พระวจนะสำหรับผู้เยาว์และผู้สูงวัย
เราได้ดำเนินงานจำนวนมากมายมหาศาลบนแผ่นดินโลก และเราเดินอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์มาหลายปีเหลือเกินแล้ว กระนั้นผู้คนก็ไม่ค่อยรู้จักรูปลักษณ์ของเราและอุปนิสัยของเรา และมีผู้คนไม่กี่คนที่สามารถอธิบายงานที่เราทำได้อย่างละเอียดทั่วถึง มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่ผู้คนขาด พวกเขามักจะขาดความเข้าใจเสมอเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ และหัวใจของพวกเขามักจะเฝ้าระวังอยู่เสมอ ราวกับว่าพวกเขากลัวอยู่ลึกๆ ว่าเราจะเอาพวกเขาไปไว้ในสถานการณ์อื่น และจากนั้นก็ไม่ให้ความใส่ใจต่อพวกเขาอีกเลย ด้วยเหตุนี้ท่าทีของผู้คนที่มีต่อเราจึงแบ่งรับแบ่งสู้ ร่วมด้วยความระมัดระวังขนานใหญ่เสมอ นี่เป็นเพราะผู้คนได้มาถึงปัจจุบันโดยปราศจากความเข้าใจงานที่เราทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขางงงันกับวจนะที่เราพูดกับพวกเขา พวกเขาถือวจนะของเราไว้ในมือของพวกเขา โดยไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะผูกพันตัวเองกับการเชื่ออันไม่หันเหในวจนะของเราหรือไม่ หรือพวกเขาควรจะเลือกเอาความลังเลไม่อาจตัดสินใจและลืมวจนะของเราไปเสียหรือไม่ พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะนำวจนะของเราไปปฏิบัติหรือไม่ หรือรอดูไปก่อน ไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะโยนทุกอย่างทิ้งไปและติดตามอย่างกล้าหาญ หรือยังหยิบยื่นมิตรภาพให้แก่โลกเหมือนเมื่อก่อนต่อไปหรือไม่ โลกภายในท้้งหลายของผู้คนช่างซับซ้อนเหลือเกิน และพวกเขาก็ช่างฉลาดแกมโกงเหลือเกิน เพราะผู้คนไม่สามารถมองเห็นวจนะของเราได้อย่างชัดเจนหรืออย่างเต็มที่ พวกเขาหลายคนจึงมีเวลาที่ยากลำบากในการปฏิบัติตามวจนะของเราและมีความลำบากยากเย็นในการวางหัวใจของพวกเขาไว้เบื้องหน้าเรา เราเข้าใจความลำบากยากเย็นท้้งหลายของพวกเจ้าอย่างลึกซึ้ง จุดอ่อนมากมายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง และปัจจัยเชิงวัตถุประสงค์มากมายสร้างความลำบากยากเย็นให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเจ้า ใช้วันเวลาของพวกเจ้าเพื่อทำงานอย่างหนัก และเดือนปีก็ผ่านไปในความยากลำบาก มีความลำบากยากเย็นมากมายในการมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง—เราไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ และแน่นอนว่าข้อพึงประสงค์ของเราที่มีต่อพวกเจ้าถูกกำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับความลำบากยากเย็นของพวกเจ้า ข้อพึงประสงค์ทั้งหลายในงานที่เราทำนั้น ล้วนอยู่บนพื้นฐานของวุฒิภาวะจริงของพวกเจ้า บางทีในอดีต ข้อพึงประสงค์ที่ผู้คนได้ทำไว้กับพวกเจ้าในงานของพวกเขาได้ถูกผสมเข้ากับองค์ประกอบแห่งความมากเกินไป แต่พวกเจ้าควรจะรู้ไว้ว่าเราไม่เคยได้มีข้อพึงประสงค์ที่มากเกินไปต่อพวกเจ้าในสิ่งที่เราพูดและทำ ข้อพึงประสงค์ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานแห่งธรรมชาติ เนื้อหนังของผู้คน และสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องมี พวกเจ้าควรจะรู้ และเราก็สามารถบอกพวกเจ้าได้อย่างชัดเจนว่า เราไม่ต่อต้านวิธีคิดอันสมเหตุสมผลบางอย่างที่ผู้คนมี และเราไม่ต่อต้านธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิดของมวลมนุษย์ เป็นเพียงเพราะผู้คนไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้ว มาตรฐานที่เราได้กำหนดไว้ให้พวกเขานั้นคือสิ่งใด อีกทั้งพวกเขาไม่เข้าใจความหมายดั้งเดิมของวจนะของเรา จนถึงขั้นที่ผู้คนได้แคลงใจในวจนะของเรามาจนบัดนี้ และผู้คนน้อยกว่าครึ่งด้วยซ้ำที่เชื่อวจนะของเรา ส่วนที่เหลือเป็นพวกผู้ไม่เชื่อ และยังมีมากกว่านั้นอีกที่เป็นพวกที่ชอบฟังเรา “เล่านิทาน” ที่มากกว่านั้นก็คือ มีมากมายหลายคนที่ชื่นชมภาพอันตื่นตาตื่นใจ เราขอให้พวกเจ้าจงระวังว่า วจนะของเรามากมายได้ถูกเปิดกว้างแล้วต่อบรรดาผู้ที่เชื่อในเรา และบรรดาผู้ที่ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของราชอาณาจักร แต่ถูกกักไว้ตรงด้านนอกของประตูแห่งราชอาณาจักรก็ได้ถูกเรากำจัดออกไปแล้ว พวกเจ้าเป็นเพียงข้าวละมานที่เรารังเกียจเดียดฉันท์มิใช่หรือ? พวกเจ้าจะสามารถเฝ้าดูเราจากไปและจากนั้นก็ต้อนรับการกลับมาของเราอย่างเต็มไปด้วยความชื่นบานได้อย่างไรเล่า? เราบอกพวกเจ้าเลยว่า หลังจากประชาชนชาวนีนะเวห์ได้ยินพระวจนะอันโกรธกริ้วของพระยาห์เวห์ พวกเขาก็กลับใจในผ้ากระสอบและขี้เถ้าโดยทันที เป็นเพราะพวกเขาได้เชื่อในพระวจนะของพระองค์ พวกเขาจึงได้เต็มไปด้วยความเสียขวัญและความสะพรึงกลัว และดังนั้นจึงกลับใจในผ้ากระสอบและขี้เถ้า สำหรับผู้คนของวันนี้ แม้เจ้าก็เชื่อวจนะของเราเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นอีก ยังเชื่อว่าพระยาห์เวห์ได้เสด็จมาท่ามกลางพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ แต่ท่าทีของพวกเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความไม่เคารพยำเกรง ราวกับว่าพวกเจ้าได้เพียงแค่กำลังสังเกตการณ์พระเยซูผู้ซึ่งได้ประสูติในแคว้นยูเดียเมื่อหลายพันปีก่อน และตอนนี้ได้เสด็จลงมาสถิตท่ามกลางพวกเจ้า เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงที่ดำรงอยู่ภายในหัวใจของพวกเจ้า พวกเจ้าส่วนใหญ่ติดตามเราเพราะความอยากรู้อยากเห็นและได้มาเพื่อที่จะแสวงหาเราให้พบจากความว่างเปล่า เมื่อความปรารถนาที่สามของพวกเจ้าพังทลายลง—ความปรารถนาของพวกเจ้าเพื่อชีวิตที่สงบและมีความสุข—เช่นนั้นแล้วความอยากรู้อยากเห็นของพวกเจ้าจึงสลายไปเช่นกัน ความเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงที่ดำรงอยู่ในหัวใจของพวกเจ้าแต่ละดวงถูกเปิดโปงโดยผ่านทางคำพูดและความประพฤติของพวกเจ้า พูดแบบจริงใจก็คือ พวกเจ้าเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรา แต่ไม่กลัวเรา พวกเจ้าไม่ระวังปากของพวกเจ้า และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเจ้าจะใช้ความยับยั้งชั่งใจในพฤติกรรมของพวกเจ้า เช่นนั้นแล้วพวกเจ้ามีความเชื่อประเภทใดกันแน่? เป็นของแท้หรือไม่? พวกเจ้าเพียงแค่ใช้วจนะของเราเพื่อปัดเป่าความกังวลทั้งหลายของพวกเจ้า และบรรเทาความเบื่อหน่ายของพวกเจ้า เพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่ในชีวิตของพวกเจ้า ใครเล่าท่ามกลางพวกเจ้าที่ได้นำวจนะของเราไปปฏิบัติ? ผู้ใดเล่าที่มีความเชื่ออันจริงแท้? พวกเจ้าโห่ร้องไม่หยุดหย่อนว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงมองเห็นลึกเข้าไปในหัวใจของผู้คน แต่พระเจ้าที่พวกเจ้าโห่ร้องหาในหัวใจของพวกเจ้าเข้ากันได้กับเราอย่างไรหรือ? ในเมื่อพวกเจ้ากำลังโห่ร้องเยี่ยงนี้ เช่นนั้นแล้ว เหตุใดเล่าพวกเจ้าจึงปฏิบัติตนในหนทางนั้น? เป็นไปได้ไหมว่านี่คือความรักที่พวกเจ้าต้องการชดใช้คืนแก่เรา? ไม่มีการมอบอุทิศจำนวนเล็กน้อยอยู่บนริมฝีปากของพวกเจ้าเลย ว่าแต่ว่า การพลีอุทิศของพวกเจ้า และความประพฤติดีของพวกเจ้าอยู่ที่ใดเล่า? หากไม่ได้เป็นเพราะคำพูดของพวกเจ้ามาถึงหูของเรา เราจะสามารถเกลียดชังพวกเจ้ามากเหลือเกินได้อย่างไร? หากพวกเจ้าได้เชื่อในเราอย่างแท้จริง พวกเจ้าจะสามารถตกอยู่ในสภาวะเศร้าหมองเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้ามีแววซึมเศร้าบนใบหน้าของพวกเจ้าราวกับว่าพวกเจ้าได้กำลังถูกพิจารณาคดีอยู่ในแดนคนตาย พวกเจ้าไม่มีความมีชีวิตชีวาเพียงกระผีกริ้น และเจ้าพูดกับตัวเองอยู่ในหัวอย่างอ่อนระโหย เจ้าถึงกับเต็มไปด้วยคำร้องทุกข์คร่ำครวญและคำสาปแช่ง นานมาแล้วพวกเจ้าได้สูญเสียความเชื่อในสิ่งที่เราทำ และแม้แต่ความเชื่อดั้งเดิมของพวกเจ้าก็ได้ปลาสนาการไป ดังนั้นเจ้าจะสามารถติดตามไปจนถึงปลายทางได้อย่างไร? ในเมื่อเป็นดั่งนี้ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะสามารถได้รับการช่วยให้รอดได้อย่างไร?
แม้ว่างานของเราช่วยได้อย่างมากสำหรับพวกเจ้า กระนั้นวจนะของเรามักจะไปไม่ถึงพวกเจ้าเสมอ และไม่มีผลใดเลยในตัวพวกเจ้า มันลำบากยากเย็นที่จะพบเจอเป้าหมายให้เราทำให้เพียบพร้อม และวันนี้เราแทบจะได้หมดหวังในตัวพวกเจ้าแล้ว เราได้สำรวจค้นท่ามกลางพวกเจ้าเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ก็ยากลำบากที่จะพบเจอใครสักคนที่สามารถเป็นคนรู้ใจของเราได้ เรารู้สึกราวกับว่าเราไม่มีความมั่นใจที่จะทำงานในตัวพวกเจ้าต่อไป และไม่มีความรักที่จะใช้เพื่อรักพวกเจ้าต่อไป นี่เป็นเพราะนานมาแล้วที่เราได้กลายเป็นขยะแขยง “ความสำเร็จลุล่วง” ของพวกเจ้า ซึ่งเล็กจิ๋วและน่าเวทนาดั่งที่เป็นอยู่ ดูราวกับว่าเราไม่เคยได้พูดท่ามกลางพวกเจ้าและไม่เคยได้ทำงานในตัวพวกเจ้าเลย การสัมฤทธิ์ผลของพวกเจ้าน่าคลื่นเหียนเหลือเกิน พวกเจ้ามักจะนำความล่มสลายและความน่าละอายมาสู่ตัวเองเสมอ และพวกเจ้าก็แทบจะไม่มีคุณค่าใดเลย เราแทบจะไม่สามารถพบเจอสภาพเสมือนของมนุษย์ในพวกเจ้า อีกทั้งแทบไม่ได้กลิ่นร่องรอยของมนุษย์ กลิ่นสดใหม่ของพวกเจ้าอยู่ที่ใดหนอ? ราคาที่พวกเจ้าได้จ่ายไปตลอดหลายปีมานี้อยู่ตรงไหน และผลลัพธ์ทั้งหลายอยู่ที่ใด? พวกเจ้าไม่เคยได้พบบ้างเลยหรือ? บัดนี้งานของเรามีการเริ่มต้นใหม่ การเปิดตัวครั้งใหม่ เรากำลังจะดำเนินการตามแผนการอันอลังการ และเราต้องการสำเร็จลุล่วงงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเสียด้วยซ้ำ กระนั้นพวกเจ้ายังกำลังเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนตมเหมือนแต่ก่อนอยู่ดี โดยดำรงชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำโสโครกของอดีต และได้ล้มเหลวไปแล้วจริงๆ ในการที่จะปลดปล่อยตัวเองจากที่นั่งลำบากดั้งเดิมของพวกเจ้า เพราะฉะนั้นพวกเจ้ายังคงไม่ได้รับสิ่งใดจากวจนะของเรา พวกเจ้ายังคงไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองจากสถานที่ดั้งเดิมแห่งโคลนตมและน้ำโสโครกของพวกเจ้า และพวกเจ้าแค่รู้จักวจนะของเราเท่านั้น แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว พวกเจ้าไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรแห่งอิสรภาพของวจนะของเรา ดังนั้นวจนะของเราจึงไม่เคยได้ถูกเปิดกว้างต่อพวกเจ้า วจนะของเราเป็นเหมือนหนังสือแห่งคำเผยพระวจนะที่ได้ถูกปิดผนึกมานานหลายพันปี เราปรากฏต่อพวกเจ้าในชีวิตของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็ไม่ตระหนักรู้เสมอ พวกเจ้าไม่แม้แต่จะจำเราได้ เกือบครึ่งหนึ่งของวจนะที่เราพูดก็เพื่อการพิพากษาพวกเจ้า และสัมฤทธิ์ผลเพียงครึ่งหนึ่งของผลที่ควรจะสัมฤทธิ์ ซึ่งก็คือการปลูกฝังความกลัวลึกๆ ในพวกเจ้า ครึ่งที่เหลือนั้นประกอบด้วยวจนะที่จะสอนพวกเจ้าเกี่ยวกับชีวิตและวิธีประพฤติปฏิบัติตนของพวกเจ้าเอง อย่างไรก็ตามคงจะดูเหมือนว่าในความเห็นของพวกเจ้า วจนะเหล่านี้ไม่แม้แต่จะมีอยู่จริง หรือราวกับว่าพวกเจ้ากำลังฟังคำพูดของเด็กๆ คำพูดที่พวกเจ้าแอบยิ้มให้เสมอ แต่ไม่มีวันลงมือทำตามนั้น พวกเจ้าไม่เคยเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย โดยเบื้องต้นแล้วมักเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นเสมอที่ทำให้พวกเจ้าได้สังเกตการณ์การกระทำของเรา และผลลัพธ์ก็คือ บัดนี้พวกเจ้าได้หล่นลงสู่ความมืดและไม่สามารถมองเห็นความสว่างได้ และดังนั้นพวกเจ้าจึงร้องไห้อย่างน่าสังเวชอยู่ในความมืด สิ่งที่เราต้องการคือการนบนอบของพวกเจ้า การนบนอบอย่างไม่มีข้อแม้ของพวกเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น เราพึงประสงค์ให้พวกเจ้าแน่ใจอย่างแท้จริงในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูด พวกเจ้าไม่ควรจะนำท่าทีเมินเฉยมาใช้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเจ้าไม่ควรทำการคัดเลือกที่จะปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายที่เราพูด อีกทั้งไม่แยแสต่อวจนะของเราและงานของเรา อันเป็นนิสัยที่เคยชินของพวกเจ้า งานของเราถูกทำท่ามกลางพวกเจ้า และเราได้มอบวจนะของเรามากมายมหาศาลให้กับพวกเจ้า แต่หากพวกเจ้าปฏิบัติต่อเราในหนทางนี้ เราก็ทำได้เพียงนำสิ่งที่พวกเจ้าทั้งไม่ได้รับและไม่ได้นำไปปฏิบัติ ไปมอบให้แก่ครอบครัวคนต่างชาติทั้งหลายเท่านั้นเอง ใครเล่าท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทรงสร้างที่ไม่ได้ถูกเรากุมไว้ในมือของเรา? คนส่วนใหญ่ท่ามกลางพวกเจ้าเป็น “ผู้สูงวัยที่สุกงอม” และพวกเจ้าไม่มีพลังงานที่จะยอมรับงานประเภทนี้ที่เรามี พวกเจ้าเป็นเหมือนนกหานฮ่าว[ก] ซึ่งก็แค่อยู่ไปวันๆ และพวกเจ้าไม่เคยได้ปฏิบัติต่อวจนะของเราอย่างจริงจัง ผู้คนหนุ่มสาวก็ไร้สาระและหลงระเริงอย่างสุดขั้ว และยิ่งคำนึงถึงงานของเราน้อยเข้าไปใหญ่ พวกเขาไม่มีความสนใจการจัดงานกินเลี้ยงอาหารอันโอชะทั้งหลายของเรา พวกเขาเป็นเหมือนนกน้อยตัวหนึ่งที่ได้บินออกจากกรงของมันไปเพื่อผจญภัยในที่ห่างไกล ผู้คนหนุ่มสาวและสูงวัยประเภทเหล่านี้สามารถมีประโยชน์กับเราได้อย่างไรหรือ? บรรดาผู้ที่มีอายุล่วงเลยไปแล้วก็พร้อมที่จะใช้วจนะของเราเป็นบำนาญอย่างหนึ่งจนกระทั่งพวกเขาไปอยู่ในหลุมศพของพวกเขา เพื่อที่หลังจากที่พวกเขาตายไป ดวงจิตของพวกเขาจะสามารถขึ้นสู่สวรรค์ได้ สำหรับพวกเขานี่ก็เพียงพอแล้ว บัดนี้บรรดาผู้สูงวัยเหล่านี้มักจะเก็บงำ “ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่” และ “ความมั่นใจอันไม่หวั่นไหว” ไว้เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะมีความอดทนอย่างยอดเยี่ยมต่องานของเรา และครองคุณสมบัติที่ผู้สูงวัยมีเกี่ยวกับความเที่ยงธรรมและการไม่ยอมแพ้ โดยไม่ยอมให้ผู้ใดหรือสิ่งใดมาดึงตัวออกไปหรือทำให้พ่ายแพ้—จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเหมือนป้อมปราการที่ไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้—ว่าแต่ว่า ความเชื่อของผู้คนเหล่านี้ไม่เต็มไปด้วยกลิ่นซากศพของความเชื่อในโชคลางหรอกหรือ? เส้นทางของพวกเขาอยู่ที่ใด? สำหรับพวกเขาแล้วเส้นทางของพวกเขาไม่ยาวเกินไป ไม่ไกลโพ้นเกินไปหรอกหรือ? พวกเขาจะรู้เจตนารมณ์ของเราได้อย่างไร? แม้ว่าความเชื่อมั่นของพวกเขาน่าชมเชย ผู้อาวุโสเหล่านี้กี่คนหรือที่ไม่ใช่กำลังติดตามในหนทางที่สับสน แต่กำลังไล่ตามเสาะหาชีวิตอยู่จริงๆ? มีกี่คนหรือที่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงนัยสำคัญจริงของงานของเรา? จุดประสงค์ของผู้ใดหรือที่ไม่ใช่การติดตามเราในโลกนี้ในวันนี้ เพื่อที่ในอนาคตอันใกล้พวกเขาจะไม่ลงไปสู่แดนคนตาย แต่จะถูกเรานำไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง? พวกเจ้าคิดว่าบั้นปลายของพวกเจ้าเป็นเรื่องเรียบง่ายเช่นนี้หรือ? แม้ว่าพวกเจ้าผู้คนหนุ่มสาวทั้งหมดเป็นเหมือนสิงโตอ่อนเยาว์ แต่พวกเจ้าแทบไม่มีหนทางที่แท้จริงในหัวใจของพวกเจ้า ความอ่อนเยาว์ของพวกเจ้าไม่ทำให้พวกเจ้ามีสิทธิ์ที่จะทำงานของเรามากขึ้น ในทางตรงกันข้าม เจ้ามักจะยั่วยุความขยะแขยงของเราที่มีต่อพวกเจ้าเสมอ แม้ว่าพวกเจ้ายังอ่อนเยาว์ แต่พวกเจ้าก็ขาดความมีชีวิตชีวาหรือความมักใหญ่ใฝ่สูง และตลอดเวลา พวกเจ้าก็ไม่ยอมผูกมัดตัวเองเกี่ยวกับอนาคตของพวกเจ้า ราวกับว่าพวกเจ้าไม่แยแสและวิตกจริต อาจกล่าวได้ว่าความมีชีวิตชีวา อุดมคติทั้งหลาย และจุดยืนที่ใช้ซึ่งควรพบเจอในผู้คนหนุ่มสาวกลับไม่สามารถพบเจอได้ในตัวพวกเจ้าโดยสิ้นเชิง บุคคลอ่อนเยาว์ประเภทนี้อย่างเจ้าไม่มีจุดยืนและไม่มีความสามารถที่จะจำแนกความต่างระหว่างถูกและผิด ความดีและความชั่ว ความงามและความอัปลักษณ์ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเจอองค์ประกอบอันใดของพวกเจ้าที่สดใหม่ พวกเจ้าแทบจะล้าสมัยไปทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว และบุคคลอ่อนเยาว์ประเภทนี้อย่างเจ้าก็ได้เรียนรู้ที่จะติดตามฝูงชน เป็นพวกไม่สมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน พวกเจ้าไม่มีวันสามารถจำแนกถูกออกจากผิดได้อย่างชัดเจน ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างจริงและเท็จ ไม่เคยเพียรพยายามเพื่อความเป็นเลิศ อีกทั้งพวกเจ้าก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรถูกและอะไรผิด อะไรคือความจริงและอะไรคือความหน้าซื่อใจคด มีกลิ่นเหม็นของศาสนาที่หนักกว่าและรุนแรงกว่าอยู่รอบตัวพวกเจ้ามากกว่าที่มีอยู่รอบตัวผู้สูงอายุ พวกเจ้าถึงกับโอหังและไร้เหตุผล เจ้าประชันขันแข่ง และความรักใคร่ของเจ้าที่มีต่อความก้าวร้าวนั้นก็รุนแรงมาก—บุคคลอ่อนเยาว์ประเภทนี้จะสามารถครองความจริงได้อย่างไรหรือ? ใครบางคนที่ไม่สามารถมีจุดยืนได้จะสามารถยืนหยัดเป็นพยานได้อย่างไร? ใครบางคนที่ไม่มีความสามารถที่จะบอกความแตกต่างระหว่างถูกและผิดจะสามารถถูกเรียกว่าบุคคลอ่อนเยาว์ได้อย่างไร? ใครบางคนที่ไม่มีความมีชีวิตชีวา กำลงวังชา ความสดใหม่ ความสงบใจเย็นและความมั่นคงหนักแน่นของบุคคลอ่อนเยาว์ จะสามารถถูกเรียกว่าผู้ติดตามของเราได้อย่างไร? ใครบางคนที่ไม่มีความจริง ไม่มีสำนึกของความยุติธรรม แต่เป็นผู้ที่รักการเล่นและการต่อสู้ จะสามารถมีค่าคู่ควรต่อการเป็นพยานของเราได้อย่างไร? ดวงตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงและอคติต่อผู้อื่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนหนุ่มสาวควรมี และผู้คนหนุ่มสาวไม่ควรดำเนินการกระทำในเชิงทำลายล้างน่าสะอิดสะเอียน พวกเขาไม่ควรปราศจากอุดมคติ ความทะเยอทะยานและความอยากแบบมีใจกระตือรือร้นที่จะทำให้ตนเองดีขึ้น พวกเขาไม่ควรท้อแท้เกี่ยวกับความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ และพวกเขาไม่ควรสูญเสียความหวังในชีวิตหรือความมั่นใจในอนาคต พวกเขาควรมีความเพียรพยายามที่จะดำเนินต่อไปตามหนทางแห่งความจริงที่บัดนี้พวกเขาได้เลือกแล้ว—เพื่อตระหนักถึงความปรารถนาของพวกเขาที่จะสละทั้งชีวิตของพวกเขาเพื่อเรา พวกเขาไม่ควรอยู่โดยปราศจากความจริง อีกทั้งพวกเขาไม่ควรเก็บงำความหน้าซื่อใจคดและความไม่ชอบธรรม—พวกเขาควรตั้งมั่นในจุดยืนที่เหมาะสม พวกเขาไม่ควรล่องลอยตามไปเฉยๆ แต่ควรมีจิตวิญญาณที่กล้าที่จะทำการพลีอุทิศและดิ้นรนต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความจริง ผู้คนหนุ่มสาวควรมีความกล้าหาญที่จะไม่ยอมจำนนต่อการบีบคั้นโดยกำลังบังคับแห่งความมืดและที่จะแปลงสภาพนัยสำคัญแห่งการดำรงอยู่ของพวกเขา ผู้คนอ่อนเยาว์ไม่ควรยอมรับความทุกข์ยากด้วยความไม่เต็มใจ แต่ควรเปิดกว้างและเปิดเผยจริงใจ ด้วยจิตวิญญาณแห่งการให้อภัยสำหรับพี่น้องชายหญิงของพวกเขา แน่นอนว่าเหล่านี้คือข้อพึงประสงค์ของเราที่มีต่อทุกคน และคำแนะนำของเราแก่ทุกคน แต่ยิ่งไปกว่านั้น เหล่านี้เป็นวจนะปลอบขวัญของเราสำหรับผู้คนหนุ่มสาวทั้งหมด พวกเจ้าควรปฏิบัติโดยสอดคล้องกับวจนะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนหนุ่มสาวไม่ควรปราศจากความแน่วแน่ที่จะนำวิจารณญาณมาใช้ในประเด็นปัญหาทั้งหลาย และที่จะแสวงหาความยุติธรรมและความจริง พวกเจ้าควรไล่ตามเสาะหาทุกสรรพสิ่งที่งดงามและดีงาม และพวกเจ้าควรได้รับความเป็นจริงของสิ่งที่เป็นบวกทั้งหมด เจ้าควรมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของเจ้า และเจ้าต้องไม่ใช้ชีวิตอย่างไม่เอาใจใส่ ผู้คนมายังแผ่นดินโลกและแทบไม่ได้เผชิญหน้ากับเรา และก็แทบไม่ค่อยมีโอกาสแสวงหาและได้รับความจริงด้วยเช่นกัน เหตุใดพวกเจ้าจึงจะไม่ให้รางวัลแก่เวลาอันงดงามนี้ ในฐานะเส้นทางที่ถูกซึ่งต้องไล่ตามเสาะหาในชีวิตนี้เล่า? และเหตุใดเล่าเจ้าจึงเมินเฉยเหลือเกินต่อความจริงและความยุติธรรมเสมอ? เหตุใดพวกเจ้าจึงกำลังเหยียบย่ำและทำให้ตัวเองล่มสลายอยู่เสมอ เพื่อความไม่ชอบธรรมและความโสมมที่ใช้ผู้คนเป็นของเล่น? และเหตุใดพวกเจ้าจึงทำตัวเหมือนผู้คนสูงวัยเหล่านั้นที่มีส่วนร่วมในสิ่งที่พวกที่ไม่ชอบธรรมนั้นทำกัน? เหตุใดเล่าเจ้าจึงเลียนแบบหนทางเก่าๆ ของสิ่งเก่าๆ? ชีวิตของพวกเจ้าควรจะเต็มไปด้วยความยุติธรรม ความจริงและความบริสุทธิ์ ชีวิตของพวกเจ้าไม่ควรต่ำทรามยิ่งนักในวัยหนุ่มสาวเช่นนี้ อันจะนำทางพวกเจ้าให้ร่วงลงสู่แดนคนตาย พวกเจ้าไม่รู้สึกว่านี่คงจะเป็นโชคร้ายที่เลวร้ายหรอกหรือ? พวกเจ้าไม่รู้สึกว่านี่คงจะไม่ยุติธรรมอย่างเลวร้ายหรอกหรือ?
พวกเจ้าทั้งหมดควรจะทำงานที่เพียบพร้อมที่สุดของพวกเจ้าและพลีอุทิศงานนั้นบนแท่นบูชาของเรา ทำให้มันเป็นการพลีอุทิศท้ายสุดที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งพวกเจ้าถวายให้กับเรา พวกเจ้าทั้งหมดควรตั้งมั่นในจุดยืนของพวกเจ้าเองและไม่ควรปลิวไปมากับทุกสายลมที่โชยผ่านเหมือนก้อนเมฆทั้งหลายบนท้องฟ้า เจ้าทำงานหนักมาครึ่งชีวิตของเจ้า ดังนั้นเหตุใดเจ้าจึงจะไม่แสวงหาบั้นปลายที่เจ้าควรมีเล่า? เจ้าทำงานตรากตรำมานานถึงครึ่งหนึ่งของชั่วชีวิต กระนั้นเจ้าปล่อยให้บิดามารดาที่เหมือนสุกรและสุนัขของเจ้าลากความจริงและนัยสำคัญของการดำรงอยู่ส่วนบุคคลของเจ้าลงสู่หลุมฝังศพ เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นความไม่ยุติธรรมอันใหญ่ยิ่งต่อเจ้าหรอกหรือ? เจ้าไม่รู้สึกว่าการดำเนินชีวิตด้วยหนทางนี้ไร้ความหมายอย่างถึงที่สุดหรอกหรือ? การแสวงหาความจริงและเส้นทางที่ถูกต้องด้วยหนทางนี้จะลงเอยด้วยการก่อให้เกิดปัญหาที่ทำให้เพื่อนบ้านไม่สบายใจและทั้งครอบครัวก็ไม่มีความสุข และมันจะนำไปสู่ความวิบัติที่ร้ายแรงปางตาย หากเจ้าใช้ชีวิตด้วยหนทางนี้ มันจะไม่เท่ากับเป็นชีวิตที่ไร้ความหมายที่สุดหรอกหรือ? ชีวิตของผู้ใดหรือที่อาจจะวาสนาดีกว่าชีวิตของเจ้าได้ และชีวิตของผู้ใดหรือที่อาจจะไร้สาระน่าขันมากกว่าชีวิตของเจ้าได้? เจ้าไม่แสวงหาเราเพื่อที่จะได้รับความชื่นบานยินดีและวจนะแห่งความชูใจของเราสำหรับเจ้าหรอกหรือ? แต่หลังจากเจ้าได้วิ่งวนไปมานานถึงครึ่งหนึ่งของชั่วชีวิตแล้ว เจ้าก็ยั่วยุเราจนกระทั่งเราเต็มไปด้วยความกริ้วและไม่ให้ความใส่ใจแก่เจ้าหรือสรรเสริญเจ้า—นี่ไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตของเจ้าได้อยู่ในความเปล่าประโยชน์หรอกหรือ? เจ้าจะสามารถมีหน้าไปพบบรรดาดวงจิตของธรรมิกชนเหล่านั้นตลอดยุคทั้งหลาย ผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยจากแดนชำระแล้วได้อย่างไร? เจ้าไม่แยแสต่อเราและในท้ายที่สุด เจ้าก็ยั่วยุให้เกิดความวิบัติที่ร้ายแรงถึงตาย—สู้ใช้ประโยชน์จากโอกาสเหมาะนี้และมีเที่ยวเดินทางที่น่าชื่นบานข้ามมหาสมุทรอันไพศาล แล้วก็เชื่อฟัง “การมอบหมาย” ของเราเสียจะดีกว่า เราได้บอกพวกเจ้าเมื่อนานมาแล้วว่า เจ้าในวันนี้ ซึ่งก็ไม่แยแสดังที่เจ้าเป็นอยู่ แต่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะจากไป จะถูกรวบและกลืนหายไปสิ้นในท้ายที่สุดโดยหมู่เกลียวคลื่นที่เราได้สร้างขึ้น พวกเจ้าสามารถคุ้มครองตัวเองได้จริงๆ หรือ? เจ้ามั่นใจจริงๆ หรือว่าวิธีการไล่ตามเสาะหาของเจ้าในปัจจุบันจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าได้รับการทำให้เพียบพร้อม? หัวใจของเจ้าไม่แข็งกระด้างอย่างมากหรอกหรือ? การติดตามประเภทนี้ การไล่ตามเสาะหาประเภทนี้ ชีวิตประเภทนี้ และลักษณะนิสัยประเภทนี้—จะสามารถได้รับการสรรเสริญของเราได้อย่างไร?
เชิงอรรถ:
ก. เรื่องของนกหานฮ่าวนั้นคล้ายคลึงอย่างมากกับนิทานอีสปเรื่องมดกับตั๊กแตน นกหานฮ่าวเลือกชอบที่จะนอนแทนที่จะสร้างรังในยามที่อากาศอบอุ่น ทั้งที่นกกางเขน เพื่อนบ้านของเขาจะคอยเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้นฤดูหนาวมาถึง เจ้านกตัวนี้ก็หนาวจัดจนถึงแก่ความตาย