Verse 1

วันหนึ่งฉันอาจถูกจับกุมด้วยเหตุที่เป็นพยานให้พระเจ้า

ฉันรู้ในหัวใจของฉันว่าความทุกข์นี้

เป็นไปเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของความชอบธรรม

หากชีวิตของฉันสูญไปเหมือนประกายไฟไปในชั่วพริบตา

ฉันยังคงรู้สึกภูมิใจที่ฉันสามารถติดตามพระคริสต์และเป็นพยานให้พระองค์ในชีวิตนี้ได้

Verse 2

หากฉันไม่สามารถใช้ชีวิตในการที่จะเห็นการขยายขอบเขตของข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรได้

ฉันจะยังคงมอบถวายความปรารถนาอันงดงาม

หากฉันไม่สามารถเห็นวันแห่งราชอาณาจักรเป็นจริงขึ้นมาได้

แต่ฉันสามารถทำให้ซาตานอับอายได้ในวันนี้

เช่นนั้นแล้ว หัวใจของฉันย่อมจะเติมเต็ม เติมเต็มไปด้วยความชื่นบานและสันติสุข

Chorus

พระวจนะของพระเจ้าเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกและ

ความสว่างได้ปรากฏขึ้น ปรากฏขึ้นท่ามกลางมนุษย์

ราชอาณาจักรแห่งพระคริสต์เกิดขึ้นและได้รับการสถาปนาภายในความทุกข์ยาก

ความมืดกำลังจะผ่านไป รุ่งอรุณอันชอบธรรมได้มาถึงแล้ว

เวลาและความเป็นจริงได้เป็นคำพยานต่อพระเจ้าแล้ว

Verse 3

หากวันหนึ่งฉันพลีชีพและไม่สามารถเป็นพยานต่อพระเจ้าอีกต่อไปได้

ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรจะยังคงถูกเผยแผ่

ดังเช่นไฟโดยเหล่าวิสุทธิชนนับไม่ถ้วน

แม้ว่าฉันไม่รู้ว่าฉัน

ฉันสามารถเดินบนถนนขรุขระนี้ได้ไกลแค่ไหน

แต่ฉันยังคงเป็นพยานต่อพระเจ้าและมอบถวายหัวใจที่รักพระเจ้าของฉัน

Chorus

พระวจนะของพระเจ้าเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกและ

ความสว่างได้ปรากฏขึ้น ปรากฏขึ้นท่ามกลางมนุษย์

ราชอาณาจักรแห่งพระคริสต์เกิดขึ้นและได้รับการสถาปนาภายในความทุกข์ยาก

และความมืดกำลังจะผ่านไป รุ่งอรุณอันชอบธรรมได้มาถึงแล้ว

เวลาและความเป็นจริงได้เป็นคำพยานต่อพระเจ้าแล้ว

Verse 4

ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทุ่มเทอุทิศให้แก่การกล่าวประกาศและการให้คำพยานต่อพระคริสต์

ทั้งหมดที่ฉันต้องการทำคือการดำเนินการน้ำพระทัยของพระเจ้าจนเสร็จสิ้น

และให้คำพยานต่อการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระคริสต์

โดยที่ไม่สะทกสะท้านจากความทุกข์ยาก

ดังเช่นทองคำบริสุทธิ์ซึ่งผลิตขึ้นในเตาหลอม

จากนอกอำนาจครอบงำของซาตาน

เหล่าทหารซึ่งมีชัยชนะกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น

Chorus

พระวจนะของพระเจ้าเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกและ

ความสว่างได้ปรากฏขึ้น ปรากฏขึ้นท่ามกลางมนุษย์

ราชอาณาจักรแห่งพระคริสต์เกิดขึ้นและได้รับการสถาปนาภายในความทุกข์ยาก

ความมืดกำลังจะผ่านไป รุ่งอรุณอันชอบธรรมได้มาถึงแล้ว

เวลาและความเป็นจริงได้เป็นคำพยานต่อพระเจ้าแล้ว