ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ฉันไม่สบาย อธิษฐานกับพระเจ้าแล้วเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น ในใจจึงมีการพร่ำบ่นเล็กน้อย ฉันทราบดีว่าไม่สมควรที่จะพร่ำบ่นต่อพระเจ้า แต่บังคับตัวเองไม่ได้ อยากจะสอบถามว่าเมื่อเผชิญกับการป่วยเราควรไปประสบการมันอย่างไร?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

อะไรคือแหล่งที่มาของความทุกข์ตลอดชีวิตตั้งแต่การเกิด ความตาย การเจ็บป่วย และการแก่ที่มนุษย์สู้ทน? อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนมีสิ่งเหล่านี้? เหล่ามนุษย์ไม่มีพวกมันตอนที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาในครั้งแรกไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นแล้ว สิ่งเหล่านี้มาจากไหน? สิ่งเหล่านี้มีขึ้นมามาหลังจากที่พวกมนุษย์ถูกซาตานทดลอง และเนื้อหนังของพวกเขาก็กลายเป็นเสื่อมถอยลง ความเจ็บปวดของเนื้อหนังมนุษย์ ความทุกข์ร้อนของมัน และความว่างเปล่าของมัน รวมถึงเรื่องราวที่น่าเวทนาอย่างยิ่งต่างๆ ของโลกมนุษย์ ได้มาถึงทันทีที่ซาตานได้ทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทรามเท่านั้น หลังจากที่พวกมนุษย์ถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม มันก็เริ่มทรมานพวกเขา ผลก็คือ พวกเขากลายเป็นเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ โรคภัยของมนุษยชาติมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และความทุกข์ของพวกเขากลายเป็นสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนสำนึกรับรู้ถึงความว่างเปล่า และโศกนาฏกรรมของโลกมนุษย์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการไร้ความสามารถ ที่จะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปของพวกเขา และพวกเขารู้สึกถึงความหวังที่มีต่อโลกน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ ความทุกข์นี้จึงถูกซาตานนำพาลงมาให้กับพวกมนุษย์

ตัดตอนมาจาก “นัยสำคัญแห่งการที่พระเจ้าทรงรับรสชาติของความทุกข์ทางโลก” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระเศียรแห่งสรรพสิ่งทั้งปวง ทรงใช้ฤทธานุภาพเยี่ยงราชาของพระองค์จากพระบัลลังก์ของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองเหนือจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวง และพระองค์กำลังทรงนำพวกเราบนทั่วทั้งแผ่นดินโลก พวกเราจะอยู่ใกล้ชิดพระองค์ทุกชั่วขณะ และมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ในความนิ่งสงบ ไม่มีวันพลาดเลยแม้ชั่วขณะเดียว และพร้อมด้วยบทเรียนสำหรับพวกเราที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่าง จากสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้คน กิจธุระทั้งหลาย และสิ่งทั้งหลาย ล้วนดำรงอยู่ด้วยการอนุญาตของพระบัลลังก์ของพระองค์ทั้งสิ้น จงอย่าปล่อยให้ความคับข้องใจเกิดขึ้นในหัวใจของเจ้าด้วยประการใดๆ หาไม่แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานพระคุณแก่เจ้า