บทที่ 47
เพื่อทำให้ชีวิตของมนุษย์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเพื่อที่มนุษย์และเราซึ่งมีความทะเยอทะยานแบบเดียวกันอาจสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ทั้งหลายได้ เราจึงได้เปิดโอกาสให้กับมนุษย์เสมอมา เปิดโอกาสให้มนุษย์ได้รับการบำรุงเลี้ยงและเสบียงอาหารจากวจนะของเรา รวมถึงรับความอุดมทั้งมวลของเรา เราไม่เคยเป็นเหตุให้มนุษย์อึดอัดใจ แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของเรา นี่เป็นเพราะมนุษย์ไร้ความรู้สึกและ "ดูหมิ่น" ทุกสรรพสิ่งที่นอกเหนือจากเรา เนื่องจากข้อบกพร่องของพวกเขา เรารู้สึกเห็นใจพวกเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงได้ทุ่มความพยายามไม่น้อยเลยเข้าไปในเหล่ามนุษย์ เพื่อที่พวกเขาอาจชื่นชมความอุดมทั้งมวลของแผ่นดินโลกจนเป็นที่พอใจในหัวใจของพวกเขาระหว่างช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในโลก เราไม่ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างไม่เป็นธรรม และด้วยความที่คำนึงถึงการที่พวกเขาได้ติดตามเรามาเป็นเวลาหลายปี หัวใจของเราจึงได้ยอมโอนอ่อนให้พวกเขา ราวกับว่าเราไม่สามารถทนแบกรับการดำเนินงานของเรากับมนุษย์เหล่านี้จนเสร็จสิ้นได้ เมื่อเป็นดังนั้น ด้วยความที่มองเห็นผู้คนผอมกะหร่องเหล่านี้ที่รักเราเหมือนรักตัวพวกเขาเอง ในหัวใจของเราจึงมีความรู้สึกเจ็บปวดที่ปราศจากคำอธิบายอยู่เสมอ แต่ใครเล่าที่สามารถแหวกธรรมเนียมปฏิบัติได้เพราะเหตุนี้? ใครเล่าจะทำให้ตัวเองวุ่นวายเพราะเหตุนี้? ไม่ว่าอย่างไร เราก็ได้มอบความอารีทั้งหมดของเราให้แก่มนุษย์ไปแล้ว เพื่อที่พวกเขาอาจชื่นชมความอารีนั้นอย่างเต็มที่ที่สุด และเราก็ไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อมนุษย์ในประเด็นปัญหานี้ นี่จึงเป็นเหตุให้มนุษย์ยังคงเห็นใบหน้าที่เปี่ยมเมตตาสงสารและเปี่ยมเมตตากรุณาของเรา เราได้อดทนเสมอมา และเราได้รอคอยอยู่เสมอ เมื่อเหล่ามนุษย์ได้มีความชื่นชมยินดีกันมากพอแล้วและเริ่มกลายเป็นเบื่อหน่าย ในเวลานั้นเราจะเริ่ม "ให้ความสมดังใจ" ต่อคำร้องขอของพวกเขา และยอมให้มนุษย์ทุกคนหลีกพ้นจากชีวิตที่ว่างเปล่าของตน แล้วก็ไม่มีวันที่จะมีการจัดการกับมนุษย์อีกต่อไป บนแผ่นดินโลก เราได้ใช้น้ำทะเลกลืนกินมนุษย์ ควบคุมพวกเขาด้วยการกันดารอาหาร คุกคามพวกเขาด้วยภัยพิบัติจากพวกแมลง และใช้ฝนตกหนักเพื่อ "ให้น้ำ" พวกเขา แต่ทว่า พวกเขาก็ยังหาได้เคยรู้สึกถึงความว่างเปล่าของชีวิตไม่ แม้แต่ในตอนนี้ ผู้คนก็ยังคงไม่เข้าใจนัยสำคัญของการดำรงชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก เป็นไปได้หรือไม่ที่การดำรงชีวิตอยู่โดยมีเราอยู่ด้วยนั้นเป็นนัยสำคัญอันลุ่มลึกที่สุดของชีวิตมนุษย์? การอยู่ภายในเรานั้น เปิดโอกาสให้คนเราหนีพ้นจากการคุกคามของความวิบัติอย่างนั้นหรือ? มีร่างกายฝ่ายเนื้อหนังสักกี่ร่างบนแผ่นดินโลกที่ได้ดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะที่มีอิสรภาพในการชื่นชมตนเอง? ผู้ใดเล่าที่ได้หนีพ้นจากความว่างเปล่าของการมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนังแล้ว? ทว่าใครเล่าที่สามารถระลึกรู้การนี้ได้? นับตั้งแต่เราได้สร้างมนุษยชาติขึ้นมา ไม่มีผู้ใดเลยที่ได้สามารถใช้ชีวิตที่มีนัยสำคัญที่สุดบนแผ่นดินโลกได้ และดังนั้น มนุษยชาติจึงได้เสียเวลาเปล่าไปกับการใช้ชีวิตซึ่งปราศจากนัยสำคัญใดเลยเสมอมา ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเลยที่เต็มใจหลีกหนีจากที่นั่งลำบากประเภทนี้ และไม่มีใครเลยที่เต็มใจหลบเลี่ยงชีวิตที่ว่างเปล่าและเหนื่อยล้านี้ ในประสบการณ์ของมนุษย์ ไม่มีใครเลยซึ่งดำรงชีวิตอยู่ในเนื้อหนังที่ได้หนีพ้นจากขนบธรรมเนียมของโลกมนุษย์แล้ว แม้พวกเขาอาศัยประโยชน์จากการชื่นชมเราก็ตาม แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาได้แต่ปล่อยให้ธรรมชาติพาไปอยู่เสมอและหลอกลวงตัวเองอยู่เรื่อยมา
ทันทีที่เราจบสิ้นการดำรงอยู่ของมนุษยชาติอย่างครบถ้วนแล้ว จะไม่มีผู้ใดเหลือทิ้งไว้บนแผ่นดินโลกเพื่อทนฝ่า "การข่มเหง" ของแผ่นดินโลก เมื่อนั้นเท่านั้นจึงเป็นไปได้ที่จะกล่าวว่า งานอันยิ่งใหญ่ของเราได้สำเร็จลุล่วงอย่างถ้วนทั่วแล้ว ในยุคสุดท้าย เมื่อเราปรากฏในรูปมนุษย์ งานที่เราปรารถนาจะสำเร็จลุล่วงก็คือ ทำให้ผู้คนเข้าใจความว่างเปล่าของการมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง และเราจะใช้วาระโอกาสนี้เพื่อดับสิ้นเนื้อหนัง นับแต่นั้นเป็นต้นไป จะไม่มีมนุษย์ใดดำรงอยู่บนแผ่นดินโลกเลย จะไม่มีใครเลยที่มีวันร่ำไห้เกี่ยวกับความว่างเปล่าของแผ่นดินโลกอีก จะไม่มีใครเลยที่มีวันเอ่ยถึงความลำบากยากเย็นของเนื้อหนังอีก จะไม่มีใครเลยที่มีวันพร่ำบ่นร้องทุกข์ว่าเราไม่ยุติธรรมอีก และผู้คนทั้งผองและสิ่งทั้งปวงจะเข้าสู่การพักผ่อน หลังจากนั้น มนุษย์จะไม่รีบเร่งวุ่นวายและมีธุระยุ่งอยู่เป็นนิตย์อีกต่อไป และพวกเขาจะไม่ตรวจค้นไปทั่วตรงนั้นตรงนี้บนแผ่นดินโลก เนื่องจากพวกเขาจะได้พบบั้นปลายที่เหมาะสำหรับตนเอง ในเวลานั้น รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน เมื่อนั้นเราจะไม่ขอสิ่งใดเพิ่มจากมนุษย์อีกเลย และเราจะไม่มีข้อพิพาทกับพวกเขามากไปกว่านี้ จะไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างเราอีกต่อไป เราดำรงอยู่บนแผ่นดินโลกและมนุษย์มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก เราดำรงชีวิตอยู่และพำนักอาศัยอยู่กับพวกเขา พวกเขาล้วนรู้สึกถึงความชื่นชมยินดีของการมีเราอยู่ด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะจากไปโดยไม่มีเหตุผล และต้องการเพียงให้เราอยู่นานขึ้นอีกสักเล็กน้อยแทน จะให้เราทนดูความอ้างว้างของแผ่นดินโลกโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้อย่างไรเล่า? เราไม่ได้มาจากแผ่นดินโลก เราบังคับให้ตัวเองยังอยู่ที่นี่จนถึงวันนี้ได้ด้วยความอดทน หากไม่เป็นเพราะการวิงวอนอย่างไม่สิ้นสุดของมนุษย์ เราคงได้จากไปนานแล้ว ทุกวันนี้ผู้คนสามารถดูแลตนเองได้และพวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือของเรา เนื่องจากพวกเขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและไม่จำเป็นต้องให้เราป้อนอาหารให้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ เรากำลังวางแผนการจัด "งานเฉลิมฉลองชัยชนะ" กับมนุษย์ ซึ่งเราจะร่ำลาพวกเขาหลังจากนั้น เพื่อที่พวกเขาจะไม่ถึงกับไม่ตระหนักรู้เลย แน่นอนว่าการแยกจากทั้งที่ยังบาดหมางคงไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะระหว่างพวกเราไม่มีความเคียดแค้นใดเลย ดังนั้น มิตรภาพระหว่างพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป เราหวังว่าหลังจากที่พวกเราแยกทางกัน มนุษย์จะสามารถพกพา "มรดก" ของเราสืบต่อไป และไม่ลืมคำสอนที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้ในช่วงระหว่างชีวิตของเรา เราหวังว่าพวกเขาจะไม่ทำสิ่งใดที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่นามของเรา และพวกเขาจะใส่ใจวจนะของเรา เราหวังว่าเหล่ามนุษย์จะพยายามสุดความสามารถกันได้ทุกคนในอันที่จะทำให้เราสมดังใจหลังจากที่เราได้จากไปแล้ว เราหวังว่าพวกเขาจะใช้วจนะของเราเป็นรากฐานสำหรับชีวิตของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ล้มเหลวในการดำเนินชีวิตไปตามความหวังของเรา เนื่องจากหัวใจของเรานั้นเป็นห่วงมนุษย์อยู่เสมอ และเราก็ผูกพันกับพวกเขาเสมอมา มนุษย์กับเราเคยรวมตัวอยู่ด้วยกันครั้งหนึ่ง และบนแผ่นดินโลกนั้น พวกเราก็ได้ชื่นชมพระพรเดียวกันกับที่มีในฟ้าสวรรค์ เราดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับเหล่ามนุษย์และพักอาศัยอยู่กับพวกเขา เหล่ามนุษย์นั้นรักเราเสมอมาและเราก็รักพวกเขาเสมอมา พวกเรามีความสนิทสนมชอบพอในกันและกัน เมื่อมองย้อนไปถึงกาลเวลาของเราที่มีร่วมกับมนุษย์ เราจำได้ว่าวันเวลาของพวกเรานั้นช่างเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะและความชื่นบานยินดี และมีการทะเลาะวิวาทอยู่เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ความรักระหว่างพวกเราก็ก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานนี้ และการจัดการกันและกันของพวกเรานั้นไม่เคยรุนแรง ท่ามกลางหลายปีที่พวกเราได้ติดต่อกันมา มนุษย์ได้ทิ้งความประทับใจอันลุ่มลึกไว้ให้เรา และเราก็ได้มอบสิ่งต่างๆ มากมายหลายอย่างให้มนุษย์ได้ชื่นชมยินดีเช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็ได้รู้สึกสำนึกบุญคุณเป็นทวีคูณเสมอมา ตอนนี้ การรวมตัวของพวกเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ใครเล่าที่สามารถวิ่งหนีจากชั่วขณะนี้แห่งการพรากจากกันของพวกเราได้? มนุษย์มีความเสน่หาอย่างลึกซึ้งให้เรา และเรามีความรักอันไม่รู้จบให้แก่พวกเขา—แต่จะทำอะไรได้เกี่ยวกับการนั้นเล่า? ใครหรือที่จะกล้าฝ่าฝืนข้อพึงประสงค์ของพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์? เราจะกลับคืนสู่ที่พำนักของเรา ซึ่งเราจะทำงานอีกส่วนหนึ่งของเราให้เสร็จสิ้นที่นั่น ชะรอยพวกเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง เราหวังว่ามนุษย์จะไม่รู้สึกเศร้าโศกมากเกินไป และพวกเขาจะทำให้เราพึงพอใจบนแผ่นดินโลก วิญญาณของเราในสวรรค์จะประทานพระคุณให้พวกเขาบ่อยๆ
ในช่วงเวลาของการสร้าง เราเผยวจนะไว้ว่าในยุคสุดท้าย เราจะสร้างผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เราได้ทำนายไว้ว่าหลังจากสถาปนาบุคคลที่เป็นแบบอย่างบนแผ่นดินโลกในยุคสุดท้ายแล้ว เราก็คงจะกลับคืนสู่ที่พำนักของเรา ทันทีที่มนุษย์ทั้งปวงได้ทำให้เราพึงพอใจ พวกเขาจะได้สัมฤทธิ์ในสิ่งที่เราขอจากพวกเขา และเราจะไม่พึงประสงค์ให้พวกเขาทำสิ่งใดอีกต่อไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มนุษย์กับเราจะแลกเปลี่ยนเรื่องราวครั้งวันวานกันแทน และหลังจากนั้นพวกเราจะแยกกันไปคนละทาง เราได้เริ่มต้นงานนี้แล้ว และเราได้เปิดโอกาสให้มนุษย์เตรียมใจของพวกเขา และเข้าใจเจตนารมณ์ของเรา เพื่อไม่ให้พวกเขาเข้าใจผิดและคิดว่าเราใจร้ายหรือไร้หัวใจ ซึ่งไม่ใช่ความตั้งใจของเรา มนุษย์รักเรา ทว่ากลับปฏิเสธที่จะยอมให้ที่พักผ่อนอันเหมาะสมแก่เราอย่างนั้นหรือ? พวกเขาไม่เต็มใจจะอ้อนวอนต่อพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ในนามของเราหรือ? มนุษย์มิได้หลั่งน้ำตาแห่งความเห็นอกเห็นใจกับเราหรอกหรือ? พวกเขามิได้ช่วยให้การกลับมารวมตัวกันครั้งก่อนระหว่างพวกเรา—พระบิดาและพระบุตรสัมฤทธิ์ผลหรอกหรือ? แล้วเหตุใดตอนนี้พวกเขาจึงไม่เต็มใจเล่า? พันธกิจของเราบนโลกได้รับการทำให้ลุล่วงแล้ว และหลังจากแยกทางกับมนุษย์ เราก็จะยังคงช่วยเหลือพวกเขาต่อไป นี่ไม่ดีหรอกหรือ? เพื่อให้งานของเราสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และเพื่อจะได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย พวกเราจึงจำต้องแยกทางกันแม้จะเจ็บปวดก็ตาม จงปล่อยให้น้ำตาของพวกเราหยดลงมาอย่างเงียบกริบ เราจะไม่ตำหนิมนุษย์อีกต่อไป ในอดีต เราเคยกล่าวหลายสิ่งแก่ผู้คน ซึ่งล้วนทิ่มแทงพวกเขาสุดขั้วหัวใจ ทำให้พวกเขาหลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าสลด เราจึงขออภัยต่อมนุษย์ไว้ ณ ที่นี้และขอให้พวกเขายกโทษให้สำหรับเรื่องดังกล่าว เราขอให้พวกเขาไม่เกลียดชังเรา เนื่องจากทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวพวกเขาเอง ดังนั้น เราหวังว่ามนุษย์จะเข้าใจหัวใจเรา ในกาลก่อนนั้น พวกเราเคยมีข้อพิพาทกัน แต่เมื่อมองกลับไป พวกเราทั้งคู่ต่างก็ได้รับประโยชน์ ก็เพราะความขัดแย้งเหล่านี้นี่เอง พระเจ้าและมนุษย์จึงได้สร้างสะพานแห่งมิตรภาพขึ้น นั่นมิใช่ดอกผลแห่งความพยายามร่วมกันของพวกเราหรอกหรือ? พวกเราทั้งผองควรชื่นชมการนี้ เราขอให้มนุษย์ยกโทษให้แก่ "ความผิดพลาด" ของเราก่อนหน้านี้ การฝ่าฝืนของพวกเขาก็จะถูกลืมไปเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาสามารถมอบความรักกลับคืนมาให้เราในภายภาคหน้า นั่นย่อมจะสร้างความชูใจแก่วิญญาณของเราในสวรรค์ เราไม่รู้ว่ามนุษย์มีปณิธานใดในเรื่องนี้—ว่าผู้คนเต็มใจจะทำให้เราสมดังใจในคำร้องขอสุดท้ายของเราหรือไม่ เราไม่ได้กำลังขอสิ่งอื่นใดจากพวกเขาอีก นอกเสียจากให้พวกเขารักเราก็เท่านั้นเอง นั่นก็เพียงพอแล้ว นี่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่? จงปล่อยให้สิ่งอันไม่น่ายินดีทั้งปวงที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเราถูกทิ้งไว้ในอดีตเถิด ขอให้มีความรักระหว่างพวกเราเสมอ เราได้มอบความรักมากมายให้แก่เหล่ามนุษย์ และเพื่อจะรักเรา พวกเขาต้องตอบแทนด้วยราคามหาศาล ดังนั้น เราหวังว่ามนุษย์จะถนอมคุณค่าความรักอันไร้ราคีและและมิได้ถูกทำให้เจือจางระหว่างพวกเรา เพื่อที่ความรักของพวกเราจะยื่นขยายไปทั่วทั้งโลกมนุษย์และได้รับการส่งต่อไปตลอดกาล เมื่อพวกเราได้พบกันอีกครั้ง ขอให้พวกเรายังคงเชื่อมโยงกันด้วยความรัก เพื่อที่ความรักของเราอาจคงอยู่ต่อไปตราบชั่วนิรันดร์ และได้รับการสรรเสริญและเผยแพร่โดยผู้คนทั้งปวง สิ่งนี้จะทำให้เราพึงพอใจ และเราจะแสดงให้มนุษย์เห็นใบหน้าอันยิ้มแย้มของเรา เราหวังว่ามนุษย์จะจดจำคำเตือนสติทั้งหลายของเราเอาไว้
1 มิถุนายน ค.ศ.1992