เหตุที่พวกผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าไร้ความสามารถที่จะได้รับการช่วยให้รอด

วันที่ 20 เดือน 11 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเปลี่ยนแปลงรายวัน เพิ่มระดับสูงขึ้นทีละขั้น วิวรณ์ของวันพรุ่งนี้จะสูงส่งกว่าของวันนี้ ไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ขั้นแล้วขั้นเล่า พระราชกิจเช่นนี้เองที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม หากผู้คนก้าวตามไม่ทัน เช่นนั้นแล้ว พวกเขาอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้ตลอดเวลา หากพวกเขาไม่มีใจที่เชื่อฟัง ก็จะไม่สามารถติดตามไปได้จนสุดปลายทาง ยุคเดิมได้ผ่านพ้นไปแล้ว นี่คือยุคใหม่ และในยุคใหม่ ย่อมมีงานแบบใหม่ที่ต้องทำ โดยเฉพาะในยุคสุดท้ายซึ่งผู้คนจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม พระเจ้าจะทรงปฏิบัติพระราชกิจที่ใหม่กว่า อย่างรวดเร็วยิ่งกว่า ดังนั้นเมื่อไร้ใจที่เชื่อฟังเสียแล้ว ผู้คนย่อมจะพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะติดตามย่างพระบาทของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงยึดปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อันใด ทั้งไม่ได้ทรงถือว่าขั้นตอนใดของพระราชกิจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำกลับทั้งใหม่กว่าเดิมและสูงส่งขึ้นกว่าเดิมตลอดเวลา ในแต่ละระยะนั้น พระราชกิจของพระองค์ยิ่งเป็นเรื่องซึ่งสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากขึ้นทุกที และยิ่งเป็นไปในแนวเดียวกับความต้องการจำเป็นที่แท้จริงของมนุษย์มากขึ้นทุกที ผู้คนสามารถบรรลุการแปลงสภาพอุปนิสัยขั้นสุดท้ายของพวกเขาได้หลังจากที่พวกเขาผ่านพระราชกิจดังกล่าวแล้วเท่านั้น ความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับชีวิตล่วงมาถึงระดับที่สูงกว่าอย่างที่ไม่เคยเป็น และดังนั้น พระราชกิจของพระเจ้าก็เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นในทำนองเดียวกัน โดยเหตุนี้เท่านั้นมนุษย์จึงจะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมและกลายเป็นเหมาะที่จะให้พระเจ้าทรงใช้ได้ ในแง่หนึ่งนั้น พระเจ้าทรงทำพระราชกิจในหนทางนี้ก็เพื่อจะโต้กลับและย้อนรอยมโนคติที่หลงผิดทั้งหลายของมนุษย์ และอีกแง่หนึ่งก็เพื่อนำทางมนุษย์ไปสู่สภาวะที่สูงส่งกว่าและมีความเป็นจริงมากกว่า เข้าสู่อาณาจักรซึ่งสูงที่สุดของการเชื่อในพระเจ้า เพื่อท้ายที่สุดแล้ว น้ำพระทัยของพระเจ้าจะสามารถถูกทำจนเสร็จลงไปได้ ทุกคนที่มีธรรมชาติอันไม่เชื่อฟังซึ่งเป็นผู้จงใจต่อต้านนั้น จะถูกขับออกไปในช่วงระยะนี้ที่พระราชกิจของพระเจ้ามีความฉับไวและกำลังรุกหน้าไปอย่างฮึกโหม และเฉพาะบรรดาผู้ซึ่งเชื่อฟังอย่างเต็มใจและถ่อมใจตัวเองลงอย่างเปรมปรีดิ์เท่านั้นที่สามารถก้าวหน้าไปได้จนสุดปลายทางได้ ในพระราชกิจประเภทนี้ พวกเจ้าทุกคนควรเรียนรู้วิธีที่จะนบนอบและการละวางมโนคติที่หลงผิดของตนเองเสีย เจ้าควรจะระมัดระวังทุกก้าวย่างของเจ้า หากประมาทพลาดพลั้ง แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะกลายเป็นผู้ที่ถูกบอกปัดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ที่ทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงัก

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เหล่าผู้เชื่อฟังพระเจ้าด้วยใจจริงย่อมได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าอย่างแน่นอน

เหตุใดเจ้าจึงเชื่อในพระเจ้า? ผู้คนส่วนใหญ่งงงันสับสนกับคำถามนี้ พวกเขามีมุมมองสองด้านที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตลอดเวลาเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงกับพระเจ้าในสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อในพระเจ้าไม่ใช่เพื่อที่จะเชื่อฟังพระเจ้า แต่เพื่อที่จะรับประโยชน์เฉพาะบางอย่าง หรือเพื่อหลบหนีจากความทุกข์ที่ความวิบัตินำพามา มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะเชื่อฟังบ้าง ความเชื่อฟังของพวกเขามีเงื่อนไข ความเชื่อฟังของพวกเขาเป็นไปเพื่อความเป็นไปได้ส่วนบุคคลที่จะประสบความสำเร็จจาก “อาชีพ” แห่งการเชื่อในพระเจ้า และเพราะถูกบังคับ เช่นนั้นแล้ว เหตุใดกันแน่เจ้าจึงเชื่อในพระเจ้า? หากเหตุผลคือเพื่อความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จจาก “อาชีพ” แห่งการเชื่อในพระเจ้าและชะตากรรมของเจ้าแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว ก็น่าจะเป็นการดีเสียกว่าหากเจ้าไม่ได้เชื่อในพระเจ้าเลยโดยสิ้นเชิง ความเชื่อแบบนี้เป็นการหลอกลวงตัวเอง เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองและเป็นการเลื่อมใสตัวเอง หากความเชื่อของเจ้าไม่ได้ก่อเกิดบนรากฐานของความเชื่อฟังในพระเจ้าแล้วไซร้ ในที่สุดเจ้าก็จะถูกลงโทษเพราะการต่อต้านพระองค์ ทุกคนที่ไม่แสวงหาความเชื่อฟังพระเจ้าในความเชื่อของตนนั้นก็เท่ากับต่อต้านพระองค์ พระเจ้าทรงขอให้ผู้คนแสวงหาความจริง ขอให้พวกเขากระหายในพระวจนะของพระองค์ กินและดื่มพระวจนะของพระองค์ และนำเอาพระวจนะไปฝึกฝนปฏิบัติ เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อฟังพระเจ้าได้สำเร็จ หากสิ่งเหล่านี้เป็นเจตนาที่แท้จริงของเจ้าแล้วไซร้ ย่อมแน่นอนว่า พระเจ้าจะทรงอุ้มชูเจ้า และจะทรงเปี่ยมพระคุณต่อเจ้าอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อกังขาและไม่มีทางเปลี่ยนแปลง หากเจตนาของเจ้าคือการไม่เชื่อฟังพระเจ้า และเจ้ามีจุดมุ่งหมายอื่น นั่นก็หมายความว่าทุกอย่างที่เจ้าพูดและทำ—การอธิษฐานของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และแม้แต่ทุกการกระทำของเจ้า—ก็จะเป็นการต่อต้านพระเจ้า เจ้าอาจพูดจาอ่อนหวานและมีมารยาทดี การกระทำและการแสดงออกทุกอย่างของเจ้าอาจจะดูถูกต้องเหมาะสม และเจ้าอาจจะดูเหมือนคนที่เชื่อฟัง แต่เมื่อมาถึงเรื่องของเจตนาของเจ้าและทรรศนะเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้าแล้ว ทุกอย่างที่เจ้าทำนั้นเป็นไปในการต่อต้านพระเจ้า ทุกอย่างที่เจ้าทำนั้นเป็นความชั่ว ผู้คนที่ปรากฏว่าเชื่อฟังราวกับลูกแกะ แต่กลับมีเจตนาชั่วเก็บงำอยู่ในหัวใจนั้น ก็คือพวกหมาป่าในคราบลูกแกะ พวกเขาทำให้พระเจ้าทรงขุ่นเคืองโดยตรง และพระเจ้าก็จะไม่ละเว้นพวกเขาแม้แต่คนเดียว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดเผยพวกเขาทุกๆ คนออกมาและจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าบรรดาพวกหน้าซื่อใจคดนั้นจะถูกรังเกียจและปฏิเสธโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน แต่จงอย่ากังวลไปเลย พระเจ้าจะพิจารณาจัดการและจำหน่ายกำจัดพวกเขาทั้งหมดทุกคนตามลำดับอันสมควร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ด้วยความเชื่อในพระเจ้าของเจ้า เจ้าควรเชื่อฟังพระเจ้า

เนื่องจากเจ้าเชื่อในพระเจ้า เจ้าต้องเชื่อในพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้าและในพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์ ซึ่งพูดได้ว่า ในเมื่อเจ้าเชื่อในพระเจ้า เจ้าก็ต้องเชื่อฟังพระองค์ หากเจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ก็ย่อมไม่สำคัญแล้วว่าเจ้าจะเชื่อในพระเจ้าหรือไม่ หากเจ้าเชื่อในพระเจ้ามาเป็นเวลาหลายปี แต่ไม่เคยเชื่อฟังพระองค์ และไม่ยอมรับพระวจนะของพระองค์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ แต่กลับขอให้พระเจ้าทรงนบนอบต่อเจ้าและทรงกระทำตามมโนคติที่หลงผิดของเจ้า เจ้าก็คือกบฏตัวร้ายที่สุดในบรรดาทั้งหมด เจ้าก็คือผู้ปราศจากความเชื่อคนหนึ่งนั่นเอง ผู้คนเช่นนั้นจะเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะของพระเจ้าซึ่งไม่ประจวบพ้องกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ได้อย่างไรกัน? ที่เป็นกบฏที่สุดในบรรดาทั้งหมดก็คือพวกที่เยาะเย้ยท้าทายและต้านทานพระเจ้าโดยเจตนา พวกเขาเป็นศัตรูของพระเจ้าพวกต่อต้านพระคริสต์ ท่าทีของพวกเขานั้นไม่เป็นมิตรต่อพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าเสมอ พวกเขาไม่มีความเอนเอียงแม้แต่น้อยนิดที่จะนบนอบ ทั้งยังไม่เคยนบนอบหรือถ่อมใจตนเองอย่างเปรมปรีดิ์ พวกเขายกย่องตนเองต่อหน้าผู้อื่นและไม่เคยยอมนบนอบต่อผู้ใด เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พวกเขาพิจารณาว่าตนเองนั้นเก่งที่สุดในเรื่องการประกาศพระวจนะ และมีทักษะสูงสุดในการทำงานให้เกิดผลในตัวผู้อื่น พวกเขาไม่เคยทิ้งขว้าง “ขุมทรัพย์” ที่ตนครอง แต่ปฏิบัติต่อขุมทรัพย์เหล่านั้นเฉกเช่นมรดกตกทอดของครอบครัวสำหรับนมัสการ เพื่อประกาศต่อผู้อื่นไปทั่ว และใช้ขุมทรัพย์เหล่านั้นเพื่ออบรมสั่งสอนพวกคนโง่เขลาที่ชื่นชูพวกเขา ในคริสตจักรมีผู้คนแบบนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียวจริงๆ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็น “วีรบุรุษผู้มิอาจมีผู้ใดพิชิตได้” รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ผ่านมาพักแรมในบ้านของพระเจ้า พวกเขาถือการประกาศพระวจนะ (คำสอน) เป็นหน้าที่อันสูงส่งที่สุดของพวกเขา ปีแล้วปีเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเขายุ่งอยู่กับการบังคับใช้หน้าที่ “อันศักดิ์สิทธิ์และมิอาจฝ่าฝืนได้” ของตนอย่างกร้าวแกร่ง ไม่มีใครกล้าแตะพวกเขา ไม่แม้แต่คนเดียวที่กล้าตำหนิพวกเขาอย่างเปิดเผย พวกเขากลายเป็น “กษัตริย์” ในพระนิเวศของพระเจ้า อาละวาดเพ่นพ่านขณะที่พวกเขาปฏิบัติอย่างเผด็จการกับผู้อื่นมายุคแล้วยุคเล่า ปีศาจฝูงนี้พยายามหาทางร่วมมือกันรื้อทำลายงานของเรา เราสามารถยอมให้มารมีชีวิตพวกนี้ดำรงอยู่ต่อหน้าต่อตาเราได้อย่างไรกันเล่า? แม้แต่บรรดาผู้ที่เชื่อฟังเพียงครึ่งใจก็ยังไม่อาจรอดไปถึงปลายทางได้ นับประสาอะไรกับพวกเผด็จการเหล่านี้ที่ไม่มีความเชื่อฟังแม้เพียงน้อยนิดในหัวใจ!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เหล่าผู้เชื่อฟังพระเจ้าด้วยใจจริงย่อมได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าอย่างแน่นอน

หัวใจสำคัญในการเชื่อฟังพระเจ้าก็คือการซาบซึ้งกับความสว่างใหม่ และการสามารถยอมรับและนำไปปฏิบัติได้ สิ่งนี้เท่านั้นคือการเชื่อฟังอย่างแท้จริง พวกซึ่งขาดความเต็มใจที่จะโหยหาพระเจ้านั้นจะไม่สามารถนบนอบต่อพระเจ้าโดยเจตนาได้ และสามารถทำได้เพียงโต้แย้งพระเจ้าอันเป็นผลจากความพึงพอใจของพวกเขาต่อสถานะที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ที่มนุษย์ไม่สามารถเชื่อฟังพระเจ้าได้นั้นก็เพราะเขาถูกครองโดยสิ่งซึ่งมาก่อน สิ่งทั้งหลายซึ่งมาก่อนได้ให้มโนคติที่หลงผิดและจินตนาการเกี่ยวกับพระเจ้าในทุกลักษณะกับผู้คน และสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นพระฉายาของพระเจ้าในจิตใจของพวกเขา ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาเชื่อนั้นเป็นมโนคติที่หลงผิดของพวกเขาเอง และเป็นมาตรฐานของจินตนาการของพวกเขาเอง หากเจ้าประเมินวัดพระเจ้าผู้ทรงปฏิบัติพระราชกิจจริงในวันนี้โดยเทียบกับพระเจ้าในจินตนาการของตัวเจ้าเอง เช่นนั้นแล้ว ความเชื่อของเจ้าก็มาจากซาตาน และแปดเปื้อนด้วยการเลือกชอบของตัวเจ้าเอง—พระเจ้าไม่ต้องการความเชื่อประเภทนี้ ไม่ว่าวิทยฐานะของพวกเขาจะสูงส่งเพียงใด และไม่ว่าการทุ่มเทอุทิศของพวกเขาจะมากเพียงใด—ต่อให้พวกเขาได้อุทิศความพยายามทั้งชีวิตให้กับพระราชกิจของพระองค์ และได้พลีชีพของพวกเขาเอง—พระเจ้าไม่ทรงเห็นชอบกับใครก็ตามที่มีความเชื่อเช่นนี้ พระองค์ก็แค่ทรงมอบพระคุณเพียงเล็กน้อยให้แก่พวกเขาและให้โอกาสพวกเขาชื่นชมกับมันเพียงชั่วยาม ผู้คนเช่นนี้ไม่สามารถนำความจริงไปฝึกฝนปฏิบัติได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทรงพระราชกิจในตัวพวกเขา และพระเจ้าจะกำจัดพวกเขาทีละคนตามลำดับอันสมควร จะหนุ่มสาวและแก่เฒ่าก็ไม่ต่างกัน พวกที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าในความเชื่อของตนและมีเจตนาที่ผิดนั้น ก็คือผู้ที่ต่อต้านและขัดขวาง และผู้คนเช่นนี้จะต้องถูกพระเจ้ากำจัดอย่างไม่มีคำถามเลย พวกที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ที่แค่เพียงรับรู้พระนามของพระองค์เท่านั้น และพอจะมีสัมผัสในความใจดีมีเมตตาและความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ก้าวตามให้ทันย่างพระบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่เชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์—ผู้คนเหล่านี้มีชีวิตท่ามกลางพระคุณของพระเจ้า และจะไม่ได้รับการทรงรับไว้หรือได้รับการทำให้เพียบพร้อมโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางความเชื่อฟังของมนุษย์ ผ่านทางการกิน การดื่ม และความชื่นชมยินดีในพระวจนะของพระเจ้า และผ่านทางความทุกข์และกระบวนการถลุงในชีวิตของพวกเขา ด้วยความเชื่อเช่นนี้เท่านั้นที่อุปนิสัยของผู้คนจะเปลี่ยนแปลงได้ และหลังจากนี้เท่านั้นพวกเขาจึงจะครอบครองความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้าได้ การไม่พึงพอใจกับการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพระคุณของพระเจ้า การโหยหาและการค้นหาความจริงอย่างจริงจัง และการแสวงหาการรับไว้โดยพระเจ้า—นี่คือความหมายของการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างมีสติและนี่เองคือศรัทธาประเภทที่พระเจ้าทรงต้องการโดยแท้ ผู้คนที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากชื่นชมอยู่กับพระคุณของพระเจ้านั้นจะไม่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมหรือเปลี่ยนแปลงได้ และความเชื่อฟัง ความศรัทธาอันแก่กล้า ความรัก และความอดทนนั้นเป็นสิ่งผิวเผินทั้งสิ้น บรรดาผู้ที่เอาแต่ชื่นชมในพระคุณของพระเจ้าเท่านั้นจะไม่สามารถรู้จักพระเจ้าได้อย่างแท้จริง และแม้ในคราที่พวกเขารู้จักพระเจ้า ความรู้ของพวกเขาก็เป็นเพียงผิวเผิน และพวกเขากล่าวสิ่งสารพัดเช่น “พระเจ้าทรงรักมนุษย์” หรือ “พระเจ้าทรงมีความสงสารเห็นใจต่อมนุษย์” สิ่งนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของชีวิตมนุษย์ และไม่ได้แสดงว่าผู้คนรู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง หากในเวลาที่พระวจนะของพระเจ้าถลุงพวกเขา หรือในเวลาที่การทดสอบของพระองค์มาถึงพวกเขา ผู้คนจะไม่สามารถเชื่อฟังพระเจ้าได้—หากแทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับแคลงใจและไม่ผ่านการทดสอบ—นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่เชื่อฟังพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย ภายในพวกเขานั้น มีกฎเกณฑ์และข้อห้ามหลายอย่างเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้า ประสบการณ์เก่าอันเป็นผลลัพธ์ของหลายปีแห่งความเชื่อ หรือคำสอนนานาสารพันที่มีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์ ผู้คนเช่นนี้จะเชื่อฟังพระเจ้าได้หรือ? ผู้คนเหล่านี้เต็มไปด้วยสิ่งทั้งหลายในแบบมนุษย์—พวกเขาจะเชื่อฟังพระเจ้าได้อย่างไร? “ความเชื่อฟัง” ของพวกเขานั้นเป็นไปตามความเลือกชอบส่วนบุคคล—พระเจ้าทรงต้องการความเชื่อฟังเช่นนี้หรือ? นี่ไม่ใช่ความเชื่อฟังพระเจ้า แต่เป็นการยึดติดอยู่กับคำสอนต่างหาก มันเป็นความพึงพอใจในตัวเองและการปลอบใจตัวเองเท่านั้น หากเจ้าพูดว่านี่คือความเชื่อฟังในพระเจ้า มิใช่ว่าเจ้าหมิ่นประมาทพระเจ้าหรอกหรือ? เจ้าเป็นฟาโรห์อียิปต์ เจ้าทำชั่ว และเจ้ากระทำการในงานต่อต้านพระเจ้าอย่างชัดแจ้ง—พระเจ้าต้องการให้เจ้ารับใช้เช่นนี้หรือ? ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรจะรีบกลับใจเสีย และพยายามให้ได้มาซึ่งการตระหนักรู้ในตนเองบ้าง หากทำไม่ได้ เจ้าก็เพียงเดินจากไปเสียจะดีกว่า นั่นจะเป็นการดีกับตัวเจ้าเสียมากกว่าที่จะมาแอบอ้างการปรนนิบัติพระเจ้าแบบผิดๆ เช่นนี้ เจ้าจะไม่ขัดขวางและรบกวน เจ้าจะรู้ที่ทางของเจ้าและดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี—นั่นจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ? และเจ้าก็จะไม่ถูกลงโทษเพราะการต่อต้านพระเจ้า!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ด้วยความเชื่อในพระเจ้าของเจ้า เจ้าควรเชื่อฟังพระเจ้า

มาตรฐานที่มนุษย์ใช้ตัดสินมนุษย์คนอื่นๆ อยู่บนพื้นฐานของพฤติกรรมของพวกเขา กล่าวคือ บรรดาผู้ที่ความประพฤติของเขานั้นดีก็เป็นคนชอบธรรม ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ที่ความประพฤติของเขาน่าสะอิดสะเอียนก็เป็นคนชั่ว ส่วนมาตรฐานที่พระเจ้าทรงใช้พิพากษามนุษย์นั้นอยู่บนพื้นฐานของแก่นแท้ของพวกเขาว่านบนอบต่อพระองค์หรือไม่ กล่าวคือ บุคคลผู้ซึ่งนบนอบต่อพระเจ้าคือคนชอบธรรม ในขณะที่บุคคลผู้ซึ่งไม่นบนอบเป็นศัตรูและเป็นคนชั่ว โดยไม่คำนึงถึงว่าพฤติกรรมของบุคคลผู้นี้ดีหรือชั่ว และโดยไม่คำนึงถึงว่าวาทะของพวกเขาถูกหรือผิด ผู้คนบางคนปรารถนาที่จะใช้ความประพฤติที่ดีเพื่อให้ได้มาซึ่งบั้นปลายที่ดีในอนาคต และผู้คนบางคนปรารถนาที่ใช้คำพูดที่น่าฟังเพื่อให้ได้รับบั้นปลายที่ดี ทุกคนเชื่อโดยเข้าใจผิดว่าพระเจ้าทรงกำหนดบทอวสานของผู้คนหลังจากที่เฝ้ามองพฤติกรรมของพวกเขาหรือหลังจากที่รับฟังวาทะของพวกเขา ดังนั้นผู้คนมากมายจึงปรารถนาที่จะถือประโยชน์จากการนี้เพื่อหลอกลวงพระเจ้าให้ประทานความโปรดปรานชั่วคราวแก่พวกเขา ในอนาคต ผู้คนซึ่งจะรอดชีวิตในสภาวะแห่งการหยุดพักล้วนจะได้สู้ทนต่อวันแห่งความทุกข์ลำบาก และยังจะได้เป็นพยานให้พระเจ้าอีกด้วย พวกเขาล้วนจะเป็นผู้คนซึ่งได้ทำหน้าที่ของตนลุล่วงและผู้ซึ่งได้นบนอบต่อพระเจ้าโดยตั้งใจ บรรดาผู้ซึ่งเพียงปรารถนาที่จะใช้โอกาสเพื่อทำการปรนนิบัติด้วยเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติความจริงนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้หลงเหลืออยู่ พระเจ้าทรงมีมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการจัดการเตรียมการบทอวสานของแต่ละคนทุกคน กล่าวคือ พระองค์ไม่เพียงแค่ตัดสินพระทัยในสิ่งเหล่านี้ไปตามคำพูดและความประพฤติของคนเรา อีกทั้งไม่ตัดสินพระทัยในสิ่งเหล่านั้นบนพื้นฐานของวิธีที่คนเรากระทำในระหว่างระยะเวลาเดียว พระองค์จะไม่ทรงผ่อนผันเกี่ยวกับความประพฤติเลวทรามของบุคคลหนึ่งเนื่องจากการปรนนิบัติต่อพระองค์ในอดีตของพวกเขาโดยเด็ดขาด อีกทั้งพระองค์จะไม่ทรงไว้ชีวิตบุคคลหนึ่งจากความตายเนื่องจากการใช้จ่ายใดๆ เพื่อพระเจ้าครั้งเดียว ไม่มีผู้ใดสักคนสามารถหลบเลี่ยงการลงทัณฑ์อันสาสมสำหรับความชั่วของพวกเขาได้ และไม่มีผู้ใดสักคนสามารถปิดบังพฤติกรรมชั่วร้ายของตนและด้วยเหตุนั้นจะหลบเลี่ยงความทรมานแห่งการทำลายล้างได้ หากผู้คนสามารถทำหน้าที่ของพวกเขาเองได้ลุล่วงโดยแท้จริง นั่นหมายความว่าพวกเขาสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าโดยนิรันดร์ และไม่แสวงหาบำเหน็จรางวัล โดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขาจะได้รับพระพรหรือทนทุกข์กับความโชคร้ายหรือไม่ก็ตาม หากผู้คนสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเมื่อพวกเขามองเห็นพระพร แต่สูญเสียความสัตย์ซื่อไปเมื่อพวกเขาไม่สามารถมองเห็นพระพรใดๆ และหากว่าในท้ายที่สุด พวกเขายังคงไม่สามารถเป็นพยานให้พระเจ้าและทำหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัตให้ลุล่วงได้แล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะยังคงเป็นวัตถุแห่งการทำลายล้างแม้พวกเขาจะเคยได้ให้การปรนนิบัติอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้ามาก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม สรุปคือ คนชั่วไม่สามารถรอดชีวิตตลอดชั่วนิรันดร์ได้ อีกทั้งพวกเขาไม่สามารถเข้าสู่การหยุดพักได้ เฉพาะผู้คนชอบธรรมเท่านั้นที่เป็นนายทั้งหลายแห่งการหยุดพัก

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

ติดต่อเราผ่าน Messenger