วิธีที่คนเราสามารถสร้างสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าได้
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
ในการเชื่อในพระเจ้า อย่างน้อยเจ้าต้องตัดสินใจแน่วแน่กับประเด็นเรื่องการมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า หากเจ้าไม่มีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว ความหมายของการเชื่อในพระเจ้าของเจ้าก็จะสูญหายไป การสร้างสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยหัวใจที่นิ่งสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า การมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าหมายถึงการมีความสามารถที่จะไม่สงสัยและไม่ปฏิเสธพระราชกิจใดเลยของพระองค์ และมีความสามารถที่จะนบนอบต่อพระราชกิจของพระองค์ได้ มันหมายถึงการมีเจตนาต่างๆ ที่ถูกต้องในการสถิตของพระเจ้า การไม่วางแผนการต่างๆ เพื่อตัวเจ้าเอง และการพิจารณาผลประโยชน์ของครอบครัวของพระเจ้าเป็นอันดับแรกในทุกสิ่ง มันหมายถึงการยอมรับการพินิจพิเคราะห์ของพระเจ้าและการเชื่อฟังการจัดการเตรียมการต่างๆ ของพระเจ้า เจ้าต้องมีความสามารถที่จะทำให้หัวใจของเจ้านิ่งสงบในการสถิตของพระเจ้าในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำได้ แม้หากว่าเจ้าไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า เจ้าก็ต้องยังคงทำหน้าที่ต่างๆ และความรับผิดชอบต่างๆ ของเจ้าให้ลุล่วงจนสุดความสามารถของเจ้า ทันทีที่น้ำพระทัยของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยแก่เจ้า ก็จงลงมือทำ และมันจะไม่สายเกินไป เมื่อสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าได้กลายเป็นปกติแล้ว เจ้าก็จะมีสัมพันธภาพที่ปกติกับผู้คนด้วย ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นบนรากฐานแห่งพระวจนะของพระเจ้า จงกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า จากนั้นจงนำข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้าไปปฏิบัติ จงแก้ไขทัศนะต่างๆ ของเจ้า และจงหลีกเลี่ยงการทำสิ่งใดที่ต้านทานพระเจ้าหรือรบกวนคริสตจักร อย่าทำสิ่งใดที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อชีวิตของพี่น้องชายหญิงของเจ้า อย่ากล่าวสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และอย่าทำสิ่งใดที่น่าละอาย จงเป็นคนที่ยุติธรรมและมีเกียรติในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำ และจงทำให้แน่ใจว่าทุกการกระทำของเจ้าเป็นสิ่งที่สามารถนำเสนอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ แม้ว่าเนื้อหนังอาจจะอ่อนแอในบางครั้ง เจ้าต้องมีความสามารถที่จะให้ผลประโยชน์ของครอบครัวของพระเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่ง โดยไม่โลภหาผลกำไรส่วนตัว และเจ้าต้องมีความสามารถที่จะประพฤติตนอย่างชอบธรรมได้ หากเจ้าสามารถปฏิบัติได้แบบนี้ เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะปกติ
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าเป็นเช่นไร?
การที่จะสัมฤทธิ์ชีวิตมนุษย์ปกติ—ชีวิตมนุษย์ปกติที่มีสัมพันธภาพซึ่งเป็นปกติกับพระเจ้า—เจ้าต้องเริ่มจากการเชื่อในพระวจนะของพระองค์ หากเจ้ายังไม่สัมฤทธิ์ขั้นตอนแรกแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในผู้คน เจ้าก็ย่อมไม่มีรากฐาน หากแม้แต่หลักการที่เล็กที่สุดเจ้าก็ยังไปไม่ถึง แล้วเจ้าจะเดินไปบนเส้นทางข้างหน้าได้อย่างไร? การก้าวไปบนร่องครรลองที่ถูกต้องที่พระเจ้าทรงใช้ทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมนั้นหมายถึงการเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องแห่งพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หมายถึงการก้าวเดินไปบนเส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ ในขณะนี้ เส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ก็คือพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้น หากผู้คนจะก้าวเดินไปบนเส้นทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาต้องเชื่อฟัง และกินและดื่มพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ พระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเป็นพระราชกิจแห่งพระวจนะ กล่าวคือทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากพระวจนะของพระองค์ และทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นตามพระวจนะของพระองค์ ตามพระวจนะปัจจุบันของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นความแน่ใจเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ หรือการรู้จักพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ ต่างก็พึงต้องมีการใช้ความพยายามให้มากขึ้นกับพระวจนะของพระองค์ หาไม่แล้วผู้คนย่อมไม่สามารถสำเร็จลุล่วงอันใดได้เลย และจะถูกทิ้งให้ไม่เหลืออะไรเลย โดยการสร้างบนรากฐานแห่งการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า และมารู้จักพระองค์และทำให้พระองค์พึงพอพระทัยด้วยการนั้นเท่านั้น ผู้คนจึงจะสามารถค่อยๆ สร้างสัมพันธภาพที่เป็นปกติกับพระเจ้าได้ สำหรับมนุษย์แล้วไม่มีการร่วมมือกับพระเจ้าที่ดีไปกว่าการกินและดื่มพระวจนะของพระองค์และนำพระวจนะไปปฏิบัติอีกแล้ว โดยผ่านทางการปฏิบัติเช่นนั้น พวกเขาจึงมีความสามารถที่จะตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาเกี่ยวกับประชากรของพระเจ้าได้อย่างดีที่สุด เมื่อผู้คนเข้าใจและมีความสามารถที่จะเชื่อฟังแก่นแท้ของพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าได้ พวกเขาย่อมดำเนินชีวิตบนเส้นทางของการได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้ก้าวไปบนร่องครรลองที่ถูกต้องของพระเจ้าที่ทรงใช้เพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม ก่อนหน้านี้ผู้คนสามารถได้รับพระราชกิจของพระเจ้าเพียงโดยการแสวงหาพระคุณของพระเจ้า หรือแสวงหาสันติสุขและความชื่นบานยินดี แต่บัดนี้สิ่งทั้งหลายเปลี่ยนไปแล้ว หากไร้ซึ่งพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ หากไร้ซึ่งความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระองค์ ผู้คนจะไม่สามารถได้รับการเห็นชอบจากพระเจ้า และจะถูกกำจัดสิ้นทั้งหมดโดยพระเจ้า การที่จะสัมฤทธิ์ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ อันดับแรกผู้คนควรกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าและนำพระวจนะไปปฏิบัติ และจากนั้นจึงสถาปนาสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าขึ้นบนรากฐานนี้
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้คนที่ได้เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยแล้วคือบรรดาผู้ที่ได้เข้าไปสู่ความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าแล้ว
หากเจ้าปรารถนาจะสัมฤทธิ์ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติ และสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องมอบหัวใจของเจ้าแด่พระองค์เป็นอันดับแรก เฉพาะหลังจากที่เจ้าได้สงบใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์และหลั่งรินทั้งหัวใจของเจ้าเข้าสู่พระองค์แล้วเท่านั้น เจ้าจึงจะค่อยๆ สามารถพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติได้ หากในการเชื่อของผู้คนในพระเจ้า พวกเขาไม่ได้มอบหัวใจของพวกเขาแด่พระองค์ และหากหัวใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระองค์และพวกเขาไม่ปฏิบัติต่อภาระของพระองค์เสมือนดั่งภาระของตนเอง เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นการกระทำที่ฉ้อโกงพระเจ้า เป็นการกระทำที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของผู้คนที่เคร่งศาสนา และไม่สามารถได้รับคำสรรเสริญของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงสามารถได้รับสิ่งใดๆ จากบุคคลประเภทนี้ บุคคลประเภทนี้เพียงสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวประกอบเสริมความเด่นให้พระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้น เป็นเหมือนสิ่งประดับตกแต่งชิ้นหนึ่งในพระนิเวศของพระเจ้าเท่านั้นเอง เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เกินความจำเป็นและไร้ประโยชน์ พระเจ้าไม่ทรงใช้ประโยชน์จากบุคคลประเภทนี้ ในบุคคลประเภทนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะสำหรับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ไม่มีแม้กระทั่งคุณค่าใดๆ ในการได้รับการทำให้เพียบพร้อมของพวกเขา บุคคลประเภทนี้ในความจริงแล้วคือศพที่เดินได้ ผู้คนดังกล่าวไม่มีอะไรเลยที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสามารถใช้การได้ แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาทั้งหมดได้ถูกซาตานยึดครองและทำให้เสื่อมทรามอย่างฝังลึก พระเจ้าจะทรงกำจัดผู้คนเหล่านี้ออกไป ในปัจจุบันนี้ ในการใช้ประโยชน์จากผู้คน พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงทรงใช้ส่วนที่น่าพึงปรารถนาของพวกเขาเพื่อจะทำให้สิ่งทั้งหลายสำเร็จเท่านั้น พระองค์ยังทรงเปลี่ยนและทำให้ส่วนที่ไม่น่าพึงปรารถนาของพวกเขานั้นเพียบพร้อมอีกด้วย หากใจของเจ้าสามารถหลั่งรินเข้าไปในพระเจ้าและดำรงอยู่ด้วยความสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีโอกาสเหมาะและคุณสมบัติที่จะถูกใช้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าจะมีโอกาสเหมาะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำให้ข้อบกพร่องของเจ้านั้นดีขึ้น เมื่อเจ้ามอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า ในด้านบวกนั้น เจ้าจะสามารถบรรลุการเข้าสู่ที่ล้ำลึกขึ้น และบรรลุระดับชั้นของความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่สูงขึ้น ในด้านลบนั้น เจ้าจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความผิดพลาดและข้อบกพร่องของเจ้าเอง เจ้าจะกระตือรือร้นมากขึ้นในการพยายามทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า และเจ้าจะไม่เอาแต่อยู่นิ่งเฉย แต่จะเข้าสู่อย่างกระตือรือร้น ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะกลายเป็นคนที่ถูกต้อง สมมุติว่าหัวใจของเจ้าสามารถสงบนิ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า กุญแจไปสู่การที่เจ้าจะได้รับการสรรเสริญจากพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ และเจ้าทำให้พระเจ้าพอพระทัยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถเข้าสู่อย่างกระตือรือร้นได้หรือไม่ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้บุคคลรู้แจ้งและทรงใช้ประโยชน์จากพวกเขา นั่นไม่เคยทำให้พวกเขาเข้าสู่ด้านลบเลย แต่กลับทำให้พวกเขาก้าวหน้าอย่างกระตือรือร้นเสมอ แม้ว่าบุคคลนี้มีจุดอ่อน แต่พวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการใช้จุดอ่อนเหล่านั้นเป็นพื้นฐานในหนทางที่พวกเขาดำเนินชีวิต พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการประวิงการเติบโตในชีวิตของพวกเขาได้ และยังคงพยายามทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อไป นี่คือมาตรฐาน หากเจ้าสามารถบรรลุการนี้ได้ ก็เป็นการพิสูจน์ที่เพียงพอว่าเจ้าได้รับการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว หากบุคคลมีความคิดในแง่ลบอยู่เสมอ และหากแม้กระทั่งภายหลังจากที่ได้รับความรู้แจ้งและได้มารู้จักตัวเองแล้ว พวกเขายังคงมีความคิดในแง่ลบและนิ่งเฉยอยู่และไร้ความสามารถที่จะลุกขึ้นและลงมือปฏิบัติให้สอดคล้องกับพระเจ้าแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วคนประเภทนี้ก็แค่ได้รับพระคุณของพระเจ้า แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้สถิตกับพวกเขา เมื่อบุคคลหนึ่งมีความคิดในแง่ลบ นี่หมายความว่าหัวใจของพวกเขาไม่ได้หันเข้าหาพระเจ้าและวิญญาณของพวกเขาไม่ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณของพระเจ้า ทุกคนควรเข้าใจการนี้
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง
หากเจ้าต้องการมีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วหัวใจของเจ้าต้องหันเข้าหาพระเจ้า ด้วยการนี้เป็นรากฐาน เจ้ายังจะมีสัมพันธภาพปกติกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน หากเจ้าไม่มีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำอะไรเพื่อรักษาสัมพันธภาพของเจ้ากับผู้อื่น ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำงานหนักเพียงใดหรือเจ้าจะออกแรงมากเพียงใด ทั้งหมดนั้นจะเป็นแค่เรื่องของปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ เจ้ากำลังรักษาฐานะของเจ้าท่ามกลางผู้คนโดยผ่านทางมุมมองของมนุษย์และปรัชญาของมนุษย์เพื่อที่ว่าผู้คนจะได้สรรเสริญเจ้า แต่เจ้าไม่ได้กำลังติดตามพระวจนะของพระเจ้าเพื่อสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับผู้คน หากเจ้าไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คน แต่รักษาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า หากเจ้าเต็มใจที่จะมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า และเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระองค์ เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คนทั้งหมดจะกลายมาเป็นปกติเป็นธรรมดา ด้วยวิถีทางนี้ สัมพันธภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกสถาปนาขึ้นบนเนื้อหนัง แต่บนรากฐานของความรักของพระเจ้า แทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางเนื้อหนังเลย หากแต่ในวิญญาณนั้นมีการสามัคคีธรรม ความรักซึ่งกันและกัน การปลอบประโลมซึ่งกันและกัน และการจัดเตรียมที่มีให้แก่กันละกัน ทั้งหมดนี้ได้ทำขึ้นบนรากฐานของหัวใจซึ่งทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย สัมพันธภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกรักษาไว้โดยการพึ่งพาปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากแต่ถูกก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากโดยผ่านทางการแบกรับภาระสำหรับพระเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้ความมานะพยายามที่มนุษย์ทำขึ้น เจ้าเพียงแค่จำเป็นต้องปฏิบัติตามพระวจนะหลักธรรมของพระเจ้าเท่านั้น เจ้าเต็มใจที่จะคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะเป็นบุคคลที่ “ไร้เหตุผล” เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้าโดยครบบริบูรณ์และไม่คำนึงถึงฐานะของเจ้าท่ามกลางผู้คนหรือไม่? ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่เจ้ามีการติดต่อด้วยนั้น เจ้ามีสัมพันธภาพที่ดีที่สุดกับใคร? เจ้ามีสัมพันธภาพที่แย่ที่สุดกับใคร? สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้คนปกติหรือไม่? เจ้าปฏิบัติต่อผู้คนทั้งหมดอย่างเท่าเทียมหรือไม่? สัมพันธภาพของเจ้ากับผู้อื่นถูกรักษาไว้ตามปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิตของเจ้าหรือไม่ หรือสัมพันธภาพเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของความรักของพระเจ้าหรือไม่? เมื่อบุคคลหนึ่งไม่ได้มอบหัวใจของพวกเขาแด่พระเจ้า เช่นนั้นแล้วจิตวิญญาณของพวกเขาย่อมกลายเป็นปัญญาทึบ มึนชา และไร้สำนึก บุคคลประเภทนี้จะไม่มีวันเข้าใจพระวจนะของพระเจ้า และจะไม่มีวันมีสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า อุปนิสัยของบุคคลประเภทนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของคนเราเป็นกระบวนการของการมอบหัวใจของคนเราแด่พระเจ้าโดยครบบริบูรณ์ และเป็นกระบวนการของการได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างจากพระวจนะของพระเจ้า พระราชกิจของพระเจ้าสามารถเปิดโอกาสให้บุคคลเข้าสู่อย่างกระตือรือร้นได้ รวมทั้งทำให้พวกเขาสามารถขจัดแง่มุมด้านลบของพวกเขาภายหลังจากที่ได้รับความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว เมื่อเจ้าสามารถไปถึงจุดที่มอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ย่อมจะสามารถล่วงรู้ทุกๆ ความเคลื่อนไหวอันละเอียดอ่อนภายในจิตวิญญาณของเจ้า และเจ้าจะรู้ความรู้แจ้งและความกระจ่างทุกๆ อย่างที่ได้รับจากพระเจ้า จงยึดการนี้ไว้ให้มั่น แล้วเจ้าจะค่อยๆ เข้าสู่เส้นทางแห่งการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยิ่งใจของเจ้าสามารถสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้มากขึ้นเท่าใด จิตวิญญาณของเจ้าก็จะยิ่งอ่อนไหวและละเอียดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น และจิตวิญญาณของเจ้าก็จะยิ่งสามารถล่วงรู้ถึงวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวมันได้มากขึ้นเท่านั้น และแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นปกติยิ่งขึ้นทุกที
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง
ในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำนั้น เจ้าต้องตรวจดูว่าเจตนาต่างๆ ของเจ้าถูกต้องหรือไม่ หากเจ้ามีความสามารถที่จะกระทำการได้ตามข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็ปกติ นี่คือมาตรฐานขั้นต่ำสุด จงมองดูเข้าไปในเจตนาต่างๆ ของเจ้า และหากเจ้าพบว่าเจตนาต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องได้ปรากฏขึ้น จงมีความสามารถที่จะหันหลังของเจ้าให้แก่เจตนาเหล่านั้น และกระทำการให้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ เจ้าก็จะกลายเป็นใครบางคนที่ถูกต้องเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งในทางกลับกันก็แสดงให้เห็นว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นปกติ และว่าทุกสิ่งที่เจ้ากระทำเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพระเจ้า ไม่ใช่ของตัวเจ้าเอง ในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำและทุกสิ่งที่เจ้าพูด จงมีความสามารถที่จะกำหนดหัวใจของเจ้าให้ถูกต้องและจงเป็นคนชอบธรรมในการกระทำต่างๆ ของเจ้า และอย่าให้อารมณ์ของเจ้ามานำหน้า และอย่ากระทำการตามความประสงค์ของเจ้าเอง สิ่งเหล่านี้เป็นหลักธรรมต่างๆ ที่บรรดาผู้เชื่อในพระเจ้าต้องประพฤติตน สิ่งเล็กน้อยต่างๆ สามารถเปิดเผยเจตนาทั้งหลายและวุฒิภาวะของบุคคลหนึ่งได้ และดังนั้น การที่ใครบางคนจะเข้าสู่เส้นทางแห่งการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ พวกเขาก็ต้องแก้ไขเจตนาทั้งหลายของเขาและสัมพันธภาพของเขากับพระเจ้าให้ปกติเสียก่อน เจ้าสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ก็ต่อเมื่อสัมพันธภาพของเจ้ากับพระองค์เป็นปกติเท่านั้น เมื่อนั้นเท่านั้น การจัดการ การตัดแต่ง การบ่มวินัย และกระบวนการถลุงของพระเจ้าจึงจะสามารถสัมฤทธิ์ผลตามเจตนาของพวกมันในตัวเจ้าได้ กล่าวคือ หากมนุษย์ทั้งหลายมีความสามารถที่จะเก็บรักษาพระเจ้าไว้ในหัวใจของพวกเขาและไม่ไล่ตามเสาะหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือคิดถึงความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของตัวพวกเขาเอง (ในสำนึกรับรู้ฝ่ายเนื้อหนัง) แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับแบกภาระแห่งการเข้าสู่ชีวิต ทำจนสุดความสามารถของพวกเขาเพื่อไล่ตามเสาะหาความจริง และนบนอบต่อพระราชกิจของพระเจ้า—หากเจ้าสามารถทำการนี้ได้ เช่นนั้นแล้วเป้าหมายต่างๆ ที่เจ้าไล่ตามเสาะหาก็จะถูกต้อง และสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นปกติ การทำให้สัมพันธภาพของคนๆ หนึ่งกับพระเจ้าถูกต้องนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนแรกของการเข้าไปสู่การเดินทางฝ่ายวิญญาณของคนๆ นั้น แม้ว่าโชคชะตาของมนุษย์จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าและถูกพระเจ้าลิขิตไว้ล่วงหน้า และมนุษย์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้ การที่เจ้าจะสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าหรือได้รับการรับไว้โดยพระองค์ได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นปกติหรือไม่ อาจมีหลายส่วนของเจ้าที่อ่อนแอหรือไม่เชื่อฟัง—แต่ตราบเท่าที่ทัศนะต่างๆ ของเจ้าและเจตนาทั้งหลายของเจ้านั้นถูกต้อง และตราบเท่าที่สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นถูกต้องและปกติ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ หากเจ้าไม่มีสัมพันธภาพที่ถูกต้องกับพระเจ้า และกระทำการเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังหรือครอบครัวของเจ้า เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะทำงานหนักสักเพียงใด มันก็จะสูญเปล่า หากสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นปกติ เช่นนั้นแล้วสิ่งอื่นใดทั้งหมดก็จะเข้าที่เข้าทาง พระเจ้าไม่ทอดพระเนตรดูที่สิ่งอื่นใด แต่ทอดพระเนตรดูว่าทรรศนะต่างๆ ของเจ้าในการเชื่อของเจ้าในพระเจ้านั้นถูกต้องหรือไม่: เจ้าเชื่อในผู้ใด เจ้าเชื่อเพื่อประโยชน์ของผู้ใด และเจ้าเชื่อเพราะเหตุใด หากเจ้ามีความสามารถที่จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและปฏิบัติด้วยทรรศนะต่างๆ ที่น่าพอใจของเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะเกิดความก้าวหน้าในชีวิตของเจ้า และเจ้าก็จะได้รับการรับประกันเรื่องการเข้าไปสู่ร่องครรลองที่ถูกต้อง หากสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าไม่ปกติ และทรรศนะต่างๆ เกี่ยวกับการเชื่อของเจ้าในพระเจ้าเบี่ยงเบนไป เช่นนั้นแล้วสิ่งอื่นใดทั้งหมดก็สูญเปล่า และไม่ว่าเจ้าเชื่ออย่างหนักสักเพียงใด เจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย หลังจากที่สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้ากลายเป็นปกติแล้วเท่านั้น เจ้าจึงจะได้รับคำสรรเสริญจากพระองค์ เมื่อเจ้าละทิ้งเนื้อหนัง อธิษฐาน ทนทุกข์ สู้ทน นบนอบ ช่วยเหลือพี่น้องชายหญิงของเจ้า สละตัวเจ้าเองมากขึ้นเพื่อพระเจ้า และอื่นๆ สิ่งที่เจ้าทำจะมีคุณค่าและนัยสำคัญหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเจตนาทั้งหลายของเจ้าถูกต้องหรือไม่และทรรศนะต่างๆ ของเจ้าถูกต้องหรือไม่ ทุกวันนี้ผู้คนมากมายเชื่อในพระเจ้าราวกับว่าพวกเขากำลังเอียงศีรษะของตนเพื่อมองดูนาฬิกา—มุมมองต่างๆ ของพวกเขาจึงบิดเบี้ยว และพวกมันต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องด้วยการฟันฝ่าอุปสรรค หากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี หากไม่ได้รับการแก้ไข ทุกสิ่งก็จะไม่มีผล ผู้คนบางคนประพฤติตัวดีต่อหน้าเรา แต่ลับหลังเรา ทั้งหมดที่พวกเขากระทำคือการต้านทานเรา นี่เป็นการสำแดงออกของการคดโกงและการเต็มไปด้วยเล่ห์ลวง และบุคคลประเภทนี้เป็นผู้รับใช้ของซาตาน พวกเขาเป็นรูปจำแลงตามแบบฉบับของซาตาน ที่มาเพื่อทดสอบพระเจ้า เจ้าเป็นบุคคลที่ถูกต้องเท่านั้นหากเจ้ามีความสามารถที่จะนบนอบต่องานของเราและวจนะของเราได้ ตราบเท่าที่เจ้ามีความสามารถที่จะกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าได้ ตราบเท่าที่ทุกสิ่งที่เจ้ากระทำสามารถนำเสนอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้และเจ้าประพฤติตัวอย่างยุติธรรมและอย่างมีเกียรติในทุกสิ่งที่เจ้ากระทำ ตราบเท่าที่เจ้าไม่ทำสิ่งต่างๆ ที่น่าละอาย หรือสิ่งต่างๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้อื่น และตราบเท่าที่เจ้าดำเนินชีวิตในความสว่างและไม่ยอมให้ตัวเจ้าเองถูกซาตานหลอกใช้ เช่นนั้นแล้วสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะอยู่ในระเบียบอันเหมาะสม
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าเป็นเช่นไร?
ในชีวิตประจำวันของเจ้านั้น เจ้าต้องเข้าใจว่าถ้อยคำใดบ้างที่เจ้ากล่าวและสิ่งใดบ้างที่เจ้าทำซึ่งอาจก่อให้เกิดความผิดปกติในสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้า และจากนั้นจงแก้ไขตัวเจ้าเองเพื่อเข้าสู่ลักษณะที่ถูกต้อง จงตรวจดูถ้อยคำต่างๆ ของเจ้า การกระทำต่างๆ ของเจ้า แต่ละความเคลื่อนไหวและทุกการขยับตัวของเจ้า และความคิดและแนวคิดทั้งหมดของเจ้าตลอดเวลา จงมีความเข้าใจที่เหมาะสมเกี่ยวกับสภาวะที่แท้จริงของเจ้าและจงเข้าสู่ลักษณะแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า โดยการประเมินว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าปกติหรือไม่ เจ้าก็จะมีความสามารถที่จะแก้ไขเจตนาทั้งหลายของเจ้าให้ถูกต้อง มีความสามารถที่จะเข้าใจธรรมชาติแก่นแท้ของมนุษย์ และเข้าใจตัวเจ้าเองอย่างแท้จริงได้ และในการทำเช่นนั้น เจ้าจะมีความสามารถที่จะเข้าสู่ประสบการณ์ที่แท้จริงต่างๆ ละทิ้งตัวเจ้าเองในแบบที่แท้จริง และนบนอบด้วยเจตนา ขณะที่เจ้าได้รับประสบการณ์กับเรื่องเหล่านี้ที่เกี่ยวกับว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าปกติหรือไม่นั้น เจ้าจะพบโอกาสเหมาะต่างๆ ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า และกลายเป็นมีความสามารถที่จะจับความเข้าใจสภาวะมากมายแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เจ้าจะมีความสามารถที่จะมองทะลุผ่านเพทุบายมากมายของซาตาน และผ่านทะลุแผนสมคบคิดต่างๆ ของมันได้ เส้นทางสายนี้เท่านั้นที่นำไปสู่การได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ เจ้าทำให้สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าถูกต้อง จนเจ้าสามารถจะนบนอบต่อการจัดการเตรียมการต่างๆ ของพระองค์ในความครบถ้วนบริบูรณ์ของพวกมัน และจนเจ้าสามารถจะเข้าสู่ประสบการณ์ที่แท้จริงอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นไปอีก และได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเจ้าปฏิบัติการมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า ส่วนใหญ่แล้ว ความสำเร็จจะสัมฤทธิ์ได้โดยการตัดขาดจากเนื้อหนังและโดยผ่านทางการร่วมมืออย่างแท้จริงกับพระเจ้า เจ้าควรเข้าใจว่า “หากปราศจากหัวใจที่ให้ความร่วมมือแล้ว มันก็ยากที่จะได้รับพระราชกิจของพระเจ้า หากเนื้อหนังไม่ทนทุกข์ ก็จะไม่มีพระพรใดๆ จากพระเจ้าเลย หากจิตวิญญาณไม่ต่อสู้ดิ้นรน ซาตานก็จะไม่ถูกทำให้อับอาย” หากเจ้าปฏิบัติหลักการเหล่านี้และเข้าใจพวกมันอย่างถ่องแท้ ทรรศนะเกี่ยวกับการเชื่อของเจ้าในพระเจ้าก็จะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง ในการปฏิบัติปัจจุบันของพวกเจ้านั้น เจ้าต้องสลัดทิ้งชุดความคิดเรื่อง “การแสวงหาขนมปังเพื่อสนองความหิว” เจ้าต้องสลัดทิ้งชุดความคิดเรื่อง “ทุกสิ่งถูกกระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้คนไม่อาจแทรกแซงได้” ทุกคนที่กล่าวเช่นนั้นคิดว่า “ผู้คนสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ และเมื่อถึงเวลา พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ ผู้คนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยับยั้งเนื้อหนังหรือให้ความร่วมมือ ทั้งหมดที่สำคัญก็คือว่า พวกเขาได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์” ความคิดเห็นเหล่านี้ล้วนเหลวไหลทั้งสิ้น ภายใต้รูปการณ์แวดล้อมต่างๆ เช่นนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงไร้ความสามารถที่จะทรงพระราชกิจได้ มุมมองประเภทนี้เองที่ขัดขวางพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างยิ่ง บ่อยครั้งที่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์บรรลุได้โดยผ่านทางความร่วมมือของมนุษย์ คนเหล่านั้นที่ไม่ให้ความร่วมมือและไม่มีความตั้งใจแน่วแน่แต่ปรารถนาที่จะสัมฤทธิ์ความเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของตน และได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความรู้แจ้งและความกระจ่างจากพระเจ้า ช่างมีความคิดที่เหลือเฟือจริงๆ นี่เรียกว่า “การปรนเปรอตัวเองและการให้อภัยซาตาน” คนเช่นนั้นไม่มีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า เจ้าน่าจะพบการเปิดเผยต่างๆ และการสำแดงต่างๆ อันมากมายของอุปนิสัยเยี่ยงซาตานภายในตัวเจ้าเอง และพบการปฏิบัติใดๆ ที่เจ้ามี ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ในขณะนี้ คราวนี้เจ้าจะมีความสามารถที่จะละทิ้งซาตานได้หรือไม่? เจ้าควรได้มาซึ่งสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้า กระทำการในทางที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ต่างๆ ของพระเจ้า และกลายเป็นคนใหม่ที่มีชีวิตใหม่ จงอย่าจมปลักอยู่กับการล่วงละเมิดต่างๆ ในอดีต จงอย่าสำนึกผิดจนเกินควร จงมีความสามารถที่จะยืนขึ้นและร่วมมือกับพระเจ้าได้ และจงปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ที่เป็นของเจ้าให้ลุล่วง โดยวิธีนี้สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นปกติ
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าเป็นเช่นไร?
จงอ่านถ้อยดำรัสทุกคำของพระเจ้า และจงนำถ้อยดำรัสเหล่านั้นมาปฏิบัติทันทีที่เจ้าเข้าใจพวกมัน อาจมีหลายครั้งที่เนื้อหนังของเจ้าเคยอ่อนแอ หรือเจ้าเคยเป็นกบฏ หรือเจ้าเคยต้านทาน ไม่ว่าเจ้าเคยประพฤติตัวแบบใดในอดีต มันมีผลสืบเนื่องเพียงเล็กน้อย และมันไม่สามารถขัดขวางชีวิตของเจ้าจากการโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ได้ ตราบใดที่เจ้าสามารถมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าได้วันนี้ ก็มีความหวัง หากมีความเปลี่ยนแปลงในตัวเจ้าทุกครั้งที่เจ้าอ่านพระวจนะของพระเจ้า และผู้อื่นบอกได้ว่าชีวิตของเจ้าได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็แสดงให้เห็นว่าบัดนี้สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าปกติแล้ว ว่ามันได้รับการทำให้ถูกต้องแล้ว พระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติกับผู้คนตามการล่วงละเมิดต่างๆ ของพวกเขา ทันทีที่เจ้าได้เข้าใจและได้กลายเป็นตระหนักรู้ ตราบเท่าที่เจ้าสามารถเลิกกบฏหรือต้านทานได้ เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็จะยังคงทรงมีความปรานีต่อเจ้า เมื่อเจ้ามีความเข้าใจนั้นและความตั้งใจแน่วแน่นั้นที่จะไล่ตามเสาะหาการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว สภาวะของเจ้าในการสถิตของพระเจ้าก็จะกลายเป็นปกติ ไม่สำคัญว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใด จงพิจารณาสิ่งต่อไปนี้เมื่อเจ้ากำลังกระทำมัน กล่าวคือ พระเจ้าจะทรงคิดอย่างไรหากฉันทำสิ่งนี้? มันจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชายหญิงของฉันไหม? มันจะเกิดประโยชน์ต่อพระราชกิจในพระนิเวศของพระเจ้าไหม? ไม่ว่าในการอธิษฐาน การสามัคคีธรรม การพูด การทำงาน หรือในการติดต่อกับผู้อื่น จงตรวจดูเจตนาทั้งหลายของเจ้า และตรวจว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าปกติหรือไม่ หากเจ้าไม่สามารถหยั่งรู้เจตนาและความคิดทั้งหลายของเจ้าเองได้ นี่ก็หมายความว่าเจ้าขาดพร่องการแยกแยะ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าเข้าใจความจริงน้อยเกินไป หากเจ้ามีความสามารถที่จะเข้าใจทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำได้อย่างชัดเจน และสามารถล่วงรู้สิ่งต่างๆ โดยผ่านทางมุมมองแห่งพระวจนะของพระองค์ โดยการยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพระองค์ เช่นนั้นแล้วทรรศนะต่างๆ ของเจ้าก็จะได้กลายเป็นถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดต่อใครก็ตามที่เชื่อในพระเจ้า ทุกคนควรถือว่านี่เป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดและเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา ทุกสิ่งที่เจ้ากระทำถูกวัดขนาดโดยการที่ว่าเจ้ามีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าหรือไม่ หากสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าปกติและเจตนาทั้งหลายของเจ้าถูกต้องแล้วไซร้ ก็จงกระทำเลย เพื่อที่จะรักษาสัมพันธภาพที่ปกติกับพระเจ้าไว้ เจ้าต้องไม่กลัวที่จะทนทุกข์กับความสูญเสียต่างๆ ที่จะเกิดแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งหลายของเจ้า เจ้าจะยอมให้ซาตานมีชัยชนะไม่ได้ เจ้าจะยอมให้ซาตานมาซื้อตัวเจ้าไปไม่ได้ และเจ้าจะยอมให้ซาตานมาหัวเราะเยาะเย้ยเจ้าไม่ได้ การมีเจตนาทั้งหลายเช่นนั้นคือหมายสำคัญที่บ่งชี้ว่าสัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้านั้นปกติ—ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของเนื้อหนัง แต่ตรงกันข้ามเพื่อประโยชน์ของสันติสุขของจิตวิญญาณ เพื่อการได้มาซึ่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเพื่อทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้าต่างหาก การที่จะเข้าสู่สภาวะที่ถูกต้องนั้น เจ้าต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าและแก้ไขทรรศนะต่างๆ เกี่ยวกับการเชื่อของเจ้าในพระเจ้าให้ถูกต้อง นี่เป็นไปเพื่อที่พระเจ้าอาจจะทรงได้รับเจ้าไว้ และเพื่อที่พระองค์อาจจะทรงสำแดงดอกผลต่างๆ แห่งพระวจนะของพระองค์ในตัวเจ้า และให้ความรู้แจ้งและให้ความกระจ่างแก่เจ้ามากยิ่งขึ้นไปอีก ในหนทางนี้ เจ้าจะได้เข้าสู่ลักษณะที่ถูกต้องแล้ว จงกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าแห่งวันนี้ต่อไป จงเข้าสู่ลักษณะปัจจุบันแห่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงกระทำตามข้อเรียกร้องต่างๆ ของพระเจ้าแห่งวันนี้ จงอย่าถือตามวิธีการปฏิบัติต่างๆ อันล้าสมัย จงอย่าเกาะติดกับวิธีเก่าๆ ในการทำสิ่งต่างๆ และจงเข้าสู่ลักษณะแห่งการทำงานของวันนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าก็จะกลายเป็นปกติอย่างครบบริบูรณ์ และเจ้าก็จะได้เริ่มดำเนินการในร่องครรลองที่ถูกต้องแห่งการเชื่อในพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, สัมพันธภาพของเจ้ากับพระเจ้าเป็นเช่นไร?
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