บทที่ 1

บรรดาผู้ที่ได้เห็นวจนะของเราแล้วนั้นยอมรับวจนะของเราอย่างแท้จริงหรือไม่?  พวกเจ้ารู้จักเราอย่างแท้จริงหรือไม่?  เจ้าได้เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังอย่างแท้จริงหรือไม่?  เจ้าสละตัวเจ้าเพื่อเราอย่างจริงใจหรือไม่?  เจ้าได้เป็นพยานที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวเพื่อเราอย่างแท้จริงเมื่อเผชิญหน้าพญานาคใหญ่สีแดงหรือไม่?  การอุทิศตนของพวกเจ้าทำให้พญานาคใหญ่สีแดงเกิดความอับอายอย่างแท้จริงหรือไม่?  มีเพียงโดยผ่านทางบททดสอบแห่งวจนะของเราเท่านั้นที่เราสามารถสัมฤทธิ์เป้าหมายของเราในการชำระคริสตจักรให้บริสุทธิ์และเลือกสรรบรรดาผู้ที่รักเราอย่างจริงใจ  หากเราไม่ได้ทำงานในหนทางนี้ จะมีใครสักคนสามารถรู้จักเราหรือไม่?  ผู้ใดจะมารู้จักบารมีของเรา ความโกรธของเรา และปัญญาของเราผ่านทางวจนะของเรา?  เมื่อเริ่มงานของเราแล้ว แน่นอนว่าเราย่อมจะทำงานนี้ให้แล้วเสร็จ แต่ก็ยังคงเป็นเราที่หยั่งวัดความลึกในหัวใจของมนุษย์  ความจริงมีอยู่ว่า ไม่มีผู้ใดท่ามกลางมนุษย์ที่รู้จักเราอย่างครบถ้วน ดังนั้นเราจึงใช้วจนะเพื่อนำมนุษย์ทั้งปวง เพื่อนำทางพวกเขาทั้งปวงเข้าสู่ยุคใหม่  ในท้ายที่สุดเราจะใช้วจนะเพื่อทำให้งานทั้งหมดของเราสำเร็จลุล่วง ซึ่งทำให้ผู้ที่รักเราอย่างจริงใจทั้งปวงหวนคืนสู่ราชอาณาจักรของเราอย่างนบนอบ เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของเรา  สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น และงานของเราได้เข้าสู่จุดเริ่มต้นใหม่แล้ว  เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ย่อมจะมีแนวทางใหม่ กล่าวคือ ทุกคนที่เห็นวจนะของเราและยอมรับวจนะว่าเป็นชีวิตของพวกเขาโดยแท้นั้น คือผู้คนในราชอาณาจักรของเรา และเมื่ออยู่ในราชอาณาจักรของเรา พวกเขาก็ย่อมเป็นประชากรแห่งราชอาณาจักรของเรา  เนื่องจากพวกเขายอมรับการนำแห่งวจนะของเรา แม้ว่าพวกเขาได้รับการบ่งถึงว่าเป็นประชากรของเรา สมญานี้ก็ไม่มีทางเป็นรองการได้รับเรียกว่า “บุตร” ของเรา  เมื่อได้รับการทำให้เป็นประชากรของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วทุกคนต้องรับใช้ด้วยการอุทิศตนสูงสุดในราชอาณาจักรของเรา และทำหน้าที่ของพวกเขาในราชอาณาจักรของเราให้ลุล่วง  ผู้ใดก็ตามที่กระทำการฝ่าฝืนประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราต้องได้รับการลงโทษจากเรา  นี่คือคำแนะนำที่เรามีต่อทุกคน

ตอนนี้มีการเข้าสู่แนวทางใหม่แล้ว และไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอดีตกันอีก  อย่างไรก็ตาม ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เรายืนหยัดในสิ่งที่เรากล่าว และเราย่อมทำให้สิ่งที่เรายืนคำนั้นเสร็จสมบูรณ์เสมอ และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงการนี้ได้—นี่ถือเป็นเด็ดขาด  ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นวจนะที่เราได้กล่าวไว้ในอดีตหรือวจนะที่เราจะกล่าวในอนาคต เราจะทำให้วจนะทั้งหมดเป็นจริงทีละคำ และเปิดโอกาสให้มวลมนุษย์ทั้งปวงมองเห็นวจนะของเรากลายเป็นจริง  นี่คือหลักธรรมเบื้องหลังวจนะและงานของเรา  เนื่องจากการก่อสร้างคริสตจักรสัมฤทธิ์ผลแล้ว ตอนนี้มิใช่ยุคของการก่อร่างสร้างคริสตจักรอีกต่อไป แต่เป็นยุคที่ราชอาณาจักรได้รับการก่อร่างสร้างขึ้นเป็นผลสำเร็จต่างหาก  อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเจ้ายังอยู่บนแผ่นดินโลก การชุมนุมของมนุษย์บนแผ่นดินโลกจะยังคงเป็นที่รู้จักในฐานะ “คริสตจักร”  ถึงอย่างนั้นก็ตาม เนื้อแท้ของคริสตจักรไม่เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น—เพราะเป็นคริสตจักรที่ก่อร่างสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ดังนั้น เราจึงกล่าวว่าราชอาณาจักรของเราได้เคลื่อนลงมาสู่แผ่นดินโลกแล้ว  ไม่มีผู้ใดสามารถจับความเข้าใจในรากเหง้าแห่งวจนะของเรา อีกทั้งพวกเขาก็ไม่รู้จุดประสงค์ของเราในการพูดวจนะเหล่านั้น  จากวิธีพูดของเราในวันนี้ พวกเจ้าจะมีประสบการณ์กับการสว่างแจ้งโดยพลัน  บางคนอาจแผดเสียงร่ำไห้ดังๆ อย่างขมขื่น บางคนอาจรู้สึกกลัวว่านี่คือวิธีพูดของเรา บางคนอาจยึดติดกับทัศนะอนุรักษ์นิยมของพวกเขาในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวแต่ละอย่างของเรา ในเวลานั้นบางคนอาจเสียใจที่เคยแสดงความคับข้องใจของพวกเขาออกมาหรือเคยต้านทานเรา บางคนอาจชื่นบานอยู่ลับๆ ที่พวกเขาฟื้นคืนกำลังเพราะไม่เคยหันเหไปจากนามของเรา  อาจมีบางคนที่เมื่อ “ถูกทรมาน” โดยวจนะของเราเมื่อเนิ่นนานมาแล้วจนกระทั่งพวกเขาสิ้นเรี่ยวแรง ท้อใจและเศร้าหมอง จึงไม่มีหัวใจที่จะใส่ใจวจนะที่เราพูดอีกต่อไปแม้ว่าเราได้เปลี่ยนลักษณะการแสดงออกของเราแล้วก็ตาม หรืออาจมีคนอื่นๆ ที่เมื่อได้รับใช้เราด้วยการอุทิศตนจนถึงจุดหนึ่ง ไม่เคยพร่ำบ่น ไม่เคยคลางแคลงใจ จึงเป็นผู้ที่วันนี้โชคดีพอที่จะได้รับการปลดปล่อยและรู้สึกสำนึกรู้คุณต่อเราในหัวใจของพวกเขาจนเกินจะกล่าวเป็นคำพูดใดๆ  รูปการณ์แวดล้อมทั้งหมดข้างต้นเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนในระดับที่แตกต่างกัน  แต่เนื่องจากอดีตก็คืออดีต และปัจจุบันก็อยู่ตรงนี้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถวิลหาวันวานอย่างอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป หรือนึกถึงเรื่องอนาคต  ในการเป็นมนุษย์ ผู้ใดก็ตามที่ต่อต้านความเป็นจริงและไม่ทำสิ่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับการนำของเรา จะไม่ได้มาสู่บทอวสานที่ดี แต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ตัวพวกเขาเองเท่านั้น  ในบรรดาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาล ไม่มีสิ่งใดเลยที่เราไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย  มีสิ่งใดหรือที่ไม่ได้อยู่ในมือของเรา?  สิ่งใดก็ตามที่เรากล่าวย่อมได้รับการทำให้เสร็จสิ้น และมีผู้ใดท่ามกลางมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนใจของเราได้?  เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้ก็คือพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้บนแผ่นดินโลก?  ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางแผนการของเราจากการก้าวไปข้างหน้า เราปรากฏอยู่ในงานของเราเสมอเช่นเดียวกับในแผนการบริหารจัดการของเรา  ผู้ใดท่ามกลางมนุษย์สามารถสอดมือของเขาเข้ามาก้าวก่ายได้?  ไม่ใช่เราหรอกหรือที่ลงมือจัดการเตรียมการเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง?  การเข้าสู่อาณาจักรนี้ในวันนี้ไม่ได้พลัดออกนอกแผนการของเราหรือนอกสิ่งที่เราได้คาดการณ์เอาไว้ ทั้งหมดได้รับการกำหนดโดยเรามานานแล้ว  ผู้ใดท่ามกลางพวกเจ้าที่สามารถหยั่งลึกถึงแผนการขั้นตอนนี้ของเราได้?  ประชากรของเราจะรับฟังเสียงของเราอย่างแน่นอน และบรรดาผู้ที่รักเราอย่างจริงใจทุกคนจะกลับคืนมายังเบื้องหน้าบัลลังก์ของเราอย่างแน่นอน

20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992

ก่อนหน้า: บทนำ

ถัดไป: บทที่ 2

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger