เหตุที่ผู้คนที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงไร้ความสามารถที่จะบรรลุความรอดได้
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
โดยเนื้อแท้แล้ว พระเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยความสัตย์ซื่อ และดังนั้น พระวจนะของพระเจ้าสามารถเชื่อถือไว้วางใจได้เสมอ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การกระทำของพระองค์นั้นไร้ข้อผิดและมิอาจตั้งคำถามได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่า เหตุใดพระเจ้าจึงชอบคนจำพวกที่มีความซื่อสัตย์ต่อพระองค์โดยสมบูรณ์ ความซื่อสัตย์หมายถึงการมอบหัวใจของเจ้าให้แก่พระเจ้า จริงแท้ต่อพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง เปิดกว้างต่อพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง ไม่เคยซ่อนเร้นข้อเท็จจริง ไม่พยายามหลอกลวงบรรดาผู้ที่อยู่สูงกว่าและต่ำกว่าเจ้า และไม่ทำสิ่งต่างๆเพื่อหวังประจบประแจงให้พระเจ้าทรงโปรดปราน กล่าวสั้นๆก็คือ การมีความซื่อสัตย์คือการปราศจากราคีในการกระทำและคำพูดทั้งหลาย และการไม่หลอกลวงทั้งพระเจ้าและมนุษย์ สิ่งที่เราพูดเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมาก แต่สำหรับพวกเจ้า มันลำบากยากเข็ญเป็นเท่าทวีคูณ ผู้คนมากมายเลือกที่จะถูกประณามสาปแช่งให้ไปลงนรกดีกว่าให้พูดและกระทำด้วยความซื่อสัตย์ จึงไม่ต้องประหลาดใจที่เรามีวิธีปฏิบัติอีกแบบซึ่งเตรียมไว้สำหรับรับมือกับคนพวกที่ไม่มีความซื่อสัตย์ แน่นอนว่า เรารู้ดีอย่างเต็มเปี่ยมว่ามันลำบากยากเย็นแค่ไหนสำหรับพวกเจ้าที่จะมีความซื่อสัตย์ เพราะพวกเจ้าทุกคนล้วนแยบยลนัก เก่งมากในเรื่องการวัดผู้คนด้วยไม้บรรทัดอันเล็กจิ๋วของเจ้าเอง นี่ทำให้งานของเรายิ่งมีความเรียบง่ายขึ้น และด้วยความที่พวกเจ้าแต่ละคนล้วนกกกอดความลับแนบไว้กับอก เช่นนั้นก็ดีแล้ว เราจะส่งพวกเจ้าไปสู่ความวิบัติเรียงทีละคน ให้ “เข้าโรงเรียน” ด้วยเพลิงอัคคี เพื่อที่หลังจากนั้น พวกเจ้าอาจมั่นใจได้อย่างสิ้นเชิงต่อการเชื่อของเจ้าในวจนะของเรา ถึงที่สุดแล้ว เราจะกระชากเอาคำว่า “พระเจ้าคือพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความสัตย์ซื่อ” ออกมาจากปากของพวกเจ้า ทันทีหลังจากนั้น พวกเจ้าจะตีอกชกหัวและพิลาปรำพันว่า “ที่เคี้ยวคดนั่น คือหัวใจของมนุษย์!” จิตใจของพวกเจ้าจะอยู่ในสภาวะใดหรือ ณ เวลานี้? เราจินตนาการว่า เจ้าจะไม่รู้สึกมีชัยดังที่เจ้ากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ และนับประสาอะไรที่เจ้าจะมีความ “ลุ่มลึกและยากที่จะเข้าใจ” ดังที่กำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ ในการสถิตของพระเจ้านั้น ผู้คนบางคนช่างสงบเสงี่ยมสำรวมไปเสียทั้งหมด พวกเขาอุตสาหะต่อการเป็นผู้ “ประพฤติดี” กระนั้น พวกก็ยังแยกเขี้ยวและเงื้อง่ากรงเล็บใส่กันในการสถิตของพระวิญญาณ พวกเจ้าจะจัดอันดับผู้คนแบบนี้ให้อยู่ท่ามกลางลำดับชั้นของคนซื่อสัตย์อย่างนั้นหรือ? หากเจ้าเป็นคนประเภทหน้าซื่อใจคดคนหนึ่ง เป็นใครบางคนที่มีทักษะใน “สัมพันธภาพระหว่างบุคคล” เมื่อนั้นเราพูดเลยว่า เจ้าคือใครบางคนที่ช่างพยายามล้อเล่นกับพระเจ้าโดยแน่แท้ หากคำพูดของเจ้าพรุนไปด้วยข้อแก้ตัวกับเหตุผลข้ออ้างที่ไร้คุณค่า เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่า เจ้าคือใครบางคนที่ลังเลไม่เต็มใจจะนำความจริงมาปฏิบัติ หากเจ้ามีความลับส่วนตัวมากมายซึ่งเจ้าอิดออดที่จะแบ่งปัน หากเจ้าไม่ชอบอย่างมากในการนำความลับของเจ้า—ความลำบากยากเย็นของเจ้า—มาตีแผ่ต่อหน้าผู้อื่นเพื่อแสวงหาหนทางแห่งความสว่าง เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่า เจ้าคือใครบางคนที่จะบรรลุความรอดโดยง่าย และเป็นผู้ที่จะไม่โผล่พ้นจากความมืดมิดโดยง่าย หากการแสวงหาหนทางแห่งความจริงสร้างความยินดีให้กับเจ้าเป็นอย่างดี เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คือใครบางคนที่อาศัยอยู่ในความสว่างตลอดเวลา หากเจ้าเปรมปรีดิ์มากเหลือเกินที่ได้เป็นคนปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้า ทำงานอย่างขยันขันแข็งและมีมโนธรรมอยู่เพียงเบื้องหลังไม่เสนอหน้า เป็นผู้ให้เสมอและไม่เคยเป็นผู้รับเลย เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่า เจ้าคือวิสุทธิชนผู้จงรักภักดี เพราะเจ้าไม่แสวงหาบำเหน็จ และเป็นเพียงบุคคลที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าเต็มใจที่จะเป็นคนซื่อตรงเปิดเผย หากเจ้าเต็มใจที่จะสละทั้งหมดที่เป็นของเจ้า หากเจ้าสามารถพลีอุทิศชีวิตของเจ้าเพื่อพระเจ้า และยึดมั่นในคำพยานของเจ้า และหากเจ้ามีความซื่อสัตย์จนถึงจุดที่เจ้ารู้เพียงการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย และไม่มัวพิจารณาตัวเจ้าเอง หรือรับไว้เพื่อตัวเจ้าเองเช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่า ผู้คนเช่นนั้นคือบรรดาผู้ที่ได้รับการบำรุงเลี้ยงในความสว่าง และเป็นผู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ตลอดกาลในราชอาณาจักรแห่งนี้ เจ้าควรรู้ว่า มีความเชื่อที่แท้จริงและความจงรักภักดีที่แท้จริงอยู่ภายในตัวเจ้าหรือไม่ รู้ว่าเจ้ามีบันทึกของการทนทุกข์เพื่อพระเจ้าหรือไม่ และรู้ว่า เจ้าได้นบนอบต่อพระเจ้าด้วยประการทั้งปวงหรือไม่ หากเจ้าขาดพร่องสิ่งเหล่านี้ไป เช่นนั้นแล้ว ความไม่เชื่อฟัง เล่ห์ลวง ความโลภ และการร้องทุกข์ก็จะยังคงอยู่ภายในตัวเจ้า เนื่องจากหัวใจของเจ้าอยู่ห่างไกลจากความซื่อสัตย์ เจ้าจึงไม่เคยได้รับการระลึกถึงในด้านบวกจากพระเจ้า และไม่เคยดำรงชีวิตอยู่ในความสว่าง ชะตากรรมของคนเราจะออกมาเป็นอย่างไรในบทอวสานนั้นแขวนอยู่กับการที่พวกเขามีหัวใจที่ซื่อสัตย์และเป็นสีแดงเข้มของเลือดหรือไม่ และพวกเขามีดวงจิตที่ปราศจากราคีหรือไม่ หากเจ้าเป็นใครบางคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์อย่างมาก ใครบางคนซึ่งมีหัวใจคิดร้าย ใครบางคนซึ่งมีดวงจิตที่ไม่สะอาด เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จงมั่นใจได้เลยว่าจะได้พบจุดจบในสถานที่ที่มนุษย์ถูกลงโทษ ตามที่ถูกขีดเขียนไว้ในบันทึกชะตากรรมของเจ้านั่นเอง หากเจ้ากล่าวอ้างว่าตัวเองมีความซื่อสัตย์อย่างมาก แต่กระนั้นก็ยังไม่เคยบริหารจัดการที่จะปฏิบัติไปโดยสอดคล้องความจริงหรือกล่าวคำพูดที่เป็นความจริงได้สำเร็จเสียที เช่นนั้นแล้วเจ้ายังคงกำลังรอคอยให้พระเจ้าทรงปูนบำเหน็จเจ้าอยู่อีกหรือ? เจ้ายังคงหวังให้พระเจ้าคำนึงถึงเจ้าดุจแก้วตาดวงใจของพระองค์อยู่อีกหรือ? การคิดเช่นนั้นไม่วิปริตหรอกหรือ? เจ้าหลอกลวงพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง แล้วพระนิเวศของพระเจ้าจะให้ที่พักแก่คนมือไม่สะอาดอย่างเจ้าได้เช่นไร?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตักเตือนสามประการ
เรารักทุกคนที่สละตนเองเพื่อเราอย่างจริงใจ และอุทิศตนเองแก่เรา เราเกลียดชังทุกคนที่เกิดจากเรา ทว่ากลับไม่รู้จักเรา และถึงกับต่อต้านเรา เราจะไม่ละทิ้งใครก็ตามที่อยู่เพื่อเราอย่างจริงใจ ตรงกันข้ามเราจะเพิ่มพรแก่คนผู้นั้นเป็นทวีคูณ เราจะลงโทษพวกที่อกตัญญูและฝ่าฝืนความใจดีมีเมตตาของเราเป็นทวีคูณ และเราจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ในราชอาณาจักรของเราไม่มีความคดโกงหรือความหลอกลวง และไม่มีความเจนโลก นั่นคือไม่มีกลิ่นอายแห่งความตาย ตรงกันข้าม ทุกสิ่งคือความถูกต้องและความชอบธรรม ทุกสิ่งคือความบริสุทธิ์และความเปิดเผย โดยไม่มีสิ่งใดถูกซ่อนเร้นหรือปกปิด ทุกสิ่งล้วนสดชื่น ทุกสิ่งคือความชื่นชมยินดี และทุกสิ่งคือความเจริญใจ ใครก็ตามที่มีกลิ่นคนตาย ไม่มีทางสามารถคงอยู่ในราชอาณาจักรของเราได้ และจะถูกปกครองด้วยคทาเหล็กของเราแทน
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 70
ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า แต่ทว่าไม่ได้ไล่ตามเสาะหาความจริง ย่อมไม่มีทางหลีกหนีจากอิทธิพลของซาตาน ทุกคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตของพวกเขาด้วยความซื่อสัตย์ ผู้ที่ประพฤติตนต่อหน้าผู้อื่นอย่างหนึ่งแต่ลับหลังอย่างหนึ่งกับพวกเขา ผู้ที่สร้างภาพแสดงความถ่อมตน ความอดทน และความรัก ทั้งที่แก่นแท้ของพวกเขาเป็นคนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ และปราศจากความจงรักภักดีต่อพระเจ้า—ผู้คนเช่นนี้คือตัวแทนในแบบฉบับของพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความมืด พวกเขาเป็นจำพวกเดียวกันกับงู พวกที่เชื่อพระเจ้าเฉพาะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้นตลอดเวลา ผู้ที่หยิ่งผยองและมองตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ ผู้ที่ชอบโอ้อวด และผู้ที่ปกป้องสถานภาพของตนเอง คือผู้คนที่รักซาตานและต่อต้านความจริง ผู้คนเหล่านี้ต้านทานพระเจ้าและเป็นของซาตานโดยสิ้นเชิง พวกที่ไม่สนใจต่อภาระของพระเจ้า ไม่รับใช้พระเจ้าอย่างสุดหัวใจ ผู้ที่คอยห่วงกังวลกับส่วนได้ส่วนเสียเฉพาะตนและส่วนได้ส่วนเสียของครอบครัวตนเองอยู่เสมอ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่จะละทิ้งทุกสิ่งเพื่อสละตนให้กับพระเจ้าได้ และผู้ที่ไม่เคยใช้ชีวิตโดยพระวจนะของพระเจ้าเลย คือผู้คนที่อยู่นอกพระวจนะของพระองค์ ผู้คนเช่นนั้นไม่สามารถได้รับการชมเชยจากพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงหนีให้พ้นจากอิทธิพลแห่งความมืด แล้วพระเจ้าจะทรงรับเจ้าไว้
การที่พระเจ้าทรงขอให้ผู้คนซื่อสัตย์ย่อมพิสูจน์ว่า โดยแท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเกลียดพวกที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวง และว่าพระองค์ไม่ทรงโปรดผู้คนที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวง ข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ไม่ทรงโปรดผู้คนที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงนั้นหมายความว่า พระองค์ทรงไม่ชอบการกระทำ อุปนิสัย และแรงจูงใจทั้งหลายของพวกเขา นั่นก็คือ พระองค์ไม่ทรงโปรดหนทางที่พวกเขาทำสิ่งทั้งหลาย เพราะฉะนั้น หากพวกเราจะทำให้พระเจ้าทรงยินดี ก่อนอื่น พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงการกระทำของพวกเราและหนทางที่พวกเราดำรงอยู่ในนั้นเสียก่อน ก่อนหน้านี้ พวกเราได้พึ่งพาคำโกหกและข้ออ้างเพื่อดำรงชีวิตท่ามกลางผู้คน โดยใช้สิ่งเหล่านี้เป็นทุนของพวกเราและเป็นพื้นฐานเกี่ยวกับการดำรงอยู่ ชีวิต และรากฐานซึ่งพวกเราใช้ในการประพฤติตัวเอง นี่เป็นบางสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงดูหมิ่น ท่ามกลางผู้ไม่เชื่อทั้งหลายในโลก หากเจ้าไม่รู้วิธีมีเล่ห์เหลี่ยมและมีเล่ห์ลวง เช่นนั้นแล้วก็คงจะเป็นการลำบากยากเย็นสำหรับเจ้าที่จะตั้งมั่น เจ้าจะสามารถแค่เพียงบอกคำโกหก กระทำเล่ห์เหลี่ยม และใช้วิธีการอันเป็นการสมคบคิดและเคลือบแฝง เพื่อปกป้องและพรางตัวเจ้าเองเพื่อที่จะได้มาซึ่งชีวิตที่ดีกว่าเท่านั้น ในพระนิเวศของพระเจ้า แน่นอนว่านั่นเป็นตรงกันข้าม กล่าวคือ ยิ่งเจ้ามีเล่ห์ลวงมากขึ้นเท่าใด และยิ่งเจ้าใช้การมีเล่ห์เหลี่ยมอันซับซ้อนมากขึ้นเท่าใดเพื่อเสแสร้งและอำพรางตัวเจ้าเอง เจ้าก็ยิ่งมีความสามารถที่จะตั้งมั่นน้อยลงเท่านั้น และพระเจ้าก็ยิ่งทรงดูหมิ่นและทรงบอกปัดเจ้ามากขึ้นเท่านั้น พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้าว่า มีเพียงผู้คนที่ซื่อสัตย์เท่านั้นที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ได้ หากเจ้าไม่ซื่อสัตย์ และหากในชีวิตของเจ้า การปฏิบัติของเจ้าไม่มุ่งตรงไปยังการซื่อสัตย์ และเจ้าไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าเอง เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่มีวันมีโอกาสอันใดที่จะได้รับพระราชกิจหรือการสรรเสริญของพระเจ้า
ตัดตอนมาจาก “การฝึกฝนปฏิบัติที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของการเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
พวกที่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ นั้นโง่เขลาที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด จงอย่าเป็นคนเคี้ยวคด เมื่อเจ้าทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในโลกของผู้ไม่เชื่อ เจ้ากำลังปกป้องตัวเองอยู่ ไม่มีใครสามารถมองเจ้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และไม่มีใครกล้าหาเรื่องเจ้า แต่หากเจ้าก็เป็นเช่นนั้นด้วยในพระนิเวศของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพระเจ้าก็ตรัสว่าเจ้าไม่มีปัญญา เจ้าเป็นคนโง่ที่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ และพระเจ้าจะไม่ทรงคบค้าสมาคมกับเจ้า เคยมีการกล่าวไว้ในพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่ว่า พระองค์ทรงโปรดพวกที่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ผู้ที่วางอุบายอยู่เสมอ ผู้ที่เป็นคนที่พูดจาอ่อนหวานและมีไหวพริบ? (ไม่เคยมี) พระเจ้าทรงต้องประสงค์ผู้คนที่ซื่อสัตย์ ไม่สำคัญเลยว่าเจ้าเป็นคนโง่เล็กน้อยหรือไม่ แต่เจ้าต้องซื่อสัตย์ บรรดาผู้ที่ซื่อสัตย์สามารถแบกรับความรับผิดชอบได้ พวกเขาไม่คิดถึงตัวเอง ความคิดของพวกเขาปราศจากราคี และพวกเขาก็ซื่อสัตย์และมีจิตใจดี พวกเขาเป็นเหมือนชามใส่น้ำ—ก้นชามนั้นปรากฏแก่ตาอย่างชัดเจน หากเจ้าซ่อนเร้นสิ่งทั้งหลายอยู่เสมอ โดยปิดบังสิ่งเหล่านั้น เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง ผู้คนย่อมไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งใดอยู่ลึกลงไปในหัวใจของเจ้าจริงๆ แต่พระเจ้าสามารถทอดพระเนตรส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจของเจ้าได้ พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งที่เจ้าเป็นและพระองค์ไม่ทรงต้องประสงค์เจ้า พระองค์ไม่ทรงโปรดเจ้า ในโลกของผู้ไม่เชื่อ พวกปีศาจและพวกกษัตริย์มารชอบพวกที่มีไหวพริบและมีพรสวรรค์ในการพูด องครักษ์และผู้ติดตามของพวกเขาตาคมและไวต่อการได้ยิน และปากของพวกเขาก็เป็นดั่งน้ำผึ้ง พวกเขาพูดอะไรก็ตามที่ผู้นำต้องการได้ยินและพวกเขาทำสิ่งใดก็ตามที่ผู้นำต้องการให้พวกเขาทำ ด้วยการตวัดตามองแวบเดียวจากผู้นำของพวกเขา พวกเขาก็จัดการเตรียมการสิ่งทั้งหลายอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ผู้นำไม่เคยถามหรือต้องการที่จะรู้เลยว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ในหัวใจของพวกเขา ว่าพวกเขาชอบผู้นำหรือไม่ หรือว่าพวกเขามีแผนการอะไร พวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้หรือเปิดเผยสิ่งเหล่านี้เลยเช่นกัน พวกผู้นำชอบบุคคลจำพวกนั้น ว่าแต่พระเจ้าทรงโปรดหรือไม่? (ไม่) พวกปีศาจชอบบุคคลประเภทนั้น แต่พวกเขาคือผู้ที่พระเจ้าทรงเกลียดมากกว่าใครทั้งหมด ไม่ว่าพวกเจ้าทำอะไรก็ตาม จงอย่าเป็นบุคคลประเภทนั้น พวกที่ปากหวาน แสนรู้ ตาคม และหูไว มีปัญญาทางโลก ผู้ที่รู้ทิศทางลมว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทางใด และแสดงท่าทางให้ดูเป็นเรื่องใหญ่ในสิ่งที่พวกเขาทำ—เราขอบอกเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า ผู้คนเช่นนั้นเป็นที่ดูหมิ่น พระเจ้าไม่ทรงโปรดผู้คนเช่นนั้น และพวกเขาทำให้พระองค์ทรงขยะแขยง ดังนั้นพระเจ้าจะทรงสามารถทำให้พวกเขาสง่างามและให้ความรู้แจ้งแก่พวกเขาได้หรือไม่? พระองค์จะทรงสามารถอวยพรผู้คนเช่นนั้นได้หรือไม่? ไม่ พวกเขาทำอะไรลับๆ ล่อๆ และพระเจ้าทรงวางพวกเขาไว้ในชั้นเดียวกันกับสัตว์ พระองค์ไม่ทรงปฏิบัติต่อพวกเขาดังเช่นมนุษย์ แต่ดังเช่นสัตว์ ในสายพระเนตรของพระเจ้า ผู้คนเหล่านี้เพียงแค่สวมใส่ผิวหนังมนุษย์ แต่แก่นแท้ภายในของพวกเขาก็คือแก่นแท้ของมารซาตาน พวกเขาเทียบได้กับสัตว์หรือคนตายที่เดินได้ และพระเจ้าจะไม่มีวันทรงช่วยพวกเขาให้รอด ถ้าเช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะทรงทำสิ่งใดเล่า? เมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นกับผู้คนเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้รับความรู้แจ้งหรือความกระจ่างเลย พวกเขาขาดพร่องความเชื่อที่แท้จริง และพวกเขาไม่สามารถพึ่งพิงพระเจ้าได้อย่างแท้จริง นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถพัฒนาภาระที่แท้จริงภายในตัวพวกเขาเองได้ และด้วยการที่ขาดพร่องทั้งหมดนี้ ผู้คนเหล่านี้มีความสามารถที่จะเข้าใจและได้รับความจริงหรือไม่? (ไม่) ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะพูดอะไรเล่า—ผู้คนเหล่านี้มีปัญญาหรือว่าโง่เขลา? พวกเขาคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาด แต่ในข้อเท็จจริงนั้นพวกเขาไม่เฉลียวฉลาด พวกเขาทำอะไรลับๆ ล่อๆ และการทำอะไรลับๆ ล่อๆ นี้ได้เป็นเหตุแห่งความล้มเหลวของพวกเขา พระเจ้าไม่ทรงพึงประสงค์พวกเขา และพวกเขาก็ถูกกล่าวโทษ และหากพระเจ้าไม่ทรงพึงประสงค์เจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้ามีความหวังใดหรือในความเชื่อในพระเจ้าของเจ้า? นัยสำคัญของความเชื่อในพระเจ้าของเจ้าได้สูญหายไปแล้ว แล้วถ้าอย่างนั้นจะเชื่อไปทำไมเล่า? ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าถูกลิขิตให้ไม่ได้รับสิ่งใดเลย
ตัดตอนมาจาก “การระบุแยกแยะผู้นำเทียมเท็จ (8)” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
บุคคลที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวงอาจตระหนักว่าพวกเขาเจ้าเล่ห์ ว่าพวกเขาชื่นชอบการโกหกและไม่ชอบการบอกความจริง และว่าพวกเขาลองพยายามอยู่เสมอที่จะซ่อนเร้นสิ่งที่พวกเขากำลังทำจากผู้คนอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามพวกเขาจะสนุกสนานในการนี้ โดยคิดกับตัวเองว่า “การใช้ชีวิตเช่นนี้เยี่ยมมาก ฉันปิดหูปิดตาผู้คนอื่นๆ อยู่เป็นนิตย์ แต่พวกเขาไม่สามารถทำอย่างเดียวกันนั้นกับฉันได้ ฉันแทบจะพึงพอใจเสมอ เท่าที่ดูจากผลประโยชน์ ความภาคภูมิใจ สถานะ และความถือดีของฉันเอง สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามแผนการทั้งหลายของฉันอย่างไร้ข้อตำหนิ อย่างไร้รอยต่อ และไม่มีผู้ใดสามารถมองสิ่งเหล่านั้นอย่างทะลุปรุโปร่งได้” บุคคลจำพวกนั้นเต็มใจที่จะเป็นคนซื่อสัตย์กระนั้นหรือ? พวกเขาไม่เต็มใจ พวกเขามองความเจ้าเล่ห์และความคดโกงของตนเป็นสิ่งที่เป็นบวก พวกเขาทะนุถนอมสิ่งเหล่านั้นและอิดออดไม่เต็มใจที่จะปลดทิ้งสิ่งเหล่านั้น พวกเขาเชื่อว่า “นี่คือหนทางอันชูใจหนทางเดียวที่จะดำรงชีวิต นี่คือเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต มีเพียงการดำรงชีวิตเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นบุคคลจริง ทำให้ฉันมีความเพียบพร้อม ทำให้ฉันมีค่าคู่ควรกับบางสิ่ง ทำให้ฉันโดดเด่นแตกต่าง บันดาลให้ผู้อื่นเกิดความอิจฉา และทำให้พวกเขายกย่องบูชาฉัน หากฉันเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ ฉันคงจะจำเป็นที่จะต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับผู้คน เหมือนดั่งที่องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า ‘จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ คำพูดที่เกินกว่านี้มาจากความชั่ว’ (มัทธิว 5:37) ผู้คนเช่นนั้นโปร่งใสดุจดังกระจก ทั้งนี้ พวกเขาปล่อยให้ผู้อื่นมองพวกเขาทะลุปรุโปร่งอย่างเต็มที่ พวกเขาปล่อยให้ผู้อื่นปั่นหัวพวกเขาในทุกสิ่งทุกอย่างในขณะที่พวกเขาไม่สามารถปั่นหัวผู้อื่นได้ ไม่มีทางเลยที่ฉันจะเป็นเช่นนั้น!” ใครบางคนเช่นนั้นจะมีความสามารถที่จะปล่อยมือจากความเต็มไปด้วยเล่ห์ลวงของตัวเองได้กระนั้นหรือ? ไม่สำคัญว่าพวกเขาได้เชื่อในพระเจ้ามานานเพียงใด พวกเขาได้ยินความจริงมากี่ประการ และพวกเขาได้เข้าใจหนทางแห่งความจริงมามากเพียงใด ผู้คนดังกล่าวย่อมจะไม่มีวันติดตามพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกเขาจะไม่มีวันติดตามพระเจ้าอย่างเปรมปรีดิ์ ด้วยเหตุที่พวกเขาจะจำเป็นที่จะต้องสละทิ้งมากมายยิ่งนักเพื่อที่จะทำเช่นนั้น พวกเขาคิดว่าการมีความเชื่อในพระเจ้าหมายถึงแค่การที่เชื่อในศาสนา การเป็นผู้เชื่อแต่ในนามเท่านั้น การทำความประพฤติดีไม่กี่อย่าง และการมีบางสิ่งเพื่อให้เสบียงอาหารฝ่ายจิตวิญญาณแก่พวกเขา ก็เท่านั้นเอง พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องจ่ายราคาที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตัวเองแต่ประการใด หรือว่าพวกเขาจำเป็นต้องสละทิ้งสิ่งอันใด มากเท่านี้ก็ดีพอแล้วสำหรับพวกเขา พวกเขาพึงพอใจกับการนี้ และความเชื่อประเภทนี้ก็ยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา สุดท้ายแล้วผู้คนดังกล่าวจะมีความสามารถที่จะได้รับความจริงหรือไม่? (พวกเขาไม่สามารถ) เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่า? พวกเขาไม่มีความรักให้กับสิ่งที่เป็นบวก พวกเขาไม่โหยหาความสว่าง และพวกเขาไม่รักทางแห่งพระเจ้าหรือความจริง พวกเขารัก ให้ความเคารพ และทะนุถนอมความชั่ว—พวกเขาทะนุถนอมสิ่งที่เป็นลบ สิ่งที่พวกเขาเคารพ เลื่อมใส ไล่ตามเสาะหา และโหยหาในหัวใจของพวกเขาไม่ใช่การเป็นใครบางคนที่ครองความจริง ทั้งยังไม่ใช่ใครบางคนที่เป็นที่รักโดยพระเจ้า แต่เป็นใครบางคนที่ปรากฏให้เห็นที่ภายนอกว่าทำความประพฤติดี พวกเขาต้องการสิ่งที่พวกเขาได้ปรุงแต่งขึ้นในจิตใจของพวกเขา และความอยากได้อยากมีหรือกลอุบายอันใดของพวกเขา ที่จะมีความสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จในการหลอกลวงของพวกเขาอย่างลับๆ ที่จะปิดหูปิดตาทุกคนที่พวกเขาพบเจอ เพื่อให้ไม่มีผู้ใดสามารถมองพวกเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง พวกเขาต้องการมีความสามารถที่จะสอดแทรกตัวเองเข้าไปในทุกๆ ฝูงชนด้วยความง่ายดายสมบูรณ์แบบ ที่จะเล่นเล่ห์กล กุศโลบาย และกลลวงทุกลักษณะด้วยความสามารถในเชิงศิลปะอันสุดยอด และที่จะได้รับการทักทายด้วยการรักใคร่บูชาและการต้อนรับไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด นั่นคือบุคคลประเภทที่พวกเขาต้องการเป็น นี่คือหนทางจำพวกใดกัน? นี่คือหนทางแห่งพวกปีศาจ นี่ไม่ใช่หนทางซึ่งมนุษย์ที่แท้จริงใช้ เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจส่วนบุคคลจากผู้คนโดยการหลอกลวง ที่จะมอบความรู้สึกดีและภาพลวงตาเทียมเท็จแก่พวกเขา พวกเขาใช้ปรัชญาทางโลกของซาตาน ตรรกะของมัน ทิศทางซึ่งมันใช้ตั้งจุดมุ่งหมายของการกระทำของมันและหลักการที่ปกครองดูแลการกระทำของมัน ทั้งนี้ พวกเขาใช้ทุกๆ ลูกเล่น ทุกๆ กลโกง ในทุกๆ การจัดฉาก นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ผู้คนซึ่งเชื่อในพระเจ้าควรที่จะเดิน ทั้งนี้ ปลายทางสุดท้ายของเส้นทางนี้ไม่ใช่แค่การที่พวกเขาจะไม่ถูกช่วยให้รอด แต่เป็นการที่พวกเขาจะพบกับการลงโทษ นั่นจะเป็นบั้นปลายประเภทนี้—ไม่อาจมีความกังขาเกี่ยวกับการนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ตัดตอนมาจาก “การเชื่อในศาสนาจะไม่มีวันนำทางสู่ความรอด” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