ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์นั้นเปราะบางมากจึงได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง อาจพูดอย่างไม่แน่นอน เนื่องจากผลประโยชน์ของตัวเองอาจเกิดการหันหลังทรยศเป็นศัตรูกัน อยากจะสอบถามว่าจะมีความสัมพันธ์ตามปกติได้อย่างไร?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ในอุปนิสัยของผู้คนปกตินั้นไม่มีความคดโกงหรือการหลอกลวง ผู้คนมีสัมพันธภาพปกติต่อกัน พวกเขาไม่ได้ยืนเพียงลำพัง และชีวิตของพวกเขาทั้งไม่ธรรมดาสามัญและไม่เสื่อม ดังนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงเป็นที่ยกย่องท่ามกลางทั้งหมดเช่นกัน พระวจนะของพระองค์แผ่ซ่านท่ามกลางมนุษย์ ผู้คนดำรงชีวิตอยู่ในความสันติสุขต่อกันและอยู่ภายใต้การดูแลเอาใจใส่และการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า แผ่นดินโลกถูกเติมด้วยการปรองดอง โดยไม่มีการแทรกแซงจากซาตาน และพระสิริของพระเจ้าก็มีความสำคัญสูงสุดท่ามกลางมนุษย์ ผู้คนเช่นนั้นเป็นเหมือนบรรดาทูตสวรรค์ กล่าวคือ บริสุทธิ์ มีชีวิตชีวา ไม่เคยบ่นเรื่องพระเจ้า และอุทิศความพยายามทั้งหมดของพวกเขาแด่พระสิริของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกเพียงประการเดียว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การตีความความล้ำลึกต่างๆ แห่ง “พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล” บทที่ 16

หากเจ้าไม่มีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำอะไรเพื่อรักษาสัมพันธภาพของเจ้ากับผู้อื่น ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำงานหนักเพียงใดหรือเจ้าจะออกแรงมากเพียงใด ทั้งหมดนั้นจะเป็นแค่เรื่องของปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ เจ้ากำลังรักษาฐานะของเจ้าท่ามกลางผู้คนโดยผ่านทางมุมมองของมนุษย์และปรัชญาของมนุษย์เพื่อที่ว่าผู้คนจะได้สรรเสริญเจ้า แต่เจ้าไม่ได้กำลังติดตามพระวจนะของพระเจ้าเพื่อสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับผู้คน หากเจ้าไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คน แต่รักษาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า หากเจ้าเต็มใจที่จะมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า และเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระองค์ เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คนทั้งหมดจะกลายมาเป็นปกติเป็นธรรมดา ด้วยวิถีทางนี้ สัมพันธภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกสถาปนาขึ้นบนเนื้อหนัง แต่บนรากฐานของความรักของพระเจ้า แทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางเนื้อหนังเลย หากแต่ในวิญญาณนั้นมีการสามัคคีธรรม ความรักซึ่งกันและกัน การปลอบประโลมซึ่งกันและกัน และการจัดเตรียมที่มีให้แก่กันละกัน ทั้งหมดนี้ได้ทำขึ้นบนรากฐานของหัวใจซึ่งทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย สัมพันธภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกรักษาไว้โดยการพึ่งพาปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากแต่ถูกก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากโดยผ่านทางการแบกรับภาระสำหรับพระเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้ความมานะพยายามที่มนุษย์ทำขึ้น เจ้าเพียงแค่จำเป็นต้องปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าหลักธรรมเท่านั้น เจ้าเต็มใจที่จะคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะเป็นบุคคลที่ “ไร้เหตุผล” เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้าโดยครบบริบูรณ์และไม่คำนึงถึงฐานะของเจ้าท่ามกลางผู้คนหรือไม่? ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่เจ้ามีการติดต่อด้วยนั้น เจ้ามีสัมพันธภาพที่ดีที่สุดกับใคร? เจ้ามีสัมพันธภาพที่แย่ที่สุดกับใคร? สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คนปกติหรือไม่? เจ้าปฏิบัติต่อผู้คนทั้งหมดอย่างเท่าเทียมหรือไม่? สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้อื่นถูกรักษาไว้ตามปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของเจ้าหรือไม่ หรือสัมพันธภาพเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของความรักของพระเจ้าหรือไม่? เมื่อบุคคลหนึ่งไม่ได้มอบหัวใจของพวกเขาแด่พระเจ้า เช่นนั้นแล้วจิตวิญญาณของพวกเขาย่อมกลายเป็นปัญญาทึบ มึนชา และไร้สำนึก บุคคลประเภทนี้จะไม่มีวันเข้าใจพระวจนะของพระเจ้า และจะไม่มีวันมีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า อุปนิสัยของบุคคลประเภทนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง

สัมพันธภาพปกติระหว่างผู้คนนั้นสถาปนาขึ้นบนรากฐานของการมอบหัวใจของพวกเขาแด่พระเจ้า และไม่ใช่โดยผ่านทางความมานะพยายามของมนุษย์ หากปราศจากพระเจ้าในหัวใจของพวกเขา สัมพันธภาพระหว่างบุคคลระหว่างผู้คนก็เป็นเพียงสัมพันธภาพของเนื้อหนัง สัมพันธภาพเหล่านั้นไม่ปกติ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการปล่อยตัวปล่อยใจไปตามตัณหา สัมพันธภาพเหล่านั้นเป็นสัมพันธภาพที่พระเจ้าทรงรังเกียจ ที่พระองค์ทรงเกลียดชัง หากเจ้ากล่าวว่าจิตวิญญาณของเจ้าได้ถูกขับเคลื่อนแล้ว แต่เจ้าต้องการอยู่เสมอที่จะมีการสามัคคีธรรมกับผู้คนที่เจ้าชอบ กับใครก็ตามที่เจ้ายกย่องนับถือ และหากอีกบุคคลหนึ่งกำลังแสวงหาแต่เจ้าไม่ชอบพวกเขา ถึงขั้นมีอคติกับพวกเขาและจะไม่เข้าเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา นี่เป็นข้อพิสูจน์เพิ่มอีกว่าเจ้าอยู่ภายใต้อารมณ์ของเจ้าและเจ้าไม่มีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าเลย เจ้ากำลังพยายามที่จะหลอกลวงพระเจ้าและปกปิดความน่าเกลียดของเจ้าเอง ต่อให้เจ้าสามารถแบ่งปันความเข้าใจบางอย่างได้แต่เจ้ากลับมีเจตนาที่ผิด เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำก็ดีเพียงแค่ตามมาตรฐานของมนุษย์เท่านั้น พระเจ้าจะไม่ทรงสรรเสริญเจ้า—เจ้ากำลังกระทำการไปตามเนื้อหนัง ไม่ใช่ตามพระภาระของพระเจ้า หากเจ้ามีความสามารถที่จะสงบใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและมีปฏิสัมพันธ์ปกติกับทุกคนที่รักพระเจ้า เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะเหมาะสมสำหรับการใช้งานของพระเจ้า ด้วยวิถีทางนี้ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะสมาคมกับคนอื่นๆ อย่างไร นั่นจะไม่เป็นไปตามปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิต แต่นั่นจะเป็นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เป็นการดำรงชีวิตในแบบที่คำนึงถึงพระภาระของพระองค์ มีผู้คนเยี่ยงนี้กี่คนในท่ามกลางพวกเจ้า? สัมพันธภาพของเจ้ากับคนอื่นๆ ปกติจริงๆ หรือไม่? สัมพันธภาพเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นบนรากฐานใด? มีปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตกี่อย่างภายในตัวเจ้า? ปรัชญาเหล่านั้นถูกปลดทิ้งไปหรือยัง? หากหัวใจของเจ้าไม่สามารถหันเข้าหาพระเจ้าได้โดยครบบริบูรณ์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไม่ใช่ของพระเจ้า—เจ้ามาจากซาตาน และเจ้าจะถูกส่งคืนสู่ซาตานในที่สุด เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นหนึ่งในประชากรของพระเจ้า ทั้งหมดนี้พึงจำเป็นต้องใช้การพิจารณาที่รอบคอบของเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง

เมื่อสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าได้กลายเป็นปกติแล้ว เจ้าก็จะมีสัมพันธภาพที่ปกติกับผู้คนด้วย ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นบนรากฐานแห่งพระวจนะของพระเจ้า จงกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า จากนั้นจงนำข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้าไปปฏิบัติ จงแก้ไขทัศนะต่างๆ ของเจ้า และจงหลีกเลี่ยงการทำสิ่งใดที่ต้านทานพระเจ้าหรือรบกวนคริสตจักร อย่าทำสิ่งใดที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อชีวิตของพี่น้องชายหญิงของเจ้า อย่ากล่าวสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และอย่าทำสิ่งใดที่น่าละอาย จงเป็นคนที่ยุติธรรมและมีเกียรติในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำ และจงทำให้แน่ใจว่าทุกการกระทำของเจ้าเป็นสิ่งที่สามารถนำเสนอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ แม้ว่าเนื้อหนังอาจจะอ่อนแอในบางครั้ง เจ้าต้องมีความสามารถที่จะให้ผลประโยชน์ของครอบครัวของพระเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่ง โดยไม่โลภหาผลกำไรส่วนตัว และเจ้าต้องมีความสามารถที่จะประพฤติตนอย่างชอบธรรมได้ หากเจ้าสามารถปฏิบัติได้แบบนี้ เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะปกติ

ในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำนั้น เจ้าต้องตรวจดูว่าเจตนาต่างๆ ของเจ้าถูกต้องหรือไม่ หากเจ้ามีความสามารถที่จะกระทำการได้ตามข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็ปกติ นี่คือมาตรฐานขั้นต่ำสุด จงมองดูเข้าไปในเจตนาต่างๆ ของเจ้า และหากเจ้าพบว่าเจตนาต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องได้ปรากฏขึ้น จงมีความสามารถที่จะหันหลังของเจ้าให้แก่เจตนาเหล่านั้น และกระทำการให้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ เจ้าก็จะกลายเป็นใครบางคนที่ถูกต้องเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งในทางกลับกันก็แสดงให้เห็นว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นปกติ และว่าทุกสิ่งที่เจ้ากระทำเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพระเจ้า ไม่ใช่ของตัวเจ้าเอง ในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำและทุกสิ่งที่เจ้าพูด จงมีความสามารถที่จะกำหนดหัวใจของเจ้าให้ถูกต้องและจงเป็นคนชอบธรรมในการกระทำต่างๆ ของเจ้า และอย่าให้อารมณ์ของเจ้ามานำหน้า และอย่ากระทำการตามความประสงค์ของเจ้าเอง สิ่งเหล่านี้เป็นหลักธรรมต่างๆ ที่บรรดาผู้เชื่อในพระเจ้าต้องประพฤติตน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าเป็นเช่นไร?

ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในกลุ่มใด หากเจ้ามีความสามารถที่จะเอาชนะความอิจฉาริษยา ข้อพิพาท การลบหลู่ และการดูเบาซึ่งมีอยู่ระหว่างผู้คน และความเป็นอันตรายและเทคนิคสารพันนานาประเภทซึ่งผู้คนใช้ในการที่พวกเขาจัดการซึ่งกันและกัน หากเจ้ามีความสามารถที่จะระลึกสิ่งเหล่านี้ได้ และไม่ถูกสิ่งเหล่านี้ควบคุม และเข้าหาสิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเลือดร้อน ความเป็นธรรมชาติ หรืออุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตาน เช่นนั้นแล้ว สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คนอื่นๆ ย่อมจะกลายเป็นปกติ และโดยทั่วไปแล้ว เจ้าย่อมจะมีความสามารถที่จะเข้ากันได้กับผู้อื่นอย่างปรองดอง หากเจ้าสามารถเข้ากันได้กับบุคคลปกติทั่วไปอย่างปรองดอง และไม่ถูกบุคคล เรื่อง หรือสิ่งใดควบคุมหรือรบกวนเมื่อเจ้าอยู่กับผู้คนอื่นๆ เช่นนั้นแล้ว สภาวะของเจ้าย่อมจะเป็นปกติ และเจ้าย่อมจะดำรงชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ที่ใดก็ตามที่มีผู้คน ย่อมจะมีข้อพิพาท หากเจ้าไม่ดำรงชีวิตโดยความจริงเมื่อมีข้อพิพาท เจ้าจะถูกดึงเข้าหาข้อพิพาทเหล่านั้น ข้อพิพาททั้งหลายนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร? ความไม่ลงรอยกัน ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การเหยียดหยาม ความสามารถในการแข่งขัน การทำการตัดสินอีกคน การแก่งแย่งตำแหน่งสูงกับอีกคน การเปรียบเทียบพรสวรรค์ ความสามารถ รูปร่าง ความสวยงาม ขีดความสามารถ สถานะ ความมีหน้ามีตา บทบาท วาทะของใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน ใครเป็นประโยชน์มากกว่ากัน และใครแข็งแกร่งกว่า เจ้าใช้เวลาทั้งวันเปรียบเทียบตัวเจ้าเองกับผู้อื่นในสิ่งเหล่านี้ ง่วนอยู่กับข้อพิพาทเหล่านี้ ไม่สามารถมีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติได้ และไม่สามารถมีสันติสุขปกติเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ ในหัวใจของเจ้า บ่อยครั้งที่เจ้าจะง่วนอยู่กับข้อพิพาทเหล่านี้ กับการต่อสู้และการทะเลาะวิวาท ซึ่งจะไม่ทำอันตรายเจ้าแต่เพียงลำพัง แต่ทำอันตรายผู้อื่นด้วยเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เจ้าย่อมจะไม่มีวันมีความสามารถที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้เลย เมื่อใครคนหนึ่งพูดบางสิ่งที่ไม่เมตตากับเจ้า เจ้าจะกลายเป็นคิดลบ เมื่อใครคนหนึ่งมีพรสวรรค์มากกว่าเจ้า มีขีดความสามารถสูงกว่าเจ้า และมีความรู้สึกนึกคิดที่เร็วกว่าเจ้า เจ้าก็รู้สึกไม่สะดวกใจ และเจ้าก็ปรารถนาที่จะแข่งขันกับพวกเขา การหลงติดในสภาวะเหล่านี้อยู่เสมอช่างเป็นหนทางที่น่าสงสาร เหนื่อยล้า และเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียจริง และการนี้ไม่แทรกแซงชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณหรอกหรือ? หากเจ้าไม่สามารถหาหนทางของเจ้าออกจากการนี้ได้ ชีวิตของเจ้าก็ย่อมจะทนทุกข์กับความสูญเสียบ่อยครั้ง

ตัดตอนมาจาก “หลักธรรมอันเป็นรากฐานที่สุดสำหรับการปฏิบัติการเข้าสู่ความจริงความเป็นจริง” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

หากผู้คนสองคนต้องการที่จะเข้ากันได้ดี พวกเขาต้องเปิดใจของพวกเขาต่อกัน นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นมากยิ่งขึ้นไปอีกระหว่างผู้คนที่จะทำงานร่วมกันอย่างปรองดอง บางครั้ง เมื่อผู้คนสองคนมีปฏิสัมพันธ์กัน บุคลิกภาพของพวกเขาขัดกัน หรือสภาพแวดล้อมด้านครอบครัว ภูมิหลัง หรือสภาพเศรษฐกิจของพวกเขาไม่เข้ากัน กระนั้นหากผู้คนสองคนนั้นสามารถเปิดใจต่อกันและเปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นปัญหาของพวกเขาโดยทั้งหมดทั้งมวล และสื่อสารโดยปราศจากคำโกหกหรือการหลอกลวง และสามารถแสดงหัวใจของพวกเขาต่อกันและกันได้ เช่นนั้นแล้ว ในหนทางนี้ พวกเขาก็จะสามารถกลายเป็นเพื่อนแท้กันได้ ซึ่งหมายถึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันได้ บางทีเมื่ออีกคนหนึ่งมีความลำบากยากเย็น พวกเขาจะมองหาเจ้าไม่ใช่ใครอื่น ต่อให้เจ้าจะให้การตำหนิพวกเขา พวกเขาก็รู้ว่าเจ้าจริงใจ เพราะพวกเขารู้ว่าเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ที่มีหัวใจที่จริงแท้และซื่อสัตย์ พวกเจ้าสามารถเป็นผู้คนเช่นนั้นได้หรือไม่? พวกเจ้าเป็นผู้คนเช่นนั้นหรือไม่? หากไม่ใช่ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เมื่อเจ้ามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เจ้าต้องให้พวกเขาล่วงรู้หัวใจอันแท้จริงและความจริงใจของเจ้าก่อน หากว่า ในการพูด การติดต่อและการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้น คำพูดของใครบางคนเป็นแบบฉาบฉวย คุยโวโอ้อวด คำพูดล้อเล่น การประจบประแจง ไร้ความรับผิดชอบ และเป็นจินตนาการ หรือหากพวกเขาเพียงแค่พูดเพื่อแสวงหาความชมชอบของผู้อื่น เช่นนั้นแล้วคำพูดของพวกเขาก็ขาดความสัตย์จริงไปเสียสิ้น และพวกเขาก็ไม่จริงใจเลยแม้แต่น้อย นี่คือวิธีที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่สำคัญว่าผู้อื่นเหล่านั้นจะเป็นใคร บุคคลเช่นนั้นมีหัวใจที่ซื่อสัตย์หรือไม่? นี่ไม่ใช่คนซื่อสัตย์

ตัดตอนมาจาก “โดยการซื่อสัตย์เท่านั้นคนเราจึงจะสามารถใช้ชีวิตตามสภาพเหมือนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

ผู้คนได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างดิ่งลึกมากเกินไปแล้ว และพวกเขาขาดพร่องความเข้าใจอันใดเกี่ยวกับความจริง ดังนั้นแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามความยอมผ่อนปรนของผู้คนทุกลักษณะ—และหลายปีของความยอมผ่อนปรนของเราทำให้เราต้องเสียสิ่งใดไป? เราทนยอมรับทุกอย่าง เรายอมผ่อนปรนต่อทุกอย่าง และไม่เคยรุนแรงเลย เราปรึกษาและสามัคคีธรรมกับผู้คน โดยชี้นำการสนทนาอย่างอ่อนโยน ทำให้พวกเขาตระหนักรู้ ทำให้พวกเขาเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังสิ่งทั้งหลาย และเราก็ประพฤติตนต่อทุกคนไปตามนั้น หากไม่มีสิ่งใดใช้ได้เลย ไม่สำคัญว่าเราพูดอะไร เราก็ปล่อยมือพวกเขา จงอย่ายกย่องตัวเจ้าเองสูงส่งมากถึงขนาดที่ว่าเจ้าถูกปรามาส และรู้สึกว่าเจ้าได้ทนทุกข์กับการเสียเกียรติอันใหญ่หลวงอยู่บ้าง เมื่อผู้อื่นไม่ใส่ใจเจ้า นั่นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญยิ่งยวดก็คือ ไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใดก็ตาม เจ้าจงทำสิ่งนั้นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เจ้าต้องปฏิบัติตัวเป็นอย่างดีต่อพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น สำหรับพวกเจ้าแล้ว นี่อาจจะดูเหมือนว่าเป็นข้อพึงประสงค์ที่เป็นภาระสักหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะผู้คนขาดพร่องสภาวะความเป็นมนุษย์และวุฒิภาวะนั้น เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด เจ้าต้องพิจารณาวิธีที่จะธำรงสภาวะปกติขณะที่เจ้าดำรงชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เจ้าต้องทำสิ่งใดเมื่อความเป็นธรรมชาติและความเลือดร้อนกำลังจะระเบิดตัวออก? จงเร่งรีบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและร้องเรียกพระนามของพระองค์ เมื่อเจ้าร้องเรียกพระนามของพระองค์ เจ้าจะรู้สึกว่าความโกรธและความขุ่นเคืองของเจ้าอันตรธานไปและสลายไป สิ่งเหล่านั้นไปไหน? เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงไร้ความสามารถที่จะหวนระลึกได้ถึงความคิดและทฤษฎีแปลกๆ ทั้งหลายเกี่ยวกับจิตใจของเจ้า? กำลังเกิดอะไรขึ้นหรือ? พระเจ้าทรงขจัดสิ่งทั้งหลายที่ซาตานได้ทำ และการแก้ต่าง และสิ่งทั้งหลายที่เลือดร้อนในจิตใจของมนุษย์ออกไป เป็นการทรงมอบสันติสุขและความชื่นบานแก่เจ้า ในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้หัวใจของเจ้าสงบลงเล็กน้อย และเจ้าก็พูดกับตัวเจ้าเองว่า “ฉันจะหุนหันพลันแล่นขนาดนั้นในขณะนี้ไปได้อย่างไร? ฉันจะโง่ขนาดนั้นไปได้อย่างไร? โง่ขนาดนั้น? นั่นสำคัญอย่างไรหรือ? ฉันโกรธมาก—เป็นเรื่องที่ดีที่ฉันได้เรียกขานไปยังพระเจ้า และพระองค์ก็ได้ทรงช่วยเหลือฉันและทรงมอบเรี่ยวแรงแก่ฉัน พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นจริงๆ อยู่ข้างหลังฉัน พระองค์ทรงคุ้มครองปกป้องฉันและได้ทรงหยุดยั้งฉันจากการทำบาปต่อพระองค์ ฉันสามารถรู้สึกได้ถึงพระคุณของพระองค์อย่างแท้จริง” ความยอมผ่อนปรน ความรัก และความสงสารของพระเจ้านั้นปราศจากขีดกำจัด และผู้คนต้องเรียนรู้ที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อขอสิ่งเหล่านั้นและรับสิ่งเหล่านั้น ตราบเท่าที่เจ้ามีความเชื่อและความจริงใจ พระเจ้าจะทรงมอบสิ่งเหล่านี้แก่เจ้า และช่วยเหลือเจ้าให้สัมฤทธิ์สิ่งเหล่านั้นทั้งหมด มนุษย์ไม่สามารถทำสิ่งทั้งหลายเช่นนั้นได้ แต่พระเจ้าทรงสามารถ ดังนั้นแล้ว ก่อนที่จะทำสิ่งใด เจ้าต้องคิดเสียก่อนว่า นั่นจำเป็นอย่างแท้จริงหรือไม่ หากเจ้ายังไม่ได้คิดการนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน จงทำให้มั่นใจว่าเจ้าอยู่อย่างสงบ ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ ก่อนที่ความเลือดร้อนของเจ้าระเบิดออกมา เจ้าต้องทำให้ตัวเจ้าเองสงบลง ร้องเรียกพระนามของพระเจ้า และคิดเกี่ยวกับว่า สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นั้นสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์หรือไม่ หากสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นั้นไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเหลือเจ้าทำให้ความเลือดร้อนของเจ้าเชื่องทีละน้อยๆ และหาทางจัดการกับสถานการณ์นั้น นี่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหรือไม่? หากผู้คนดื้อด้านเกินไปเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน จะเป็นการลำบากยากเย็นที่พวกเขาจะกลับไปสู่สภาวะแรกเริ่มของสัมพันธภาพของพวกเขา ดังนั้นแล้ว เมื่อเจ้ากำลังจะระบายออก เมื่อความเป็นธรรมชาติและความเลือดร้อนกำลังจะระเบิดออกจากตัวเจ้า และเมื่อความเป็นธรรมชาติและความเลือดร้อนนี้หมิ่นเหม่ที่จะทำอันตรายผู้อื่น เจ้าจงคิดให้นานหน่อยจะดีเสียกว่า และจงมั่นใจว่าอธิษฐานต่อพระเจ้ามากขึ้น บรรดาพี่น้องชายหญิงของคริสตจักร หรือสมาชิกครอบครัวของเจ้า—เจ้าจำเป็นที่จะต้องเข้ากันให้ได้กับพวกเขาทั้งหมด นี่คือข้อพึงประสงค์ขั้นต่ำ เมื่อคนเราได้หาทางจัดการกับสัมพันธภาพเหล่านี้แล้ว วุฒิภาวะของพวกเขาจะได้เป็นผู้ใหญ่แล้ว และพวกเขาจะสามารถรับกิจทั้งหลายและแบกรับความรับผิดชอบได้อย่างแท้จริง และพวกเขาจะมีความสามารถที่จะยอมรับพระบัญชาของพระเจ้าได้

ตัดตอนมาจาก “หลักธรรมอันเป็นรากฐานที่สุดสำหรับการปฏิบัติการเข้าสู่ความจริงความเป็นจริง” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger