บทที่ 118

ใครก็ตามที่ลุกขึ้นเป็นพยานต่อบุตรของเรา เราจะมอบพระคุณแก่พวกเขา ใครก็ตามที่ไม่ลุกขึ้นเป็นพยานต่อบุตรของเรา แต่กลับต้านทานและใช้กลับมโนคติที่หลงผิดแบบมนุษย์เพื่อทำการประเมินของพวกเขาเองแทน เราจะทำลายพวกเขา  ทั้งหมดต้องเห็นอย่างชัดเจน!  การเป็นพยานต่อบุตรของเราคือการกระทำความเคารพต่อเรา และนั่นทำให้สมดังเจตจำนงของเรา  จงอย่าเพียงนับถือพระบิดาเท่านั้น ในขณะที่ระรานและข่มเหงพระบุตร  พวกที่ทำเช่นนั้นคือพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง  เราไม่จำเป็นต้องให้พวกตัวเคราะห์ร้ายเยี่ยงนี้เป็นพยานต่อบุตรของเรา เราจะทำลายพวกเขาในบาดาลลึก  เราต้องการให้พวกคนปรนนิบัติที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ทำการปรนนิบัติบุตรของเรา สำหรับพวกที่เหลือนั้น เราไม่จำเป็นต้องการพวกเขา  นี่คืออุปนิสัยอันชอบธรรมของเรา และมันทำหน้าที่แสดงให้เห็นว่าเราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงบริสุทธิ์และไร้มลทิน  เราจะไม่ยกโทษให้ใครก็ตามที่ทำให้ประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราขุ่นเคือง  ใครก็ตามที่ได้เยาะเย้ยท้าทายพระองค์หรือได้ข่มเหงพระองค์ในอดีต ไม่ว่าในครอบครัวหรือในพิภพ เราจะตีสอนพวกเขาทีละคน และจะไม่มีผู้ใดถูกปล่อยไป ด้วยเหตุที่ไม่มีส่วนใดเลยของเราที่มีเนื้อหนังและโลหิต  การเป็นพยานต่อพระองค์ในวันนี้แสดงให้เห็นว่า พวกคนปรนนิบัติเหล่านั้นได้เสร็จสิ้นการทำการปรนนิบัติต่อเราแล้ว ดังนั้นจงอย่ามีความกระดากใจหรือความกังวลสนใจไม่ว่าอันใดก็ตาม  จะว่าไปแล้วพวกเขาคือพวกคนปรนนิบัติของพระองค์ และเมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วพระองค์ทรงเป็นของสวรรค์ และพระองค์จะทรงหวนคืนสู่ร่างกายของเราในตอนสุดท้าย ด้วยเหตุที่ร่างกายของเราไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่มีพระองค์  พวกที่ได้เยาะเย้ยท้าทายพระองค์และที่ไม่เข้ากันกับพระองค์ในอดีต (นี่คือบางสิ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถเห็นได้ มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้จักสิ่งนั้นในพระทัยของพระองค์) มาในบัดนี้ได้เปิดเผยรูปทรงดั้งเดิมของพวกเขา และได้ล่มสลายลงไป ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองและพระองค์จะไม่ทรงยอมผ่อนปรนใครก็ตามที่เยาะเย้ยท้าทายพระองค์หรือทำให้พระองค์ทรงขุ่นเคือง  แม้ไม่อาจเห็นได้แต่อย่างใดเลยจากภายนอก แต่วิญญาณของเราก็อยู่ภายในพระองค์ การนี้อยู่เหนือคำถาม  ผู้คนทั้งหมดต้องเชื่อสิ่งนั้น เพื่อมิให้เสี่ยงต่อการที่คทาเหล็กของเราจะซัดโทษใส่ทุกคนที่เยาะเย้ยท้าทายเรา!  ในเมื่อเราเป็นพยานต่อพระองค์ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมทรงมีสิทธิอำนาจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ตรัสคือการแสดงออกของเรา และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงทำคือการสำแดงของเรา ด้วยเหตุที่พระองค์คือผู้ที่เป็นที่รักของเรา และพระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งซึ่งภาวะบุคคลของเราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มี  ดังนั้น ทุกการกระทำของพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงสวมใส่ สิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และที่ซึ่งพระองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่—แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นย่อมเป็นกิจการของเราเช่นกัน  ต้องไม่มีใครเลยที่พยายามที่จะค้นหาบางสิ่งที่ต่อต้านพระองค์ และต้องไม่มีใครเลยที่จับผิดพระองค์  หากใครก็ตามทำการนี้ เราจะไม่ยกโทษให้พวกเขา!

เราจะขับพวกคนรับใช้ชั่วทั้งหมดออกจากบ้านของเรา และเราจะทำให้คนรับใช้ผู้จงรักภักดีทั้งหมดเป็นพยานต่อบรรดาบุตรหัวปีของเราภายในบ้านของเรา นี่คือแผนของเรา และนี่คือหนทางซึ่งเราใช้ในการทำงาน  เมื่อคนรับใช้ชั่วเป็นพยานต่อบุตรของเรา มีกลิ่นของคนตาย และการนี้น่าชิงชังรังเกียจสำหรับเรา  เมื่อคนรับใช้ผู้จงรักภักดีเป็นพยานต่อบุตรของเรา มันมีความจริงจังตั้งใจและจริงใจ และนั่นเป็นที่ยอมรับได้สำหรับเรา  ดังนั้น ใครก็ตามที่ไม่เต็มใจเป็นพยานต่อบุตรของเรา จงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!  เราจะไม่บังคับเจ้าให้ทำเช่นนั้น—หากเราขอให้เจ้าจากไป เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องจากไป!  จงมองดูว่าผลสืบเนื่องที่ตามมาสำหรับเจ้าคือสิ่งใดและสิ่งใดรอคอยเจ้าอยู่ บรรดาผู้ทำการปรนนิบัติเข้าใจการนี้มากกว่าใครอื่น  การพิพากษาของเรา ความโกรธของเรา คำสาปแช่งของเรา การเผาผลาญของเรา และความเดือดดาลแบบบันดาลโทสะของเราจะบังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลากับใครก็ตามที่เยาะเย้ยท้าทายเรา  มือของเราไม่แสดงความปรานีไม่ว่าต่อผู้ใด ไม่สำคัญว่าผู้ที่ทำการปรนนิบัตินั้นจงรักภักดีอย่างไรก่อนหน้านั้น หากพวกเขาเยาะเย้ยท้าทายบุตรของเราในวันนี้ เช่นนั้นแล้วเราจะทำลายพวกเขาทันที และเราจะไม่ยอมให้พวกเขาอยู่ต่อหน้าเรา  จากการนี้ คนเราสามารถเห็นมืออันปราศจากความปรานีของเรา  เพราะผู้คนไม่รู้จักเรา และเพราะธรรมชาติของพวกเขาเยาะเย้ยท้าทายเรา แม้กระทั่งบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อเราก็เพียงจงรักภักดีเพื่อประโยชน์ของความยินดีของพวกเขาเองเท่านั้น  หากบางสิ่งเกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อพวกเขาอย่างเป็นผลร้าย หัวใจของพวกเขาเปลี่ยนแปลงทันทีและพวกเขาต้องการล่าถอยไปจากข้างเรา  นี่คือธรรมชาติของซาตาน  เจ้าต้องไม่เอาความเห็นตนเป็นใหญ่ โดยเชื่อว่าตัวเจ้าเองนั้นจงรักภักดี!  หากไม่มีสิ่งใดเลยในการนั้นสำหรับพวกเขา สัตว์ร้ายฝูงนี้ก็เพียงไม่สามารถจงรักภักดีต่อเราได้เท่านั้นเอง  หากเราไม่ได้กล่าวประกาศประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา พวกเจ้าก็คงจะได้ล่าถอยไปนานแล้ว  ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดตกอยู่ในสภาพของการหนีเสือปะจระเข้ ไม่เต็มใจที่จะทำการปรนนิบัติต่อเราแต่ก็ไม่เต็มใจที่จะถูกซัดโทษใส่โดยมือของเรา  หากเราไม่ได้กล่าวประกาศว่ามหาวิบัติจะบังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลากับใครก็ตามที่เยาะเย้ยท้าทายเรา พวกเจ้าก็คงจะได้ล่าถอยไปนานแล้ว  เราไม่รู้เล่ห์กระเท่ห์ที่ผู้คนสามารถหันไปคว้ามาแก้ขัดหรอกหรือ?  ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่เก็บงำความหวังเล็กๆ เอาไว้ แต่เมื่อความหวังนั้นแปรไปเป็นความผิดหวัง พวกเขาก็กลับกลายเป็นไม่เต็มใจที่จะไปต่อให้ไกลกว่านั้น และพวกเขาก็ขอให้หันกลับ  เราได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า เราไม่เก็บใครก็ตามไว้ที่นี่หากขัดต่อเจตจำนงของพวกเขา แต่เอาใส่ใจที่จะคิดเกี่ยวกับว่าสิ่งใดจะเป็นผลสืบเนื่องที่ตามมาสำหรับเจ้า  นี่ไม่ใช่การที่เราข่มขู่เจ้า นี่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงทั้งหลาย  ไม่มีใครเลยที่สามารถหยั่งลึกธรรมชาติของมนุษย์เว้นแต่เรา ผู้คนทั้งหมดคิดว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อเรา โดยไม่รู้ว่าความจงรักภักดีของพวกเขานั้นมีราคี  ราคีเหล่านี้จะทำให้ผู้คนมีอันล่มจม ด้วยเหตุที่สิ่งเหล่านี้เป็นกลอุบายของพญานาคใหญ่สีแดง  สิ่งนั้นได้ถูกเราตีแผ่นานมาแล้ว เราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ดังนั้นเราจะไม่สามารถเข้าใจบางสิ่งที่เรียบง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร?  เราสามารถเจาะทะลุโลหิตของเจ้าและเนื้อหนังของเจ้าเพื่อดูเจตนาของเจ้า  มันไม่ยากสำหรับเราที่จะหยั่งลึกธรรมชาติของมนุษย์ แต่ผู้คนคิดว่าตัวพวกเขาเองฉลาดแยบยล เชื่อว่าไม่มีใครเลยนอกจากตัวพวกเขาเองที่รู้เจตนาของพวกเขา  พวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงดำรงอยู่ภายในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่งหรอกหรือ?

เราจะรักบุตรของเราไปจวบจนวาระสุดท้าย และเราจะเกลียดชังพญานาคใหญ่สีแดงและซาตานสืบไปชั่วนิตย์นิรันดร์  การตีสอนของเราจะตกแก่พวกคนเหล่านั้นทั้งหมดที่เยาะเย้ยท้าทายเราและไม่มีศัตรูสักคนเดียวที่จะถูกปล่อยไป  เราได้พูดก่อนหน้านี้ว่า “เราวางศิลาใหญ่ก้อนหนึ่งในศิโยน  สำหรับผู้เชื่อทั้งหลาย ศิลานี้คือรากฐานของการก่อสร้างของพวกเขา  สำหรับพวกที่ไม่เชื่อ นี่คือก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งพวกเขาสะดุด  สำหรับพวกบุตรของมาร นี่คือศิลาที่บดขยี้พวกเขาจนถึงแก่ความตาย”  เราไม่ได้เพียงพูดวจนะเหล่านี้ก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่วจนะเหล่านี้ได้ถูกเผยพระวจนะไว้โดยผู้คนมากมาย และผู้คนมากมายได้อ่านบทตอนนี้ของวจนะในยุคนี้  ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนบางคนได้พยายามอธิบายวจนะเหล่านี้ แต่ไม่มีใครเลยที่ได้เคยคลายปมความล้ำลึกนี้มาก่อน เพราะงานนี้เพียงทำเสร็จลงในช่วงระหว่างเวลาปัจจุบันของยุคสุดท้ายเท่านั้น  ดังนั้น แม้ว่าผู้คนบางคนได้พยายามอธิบายวจนะเหล่านี้ แต่การอธิบายของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลวิบัติ  ในวันนี้ เราคลายปมความหมายทั้งหมดทั้งมวลแก่พวกเจ้าเพื่อที่พวกเจ้าอาจรู้ความจริงจังของการที่เราเป็นพยานต่อบรรดาบุตรหัวปีของเรา และจุดประสงค์ของเราในการทำเช่นนั้น  เราวางศิลาใหญ่ก้อนหนึ่งในศิโยน และศิลานี้อ้างอิงถึงการที่บรรดาบุตรหัวปีของเรากำลังได้รับการเป็นพยานให้  คำพูดว่า “ใหญ่” ไม่ได้หมายความว่าการเป็นพยานนี้ถูกทำในมาตราส่วนขนาดยักษ์บางอย่าง แต่กลับเป็นว่าในการเป็นพยานต่อบรรดาบุตรหัวปีของเรานั้น พวกคนปรนนิบัติจำนวนมากมายยิ่งนักจะล่าถอย  “พวกที่ไม่เชื่อ” ตรงนี้ หมายถึงพวกที่ล่าถอยเพราะบุตรของเราได้รับการเป็นพยานให้  ดังนั้น ก้อนหินนั้นจึงเป็นหินสะดุดสำหรับบุคคลประเภทนี้  เราพูดว่านั่นคือก้อนหินก้อนหนึ่งเพราะบุคคลประเภทนี้จะถูกซัดโทษใส่โดยมือของเรา และดังนั้น “ก้อนหินที่ทำให้ผู้คนสะดุด” จึงไม่ใช่พูดไปโดยเกี่ยวเนื่องกับการล่มสลายหรือการกลับกลายเป็นอ่อนแอ แต่โดยเกี่ยวเนื่องกับการถูกซัดโทษใส่โดยมือของเรา  “ผู้เชื่อทั้งหลาย” ใน “สำหรับผู้เชื่อทั้งหลาย ศิลานี้คือรากฐานของการก่อสร้างของพวกเขา” อ้างอิงถึงพระคุณและพรที่พวกเขาจะรับไว้หลังจากที่พวกเขาได้ทำการปรนนิบัติอย่างจงรักภักดีต่อเราแล้ว การที่บรรดาบุตรหัวปีของเราได้รับการเป็นพยานให้นั้นบ่งบอกว่า ยุคสมัยเก่าทั้งยุคนี้จะผ่านไปในไม่ช้า กล่าวคือ มันเป็นสัญลักษณ์ถึงการทำลายล้างอาณาจักรซาตาน เพราะฉะนั้น สำหรับคนต่างชาติทั้งหลาย มันคือก้อนหินที่บดขยี้พวกเขาจนถึงแก่ความตาย  ดังนั้น การทำให้ชนชาติทั้งมวลพังทลายเป็นชิ้นๆ จึงอ้างอิงถึงการสร้างใหม่แบบครบบริบูรณ์ของทั้งพิภพ สิ่งเดิมจะผ่านไปและสิ่งใหม่จะได้รับการสถาปนา—นี่คือความหมายที่แท้จริงของ “การทำให้พังทลาย”  พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?  งานที่เราทำในช่วงระยะสุดท้ายนี้สามารถสรุปย่อได้ด้วยวจนะแค่ไม่กี่คำเหล่านี้  นี่คือกิจการอันอัศจรรย์ของเรา และเจ้าควรจับความเข้าใจเจตจำนงของเราที่อยู่ภายในวจนะของเรา

ก่อนหน้า: บทที่ 117

ถัดไป: บทที่ 119

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger