ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล - บทที่ 88
ผู้คนแค่ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าย่างก้าวของเราได้เพิ่มความเร็วขึ้นถึงขอบเขตใด กล่าวคือ นี่คือการอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นที่มนุษย์ไม่สามารถหยั่งลึกได้ ย่างก้าวของเราได้ต่อเนื่องมาตั้งแต่การสร้างโลก และงานของเราก็ไม่เคยหยุด ทั้งสากลพิภพนี้เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน และผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเช่นกัน เหล่านี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของงานของเรา ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเรา และยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเป็นของการบริหารจัดการของเรา และไม่มีมนุษย์คนใดรู้หรือเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ มีเพียงเมื่อตัวเราเองบอกพวกเจ้า เพียงเมื่อเราสนทนากับพวกเจ้าต่อหน้าเท่านั้น พวกเจ้าจึงรู้แม้กระทั่งส่วนที่เล็กที่สุด มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีผู้ใดเลยที่จะสามารถรู้ถึงแบบร่างของแผนการบริหารจัดการของเรา เช่นนั้นเองคือฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของเรา และยิ่งไปกว่านั้น เช่นนั้นเองคือการกระทำอันน่าอัศจรรย์ของเรา เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น สิ่งที่เราพูดในวันนี้จะดำเนินไป และการนี้เพียงแค่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มโนคติอันหลงผิดของมนุษย์ไม่บรรจุไว้แม้กระทั่งความรู้ส่วนที่เล็กที่สุดเกี่ยวกับเรา—พวกเขาล้วนเป็นเพียงแต่นักพูดพล่ามที่ไร้สาระ! จงอย่าคิดว่าเจ้าได้มีพอแล้วหรือว่าเจ้าพึงพอใจแล้ว! เราขอบอกสิ่งนี้แก่พวกเจ้า กล่าวคือ เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก! พวกเจ้ารู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวกับแผนการบริหารจัดการทั้งหมดของเรา ดังนั้นพวกเจ้าต้องฟังสิ่งที่เราพูดและจงทำสิ่งใดก็ตามที่เราบอกให้พวกเจ้าทำ จงกระทำการตามความปรารถนาของเราในทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วพวกเจ้าจะได้รับพรของเราอย่างแน่นอน ผู้ใดก็ตามที่เชื่อจะสามารถรับได้ ในขณะที่ผู้ใดก็ตามที่ไม่เชื่อ จะได้ทำให้ “ความไม่มี” ที่พวกเขาจินตนาการไว้นั้นได้ลุล่วงไปแล้วในตัวพวกเขา นี่คือความชอบธรรมของเรา และยิ่งไปกว่านั้น มันคือบารมีของเรา ความโกรธเกรี้ยวของเรา และการตีสอนของเรา เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดหลุดรอดไปได้แม้ด้วยความคิดหรือการกระทำเดียว
เมื่อได้ยินถ้อยคำของเรา ผู้คนส่วนใหญ่จะยำเกรงและตัวสั่น ใบหน้าของพวกเขายับย่นไปด้วยร่องรอยแห่งความกังวล เราได้ทำผิดต่อพวกเจ้าจริงๆ หรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเจ้าไม่ใช่ลูกของพญานาคใหญ่สีแดง? เจ้าแกล้งทำตัวดีด้วยซ้ำ! เจ้าแกล้งทำเป็นบุตรหัวปีของเราด้วยซ้ำ! เจ้าคิดว่าเราตาบอดหรือ? เจ้าคิดว่าเราไม่สามารถแยกแยะระหว่างผู้คนได้หรือ? เราคือพระเจ้าผู้สำรวจค้นส่วนลึกที่สุดในหัวใจของผู้คน กล่าวคือ นี่คือสิ่งที่เราบอกบุตรทั้งหลายของเรา และเป็นสิ่งที่เราบอกพวกเจ้า ซึ่งเป็นลูกหลานของพญานาคใหญ่สีแดงด้วยเช่นกัน เราเห็นทุกอย่างโดยชัดเจน โดยไม่ทำผิดพลาดแม้แต่น้อย เราจะไม่รู้ในสิ่งที่เราทำได้อย่างไร? เรารู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ! เหตุใดเราจึงพูดว่าเราคือพระเจ้าพระองค์เอง พระผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่ง? เหตุใดเราจึงพูดว่า เราคือพระเจ้า ผู้ซึ่งตรวจดูหัวใจส่วนลึกที่สุดของผู้คน? เราตระหนักรู้เป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ของทุกคน พวกเจ้าคิดว่าเราไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใดหรือพูดสิ่งใดกระนั้นหรือ? การนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า จงระวังอย่าได้ถูกฆ่าด้วยมือของเรา เจ้าจะทนทุกข์กับการสูญเสียหนทางนั้น ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราไม่มีการให้อภัย เจ้าเข้าใจหรือไม่? ทั้งหมดข้างต้นนั้นคือส่วนต่างๆ ของประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา จากวันที่เราบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับมัน หากพวกเจ้ายังกระทำการล่วงละเมิดไปมากกว่านี้ ก็จะมีการลงทัณฑ์อันสาสมเกิดขึ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่เข้าใจ
บัดนี้เราขอประกาศใช้ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรากับพวกเจ้า (มีผลตั้งแต่วันที่มีการประกาศใช้ โดยการกำหนดให้มีการตีสอนแตกต่างกันไปแก่ผู้คนที่แตกต่างกัน)
เรารักษาสัญญาของเรา และทุกสิ่งอยู่ในมือของเรา กล่าวคือ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่กังขาจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน ไม่มีที่ว่างสำหรับการพิจารณาใดๆ พวกเขาจะถูกกำจัดในทันที ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดความเกลียดชังในใจของเรา (นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นที่ยืนยันแล้วว่า ผู้ใดก็ตามที่ถูกฆ่าต้องไม่ใช่สมาชิกของอาณาจักรของเรา และต้องเป็นพงศ์พันธุ์ของซาตาน)
ในฐานะบุตรหัวปี เจ้าควรรักษาตำแหน่งของเจ้าเอง และทำหน้าที่ของตัวเจ้าเองให้ลุล่วงเป็นอย่างดี และต้องไม่สอดรู้สอดเห็น เจ้าควรมอบถวายตัวเจ้าเองเพื่อแผนการบริหารจัดการของเรา และทุกแห่งหนที่เจ้าไป เจ้าควรเป็นพยานที่ดีต่อเรา และถวายเกียรตินามของเรา จงอย่ากระทำพฤติกรรมที่น่าอับอายทั้งหลาย จงเป็นตัวอย่างให้แก่บรรดาบุตรของเราและประชากรของเราทั้งหมด จงอย่าเสื่อมศีลธรรมแม้เพียงชั่วขณะ กล่าวคือ เจ้าต้องปรากฏต่อหน้าทุกคนโดยมีอัตลักษณ์ของบุตรหัวปีเสมอ และจงอย่าประจบประแจง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เจ้าควรก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่เชิดสูง เรากำลังขอให้พวกเจ้าถวายเกียรตินามของเรา ไม่ใช่ทำให้เสื่อมเสียนามของเรา บรรดาผู้ที่เป็นบุตรหัวปีแต่ละคนมีหน้าที่แต่ละอย่างของตนเอง และไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ นี่คือความรับผิดชอบที่เรามอบให้แก่พวกเจ้า และมันต้องไม่มีการหลบเลี่ยง เจ้าต้องทุ่มเทอุทิศตนเองอย่างเต็มหัวใจ และด้วยจิตใจทั้งหมดของเจ้าและความแข็งแกร่งทั้งหมดของเจ้า เพื่อปฏิบัติสิ่งที่เราได้มอบหมายให้แก่พวกเจ้าให้ลุล่วงไป
นับจากวันนี้ไป ทั่วทั้งสากลจักรวาล หน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรทั้งหมดของเรา และประชากรทั้งหมดของเรา จะถูกมอบหมายให้แก่บรรดาบุตรหัวปีของเราเพื่อทำให้ลุล่วง และเราจะตีสอนผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถทุ่มเทอุทิศหัวใจและจิตใจทั้งดวงของพวกเขาเพื่อทำให้มันลุล่วงได้ นี่คือความชอบธรรมของเรา เราจะไม่ละเว้นหรือผ่อนปรนแม้แต่กับบุตรหัวปีของเรา
หากมีผู้ใดท่ามกลางบุตรของเรา หรือท่ามกลางประชากรของเรา ที่เยาะเย้ยและดูหมิ่นหนึ่งในบรรดาบุตรหัวปีของเรา เราจะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง ด้วยบุตรหัวปีของเราเป็นตัวแทนของตัวเราเอง สิ่งที่คนผู้หนึ่งปฏิบัติต่อพวกเขา พวกเขาก็ปฏิบัติต่อเราเช่นกัน นี่คือเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดในประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา เราจะอนุญาตให้บุตรหัวปีของเราบริหารความชอบธรรมของเราตามความปรารถนาของพวกเขาต่อบรรดาบุตรของเราและประชากรของเราผู้ซึ่งละเมิดประกาศกฤษฎีกานี้
เราจะค่อยๆ ทอดทิ้งผู้ใดก็ตามที่นับถือเราอย่างฉาบฉวย และจดจ่อเพียงกับอาหาร เสื้อผ้า และการนอนหลับของเรา ใส่ใจเพียงเรื่องภายนอกต่างๆ ของเรา และไม่พิจารณาถึงภาระของเรา และไม่ให้ความสนใจที่จะทำหน้าที่ของพวกเขาเองให้ลุล่วงอย่างถูกต้องเหมาะสม การนี้มุ่งตรงไปยังทุกคนที่มีหู
ผู้ใดก็ตามที่เสร็จสิ้นการทำงานปรนนิบัติให้เราต้องถอนตัวออกไปอย่างเชื่อฟังโดยปราศจากความวุ่นวาย จงระวัง มิเช่นนั้นเราจะคัดเจ้าออก (นี่คือประกาศกฤษฎีกาเพิ่มเติม)
นับจากนี้บุตรหัวปีของเราจะยกคทาเหล็กขึ้น และเริ่มใช้สิทธิอำนาจของเราเพื่อปกครองชนชาติและปวงชนทั้งมวล เดินไปท่ามกลางชนชาติและปวงชนทั้งมวล และดำเนินการพิพากษา ความชอบธรรม และบารมีของเรา ท่ามกลางชนชาติและปวงชนทั้งมวล บรรดาบุตรของเราและประชากรของเราจะต้องยำเกรงเรา สรรเสริญเรา ทำให้เราชื่นใจ และนำสง่าราศีมาให้เราตลอดเวลา เพราะว่าแผนการบริหารจัดการของเราได้รับการทำให้ลุล่วง และบรรดาบุตรหัวปีของเราสามารถปกครองร่วมกับเราได้
นี่คือส่วนหนึ่งของประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา หลังจากนี้ เราจะบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับประกาศกฤษฎีกาบริหารเหล่านั้นเมื่องานคืบหน้า จากประกาศกฤษฎีกาบริหารข้างต้น พวกเจ้าจะเห็นย่างก้าวที่เราใช้ในการทำงานของเรา รวมไปถึงขั้นตอนที่งานของเราได้ไปถึงแล้ว นี่จะเป็นการยืนยัน
เราได้พิพากษาซาตานแล้ว เพราะความประสงค์ของเราไม่ถูกยับยั้ง และเพราะบรรดาบุตรหัวปีของเราได้รับสง่าราศีเคียงข้างเราแล้ว เราได้ใช้ความชอบธรรมและบารมีของเราต่อโลกและสรรพสิ่งที่เป็นของซาตานแล้ว เราจะไม่ทำอะไร หรือให้ความสนใจกับซาตานเลย (เพราะมันไม่คู่ควรแม้กระทั่งจะได้สนทนากับเรา) เราเพียงแค่ทำในสิ่งที่เราต้องการทำต่อไป งานของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น ทีละขั้นตอน และความประสงค์ของเราก็ไม่ถูกยับยั้งทั่วทั้งโลก สิ่งนี้ได้ทำให้ซาตานอับอายในระดับหนึ่ง และมันได้ถูกทำลายลงแล้วโดยสมบูรณ์ แต่สิ่งนี้ในตัวของมันเองยังไม่ได้ทำให้ความประสงค์ของเราลุล่วงไป เรายังได้อนุญาตให้บรรดาบุตรหัวปีของเราใช้ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราต่อพวกเขาอีกด้วย ในด้านหนึ่ง สิ่งที่เราให้ซาตานได้เห็นคือความโกรธเกรี้ยวที่เรามีต่อมัน ในอีกด้านหนึ่ง เราให้เจ้าได้เห็นความรุ่งโรจน์ของเรา (จงดูบรรดาบุตรหัวปีของเราที่เป็นพยานที่ชัดเจนที่สุดต่อความอับอายของซาตาน) เราไม่ลงโทษมันด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราให้บรรดาบุตรหัวปีของเราใช้ความชอบธรรมและบารมีของเรา เพราะว่าซาตานเคยเหยียดหยามบุตรทั้งหลายของเรา ข่มเหงบุตรทั้งหลายของเรา และกดขี่บุตรทั้งหลายของเรา วันนี้ หลังจากที่การปรนนิบัติของมันสิ้นสุดลง เราจะอนุญาตให้บรรดาบุตรหัวปีที่เป็นผู้ใหญ่แล้วของเราคัดมันออกไป ซาตานไร้กำลังต่อการล่มสลายแล้ว ความเป็นอัมพาตของชนชาติทั้งมวลในโลกนี้คือคำพยานที่ดีที่สุด การที่ผู้คนกำลังต่อสู้และประเทศต่างๆ ทำสงคราม คือการสำแดงที่ชัดเจนถึงการล่มสลายของราชอาณาจักรของซาตาน เหตุผลที่เราไม่ได้แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในอดีตก็คือเพื่อนำความอับอายมาให้กับซาตาน และถวายเกียรตินามของเรา ทีละขั้นตอน เมื่อซาตานถูกปราบโดยบริบูรณ์แล้ว เราจะเริ่มแสดงฤทธานุภาพของเรา กล่าวคือ สิ่งที่เราพูดจะเป็นขึ้นมา และสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกับมโนคติอันหลงผิดของมนุษย์จะถูกทำให้ลุล่วงไป (เหล่านี้หมายถึงพรที่จะมาในไม่ช้า) เพราะว่าเราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงภาคชีวิตจริง และเราไม่มีกฎ และเพราะว่าเราพูดตามการเปลี่ยนแปลงในแผนการบริหารจัดการของเรา สิ่งที่เราได้พูดในอดีตจึงไม่จำเป็นต้องเหมาะสมในปัจจุบัน จงอย่ายึดติดกับมโนคติอันหลงผิดของเจ้าเอง! เราไม่ใช่พระเจ้าผู้ซึ่งปฏิบัติตามกฎ กับเรา ทุกสิ่งเป็นอิสระ เหนือกว่า และได้รับการปลดปล่อยโดยบริบูรณ์ บางทีสิ่งที่ได้กล่าวไปเมื่อวานนี้อาจล้าสมัยในวันนี้ หรือบางทีมันอาจจะถูกทอดทิ้งไปในวันนี้ (อย่างไรก็ตาม ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรานั้น เมื่อถูกประกาศใช้ไปแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง) เหล่านี้คือขั้นตอนต่างๆ ในแผนการบริหารจัดการของเรา จงอย่ายึดติดกับกฎข้อบังคับต่างๆ ทุกๆ วันจะมีความสว่างใหม่ และมีการเปิดเผยใหม่ๆ และนั่นคือแผนของเรา ทุกวันความสว่างของเราจะเปิดเผยในตัวเจ้า และเสียงของเราจะถูกปลดปล่อยไปยังสากลพิภพ เจ้าเข้าใจหรือไม่? นี่คือหน้าที่ของเจ้า ความรับผิดชอบที่เราได้มอบหมายให้กับเจ้า เจ้าต้องไม่เฉยเมยกับมันแม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง เราจะใช้งานผู้คนที่เรารับรองจนถึงบทอวสาน และการนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะว่าเราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เรารู้ว่าบุคคลประเภทใดควรทำสิ่งใด รวมทั้งบุคคลประเภทใดสามารถทำสิ่งใดได้ นี่คืออำนาจเหนือทุกสิ่งของเรา