เมื่ออาการป่วยบังเกิดขึ้น นี่คือความรักของพระเจ้า และเจตนารมณ์ที่เมตตาของพระเจ้าจะถูกเก็บงำไว้ภายในอย่างแน่นอน แม้ว่าร่างกายของเจ้าอาจก้าวผ่านความทุกข์บ้าง ก็จงอย่าสนุกสนานกับแนวคิดทั้งหลายจากซาตาน จงสรรเสริญพระเจ้าในท่ามกลางโรคภัยไข้เจ็บ และชื่นชมพระเจ้าในท่ามกลางการสรรเสริญของเจ้า จงอย่าใจเสียเมื่อเผชิญหน้ากับโรคภัยไข้เจ็บ จงหมั่นแสวงหาครั้งแล้วครั้งเล่า และจงอย่ายอมแพ้ และพระเจ้าจะทรงให้ความกระจ่างแก่เจ้าด้วยความสว่างของพระองค์ ความเชื่อของโยบเป็นเช่นไร? พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นแพทย์ผู้ทรงฤทธานุภาพโดยสมบูรณ์! การพักพิงอยู่ในอาการป่วยคือการเจ็บป่วย แต่การพักพิงอยู่ในจิตวิญญาณคือการมีสุขภาพดี ตราบเท่าที่เจ้ายังคงมีลมหายใจ พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้เจ้าตาย

พวกเรามีพระชนม์ชีพของพระคริสต์ที่ทรงคืนพระชนม์ภายในพวกเรา พวกเราขาดพร่องความเชื่อในการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย กล่าวคือ พวกเราปรารถนาว่าพระเจ้าจะทรงใส่ความเชื่อที่แท้จริงไว้ภายในพวกเรา พระวจนะของพระเจ้าช่างอ่อนหวานโดยแท้! พระวจนะของพระเจ้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์แรง! พระวจนะของพระเจ้าทำให้พวกปีศาจและซาตานอับอาย! การจับความเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าให้การสนับสนุนแก่พวกเรา พระวจนะของพระองค์กระทำการโดยเร็วเพื่อช่วยหัวใจของพวกเราให้รอด! พระวจนะของพระองค์ขจัดทุกสรรพสิ่งออกไป และทำให้ทุกอย่างตั้งอยู่ในความสงบนิ่ง ความเชื่อเป็นเหมือนสะพานไม้ซุงท่อนเดียว กล่าวคือ พวกที่ยึดติดอยู่กับชีวิตอย่างน่าสังเวชใจจะประสบความลำบากยากเย็นในการข้ามสะพานนั้นไป แต่บรรดาผู้ที่พร้อมจะสละตัวพวกเขาเองจะสามารถผ่านไปได้ ด้วยเท้าที่มั่นคงและปราศจากความกังวล หากว่ามนุษย์เก็บงำความคิดที่ขลาดกลัวและเกรงกลัว นั่นก็เป็นเพราะซาตานได้หลอกพวกเขา ด้วยกลัวว่าพวกเราจะข้ามสะพานแห่งความเชื่อเพื่อเข้าสู่พระเจ้า ซาตานกำลังพยายามทุกหนทางที่เป็นไปได้เพื่อส่งความคิดของมันให้กับพวกเรา พวกเราควรอธิษฐานทุกชั่วขณะเพื่อให้พระเจ้าทรงมอบความกระจ่างแก่พวกเราด้วยความสว่างของพระองค์ ควรพึ่งพาพระเจ้าทุกชั่วขณะให้ทรงลบล้างพิษของซาตานจากภายในตัวพวกเรา ควรปฏิบัติภายในจิตวิญญาณของพวกเราทุกชั่วขณะ ถึงวิธีที่จะเข้ามาใกล้ชิดพระเจ้า และปล่อยให้พระเจ้าทรงมีอำนาจครอบครองการเป็นอยู่ทั้งหมดทั้งปวงของพวกเรา

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 6

การเริ่มต้นของอาการป่วยควรได้รับการผ่านประสบการณ์อย่างไร? เจ้าควรมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่ออธิษฐานและเสาะแสวงที่จะจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ และตรวจสอบว่าอะไรกันแน่ที่เจ้าได้ทำผิดไป หรือว่ามีอุปนิสัยอันเสื่อมทรามใดอยู่ภายในตัวเจ้าซึ่งเจ้าไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าไม่สามารถแก้ไขอุปนิสัยอันเสื่อมทรามโดยปราศจากความเจ็บปวดได้ ผู้คนต้องถูกกล่อมเกลาโดยความเจ็บปวด เมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงจะหยุดเกเรและดำรงชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าตลอดเวลา เมื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ ผู้คนจะอธิษฐานเสมอ จะไม่มีความคิดเรื่องอาหาร เสื้อผ้า หรือความสนุกสนาน ในหัวใจของพวกเขา พวกเขาจะอธิษฐาน และตรวจสอบว่าพวกเขาได้ทำสิ่งใดผิดบ้างหรือไม่ในระหว่างเวลานี้ ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อผู้คนถูกรุมเร้าโดยโรคภัยไข้เจ็บรุนแรงหรืออาการป่วยที่ผิดปกติบางอย่าง และการนั้นเป็นเหตุให้พวกเขาได้รับความเจ็บปวดใหญ่หลวง สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ การที่เจ้าเจ็บป่วยหรือมีสุขภาพดีนั้น น้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่เบื้องหลังการนั้นทั้งหมด โดยธรรมดาสามัญทั่วไป เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจ เจ้ารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดี เมื่อเจ้ามีสุขภาพดี เจ้ามีความสามารถที่จะแสวงหาพระเจ้า แต่ ณ จุดเริ่มต้นของความยากลำบาก เจ้าไม่มีความสามารถ อีกทั้งเจ้าไม่รู้วิธีที่จะมีความสามารถ เจ้าเพียงแค่ดำรงชีวิตท่ามกลางอาการป่วย โดยคิดถึงเพียงวิธีที่เจ้าสามารถได้รับการรักษาเท่านั้น เพื่อที่เจ้าจะสามารถหายจากอาการป่วยนั้นได้เร็วยิ่งขึ้น ณ เวลาเช่นนั้น เจ้าอิจฉาบรรดาผู้ที่ไม่มีอาการป่วย และเจ้าปรารถนาที่จะหลีกหนีอาการป่วยนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้—นี่คือภาวะอารมณ์ด้านลบและเป็นปรปักษ์ บางครั้ง ผู้คนคิดกับตัวพวกเขาเองว่า “อาการป่วยนี้มีเหตุมาจากความโง่เขลาของฉันเองหรือไม่ หรือว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่เบื้องหลังอาการป่วยนี้?” อาการป่วยบางอย่างนั้นเป็นปกติ ดังเช่นตอนที่เจ้าเป็นหวัดหรือทนทุกข์จากความร้อนภายในมากเกินไป หรือเจ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่กับอาการป่วยรุนแรงใดก็ตาม—เมื่อเจ้าถูกอาการป่วยซัดกระหน่ำ และเมื่อจู่ๆ ชีวิตก็กลับกลายเป็นเหลือทน—อาการรู้สึกหรือโรคภัยไข้เจ็บประเภทนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ณ จุดเริ่มต้นของอาการป่วยหรือความเจ็บปวด เจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าและแสวงหาพระเจ้าหรือไม่? และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเพียงแค่ให้ความรู้แจ้งและให้ความกระจ่างแก่เจ้าเท่านั้นเองหรือ? นี่ไม่ใช่หนทางเดียวที่พระองค์ทรงพระราชกิจ พระเจ้าทรงทดสอบผู้คนอย่างไร? ไม่ใช่โดยผ่านทางการทำให้พวกเขาทนทุกข์กับความเจ็บปวดหรอกหรือ? ที่ใดมีการทดสอบ ที่นั่นย่อมมีความเจ็บปวด—ผู้คนจะสามารถทนทุกข์โดยปราศจากการทดสอบได้อย่างไร? และผู้คนจะสามารถเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทนทุกข์ได้อย่างไร? เมื่อบททดสอบทั้งหลายมาพร้อมกับความเจ็บปวด นี่คือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ บางครั้งพระเจ้าทรงมอบความเจ็บปวดแก่ผู้คน มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่ตระหนักรู้ความสูงของสวรรค์หรือความลึกของแผ่นดินโลก และพวกเขาก็คงจะกลายเป็นสามหาว ในบางเรื่อง การเพียงแค่พึ่งพาการสามัคคีธรรมเกี่ยวกับความจริงจะไม่แก้ไขปัญหานั้น ผู้คนอื่นๆ ชี้ชัดถึงปัญหาของเจ้ามายังเจ้า และตัวเจ้าเองก็ตระหนักรู้ถึงปัญหานั้น แต่เจ้าไร้ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่สำคัญว่าเจ้าพึ่งพาพลังจิตของเจ้าอย่างไรในการที่จะยับยั้งชั่งใจ บางทีกระทั่งไปไกลถึงขนาดตบหน้าเจ้าเองหรือเคาะหัวเจ้าเอง นั่นก็ยังคงไม่แก้ไขปัญหานั้น ด้วยเหตุที่ธรรมชาติของเจ้ายังคงมีอยู่ภายในตัวเจ้า สิ่งนี้ยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็เหมือนความคิดที่มีชีวิตของมนุษย์ และนั่นสามารถปรากฏได้ทุกเวลา ดังนั้นแล้ว เจ้าสามารถทำอะไรได้หากไม่สามารถแก้ไขการนั้นได้? ผู้คนต้องได้รับการถลุงโดยโรคภัยไข้เจ็บเฉพาะบางอย่าง และเมื่อพวกเขาได้รับการถลุง ก็มีพวกที่ไม่สามารถทนความทรมานได้และเริ่มที่จะอธิษฐานและแสวงหา ก่อนที่เจ้าจะเจ็บป่วยนั้น เจ้าเหลวแหลกและสามหาว แต่อาการป่วยทำให้เจ้าประพฤติตนดี เจ้ายังคงจะสามารถสามหาวได้หรือไม่? เมื่อทุกคำพูดของเจ้าอ่อนด้อย เจ้ายังคงจะสามารถอบรมสั่งสอนผู้คนได้หรือไม่ เจ้ายังคงจะสามารถโอหังได้หรือไม่? ในเวลาเช่นนั้น เจ้าไม่ขออะไรเลย เพียงขอให้ความเจ็บปวดจบลงเท่านั้น และเจ้าก็ไม่คิดเลยว่าจะกินอะไร จะสวมใส่อะไร จะชื่นชมอะไร พวกเจ้าส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับประสบการณ์กับความรู้สึกเช่นนั้น เมื่อพวกเจ้าได้รับแล้ว พวกเจ้าย่อมจะเข้าใจ…

บางครั้งพระเจ้าทรงวางเจ้าในสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง หรือทรงใช้ผู้คนเฉพาะบางคนในการจัดการกับเจ้า ในการทำให้เจ้ารู้สึกหัวเสีย ในการสอนบทเรียนแก่เจ้า นี่คือพระราชกิจซึ่งพระเจ้าทรงทำในวันนี้ นี่คือหนึ่งแง่มุมของพระราชกิจนั้น อีกแง่มุมหนึ่งก็คือ พระเจ้าทรงนำพาความเจ็บปวดมาสู่เนื้อหนังของเจ้า เป็นเหมือนดังวิธีที่เปาโลพูดเสมอว่า มีหนามอยู่ในเนื้อหนังของเขา เขากำลังพูดถึงหนามใดกันเล่า? นั่นคืออาการป่วย เขารู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีว่า อาการป่วยของเขานั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร กล่าวคือ นั่นเป็นผลจากอุปนิสัยของเขา ธรรมชาติของเขา หากปราศจากหนามนี้ หากเขาไม่ได้ถูกรุมเร้าโดยโรคภัยไข้เจ็บ เช่นนั้นแล้ว เขาคงจะหมิ่นเหม่ที่จะลองพยายามสถาปนาราชอาณาจักรของเขาเองทุกที่ทุกเวลา แต่เมื่อเขาล้มป่วย เขาสูญเสียพลังงานที่จะทำการนั้นไป และดังนั้นแล้ว โดยทั่วไปแล้วโรคภัยไข้เจ็บจึงเป็น “ร่มคุ้มครองปกป้อง” สำหรับผู้คน หากเจ้าไม่เจ็บป่วย หากเจ้าอยู่ในสภาพที่ดี บางทีเจ้าอาจจะทำความชั่วบางอย่างเรื่อยไป หรือทำอันตรายบางอย่าง เมื่อเจ้าสามหาวและเหลวแหลก เจ้าย่อมหมิ่นเหม่ที่จะกลายเป็นไม่มีเหตุผล