3. ฉันไม่เห็นคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทำอะไรมากไปกว่าเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้คำพยานต่อพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้า โดยขอให้ผู้คนซื่อสัตย์และเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องของชีวิตมนุษย์  แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็กำลังเผยแพร่ข้อมูลซึ่งกล่าวว่า จุดหมายสูงสุดของคริสตจักรในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐก็คือการโค่นล้มการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคำพูดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นจริงแท้หรือว่าเป็นเท็จ?

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าไม่ได้มีส่วนในทางการเมืองของมนุษย์ กระนั้นชะตากรรมของประเทศหรือชนชาติหนึ่งก็ยังถูกควบคุมโดยพระเจ้า  พระเจ้าทรงควบคุมโลกนี้และจักรวาลทั้งหมดทั้งสิ้น  ชะตากรรมของมนุษย์และแผนการของพระเจ้าเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น และไม่มีมนุษย์ ประเทศ หรือชนชาติใดที่ได้รับการยกเว้นจากอธิปไตยของพระเจ้า  หากมนุษย์ปรารถนาจะรู้ชะตากรรมของเขา เขาจะต้องมาอยู่เฉพาะพระพักตร์  พระเจ้าจะทรงทำให้ผู้คนที่ติดตามและนมัสการพระองค์มีความเจริญรุ่งเรือง และจะทรงนำความเสื่อมและการสาบสูญไปสู่ผู้คนที่ต่อต้านและปฏิเสธพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 2: พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง

จุดประสงค์ของการแพร่ข่าวประเสริฐคืออะไรเล่า?  ดังที่ได้กล่าวไว้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่พระราชกิจช่วงระยะนี้ได้เริ่มต้น พระเจ้าได้เสด็จมาทรงพระราชกิจของพระองค์ในครั้งนี้เพื่อเปิดตัวยุคสมัยใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อนำยุคสมัยใหม่มาและสิ้นสุดยุคสมัยเก่า  บัดนี้ ข้อเท็จจริงนี้สามารถมองเห็นได้ในบรรดาพวกเราและได้ถูกทำให้ลุล่วงไปแล้ว  นั่นก็คือพระเจ้ากำลังทรงพระราชกิจใหม่ และผู้คนเหล่านั้นได้ยอมรับการนี้แล้วและได้ออกมาจากยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณแล้ว โดยไม่อ่านพระคัมภีร์อีกต่อไป ไม่ดำรงชีวิตอยู่ใต้กางเขนอีกต่อไป ไม่ร้องเรียกพระนามขององค์พระเยซูเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดอีกต่อไป แต่ทั้งอธิษฐานต่อพระนามของพระเจ้าในยุคปัจจุบันและยอมรับพระวจนะที่พระเจ้าทรงแสดงออกในตอนนี้ไปพร้อมกัน และถือพระวจนะเหล่านั้นเป็นหลักธรรมแห่งการอยู่รอด เป็นวิธีการและวัตถุประสงค์ของชีวิตมนุษย์  ในสำนึกรับรู้นี้ ผู้คนเหล่านั้นย่อมเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ไปแล้วมิใช่หรือ?  เช่นนั้นแล้ว ผู้คนอีกมากที่ไม่ได้ยอมรับข่าวประเสริฐนี้และพระวจนะเหล่านี้ดำรงชีวิตในยุคสมัยใดเล่า?  พวกเขายังคงดำรงชีวิตในยุคพระคุณ  ตอนนี้เป็นอาชีพทางจิตวิญญาณของพวกเจ้านี่เองที่จะนำพาผู้คนเหล่านี้ออกจากยุคพระคุณและให้พวกเขาเข้าสู่ยุคสมัยใหม่นี้  เจ้าสามารถทำให้พระบัญชานี้สำเร็จลุล่วงได้โดยการอธิษฐานและร้องเรียกพระนามของพระเจ้าเท่านั้นหรือ?  มันมากพอหรือที่จะประกาศพระวจนะของพระเจ้าไม่กี่คำเท่านั้น?  ไม่อย่างแน่นอน การนี้พึงประสงค์ให้พวกเจ้าทั้งหมดต้องแบกความรับผิดชอบต่อหน้าที่เผยแผ่ข่าวประเสริฐไว้บนบ่า แพร่พระวจนะแห่งพระเจ้า เผยแผ่ทั้งสองสิ่งนี้ออกไปและแผ่ขยายขอบเขตที่ทั้งสองสิ่งนี้เอื้อมไปถึง  สิ่งใดหรือคือความหมายของการ “แผ่ขยายขอบเขตที่ทั้งสองสิ่งนี้เอื้อมไปถึง”?  ย่อมหมายถึงการเผยแผ่ข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปเกินกว่าเพียงแค่บรรดาพวกเจ้า ทั้งนี้ นั่นหมายถึงการทำให้ผู้คนมากขึ้นตระหนักรู้พระราชกิจใหม่ของพระเจ้า และจากนั้นก็ประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกเขา  มันหมายถึงการใช้ประสบการณ์ของพวกเจ้าเพื่อเป็นพยานต่อพระราชกิจของพระเจ้าและเพื่อนำพาพวกเขาเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อีกด้วย  จากนั้น พวกเขาก็จะเป็นเหมือนกันกับพวกเจ้า  เจตนารมณ์ของพระเจ้านั้นเห็นได้ชัดมากทีเดียว—พระองค์คงจะไม่มีเพียงแค่พวกเจ้าที่ได้ยินและได้ยอมรับพระวจนะของพระองค์และได้เริ่มติดตามพระองค์เข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้ว พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะนำเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งปวงเข้าสู่ยุคสมัยใหม่  นี่คือเจตนารมณ์ของพระเจ้า และนี่คือความจริงหนึ่งที่ทุกบุคคลที่ติดตามพระเจ้าอยู่ในปัจจุบันควรเข้าใจ  พระเจ้าไม่ได้กำลังทรงนำผู้คนหนึ่งหมู่หรือหนึ่งกลุ่มเล็กๆ เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ แต่กำลังทรงนำทางมนุษยชาติทั้งมวลเข้าสู่ยุคสมัยใหม่  เพื่อสัมฤทธิ์วัตถุประสงค์นี้ มันจำเป็นที่จะต้องแพร่ข่าวประเสริฐออกไป และใช้วิธีการและช่องทางมากมายในการทำเช่นนั้น

—พระวจนะฯ เล่ม 4 การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์, ประการที่หนึ่ง: พวกเขาพยายามที่จะเอาชนะใจผู้คน

ผู้คนทุกคนจำเป็นต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายของงานของเราบนโลก นั่นคือ สิ่งที่เราปรารถนาที่จะได้รับในท้ายที่สุด และระดับที่เราต้องสัมฤทธิ์ผลในงานนี้ก่อนที่งานจะสามารถครบบริบูรณ์ได้  หากว่าหลังจากที่เดินมากับเราจนถึงวันนี้ ผู้คนยังไม่เข้าใจว่างานของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เช่นนั้นแล้ว พวกเขาไม่ได้เดินมากับเราอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?  หากผู้คนติดตามเรา พวกเขาควรรู้เจตจำนงของเรา  เราได้ทำงานบนแผ่นดินโลกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และจนถึงวันนี้ เรายังคงดำเนินการงานของเราเช่นนี้ต่อไป  ถึงแม้ว่างานของเราจะมีโครงการมากมาย จุดประสงค์ของงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเราเต็มเปี่ยมไปด้วยคำพิพากษาและการตีสอนต่อมนุษย์ ตัวอย่างเช่น สิ่งที่เราทำยังคงเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการช่วยเขาให้รอด และเพื่อประโยชน์แห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐของเราให้ดียิ่งขึ้นและขยายงานของเราออกไปให้ไกลยิ่งขึ้นท่ามกลางประชาชาติทั้งปวงเมื่อมนุษย์ได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์แล้ว  ดังนั้นวันนี้ ในยามที่ผู้คนจำนวนมากจมลึกอยู่ในความท้อใจมานานแล้ว เรายังคงทำงานของเราต่อไป เราทำงานที่เราต้องทำเพื่อพิพากษาและตีสอนมนุษย์ต่อไป  ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่ามนุษย์เบื่อหน่ายกับสิ่งที่เราพูด และเขาไม่มีความพึงปรารถนาที่จะสนใจงานของเรา เราก็ยังคงดำเนินการตามหน้าที่ของเราอยู่ เนื่องจากจุดประสงค์ของงานของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแผนดั้งเดิมของเราจะไม่หยุดชะงัก  หน้าที่ของการพิพากษาของเราคือการทำให้มนุษย์สามารถเชื่อฟังเรายิ่งขึ้น และหน้าที่ของการตีสอนของเราคือการช่วยให้มนุษย์สามารถรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  แม้ว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการบริหารจัดการของเราก็ตาม แต่เราไม่เคยทำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ต่อมนุษย์ เนื่องจากเราพึงปรารถนาที่จะทำให้ประชาชาติต่างๆ ทั้งหมดนอกเหนือไปจากอิสราเอลเชื่อฟังดังเช่นผู้คนแห่งอิสราเอล ทำให้พวกเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ซึ่งเราคงจะมีหลักที่มั่นคงในแผ่นดินที่อยู่นอกอิสราเอล  นี่คือการบริหารจัดการของเรา มันคืองานที่เรากำลังทำให้สำเร็จลุล่วงท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย  แม้กระทั่งบัดนี้ ผู้คนจำนวนมากก็ยังคงไม่เข้าใจการบริหารจัดการของเรา เพราะว่าพวกเขาไม่มีความสนใจในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว และใส่ใจเฉพาะอนาคตและบั้นปลายของตนเองเท่านั้น  ไม่ว่าเราจะกล่าวอะไรก็ตาม พวกเขายังคงไม่แยแสต่องานที่เราทำ แต่กลับมุ่งเน้นอยู่กับบั้นปลายในวันพรุ่งนี้ของตนเพียงอย่างเดียว  หากเรื่องต่างๆ ดำเนินไปอย่างนี้ งานของเราจะสามารถแผ่ขยายไปได้อย่างไร?  ข่าวประเสริฐของเราจะได้รับการเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้อย่างไร?  จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่องานของเราเผยแผ่ออกไป เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไป และโจมตีพวกเจ้าเหมือนดังที่พระยาห์เวห์ได้โจมตีแต่ละเผ่าของอิสราเอล  ทั้งหมดนี้จะถูกทำลงไปเพื่อที่ข่าวประเสริฐของเราจะสามารถเผยแผ่ไปทั่วทั้งโลกได้ เพื่อที่งานของเราอาจแผ่ขยายไปยังประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่นามของเราจะได้รับการสรรเสริญโดยบรรดาผู้ใหญ่และเด็กๆ เช่นเดียวกัน และนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะได้เป็นที่ยกย่องในปากของผู้คนจากทุกเผ่าและทุกชาติ  มันเป็นไปเพื่อที่ว่า ในยุคสุดท้ายนี้ นามของเราจะได้รับการสรรเสริญท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย เพื่อที่ประชาชาติทั้งหลายจะได้เห็นกิจการทั้งหลายของเราและพวกเขาจะเรียกเราว่าองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เนื่องจากกิจการทั้งหลายของเรา และเพื่อที่วจนะของเราจะได้บังเกิดขึ้นในอีกไม่นาน  เราจะทำให้ผู้คนทั้งปวงรู้ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงพระเจ้าของผู้คนแห่งอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นพระเจ้าของประชาชาติในบรรดาชาติทั้งหมดอีกด้วย แม้แต่บรรดาชาติที่เราได้สาปแช่ง  เราจะปล่อยให้ผู้คนทั้งหมดได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าของสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง  นี่คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จุดประสงค์ของแผนงานของเราสำหรับยุคสุดท้าย และงานเดียวที่จะต้องทำให้ลุล่วงในยุคสุดท้าย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐคืองานแห่งการช่วยมนุษย์ให้รอดด้วยเช่นกัน

บทตัดตอนจากคำเทศนาและการสามัคคีธรรมสำหรับการอ้างอิง

ในความเชื่อของพวกเราในพระเจ้า พวกเรากระทำการสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า ความจริง และข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า  พวกเราไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งพวกเรายังไม่มีส่วนในกิจกรรมทางการเมืองอันใด  ประการแรก อย่างน้อยที่สุดที่พระเจ้าทรงขอต่อบรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็คือให้พวกเราไล่ตามเสาะหาและปฏิบัติความจริง และไม่ติดตามกระแสชั่วของโลกภายนอกและหมายมั่นกับความชั่วที่มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามทำ ทั้งนี้ การกระทำของพวกเราต้องมีประโยชน์ต่อผู้อื่น พวกเราต้องเป็นเกลือและความสว่าง  ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง พวกเราต้องติดตามน้ำพระทัยของพระเจ้า โดยสละตัวพวกเราเองเพื่อพระเจ้าและปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา  เนื่องเพราะพระเจ้าได้ทรงทำให้พวกเราดีงามด้วยความรอดของพระองค์ จึงเป็นความรับผิดชอบและภาระผูกพันของพวกเราที่จะเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้การเป็นพยานต่อพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ที่ยังจะต้องรู้จักพระเจ้า และยังคงใช้ชีวิตภายใต้แดนครอบครองของซาตาน สามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อสืบค้นหนทางที่แท้จริง ยอมรับความจริง ได้รับความจริง สลัดความเสื่อมทรามของพวกเขา และได้รับความรอดโดยพระเจ้าได้  นี่คือพระบัญชาของพระเจ้า และนี่คือนัยสำคัญที่แท้จริงของงานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐที่พวกเราทำ  การเผยแผ่ข่าวประเสริฐและการเป็นคำพยานต่อพระเจ้าของพวกเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง—ไม่มีเจตนาหรือเหตุจูงใจทางการเมืองเกี่ยวข้อง และนั่นไม่ใช่ทำเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของการคว่ำรัฐบาลเฉพาะรัฐบาลหนึ่งหรือพรรคการเมืองเฉพาะพรรคหนึ่ง  นั่นทำไปเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของการนำพามวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าโดยครบถ้วนบริบูรณ์ เพื่อให้ผู้คนสามารถยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้ายและได้รับการทำให้บริสุทธิ์และได้รับการช่วยให้รอดได้ เพื่อในท้ายที่สุด พวกเขาจะมีความสามารถที่จะหลีกหนีอิทธิพลมืดและชั่วและดำรงชีวิตในความสว่างได้ โดยได้รับการดูแลเอาใจใส่ การทรงอารักขา และการอวยพรโดยพระเจ้า  เมื่อพวกเรานำพาผู้คนมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อให้พวกเขาอาจยอมรับพระราชกิจและความรอดของพระเจ้า พวกเราไม่ใช่กำลังทำการร้องขอทางการเมือง ทั้งนี้ พระวจนะของพระเจ้าไม่ขอให้ประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรรลุกขึ้นคว่ำพรรคคอมมิวนิสต์จีน  ทั้งหมดที่พระเจ้าทรงแสดงคือความจริง สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพระวจนะที่เปิดโปงแก่นแท้อันเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพระวจนะที่ช่วยผู้คนให้รอด เปลี่ยนแปลงผู้คน ทำให้ผู้คนเพียบพร้อม และเปิดโอกาสให้ผู้คนรู้จักพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์  ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำมีพื้นฐานอยู่บนพระวจนะและข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า  คริสตจักรของพวกเราไม่เคยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองอันใด อีกทั้งคริสตจักรของพวกเรายังไม่มีคำขวัญทางการเมืองอันใด  การดำรงชีวิตคริสตจักรไม่เกี่ยวข้องกับอะไรมากไปกว่าการสามัคคีธรรมเกี่ยวกับความจริงและการรู้จักตนเอง ซึ่งเป็นไปเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของการได้รับความจริง การเชื่อฟังพระเจ้า การใช้ชีวิตตามสภาพเสมือนของมนุษย์แท้จริง และการได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้า  ที่มากกว่านั้นคือ พวกเราไม่มีความสนใจในการเมืองเลยแม้แต่น้อย  การเมืองไม่ใช่สิ่งที่เป็นบวก นับประสาอะไรที่การเมืองจะเป็นความจริง  การเมืองไม่สามารถให้ความจริงหรือพระพรของพระเจ้าแก่ผู้คนได้ นับประสาอะไรที่การเมืองจะสามารถทำให้ผู้คนมีความสามารถที่จะได้รับความรอดได้ กล่าวคือ เป็นที่ชัดแจ้งที่ทุกคนได้เห็นว่าวงการข้าราชการมีแต่ทำให้ผู้คนชั่วมากขึ้นและเสื่อมทรามมากขึ้นเท่านั้น  และดังนั้นแล้ว ในความเชื่อของพวกเราในพระเจ้า พวกเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมือง เนื่องเพราะเป็นที่ชัดเจนต่อพวกเราว่า มีเพียงความเชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและมอบสภาวะความเป็นมนุษย์ มโนธรรม และสำนึกที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นแก่พวกเขาได้  หากผู้คนเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริงและไล่ตามเสาะหาความจริง ย่อมไม่มีคำถามแต่ประการเลยใดว่าพวกเขาจะมีความสามารถที่จะสลัดความเสื่อมทรามของพวกเขาและใช้ชีวิตตามสภาพเสมือนของมนุษย์แท้จริงได้—ซึ่งแน่นอนว่าเป็นมาตรฐานสำหรับการบรรลุความรอดในความเชื่อในพระเจ้าของคนเรา

พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยมวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามให้รอดได้  พวกเราเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้การเป็นพยานต่อพระเจ้าเพื่อให้มวลมนุษย์ทั้งหมดอาจรู้จักพระผู้สร้าง และมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระผู้สร้าง และนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว ทั้งนี้ นี่คือเส้นทางแห่งพระพรของมนุษย์ และที่มากกว่านั้นคือ เส้นทางแห่งความรอดของมนุษย์  โลกในวันนี้มืดมิดยิ่งขึ้นและชั่วยิ่งขึ้นทุกที และมวลมนุษย์ก็เสื่อมทรามยิ่งขึ้นทุกที  โลกอยู่ในความเสื่อมถอยและศีลธรรมกำลังเสื่อมลง  หากมวลมนุษย์จะจัดการแก้ไขประเด็นปัญหาเหล่านี้ เช่นนั้นแล้ว ผู้คนก็ต้องเชื่อในพระเจ้า พวกเขาต้องยอมรับพระวจนะของพระเจ้า พระราชกิจของพระเจ้า และการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้า และได้รับความจริงจากพระวจนะของพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้เท่านั้นปัญหาทั้งหลายเกี่ยวกับความมืดมิดและความชั่วของโลกและความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์จึงจะได้รับการแก้ไขที่แหล่งกำเนิด  เมื่อเป็นเช่นนั้น การเผยแผ่ข่าวประเสริฐจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับเสถียรภาพของสังคมและความสุขของมวลมนุษย์  มีหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับมวลมนุษย์ที่จะสัมฤทธิ์ความสุขที่แท้จริงและสำหรับสังคมที่จะสัมฤทธิ์สันติสุขที่ยั่งยืนนาน และนั่นก็คือการยอมรับพระราชกิจและความรอดของพระเจ้า  ไม่มีเส้นทางใดนอกจากเส้นทางนี้  เจ้าต้องไม่คาดหวังให้ประเทศใดหรือพรรคการเมืองใดช่วยมวลมนุษย์ให้รอด นับประสาอะไรที่เจ้าควรปักหมุดความรอดของมวลมนุษย์ไว้กับนักการเมือง นักเขียน หรือนักคิด กล่าวคือ นี่อยู่เลยพ้นความสามารถของมวลมนุษย์ที่เสื่อมทราม  มีเพียงพระผู้สร้าง พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทรงสามารถช่วยมนุษยชาติให้รอดได้อย่างครบถ้วน  และดังนั้นแล้ว การที่พวกเราเผยแผ่ข่าวประเสริฐและเป็นคำพยานต่อพระเจ้าจึงเป็นประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษย์ นี่คือสิ่งที่เป็นที่ต้องการโดยมวลมนุษย์และสังคม และนี่เป็นธรรมอย่างครบบริบูรณ์  ไม่มีสิ่งใดที่เปี่ยมความหมายมากกว่า  พวกเราวางใจว่าทุกคนที่ครองมโนธรรม เหตุผล และสำนึกรับรู้ถึงความยุติธรรมจะสนับสนุนการที่พวกเราเผยแผ่ข่าวประเสริฐและเห็นพ้องกับมุมมองของพวกเรา

เป็นเพราะพวกเรายอมรับพระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และมั่นใจว่าพระคริสต์ทรงเป็นความจริง หนทาง และชีวิต พวกเราจึงได้เริ่มที่จะเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้การเป็นพยานต่อพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย  ในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐ พวกเรากำลังแบ่งปันเส้นทางที่แท้จริงสู่ความรอดกับผู้คน เพื่อให้พวกเขาอาจยอมรับหนทางที่แท้จริงและได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้าในระหว่างยุคสุดท้าย  นี่คือหน้าที่ของพวกเราในฐานะผู้เชื่อในพระเจ้า และนี่คือความรักที่แท้จริงที่สุดของพวกเรา  ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรในยุคสุดท้ายที่พวกเราประกาศเป็นประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์  ในขณะเดียวกัน ในฐานะพรรครัฐบาล พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เพียงแค่ไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรที่มีคุณค่าจริงหรือแก้ไขปัญหาจริงให้กับผู้คนและนำพาสันติสุขและความสุขมาสู่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังบกพร่องในภาระผูกพันของพรรค การข่มเหง การจับกุม และการทารุณกรรมพวกเรา ไร้ซึ่งมโนธรรมอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน  นี่ไม่เป็นการต่อต้านฟ้า เป็นสิ่งที่น่าเกลียดชังอันวิปลาสกระนั้นหรือ?  เหตุใดหรือ แทนที่จะติดตามน้ำพระทัยของฟ้าและหัวใจของผู้คน พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงให้ความเคารพความชั่วและต่อต้านความชอบธรรม?  ในการนี้ พรรคนี้ไม่สูญสิ้นสภาวะความเป็นมนุษย์หรอกหรือ?  ในครรลองแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐและการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรมากมายมีความสามารถที่จะละวางสิ่งชูใจและความชื่นชมยินดีแห่งเนื้อหนังได้  ท่ามกลางลมหนาวและฝนที่ตกเป็นสาย สภาพอากาศที่หนาวจัดและความร้อนที่แผดเผา พวกเขายังเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ต่อไป ทั้งนี้ ทั้งๆ ที่มีการลบหลู่อันทำให้เจ็บปวด แม้ว่าผู้คนปฏิเสธ ทุบตี และสาปแช่งพวกเขา และแม้ว่าพวกเขาถูกจับกุมและถูกข่มเหงโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่พวกเขาก็ยืนกรานในการเผยแผ่ข่าวประเสริฐและปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา  พวกเขาทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาอาจสามารถถูกเรียกใช้ให้ทำได้ และไม่ว่าผู้คนยอมรับการนั้นหรือไม่ พวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนเหล่านั้นอย่างรับผิดชอบและเมตตาสงสาร  มโนธรรมของพวกเราไม่อาจหยุดพักได้หากพวกเราได้รู้ถึงหนทางที่แท้จริง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ประกาศหรือเป็นพยานต่อหนทางที่แท้จริงนั้น อีกทั้งนี่ยังจะไม่เป็นการยุติธรรมต่อผู้คน  และดังนั้นแล้ว ทั้งหมดที่พวกเราทำก็คือเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้การเป็นพยานต่อพระเจ้า โดยทำให้ผู้คนตระหนักรู้หนทางที่แท้จริง และเส้นทางแห่งความรอดในยุคสุดท้าย  การที่พวกเราเผยแผ่ข่าวประเสริฐไม่ใช่การเข้าร่วมการเมืองอย่างแน่นอนที่สุด นับประสาอะไรที่นั่นจะเป็นการก่อความไม่สงบให้กับความเป็นระเบียบเรียบร้อยสาธารณะ ทั้งนี้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น นั่นเป็นการตระเตรียมซึ่งเป็นความประพฤติดี ทั้งหมดทั้งมวลเป็นไปเพื่อให้มวลมนุษย์สามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและยอมรับการชำระให้บริสุทธิ์และความรอดของพระเจ้า มีชีวิตรอดจากมหาวิบัติ และเข้าสู่บั้นปลายอันสวยงามที่พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสำหรับมนุษย์—นี่คือข้อเท็จจริงประการหนึ่ง

—การสามัคคีธรรมจากเบื้องบน

ก่อนหน้า: 2. พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ซึ่งกล่าวว่า ผู้คนในคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ล้มเลิกครอบครัวและการงานของพวกเขาเพื่อที่จะเผยแผ่ข่าวประเสริฐและให้คำพยานต่อพระเจ้า  ผู้คนบางคนถึงกับคงอยู่แบบไม่แต่งงานไปทั้งชีวิตของพวกเขา  พรรคคอมมิวนิสต์จีนพูดว่า การเชื่อของพวกคุณทำลายครอบครัว  สิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพูดนั้นจริงแท้หรือไม่?

ถัดไป: 4. แม้ว่าพวกคุณเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และอธิษฐานต่อพระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็กำลังเผยแพร่ข้อมูลซึ่งกล่าวว่าคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง และพวกคุณก็ทำสิ่งใดก็ตามไปตามที่เขาพูด  พวกคุณให้คำพยานว่า บุคคลผู้นี้เป็นปุโรหิต เป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งพระเจ้าทรงใช้ และว่าเขารับผิดชอบกิจการงานด้านการบริหารทั้งหมด  ฉันคิดไม่ออกเลย—ใครกันแน่ที่ก่อตั้งคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์?  จุดกำเนิดของคริสตจักรคือสิ่งใด?  พวกคุณสามารถอธิบายการนี้ได้หรือไม่?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger