ในวันแรก กลางวันและกลางคืนของมวลมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นและยืนหยัดมั่นคงด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้า

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2020

พวกเรามาดูบทตอนแรกกันเถิด ความว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘จงเกิดความสว่าง’ ความสว่างก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก” (ปฐมกาล 1:3-5) บทตอนนี้พรรณนาถึงปฏิบัติการแรกของพระเจ้าในปฐมกาลแห่งการทรงสร้าง และวันแรกของพระเจ้าซึ่งมีเวลาเย็นและเวลาเช้า แต่ก็เป็นวันที่เหนือธรรมดา เพราะพระเจ้าทรงเริ่มตระเตรียมความสว่างให้แก่สรรพสิ่ง และยิ่งไปกว่านั้น ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด ในวันนี้พระเจ้าเริ่มตรัส และพระวจนะและสิทธิอำนาจของพระองค์ก็ดำรงอยู่เคียงข้างกัน สิทธิอำนาจของพระองค์เริ่มแสดงตนท่ามกลางสรรพสิ่ง และฤทธานุภาพของพระองค์ก็แผ่ไปท่ามกลางสรรพสิ่งโดยเป็นผลมาจากพระวจนะของพระองค์ จากวันนี้เป็นต้นมา สรรพสิ่งได้ก่อรูปขึ้นและยืนหยัดมั่นคงเพราะพระวจนะของพระเจ้า สิทธิอำนาจของพระเจ้า และฤทธานุภาพของพระเจ้า และทุกสิ่งก็เริ่มทำหน้าที่เพราะพระวจนะของพระเจ้า สิทธิอำนาจของพระเจ้า และฤทธานุภาพของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดมีขึ้น พระเจ้ามิได้ทรงเริ่มโครงการอันใดที่เป็นพระราชกิจ แต่ความสว่างปรากฏขึ้นโดยเป็นผลมาจากพระวจนะของพระองค์ นี่คือความสว่างที่พระเจ้าตรัสเรียกว่ากลางวัน และเป็นสิ่งที่มนุษย์ยังคงพึ่งพาอาศัยเพื่อการดำรงอยู่ของเขาในทุกวันนี้ ด้วยพระบัญชาของพระเจ้า แก่นแท้และคุณค่าของความสว่างจึงไม่เคยเปลี่ยนแปลง และความสว่างก็ไม่เคยอันตรธานไป การดำรงอยู่ของความสว่างแสดงให้เห็นสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้า และกล่าวประกาศถึงการดำรงอยู่ของพระผู้สร้าง ความสว่างยืนยันพระอัตลักษณ์และสถานะของพระผู้สร้างครั้งแล้วครั้งเล่า ความสว่างไม่ใช่สิ่งที่มิอาจจับต้องได้หรือลวงตา หากแต่เป็นความสว่างจริงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ จากเวลานั้นเป็นต้นมา ในโลกอันว่างเปล่าที่ “แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ” นี้ก็เกิดมีสิ่งที่เป็นวัตถุชิ้นแรก สิ่งนี้มาจากพระวจนะแห่งพระโอษฐ์ของพระเจ้า และปรากฏขึ้นในปฏิบัติการแรกแห่งการทรงสร้างสรรพสิ่งด้วยสิทธิอำนาจและถ้อยดำรัสของพระเจ้า ไม่นานหลังจากนั้น พระเจ้าก็ทรงสั่งให้ความสว่างและความมืดแยกออกจากกัน…ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปและเสร็จสมบูรณ์ด้วยพระวจนะของพระเจ้า…พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนี้ว่า “กลางวัน” และพระองค์ทรงเรียกความมืดว่า “กลางคืน” ณ เวลานั้นเวลาเย็นแรกและเวลาเช้าแรกได้ก่อกำเนิดขึ้นในโลกที่พระเจ้าตั้งพระทัยที่จะสร้าง และพระเจ้าตรัสว่านี่คือวันแรก วันนี้คือวันแรกแห่งการสร้างสรรพสิ่งของพระผู้สร้าง และเป็นปฐมกาลแห่งการทรงสร้างสรรพสิ่ง และเป็นครั้งแรกที่มีการแสดงให้เห็นสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระผู้สร้างในโลกที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นนี้

โดยผ่านทางถ้อยคำเหล่านี้ มนุษย์จึงสามารถมองเห็นสิทธิอำนาจของพระเจ้าและสิทธิอำนาจแห่งพระวจนะของพระเจ้า รวมทั้งฤทธานุภาพของพระเจ้า เพราะมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงครองฤทธานุภาพเช่นนี้ ดังนั้นจึงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีสิทธิอำนาจเช่นนี้ เนื่องจากพระเจ้าทรงมีสิทธิอำนาจเช่นนี้ จึงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีฤทธานุภาพเช่นนี้ เป็นไปได้หรือที่จะมีมนุษย์คนใดหรือวัตถุใดมีสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพเช่นนี้? มีคำตอบในหัวใจของพวกเจ้าหรือไม่? นอกจากพระเจ้าแล้ว มีสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือสิ่งมีชีวิตที่มิได้ทรงสร้างใดที่มีสิทธิอำนาจเช่นนี้หรือไม่? พวกเจ้าเคยเห็นตัวอย่างของสิ่งดังกล่าวในหนังสือหรือสิ่งตีพิมพ์ใดหรือไม่? มีบันทึกใดที่บอกว่า ใครบางคนได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งบ้างหรือไม่? เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏในหนังสือหรือบันทึกอื่นใดเลย แน่นอนว่าถ้อยคำเหล่านี้จึงเป็นเพียงแหล่งเดียวที่ทรงพลังและเชื่อถือได้เกี่ยวกับการทรงสร้างอันสง่างามของพระเจ้า ซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ถ้อยคำเหล่านี้กล่าวถึงสิทธิอำนาจและพระอัตลักษณ์อันทรงเอกลักษณ์ของพระเจ้า สามารถกล่าวได้หรือไม่ว่าสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพเช่นนี้คือสัญลักษณ์แห่งพระอัตลักษณ์อันทรงเอกลักษณ์ของพระเจ้า? สามารถกล่าวได้หรือไม่ว่าพระเจ้า—และพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น—ทรงครองสิ่งเหล่านี้? ไม่ต้องกังขาเลยว่ามีเพียงพระเจ้าพระองค์เองเท่านั้นที่ทรงครองสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพเช่นนี้! สิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือสิ่งชีวิตที่มิได้ทรงสร้างใดๆ ไม่สามารถครองหรือแทนที่สิทธิอำนาจและฤทธานุภาพนี้ได้! นี่ใช่หนึ่งในลักษณะเฉพาะของพระเจ้าผู้ทรงเอกลักษณ์พระองค์เองหรือไม่? พวกเจ้าเคยเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งนี้หรือไม่? ถ้อยคำเหล่านี้เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าใจข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนว่า พระเจ้าทรงครองสิทธิอำนาจที่มีเอกลักษณ์ และฤทธานุภาพที่มีเอกลักษณ์ ทรงถือครองอัตลักษณ์และสถานะสูงสุด จากการสามัคคีธรรมข้างต้นนี้ พวกเจ้าสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า พระเจ้าที่พวกเจ้าเชื่อคือพระเจ้าผู้ทรงเอกลักษณ์พระองค์เอง?

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ในวันที่สาม พระวจนะของพระเจ้าให้กำเนิดแผ่นดินโลกและทะเล และสิทธิอำนาจของพระเจ้าทำให้โลกเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิต

อันดับต่อไป พวกเรามาอ่านประโยคแรกของปฐมกาล 1:9-11 กันเถิด ความว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน...

ไม่มีสิ่งมีชีวิตทรงสร้างและสิ่งมีชีวิตที่มิได้ทรงสร้างใดสามารถแทนที่พระอัตลักษณ์ของพระผู้สร้างได้

จากครั้งที่พระองค์ทรงเริ่มสร้างสรรพสิ่ง ฤทธานุภาพของพระเจ้าก็เริ่มได้รับการเปิดเผยและแสดงออก เพราะพระเจ้าใช้พระวจนะสร้างทุกสรรพสิ่ง...

ในวันที่สอง สิทธิอำนาจของพระเจ้าจัดการเตรียมน้ำและสร้างพื้นฟ้า แล้วพื้นที่สำหรับการอยู่รอดขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้น

พวกเรามาอ่านบทตอนที่สองจากพระคัมภีร์กันเถิด ความว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน’...

ในวันที่สี่ ฤดูกาล วัน และปีของมวลมนุษย์เริ่มมีขึ้นเมื่อพระเจ้าทรงใช้สิทธิอำนาจของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง

พระผู้สร้างใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จลุล่วง และในหนทางนี้ พระองค์ก็ทรงผ่านพ้นสามวันแรกแห่งแผนการของพระองค์...

ติดต่อเราผ่าน Messenger