหน้าของผู้บริสุทธิ์ภายในหัวใจของมนุษย์” เนื่องจากบรรดาทูตสวรรค์ทำงานบนแผ่นดินโลกและรับใช้พระเจ้าบนแผ่นดินโลก และเพราะพระสิริของพระเจ้าเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลก สวรรค์จึงถูกนำมายังแผ่นดินโลก และแผ่นดินโลกก็ถูกยกขึ้นสู่สวรรค์  ดังนั้น มนุษย์จึงเป็นสิ่งเชื่อมต่อที่เชื่อมโยงสวรรค์และแผ่นดินโลก สวรรค์และแผ่นดินโลกไม่อยู่ห่างกันอีกต่อไป ไม่ถูกแยกจากกันอีกต่อไป แต่เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่ง  ตลอดทั่วทั้งโลกมีเพียงพระเจ้าและมนุษย์เท่านั้นที่ดำรงอยู่  ไม่มีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรก และทุกสรรพสิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ เหมือนลูกแกะตัวน้อยที่นอนอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีภายใต้ท้องฟ้า ชื่นชมพระคุณทั้งหมดของพระเจ้า  และเป็นเพราะการมาถึงของความอ่อนเยาว์นั้นนั่นเองที่ลมหายใจแห่งชีวิตเปล่งแสงออกมา เพราะพระเจ้าเสด็จมายังโลกเพื่อดำรงพระชนม์ชีพเคียงข้างมนุษย์ไปชั่วกัลปาวสาน เหมือนที่ตรัสจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าว่า “เราสามารถพักอาศัยอย่างสันติสุขภายในศิโยนได้อีกครั้ง”  นี่คือสัญลักษณ์แห่งการมีชัยชนะเหนือซาตาน มันคือวันแห่งการหยุดพักของพระเจ้า และวันนี้จะได้รับการเชิดชูและกล่าวประกาศโดยผู้คนทั้งปวง และได้รับการฉลองรำลึกโดยผู้คนทั้งปวง  เมื่อพระเจ้าทรงหยุดพักอยู่บนพระบัลลังก์ นั่นยังเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงสรุปปิดตัวพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกอีกด้วย และเป็นชั่วขณะนั้นนั่นเองที่ความล้ำลึกทั้งหมดของพระเจ้าได้ถูกแสดงแก่มนุษย์ พระเจ้าและมนุษย์จะปรองดองกันชั่วนิรันดร์ ไม่มีวันห่างกัน—เช่นนั้นคือฉากเหตุการณ์อันงดงามแห่งราชอาณาจักร!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตีความความล้ำลึกต่างๆ แห่ง “พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล” บทที่ 16

ในแสงสว่างวาบของฟ้าแลบ รูปร่างอันแท้จริงของสัตว์ทุกตัวถูกเปิดเผย  ดังนั้น เมื่อได้รับความกระจ่างจากความสว่างของเรา มนุษย์จึงได้รับความสะอาดบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยครอบครองคืนมา  โอ โลกเก่าอันเสื่อมทราม!  ในที่สุด มันก็ล้มคว่ำลงไปในน้ำโสโครก และเมื่อจมลงไปใต้ผิวน้ำก็ละลายเป็นโคลนตม!  โอ มวลมนุษย์ทั้งปวงแห่งการสร้างของเราเอง!  ในที่สุดพวกเขาก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งในความสว่าง ได้พบรากฐานของการดำรงอยู่ และเลิกดิ้นทุรนอยู่ในโคลน!  โอ สรรพสิ่งแห่งการสร้างมากมายเหลือคณานับ ซึ่งเราประคองอยู่ในมือทั้งสองของเรา!  พวกมันจะไม่เริ่มต้นใหม่โดยผ่านทางถ้อยคำของเราได้อย่างไร?  พวกมันจะไม่แสดงบทบาทหน้าที่ของพวกมันในความสว่างได้อย่างไร?  แผ่นดินโลกไม่หยุดนิ่งและเงียบสงัดเป็นตายอีกต่อไป สวรรค์ไม่อ้างว้างและเศร้าโศกอีกต่อไป  สวรรค์และแผ่นดินโลกไม่ถูกพื้นที่ว่างแยกออกจากกันอีกต่อไป รวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีวันถูกแยกจากกันอีก  ในวาระอันน่ายินดีปรีดานี้ ณ ชั่วขณะแห่งความปราโมทย์นี้ ความชอบธรรมของเราและความบริสุทธิ์ของเราได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งจักรวาล และมวลมนุษย์ทั้งปวงสดุดีความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ของเรากันอย่างไม่หยุดหย่อน  เมืองสวรรค์ทั้งหลายพากันหัวเราะด้วยความชื่นบานยินดี และราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกก็เต้นรำด้วยความชื่นบานยินดี  ณ เวลานี้ ใครเล่าที่ไม่ชื่นชมยินดี?  และใครเล่าที่ไม่ร่ำไห้?  แผ่นดินโลกในสภาวะแรกเริ่มของมันนั้นเป็นของสวรรค์ และสวรรค์ก็รวมเข้ากับแผ่นดินโลก  มนุษย์คือสายใยที่รวมสวรรค์และแผ่นดินโลกเข้าด้วยกัน และเนื่องแต่ความสะอาดบริสุทธิ์ของมนุษย์ เนื่องแต่การเริ่มต้นใหม่ของมนุษย์ สวรรค์จึงไม่ถูกปกปิดจากแผ่นดินโลกอีกต่อไป และแผ่นดินโลกก็ไม่นิ่งเงียบต่อสวรรค์อีกต่อไป  ใบหน้าทั้งหลายของมวลมนุษย์ประดับรอยยิ้มแห่งความรื่นรมย์สมอุรา และที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจของพวกเขาทุกคนคือความหวานชื่นอันไร้ขอบเขต  มนุษย์ไม่ทะเลาะวิวาทกับมนุษย์ และมนุษย์ไม่มาชกต่อยกัน  มีผู้ใดบ้างที่ไม่ใช้ชีวิตกับคนอื่นอย่างมีสันติสุขในความสว่างของเรา?  มีผู้ใดบ้างที่ทำให้นามของเราเสื่อมเสียในวันของเรา?  มนุษย์ทั้งปวงจ้องมองเราด้วยสายตาอันเปี่ยมความเคารพนับถือของพวกเขา และในหัวใจของพวกเขานั้น พวกเขาแอบเพรียกร้องหาเรา  เราได้ตรวจค้นทุกการกระทำของมวลมนุษย์ กล่าวคือ ท่ามกลางมนุษย์ที่ได้รับการชำระให้สะอาด ไม่มีสักคนที่ไม่เชื่อฟังเรา ไม่มีสักคนที่ตัดสินเรา  มวลมนุษย์ทั้งปวงถูกอุปนิสัยของเราซึมซ่านไปทั่ว  มนุษย์ทั้งปวงกำลังจะมารู้จักเรา กำลังเข้ามาใกล้ชิดเรายิ่งขึ้นและรักบูชาเรา  เรายืนหยัดมั่นคงอยู่ในวิญญาณของมนุษย์ ได้รับการยกย่องสูงสุดในสายตาของมนุษย์ และไหลไปพร้อมกับโลหิตในเส้นเลือดของมนุษย์  ทุกหนแห่งบนพื้นผิวของแผ่นดินโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยการยกย่องอันชื่นบานยินดีในหัวใจของมนุษย์ อากาศแจ่มใสและสดชื่น หมอกหนาไม่ปกคลุมพื้นดินอีกต่อไป และดวงอาทิตย์ฉายแสงอันโชติช่วงชัชวาล

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 18

ในความสว่างของเรา ผู้คนมองเห็นความสว่างไสวอีกครั้ง  ในวจนะของเรา ผู้คนพบสิ่งทั้งหลายที่พวกเขาชื่นชม  เรามาจากทิศตะวันออก เรามีภูมิลำเนาอยู่ทางทิศตะวันออก  เมื่อสง่าราศีของเราโชติช่วงขึ้นมา ชนชาติทั้งปวงก็สว่างไสว ทั้งหมดถูกนำเข้าสู่ความสว่าง ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความมืด  ในราชอาณาจักร ชีวิตที่ประชากรของพระเจ้าดำเนินร่วมกับพระเจ้านั้นมีความสุขเหลือคณานับ  ห้วงน้ำทั้งหลายเต้นรำด้วยความชื่นบานยินดีในชีวิตที่ได้รับพรของผู้คน ภูเขาชื่นชมความไพบูลย์ของเราร่วมกับผู้คน  มนุษย์ทั้งมวลเพียรพยายาม ทำงานหนัก แสดงความจงรักภักดีของพวกเขาในราชอาณาจักรของเรา  ในราชอาณาจักร การกบฏไม่มีอีกต่อไป การต้านทานไม่มีอีกต่อไป ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกต่างพึ่งพากันและกัน มนุษย์กับเราเข้ามาใกล้ชิดกันในความรู้สึกอันลึกซึ้งผ่านทางความปลื้มปีติแสนหวานของชีวิต อิงแอบกัน…ณ เวลานี้ เราเริ่มชีวิตของเราในสวรรค์อย่างเป็นทางการ  การรบกวนของซาตานไม่มีอีกต่อไป และผู้คนก็เข้าสู่การหยุดพัก  ทั่วทั้งจักรวาล ผู้คนที่เราเลือกสรรมีชีวิตในสง่าราศีของเรา ได้รับพรเกินจะหาใดเปรียบ ไม่ใช่ในฐานะผู้คนที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ในฐานะผู้คนที่มีชีวิตอยู่กับพระเจ้า  มนุษยชาติทั้งมวลได้ล่วงผ่านความเสื่อมทรามของซาตาน และได้ดื่มความขมและความหวานแห่งชีวิตจนถึงหยดสุดท้าย  บัดนี้เมื่อมีชีวิตอยู่ในความสว่างของเรา คนเราจะไม่ชื่นบานได้อย่างไร?  คนเราจะสามารถละทิ้งช่วงเวลาที่สวยงามนี้และปล่อยให้หลุดลอยไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?  ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย!  จงร้องเพลงในหัวใจของพวกเจ้าและเต้นรำด้วยความชื่นบานยินดีเพื่อเรา!  จงยกชูและส่งมอบหัวใจที่จริงใจของพวกเจ้าให้แก่เรา!  จงตีกลองของพวกเจ้าและบรรเลงอย่างชื่นบานเพื่อเรา!  เราแผ่รัศมีแห่งความปีติยินดีของเราไปทั่วจักรวาลทั้งปวง!  เราเปิดเผยใบหน้าที่เปี่ยมสง่าราศีของเราต่อผู้คน!  เราจะร้องเรียกด้วยเสียงอันดัง!  เราจะอยู่เหนือพ้นจักรวาล!  เราได้ปกครองในหมู่ผู้คนแล้ว!  เราได้รับการยกย่องจากผู้คน!  เราล่องลอยอยู่ในฟ้าสวรรค์สีครามเบื้องบนและผู้คนก็เดินไปพร้อมกับเรา  เราเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนและผู้คนของเราห้อมล้อมเรา!  หัวใจของผู้คนชื่นบาน เพลงของพวกเขาสะเทือนจักรวาล กึกก้องถึงสวรรค์ชั้นสูงสุด!  จักรวาลไม่มีหมอกปกคลุมอีกต่อไป ไม่มีโคลนตมอีกต่อไป ไม่มีสิ่งปฏิกูลพอกพูนขึ้นมาอีกต่อไป  ผู้คนบริสุทธิ์แห่งจักรวาลเอ๋ย!  ภายใต้การตรวจสอบของเรา เจ้าแสดงโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า  พวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่ถูกสิ่งสกปรกโสมมปกคลุม แต่เป็นวิสุทธิชนที่บริสุทธิ์ราวกับหยก พวกเจ้าทั้งหมดเป็นที่รักของเรา พวกเจ้าทั้งหมดคือความปีติยินดีของเรา!  สรรพสิ่งกลับมีชีวิตขึ้นมา!  วิสุทธิชนทั้งหมดได้กลับมารับใช้เราบนสวรรค์ เข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของเรา ไม่ร่ำไห้อีกต่อไป ไม่กระวนกระวายอีกต่อไป ส่งมอบตัวพวกเขาเองให้เรา กลับมาที่บ้านของเรา และในบ้านเกิดของพวกเขา พวกเขาจะรักเราอย่างไม่สิ้นสุด!  ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์!  ความโศกเศร้าอยู่ที่ใด!  น้ำตาอยู่ที่ใด!  เนื้อหนังอยู่ที่ใด!  แผ่นดินโลกล่วงลับไป แต่ฟ้าสวรรค์คงอยู่ตลอดกาล  เราปรากฏต่อผู้คนทั้งปวงและผู้คนทั้งปวงสรรเสริญเรา  ชีวิตนี้ ความงดงามนี้ ตั้งแต่เพรงกาลจนถึงจุดจบแห่งกาลเวลา จะไม่เปลี่ยนแปลง  นี่คือชีวิตแห่งราชอาณาจักร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงชื่นบานเถิด!

ก่อนหน้า: 1. องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำพระสัญญากับพวกเรา โดยตรัสว่า “ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน  เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย(ยอห์น 14:2-3)  องค์พระเยซูเจ้าได้คืนพระชนม์และเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อตระเตรียมสถานที่แห่งหนึ่งให้กับพวกเรา และดังนั้น สถานที่นี้ควรจะต้องอยู่ในสวรรค์  กระนั้นพวกคุณก็ยังให้คำพยานว่า องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับมาและสถาปนาราชอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก  ฉันไม่เข้าใจว่า อาณาจักรสวรรค์นั้นอยู่ในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger