283 ชีวิตของมนุษย์นั้นอยู่ภายใต้อธิปไตยของพระเจ้าทั้งสิ้น
Verse 1
หากคนหนึ่งเพียงเชื่อในชะตากรรม
แต่ไม่สามารถที่จะรู้จัก
หากคนหนึ่งเพียงเชื่อในชะตากรรม
แต่ไม่สามารถที่จะตระหนัก
Verse 2
หากคนหนึ่งเพียงเชื่อในชะตากรรม
แต่ไม่สามารถที่จะนบนอบ
ไม่สามารถจะยอมรับอธิปไตยจากผู้สร้าง
ว่าอยู่เหนือชะตาคน
Pre-chorus
ชีวิตพวกเขาคงเป็นเรื่องเศร้า
ชีวิตพวกเขาคงอยู่อย่างสูญเปล่า
ชีวิตพวกเขาคงว่างเปล่า
ไม่อาจนบนอบต่ออำนาจครอบครอง
พวกเขาไม่อาจกลายเป็นสิ่งทรงสร้าง
ในความหมายที่แท้จริงของคำนี้
ไม่อาจชื่นชมการยอมรับของพระเจ้า
เปรมปรีดิ์ในวันที่ผันผ่าน
Chorus
คนที่รู้จักพระอธิปไตย
พวกเขาอยู่ในภาวะตื่นตัว
คนที่มองเห็นพระอธิปไตย
พวกเขาไม่ควรจะเป็นฝ่ายรอ
ยามยอมรับว่าทุกสิ่งคือชะตา
พวกเขาได้นิยามแท้ของชะตา
ชีวิตคนนั้นล้วนอยู่
ภายใต้พระอธิปไตย
Bridge
เมื่อคนระลึกถึงช่วงเดินทางของตนเอง
เมื่อผู้นั้นมองย้อน บนเส้นทางที่ได้เดินมา
ผู้นั้นก็จะพบว่า ทุกย่างก้าวพระเจ้าทรงนำทาง
ไม่ว่าเส้นทางจะราบรื่น ไม่ว่ามันจะยากลำบาก
พระเจ้าทรงได้วางแผน เตรียมการอย่างพิถีพิถัน
ทรงนำทางคนสู่วันนี้ โดยคนไม่รู้ตัว
ช่างเป็นโชคดีเหลือเกิน ที่ได้รับความรอดจากพระองค์
ที่ยอมรับอธิปไตยของพระผู้สร้าง
Chorus
คนที่รู้จักพระอธิปไตย
พวกเขาอยู่ในภาวะตื่นตัว
คนที่มองเห็นพระอธิปไตย
พวกเขาไม่ควรจะเป็นฝ่ายรอ
ยามยอมรับว่าทุกสิ่งคือชะตา
พวกเขาได้นิยามแท้ของชะตา
ชีวิตคนนั้นล้วนอยู่
ภายใต้พระอธิปไตย
Verse 3
หากคนรับรู้พระอธิปไตย
ย่อมยิ่งปรารถนาจริงจังที่จะนบนอบ
ให้กับทุกสิ่งที่ทรงวางแผน
เชื่อฟังทุกการเรียบเรียงของพระองค์
หากคนรับรู้พระอธิปไตย
พวกเขาจะมีความมุ่งมั่นและมั่นใจ
ที่จะหยุดขบถต้านพระเจ้า
ยอมรับการเรียบเรียงของพระองค์
Chorus
คนที่รู้จักพระอธิปไตย
พวกเขาอยู่ในภาวะตื่นตัว
คนที่มองเห็นพระอธิปไตย
พวกเขาไม่ควรจะเป็นฝ่ายรอ
ยามยอมรับว่าทุกสิ่งคือชะตา
พวกเขาได้นิยามแท้ของชะตา
ชีวิตคนนั้นล้วนอยู่
ภายใต้พระอธิปไตย
ดัดแปลงจาก พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3