ชะตากรรมของมนุษยชาติและชะตากรรมแห่งจักรวาลมิอาจแยกจากอธิปไตยของพระผู้สร้างได้

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2020

พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ บางคนอยู่ในวัยกลางคน บางคนได้เข้าสู่วัยชรา พวกเจ้ามาจากการไม่เชื่อในพระเจ้าจนมาถึงการเชื่อในพระองค์ และจากการเริ่มเชื่อในพระเจ้าจนมาถึงการยอมรับพระวจนะของพระองค์ และการมีประสบการณ์กับพระราชกิจของพระองค์ แล้วพวกเจ้ามีความรู้เกี่ยวกับอธิปไตยของพระเจ้ามากเพียงใด? เจ้าได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกอันใดในชะตากรรมมนุษย์บ้าง? คนเราสามารถสัมฤทธิ์ทุกสิ่งที่คนเราอยากได้อยากมีในชีวิตหรือไม่? ตลอดไม่กี่ทศวรรษแห่งการดำรงอยู่ของพวกเจ้า มีกี่อย่างที่พวกเจ้าสามารถสำเร็จลุล่วงในทางที่พวกเจ้าปรารถนา? มีกี่อย่างที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าไม่เคยคาดหวัง? มีกี่อย่างที่มาในรูปของความประหลาดใจอันน่ายินดี? มีกี่อย่างที่ผู้คนยังคงรอคอยต่อไปในความมุ่งหวังว่าพวกมันจะให้ดอกผล—โดยรอคอยชั่วขณะที่เหมาะสม รอคอยน้ำพระทัยแห่งฟ้าสวรรค์โดยไม่รู้ตัว? มีกี่อย่างที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอับจนหนทางและไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไร? ทุกคนเต็มไปด้วยความหวังเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขา โดยคาดหวังว่าทุกอย่างในชีวิตของพวกเขาจะเป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนา ว่าพวกเขาจะไม่ขาดแคลนอาหารหรือเครื่องนุ่งห่ม ว่าโชคชะตาของพวกเขาจะเฟื่องฟูขึ้นอย่างน่าฮือฮา ไม่มีใครต้องการชีวิตที่ยากจนและต่ำต้อย เต็มไปด้วยความยากลำบาก และถูกหายนะรุมเร้า แต่ผู้คนไม่อาจรู้ล่วงหน้าหรือควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ บางทีสำหรับบางคนแล้ว อดีตเป็นเพียงประสบการณ์จิปาถะอันยุ่งเหยิงปะปน พวกเขาไม่เคยเรียนรู้สิ่งที่เป็นน้ำพระทัยแห่งฟ้าสวรรค์ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจว่าน้ำพระทัยแห่งฟ้าสวรรค์คืออะไร พวกเขาดำเนินชีวิตของตัวเองไปอย่างไม่คิดอะไร เหมือนสัตว์ทั้งหลายที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ใส่ใจเกี่ยวกับชะตากรรมของมนุษยชาติ หรือเหตุใดมนุษย์จึงมีชีวิต หรือมนุษย์ควรจะใช้ชีวิตอย่างไร ผู้คนเหล่านี้เข้าสู่วัยชราโดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับชะตากรรมของมนุษย์เลย และกระทั่งชั่วขณะที่พวกเขาตาย พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตคือเรื่องเกี่ยวกับอะไร ผู้คนเหล่านี้ได้ตายไปแล้ว พวกเขามีชีวิตอยู่โดยปราศจากจิตวิญญาณ พวกเขาคือสัตว์ป่า แม้ว่าผู้คนใช้ชีวิตอยู่ภายในการทรงสร้างและได้รับความชื่นชมยินดีจากหลายหนทางที่โลกใช้สนองความจำเป็นทางวัตถุของพวกเขา และแม้ว่าพวกเขามองเห็นโลกวัตถุนี้รุดหน้าไปอย่างสม่ำเสมอ กระนั้นประสบการณ์ของพวกเขาเอง—สิ่งที่หัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขารู้สึกและมีประสบการณ์—ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสิ่งที่จับต้องได้ทั้งหลาย และไม่มีวัตถุใดที่ทดแทนประสบการณ์ได้ ประสบการณ์คือการระลึกรู้ลึกลงไปในหัวใจของคนเรา เป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การระลึกรู้นี้มีอยู่ในความเข้าใจของคนเราและการรับรู้ของคนเราเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์และชะตากรรมมนุษย์ และบ่อยครั้งมันก็นำทางคนเราไปสู่การเข้าใจว่า องค์อธิปัตย์ผู้มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นกำลังจัดการเตรียมสิ่งต่างๆ ทั้งหมด ทรงจัดวางเรียบเรียงทุกอย่างสำหรับมนุษย์ ในท่ามกลางทั้งหมดนี้ คนเราทำได้เพียงยอมรับการจัดการเตรียมการและการจัดวางเรียบเรียงของชะตากรรม คนเราทำได้เพียงยอมรับเส้นทางข้างหน้าที่พระผู้สร้างได้วางเอาไว้ ยอมรับอธิปไตยของพระผู้สร้างเหนือชะตากรรมของคนเรา นี่คือข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่ว่าคนเรามีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกและท่าทีใดเกี่ยวกับชะตากรรม ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนี้ได้

ในระหว่างแต่ละวันนั้น คนคนหนึ่งจะไปที่ใด พวกเขาจะทำสิ่งใด ใครหรืออะไรที่พวกเขาจะเผชิญ พวกเขาจะพูดอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา—ผู้คนสามารถทำนายสิ่งเหล่านี้ได้บ้างหรือไม่? อาจกล่าวได้ว่าไม่เพียงผู้คนไม่สามารถคาดการณ์ทั้งหมดนี้ล่วงหน้า แต่ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะพัฒนาไปอย่างไร ในชีวิตประจำวันของผู้คน เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ การเกิดขึ้นของ “เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน” เหล่านี้ อีกทั้งวิธีและรูปแบบที่เรื่องเหล่านี้พัฒนาไปนั้นเป็นสิ่งเตือนความจำให้แก่มวลมนุษย์อยู่เสมอว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างไร้แบบแผน และเตือนว่ากระบวนการพัฒนาของแต่ละเหตุการณ์และความไม่อาจเลี่ยงได้ของแต่ละเหตุการณ์นั้นไม่อาจขยับเปลี่ยนได้โดยเจตจำนงของมนุษย์ สิ่งที่เกิดขึ้นของทุกเหตุการณ์ถ่ายทอดการเตือนสอนจากพระผู้สร้างมายังมวลมนุษย์ และยังส่งสารมาด้วยว่ามนุษย์ไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้ ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการหักล้างความทะเยอทะยานและความอยากได้อยากมีของมวลมนุษย์ที่หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะกุมชะตากรรมของตนไว้ในมือของตัวเอง การหักล้างนี้เป็นเหมือนการตบหน้าอย่างแรงที่กระหน่ำใส่มวลมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า บีบให้ผู้คนทบทวนว่าใครกันแน่ที่ถืออธิปไตยอยู่เหนือและควบคุมชะตากรรมของพวกเขา และเมื่อความทะเยอทะยานและความอยากทั้งหลายของพวกเขาถูกทำลายและพังพินาศลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้คนยังอดไม่ได้ที่จะคล้อยตามการจัดการเตรียมการของชะตากรรมโดยไม่รู้ตัว และยอมรับความเป็นจริง น้ำพระทัยแห่งฟ้าสวรรค์ และอธิปไตยของพระผู้สร้าง จากการเกิดขึ้นซ้ำๆ ของ “เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน” สู่ชะตากรรมของทั้งชีวิตของมนุษย์ทั้งมวล หามีสิ่งใดที่ไม่ได้เปิดเผยอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระผู้สร้าง หามีสิ่งใดที่ไม่ได้ส่งสารว่า “สิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างนั้นมิอาจก้ำเกินได้” หามีสิ่งใดที่ไม่ได้ถ่ายทอดความจริงอันไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ที่ว่า “สิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างนั้นสูงสุด”

ชะตากรรมของมนุษยชาติและสรรพสิ่งย่อมเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับอธิปไตยของพระผู้สร้าง ผูกติดอยู่กับการจัดวางเรียบเรียงของพระผู้สร้างโดยมิอาจแยกออกจากกันได้ ในท้ายที่สุดแล้ว ชะตากรรมเหล่านี้ก็ไม่อาจแยกออกจากสิทธิอำนาจของพระผู้สร้างได้ ในกฎแห่งทุกสรรพสิ่ง มนุษย์จึงมาเข้าใจการจัดวางเรียบเรียงของพระผู้สร้างและอธิปไตยของพระองค์ ในกฎเกณฑ์แห่งการอยู่รอดของทุกสรรพสิ่ง เขาจึงมารับรู้การกำกับดูแลของพระผู้สร้าง ในชะตากรรมของทุกสรรพสิ่ง เขาจึงได้อนุมานวิธีต่างๆ ที่พระผู้สร้างทรงใช้อธิปไตยและการควบคุมของพระองค์เหนือทุกสรรพสิ่ง และในวงจรชีวิตของมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง มนุษย์จึงมามีประสบการณ์อย่างแท้จริงกับการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระผู้สร้างสำหรับทุกสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิต มาเป็นพยานว่าการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการเหล่านั้นอยู่เหนือกฎ กฎเกณฑ์ และขนบประเพณีทางโลกทั้งหมด พลังอำนาจและกำลังบังคับอื่นๆ ทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ มนุษยชาติจึงถูกบีบให้ยอมรับว่าอธิปไตยของพระผู้สร้างมิอาจถูกสิ่งมีชีวิตทรงสร้างใดฝ่าฝืนได้ ไม่มีกำลังบังคับใดสามารถก่อกวนหรือปรับเปลี่ยนเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ ที่พระผู้สร้างได้ทรงลิขิตไว้แล้วล่วงหน้า ภายใต้กฎและกฎเกณฑ์แห่งพระเจ้านี่เองที่มนุษย์และทุกสรรพสิ่งล้วนมีชีวิตอยู่และขยายเผ่าพันธุ์รุ่นแล้วรุ่นเล่า นี่ไม่ใช่รูปจำแลงที่แท้จริงของสิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างหรอกหรือ? แม้ว่าในกฎเชิงวัตถุวิสัยทั้งหลาย มนุษย์มองเห็นอธิปไตยของพระผู้สร้างและการสถาปนาทุกเหตุการณ์และทุกสรรพสิ่งของพระองค์ มีกี่คนที่สามารถทำความเข้าใจหลักการแห่งอธิปไตยที่พระผู้สร้างมีเหนือสรรพสิ่งได้เต็มที่? มีผู้คนมากเท่าใดที่สามารถรู้จัก ระลึกได้ ยอมรับ และนบนอบอย่างแท้จริงต่ออธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระผู้สร้างที่มีเหนือชะตากรรมของพวกเขาเอง? เมื่อได้เชื่อในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือทุกสรรพสิ่งของพระผู้สร้างแล้ว ผู้ใดเล่าจะเชื่อและระลึกรู้อย่างแท้จริงว่าพระผู้สร้างทรงครองอธิปไตยเหนือชะตากรรมของชีวิตมนุษย์เช่นกัน? ใครเล่าที่สามารถจับใจความได้อย่างแท้จริงในข้อเท็จจริงที่ว่าชะตากรรมของมนุษย์วางอยู่ในฝ่าพระหัตถ์แห่งพระผู้สร้าง? ท่าทีแบบใดที่มนุษยชาติควรมีต่ออธิปไตยของพระผู้สร้างเมื่อเผชิญหน้าข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ทรงกำกับดูแลและควบคุมชะตากรรมของมนุษยชาติ? นั่นเป็นการตัดสินใจซึ่งมนุษย์ทุกคนที่กำลังเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงนี้ต้องทำเพื่อตัวพวกเขาเอง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

หัวเลี้ยวหัวต่อที่หก: ความตาย

หลังจากความวุ่นวายมากมายเหลือเกิน ความคับข้องขุ่นมัวและความผิดหวังหลายครั้งครา หลังจากความชื่นบานและความเศร้าโศก และการขึ้นๆ ลงๆ...

ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า พระเจ้าทรงกุมอธิปไตยเหนือชะตากรรมมนุษย์

หลังจากที่ได้ฟังทุกสิ่งที่เราเพิ่งได้พูดไป แนวคิดของพวกเจ้าเกี่ยวกับชะตากรรมได้เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?...

หัวเลี้ยวหัวต่อแรก: การเกิด

สถานที่เกิดของบุคคล ครอบครัวที่พวกเขาเกิดมา เพศ รูปลักษณ์ และเวลาเกิดของคนเรา—เหล่านี้คือรายละเอียดของหัวเลี้ยวหัวต่อแรกของชีวิตบุคคล...

ท่าทีและการปฏิบัติอันเหมาะสมสำหรับผู้ซึ่งปรารถนาจะนบนอบสิทธิอำนาจของพระเจ้า

ตอนนี้มนุษย์รู้และคำนึงถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้าและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอธิปไตยของพระเจ้าเหนือชะตากรรมของมนุษย์ด้วยท่าทีอะไร?...

ติดต่อเราผ่าน Messenger