และเมื่อเจ้าเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเดือดร้อน เจ้าย่อมจะเสียใจกับการนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมจะไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าอีกต่อไป เพราะฉะนั้นโรคภัยไข้เจ็บเล็กน้อยจึงเป็นสิ่งที่ดี นั่นคุ้มครองปกป้องผู้คน อาจเป็นไปได้ว่า เจ้ากลายเป็นมีความสามารถที่จะแก้ไขความลำบากยากเย็นทั้งหลายของผู้คนอื่นๆ และยังสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหลายด้วยการคิดของเจ้าเองด้วยเช่นกัน หากโรคภัยไข้เจ็บของเจ้าไม่ดีขึ้น เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเกี่ยวกับการนั้น เมื่อเจ้าเจ็บป่วย จริงๆ แล้วนั่นไม่ขึ้นอยู่กับเจ้า เมื่อเจ้าเจ็บป่วยและอาการเจ็บป่วยนั้นไม่ดีขึ้นเลยไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำอะไร เช่นนั้นแล้ว ความเจ็บปวดนี้ย่อมเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ ดังนั้นแล้ว จงอย่าลองพยายามที่จะหลีกหนีความเจ็บปวดนี้เลย เจ้าต้องอธิษฐาน แสวงหา และนบนอบ และเจ้าต้องเสาะแสวงเจตนารมณ์ของพระเจ้า: “โอ พระเจ้า! ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์นั้นเสื่อมทราม ว่าธรรมชาติของข้าพระองค์นั้นไม่ดี ว่าข้าพระองค์นั้นหมิ่นเหม่ที่จะทำสิ่งทั้งหลายซึ่งเป็นการกบฏและต่อต้านพระองค์ สิ่งทั้งหลายซึ่งนำพาความเจ็บปวดและความบาดเจ็บมาให้เจ้า ดังนั้นแล้ว จึงเป็นการดีที่พระองค์ได้ทรงมอบโรคภัยไข้เจ็บนี้แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ควรนบนอบต่อการนั้น แต่ข้าพระองค์ขอให้พระองค์ทรงให้ความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์ ให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์รู้จักน้ำพระทัยของพระองค์ และทรงทำให้ข้าพระองค์เข้าใจสิ่งที่พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงและทำให้เพียบพร้อมเกี่ยวกับข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอเพียงให้พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ ให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์เข้าใจทิศทางของเส้นทางของชีวิตมนุษย์ ให้พระองค์ทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์เข้าใจความจริงนี้เท่านั้น” เจ้าต้องแสวงหาและอธิษฐาน จงอย่ามั่วไปเรื่อย โดยคิดว่า “นั่นไม่ใช่อะไรเลย ฉันยังไม่ได้ล่วงเกินพระเจ้าอย่างแน่นอนที่สุด” จงอย่าด่วนสรุปอย่างไม่สลักสำคัญเช่นนั้น หากพระเจ้าทรงอยู่ในหัวใจของเจ้าอย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าย่อมจะไม่ปล่อยมือจากสิ่งใดก็ตามที่ตกมาถึงเจ้า เจ้าจะอธิษฐานและแสวงหา เจ้าจะจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และเมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นว่าเจ้าเชื่อฟังเพียงใด พระองค์จะทรงค่อยๆ บรรเทาความเจ็บปวดของเจ้า

ตัดตอนมาจาก “จงมองทะลุปรุโปร่งถึงทุกสรรพสิ่งโดยผ่านทางสายตาแห่งความจริง” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger