สิ่งที่เป็นการอธิษฐานที่แท้จริง และสิ่งที่การนั้นสามารถสัมฤทธิ์ได้
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
การอธิษฐานที่แท้จริงคืออะไร การอธิษฐานที่แท้จริงคือการทูลพระเจ้าว่าอะไรอยู่ในหัวใจเจ้า คือการเข้าสนิทกับพระเจ้าพร้อมกับจับความเข้าใจในน้ำพระทัยของพระองค์ คือการสื่อสารกับพระเจ้าผ่านทางพระวจนะของพระองค์ คือการรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้าเป็นพิเศษ คือการสำนึกรับรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ ณ ที่นั้นตรงหน้าเจ้า และคือการเชื่อว่าเจ้ามีบางสิ่งต้องทูลพระองค์ หัวใจของเจ้ารู้สึกว่าถูกเติมเต็มด้วยแสงสว่าง และเจ้ารู้สึกว่าพระเจ้าทรงน่ารักน่าชื่นชอบเพียงใด เจ้ารู้สึกว่าได้รับการดลใจเป็นพิเศษ และการได้ฟังเจ้าพูดก็นำความปลาบปลื้มมาสู่บรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า พวกเขาจะรู้สึกว่าถ้อยคำที่เจ้ากล่าวนั้นเป็นถ้อยคำที่อยู่ภายในหัวใจของพวกเขา เป็นถ้อยคำที่พวกเขาปรารถนาจะกล่าว ราวกับว่าถ้อยคำของเจ้านั้นเป็นตัวแทนถ้อยคำของพวกเขาเอง นี่คือสิ่งที่การอธิษฐานที่แท้จริงเป็น หลังจากเจ้าเข้าร่วมการอธิษฐานที่แท้จริงแล้ว หัวใจของเจ้าจะพบสันติสุขและจะได้รู้จักกับความปลาบปลื้ม พลังที่จะรักพระเจ้าสามารถเพิ่มขึ้น และเจ้าจะรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่มีคุณค่าหรือนัยสำคัญใดในชีวิตยิ่งใหญ่กว่าการรักพระเจ้า ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการอธิษฐานของเจ้ามีประสิทธิผล
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยกิจวัตรของการอธิษฐาน
การอธิษฐานไม่ใช่กรณีของการทำไปอย่างพอเป็นพิธี การทำตามขั้นตอน หรือการท่องพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น กล่าวคือการอธิษฐานไม่ใช่การกล่าวถ้อยคำเฉพาะบางคำเยี่ยงนกแก้วนกขุนทอง และไม่ไช่การเลียนแบบผู้อื่น ในการอธิษฐานนั้น คนเราต้องเข้าถึงสภาวะที่เราสามารถมอบหัวใจให้พระเจ้าได้ โดยวางหัวใจของเราอย่างเปิดกว้างเพื่อให้พระเจ้าทรงขับเคลื่อนได้ หากจะให้การอธิษฐานนั้นมีประสิทธิผลแล้ว การอธิษฐานจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการอ่านพระวจนะของพระเจ้า โดยการอธิษฐานจากภายในพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น เราจึงจะสามารถได้รับการรู้แจ้งและการได้รับความกระจ่างมากขึ้น การสำแดงต่างๆ ของการอธิษฐานที่แท้จริงคือ การมีหัวใจซึ่งโหยหาสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าทรงขอ และยิ่งไปกว่านั้น ความปรารถนาต่างๆ ที่จะสำเร็จลุล่วงในสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้อง การรังเกียจสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ และจากนั้น ด้วยการก่อร่างขึ้นต่อไปบนฐานรากนี้ ก็จะมีการได้รับความเข้าใจ และการมีความรู้และความกระจ่างแจ้งบางอย่างเกี่ยวกับความจริงที่พระเจ้าทรงอธิบายโดยละเอียด เมื่อมีปณิธานมุ่งมั่น มีความเชื่อ มีความรู้ และมีเส้นทางของการปฏิบัติตามหลังการอธิษฐาน เมื่อนั้นเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการอธิษฐานที่แท้จริง และการอธิษฐานประเภทนี้เท่านั้นที่สามารถส่งประสิทธิผล แต่การอธิษฐานจะต้องตั้งอยู่บนความชื่นชมยินดีในพระวจนะของพระเจ้า จะต้องถูกสถาปนาบนฐานรากแห่งการเข้าสนิทกับพระเจ้าในพระวจนะของพระองค์ และหัวใจต้องมีความสามารถที่จะแสวงหาพระเจ้าและกลายเป็นนิ่งสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ การอธิษฐานแบบนี้ได้เข้าสู่ระยะของการเข้าสนิทกับพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยกิจวัตรของการอธิษฐาน
ขั้นต่ำสุดที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์จากมนุษย์คือมนุษย์มีความสามารถที่จะเปิดใจของเขาต่อพระองค์ได้ หากมนุษย์มอบหัวใจที่แท้จริงของเขาให้พระเจ้าและกล่าวในสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขาอย่างแท้จริงแล้ว พระเจ้าก็เต็มพระทัยที่จะทรงพระราชกิจในตัวเขา สิ่งที่พระเจ้าทรงพึงปรารถนามิใช่หัวใจที่บิดเบี้ยวของมนุษย์ แต่เป็นหัวใจที่บริสุทธิ์และซื่อตรง หากมนุษย์ไม่พูดจากใจของเขาต่อพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงขับเคลื่อนหัวใจของเขาหรือทรงพระราชกิจในตัวเขา ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดของการอธิษฐานคือการทูลต่อพระเจ้าจากหัวใจของเจ้า บอกพระองค์ถึงข้อบกพร่องหรืออุปนิสัยดื้อรั้นของเจ้า เปิดเผยตัวตนของเจ้าอย่างหมดเปลือกเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เช่นนี้เท่านั้น พระเจ้าจึงจะทรงสนใจในการอธิษฐานของเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็จะทรงซ่อนเร้นพระพักตร์ของพระองค์จากเจ้า เกณฑ์กำหนดต่ำสุดสำหรับการอธิษฐานคือเจ้าพึงต้องมีความสามารถที่จะนิ่งสงบหัวใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และหัวใจเจ้าต้องไม่ออกห่างจากพระเจ้า อาจเป็นไปได้ว่าในระยะนี้ เจ้าไม่ได้รับความเข้าใจเชิงลึกที่ใหม่ขึ้นหรือสูงขึ้น แต่เจ้าจำต้องใช้การอธิษฐานเพื่อรักษาสถานภาพที่เป็นอยู่—เจ้าต้องไม่ถอยหลัง นี่เป็นสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่เจ้าต้องสัมฤทธิ์ หากเจ้าไม่สามารถสัมฤทธิ์แม้แต่สิ่งนี้ได้ เช่นนั้นแล้วก็ย่อมพิสูจน์ว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณของเจ้าไม่ได้อยู่ในร่องครรลองที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเจ้าจะไร้ความสามารถที่จะยึดมั่นในนิมิตที่เจ้าเคยมีมาแต่ต้น เจ้าจะสูญเสียความเชื่อในพระเจ้า และปณิธานของเจ้าจะจางหายไปตามลำดับ สัญญาณหนึ่งซึ่งบ่งบอกว่าเจ้าได้เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้วหรือไม่ก็คือ ได้เห็นว่าการอธิษฐานของเจ้านั้นอยู่ในร่องครรลองที่ถูกต้องหรือไม่ ผู้คนทุกคนต้องเข้าสู่ความเป็นจริงนี้ พวกเขาทุกคนต้องทำงานในการฝึกฝนตนเองอย่างมีสติในการอธิษฐาน ไม่รอคอยอย่างนิ่งเฉย แต่ตั้งสติแสวงหาการได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนี้เท่านั้น พวกเขาจึงจะเป็นผู้คนที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยกิจวัตรของการอธิษฐาน
แล้วเนื้อหาของการอธิษฐานล่ะ การอธิษฐานของเจ้าควรดำเนินไปทีละขั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะที่แท้จริงของหัวใจเจ้าและพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจ้ามาเข้าสนิทกับพระเจ้าตามน้ำพระทัยของพระองค์และตามที่พระองค์ทรงพึงประสงค์จากมนุษย์ เมื่อเจ้าเริ่มกิจวัตรการอธิษฐาน ก่อนอื่นจงมอบหัวใจของเจ้าให้พระเจ้า จงอย่าพยายามจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า—แค่พยายามกล่าวถ้อยคำในหัวใจของเจ้าต่อพระเจ้าเท่านั้น เมื่อเจ้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า จงกล่าวด้วยถ้อยคำดังนี้: “โอ้พระเจ้า มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่ข้าพระองค์ตระหนักว่าข้าพระองค์เคยไม่เชื่อฟังพระองค์ ข้าพระองค์เสื่อมทรามและน่ารังเกียจจริงๆ ข้าพระองค์เพียงใช้ชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์ นับแต่วันนี้ ข้าพระองค์จะมีชีวิตเพื่อพระองค์ ข้าพระองค์จะใช้ชีวิตที่มีความหมายและจะทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระองค์ ขอให้พระวิญญาณของพระองค์ทรงพระราชกิจในตัวข้าพระองค์ตลอดเวลา และให้ความกระจ่างและให้ความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์อย่างต่อเนื่อง ขอข้าพระองค์กล่าวคำพยานที่แข็งขันและดังกึกก้องเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ให้ซาตานได้เห็นพระสิริของพระองค์ สักขีพยานของพระองค์และบทพิสูจน์แห่งชัยชนะของพระองค์ปรากฏในตัวพวกเรา” เมื่อเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ หัวใจของเจ้าจะถูกปลดปล่อยเป็นอิสระอย่างครบบริบูรณ์ เมื่อได้อธิษฐานเช่นนี้ หัวใจของเจ้าจะยิ่งใกล้ชิดพระเจ้า และหากเจ้าสามารถอธิษฐานเช่นนี้บ่อยครั้ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเจ้าร้องเรียกพระเจ้าเช่นนี้เสมอๆ และสร้างปณิธานของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า สักวันหนึ่งก็จะถึงวันที่ปณิธานของเจ้าเป็นที่ยอมรับเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ครั้นหัวใจของเจ้าและการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าได้ถูกรับไว้โดยพระเจ้าแล้ว และเจ้าก็ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระองค์ในท้ายที่สุด สำหรับพวกเจ้า การอธิษฐานมีความสำคัญสูงสุด เมื่อเจ้าอธิษฐานและเจ้าได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หัวใจของเจ้าจะถูกขับเคลื่อนโดยพระเจ้า และพละกำลังที่จะรักพระเจ้าก็จะปรากฏออกมา หากเจ้าไม่อธิษฐานด้วยหัวใจของเจ้า หากเจ้าไม่เปิดหัวใจของเจ้าเพื่อเข้าสนิทกับพระเจ้าแล้ว พระเจ้าก็จะไม่มีหนทางสำหรับการทรงพระราชกิจในตัวเจ้า หากหลังจากได้อธิษฐานและกล่าวถ้อยคำจากหัวใจของเจ้าแล้ว พระวิญญาณของพระเจ้ายังไม่เริ่มพระราชกิจของพระองค์ และเจ้าไม่ได้รับแรงดลใจอะไรเลย เช่นนั้นแล้วนี่แสดงว่าหัวใจของเจ้าขาดความจริงใจ ถ้อยคำของเจ้าไม่เป็นจริงและยังคงไม่บริสุทธิ์ หากหลังจากอธิษฐานแล้ว เจ้ามีสำนึกรับรู้ถึงความปลาบปลื้ม เช่นนั้นแล้วการอธิษฐานของเจ้าก็ได้รับการยอมรับจากพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้ากำลังทรงพระราชกิจในตัวเจ้า ในฐานะผู้ที่รับใช้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เจ้ามิอาจปราศจากการอธิษฐาน หากเจ้ามองเห็นอย่างแท้จริงว่า การเข้าสนิทกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่าแล้ว เจ้าจะสามารถละทิ้งการอธิษฐานได้หรือ? ไม่มีใครสามารถอยู่โดยปราศจากการเข้าสนิทกับพระเจ้า หากปราศจากการอธิษฐาน เจ้าจะมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ในพันธนาการของซาตาน หากปราศจากการอธิษฐานที่แท้จริง เจ้าจะมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของความมืด เราหวังว่าบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้าจะสามารถเข้าร่วมการอธิษฐานที่แท้จริงในทุกๆ วัน นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการทำตามกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่เกี่ยวกับการสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ อย่างหนึ่งอย่างใด เจ้าเต็มใจที่จะสละการนอนหลับและความชื่นชมยินดีเล็กน้อย เพื่อลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อการอธิษฐานยามเช้าและชื่นชมไปกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่? หากเจ้าอธิษฐานด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์และดื่มและกินพระวจนะของพระเจ้าเช่นนี้แล้ว เจ้าจะยิ่งเป็นที่ยอมรับต่อพระองค์มากขึ้น หากเจ้าทำสิ่งนี้ทุกเช้า หากทุกวันเจ้าปฏิบัติการมอบหัวใจของเจ้าให้พระเจ้า สื่อสารและมีส่วนร่วมกับพระองค์ เช่นนั้นแล้วความรู้ของเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้าย่อมจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเจ้าจะยิ่งมีความสามารถที่จะจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ดีขึ้น เจ้ากล่าวว่า: “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของข้าพระองค์ให้ลุล่วง ต่อพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์จะอุทิศการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของข้าพระองค์เพื่อที่พระองค์อาจได้ทรงพระสิริในตัวพวกเรา เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงพระเกษมสำราญไปกับคำพยานที่พวกเรากลุ่มนี้กล่าวออกมา ข้าพระองค์ขอร้องให้พระองค์ทรงพระราชกิจในตัวพวกเรา เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้มีความสามารถที่จะรักพระองค์อย่างแท้จริง และทำให้พระองค์สมดังพระทัยและไล่ตามเสาะหาพระองค์ในฐานะเป้าหมายของข้าพระองค์” เมื่อเจ้ารับภาระนี้แล้ว พระเจ้าจะทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อมอย่างแน่นอน เจ้าไม่ควรอธิษฐานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเจ้าเองเท่านั้น แต่เจ้าควรอธิษฐานเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและเพื่อรักพระองค์อีกด้วย นี่คือการอธิษฐานประเภทที่แท้จริงที่สุด เจ้าเป็นผู้ที่อธิษฐานเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่?
ในอดีตนั้น พวกเจ้าไม่รู้วิธีอธิษฐาน และเจ้าได้ละเลยเรื่องการอธิษฐาน บัดนี้ เจ้าต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อฝึกฝนตัวเองให้อธิษฐาน หากเจ้าไร้ความสามารถที่จะเรียกพละกำลังภายในตัวเจ้าให้มารักพระเจ้าได้ เจ้าจะอธิษฐานอย่างไร? เจ้าพูดว่า: “โอ้พระเจ้า หัวใจของข้าพระองค์ไม่สามารถรักพระองค์ได้อย่างแท้จริง ข้าพระองค์ต้องการรักพระองค์ แต่ข้าพระองค์ขาดพละกำลัง ข้าพระองค์ควรทำอย่างไร? ขอพระองค์ทรงเปิดดวงตาฝ่ายวิญญาณของข้าพระองค์ และขอพระวิญญาณของพระองค์ขับเคลื่อนหัวใจของข้าพระองค์เพื่อที่ว่า เมื่อข้าพระองค์มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ข้าพระองค์จะโยนทุกสิ่งที่เป็นลบทิ้งไป ยุติการถูกจำกัดโดยบุคคลใดๆ เรื่องใดๆ หรือสิ่งใดๆ และแผ่วางหัวใจอันเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ของข้าพระองค์เฉพาะพระพักตร์พระองค์ และเพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ถวายการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของข้าพระองค์เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ข้าพระองค์พร้อมแล้ว ไม่ว่าพระองค์อาจทรงทดสอบข้าพระองค์ในลักษณะเช่นไรก็ตาม บัดนี้ ข้าพระองค์ไม่ได้คำนึงถึงโอกาสที่มองว่าเป็นไปได้ในอนาคตของข้าพระองค์อีกทั้งข้าพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้แอกแห่งความตาย ด้วยหัวใจที่รักพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะแสวงหาหนทางชีวิตนั้น ทุกเรื่อง ทุกสิ่ง—ทั้งหมดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ชะตากรรมของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงกุมชีวิตที่แท้จริงของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ บัดนี้ ข้าพระองค์พยายามที่จะรักพระองค์ และโดยไม่คำนึงว่าพระองค์จะทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์รักพระองค์หรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงว่าซาตานจะแทรกแซงอย่างไร ข้าพระองค์มุ่งมั่นที่จะรักพระองค์” เมื่อเจ้าเผชิญกับปัญหานี้ จงอธิษฐานเช่นนี้ หากเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ทุกวัน พละกำลังที่จะรักพระเจ้าก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเอง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยกิจวัตรของการอธิษฐาน
จงเป็นบุคคลที่ซื่อตรง จงอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อกำจัดความหลอกลวงในหัวใจของเจ้าออกไป จงชำระตัวเจ้าให้บริสุทธิ์โดยผ่านการอธิษฐานตลอดเวลา ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณของพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน และอุปนิสัยของเจ้าจะค่อยๆ เปลี่ยนไป ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงคือชีวิตแห่งการอธิษฐาน—เป็นชีวิตที่ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ กระบวนการของการถูกขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของมนุษย์ ชีวิตที่ไม่ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ แต่เป็นชีวิตของพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น เฉพาะบรรดาผู้ที่ถูกขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์บ่อยๆ เท่านั้นที่ได้เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ อุปนิสัยของมนุษย์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ณ ขณะที่เขาอธิษฐาน ยิ่งพระวิญญาณของพระเจ้าขับเคลื่อนเขามากเท่าใด เขาก็จะยิ่งกลายเป็นมั่นใจและเชื่อฟังมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น หัวใจของเขาก็จะถูกชำระให้บริสุทธิ์ทีละน้อยด้วยเช่นกัน และอุปนิสัยของเขาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลง นั่นคือผลของการอธิษฐานที่แท้จริง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยกิจวัตรของการอธิษฐาน
คำอธิษฐานโดยหลักแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพูดอย่างซื่อสัตย์ “โอ พระเจ้า! พระเจ้าทรงรู้ความเสื่อมทรามของมนุษย์ วันนี้ข้าพระองค์ได้ทำอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่มีเหตุผล ข้าพระองค์ได้เก็บงำเจตนาหนึ่ง—ข้าพระองค์เป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยเล่ห์ลวง ข้าพระองค์ไม่ได้กระทำการตามน้ำพระทัยของพระองค์หรือความจริง ข้าพระองค์ได้กระทำการตามที่ข้าพระองค์มีเจตจำนงและลองพยายามที่จะให้เหตุผลว่าตัวข้าพระองค์เองชอบธรรม บัดนี้ข้าพระองค์ระลึกได้ถึงความเสื่อมทรามของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอให้พระองค์ทรงให้ความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์มากขึ้นและทรงเปิดโอกาสให้ข้าพระองค์เข้าใจความจริง นำความจริงไปสู่การปฏิบัติ และสลัดทิ้งความเสื่อมทรามเหล่านี้” จงพูดในหนทางนี้ จงอธิบายตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหลายตามข้อเท็จจริง ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้อธิษฐานอย่างแท้จริงในเวลาส่วนมาก พวกเขาแค่คิดย้อนไปถึงอดีต ด้วยความรู้อันน้อยนิดในความนึกคิดของพวกเขาและความเต็มใจที่จะกลับใจ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่ได้ทั้งครุ่นคิดหรือหยั่งรู้ถึงความจริงเลย การที่จะครุ่นคิดถึงพระวจนะของพระเจ้าและแสวงหาความจริงในขณะที่อธิษฐานอยู่นั้นล้ำลึกมากกว่าแค่ความทรงจำหรือความรู้มากนัก การปลุกเร้าที่มาเยือนเจ้าโดยพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และความรู้แจ้งและความกระจ่างที่พระราชกิจของพระองค์จัดหาให้เจ้าโดยผ่านทางพระวจนะของพระเจ้านั้นนำทางเจ้าสู่ความรู้ที่แท้จริงและการกลับใจใหม่ที่แท้จริง สิ่งเหล่านั้นล้ำลึกมากกว่าความคิดและความรู้ของมนุษย์มาก นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าต้องรู้ให้ดี หากเจ้าเข้าร่วมในการคิดและการตรวจสอบที่ผิวเผินและส่งเดชเท่านั้น เจ้าก็ไม่มีเส้นทางที่เหมาะสมที่จะใช้เพื่อปฏิบัติ และเจ้ามีความก้าวหน้าไปสู่ความจริงเล็กน้อย เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะยังคงไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น มีหลายครั้งเมื่อผู้คนตั้งใจแน่วแน่ที่จะสละตนเองอย่างจริงจังตั้งใจเพื่อพระเจ้า และที่จะชดใช้ความรักของพระเจ้าอย่างจริงจังตั้งใจ ถึงกระนั้น ด้วยความพึงปรารถนานี้ เจ้าอาจไม่สละตนเองด้วยพลังงานมากนัก และหัวใจของเจ้าอาจไม่มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะมานะบากบั่น อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าเมื่อได้อธิษฐานและได้รับการขับเคลื่อนแล้ว เจ้าทำการตัดสินใจแน่วแน่และกล่าวว่า “พระเจ้า ข้าพระองค์เต็มใจที่จะทนทุกข์กับความยากลำบาก ข้าพระองค์เต็มใจที่จะยอมรับบททดสอบของพระองค์ และข้าพระองค์เต็มใจที่จะนบนอบต่อพระองค์อย่างครบบริบูรณ์ ไม่สำคัญว่าความทุกข์ของข้าพระองค์จะใหญ่หลวงเพียงใด ข้าพระองค์เต็มใจที่จะชดใช้ความรักของพระองค์ ข้าพระองค์ชื่นชมความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงยกชูข้าพระองค์ขึ้นเช่นนั้น—สำหรับการนี้ ข้าพระองค์ขอบคุณพระองค์จากก้นบึ้งของหัวใจ และขอมอบพระสิริทั้งหมดให้แก่พระองค์” หลังจากได้ถวายคำอธิษฐานเช่นนั้นแล้ว ทั้งร่างของเจ้าก็จะได้รับมอบอำนาจ และเจ้าจะมีเส้นทางที่จะใช้เพื่อปฏิบัติ นี่คือผลของการอธิษฐาน หลังจากบุคคลหนึ่งอธิษฐาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เริ่มทรงพระราชกิจกับพวกเขา โดยการให้ความรู้แจ้ง ให้ความกระจ่าง และนำพวกเขา และโดยการมอบความเชื่อและความกล้าหาญที่จำเป็นในการนำความจริงไปสู่การปฏิบัติให้แก่พวกเขา มีผู้คนที่อ่านพระวจนะของพระเจ้าเป็นประจำทุกวันโดยไม่มีการสัมฤทธิ์ผลลัพธ์เช่นนั้น ถึงกระนั้น เมื่อได้อ่านพระวจนะเหล่านั้นแล้ว เมื่อพวกเขาสามัคคีธรรมเกี่ยวกับพระวจนะเหล่านั้น หัวใจของพวกเขาก็เริ่มสว่างไสว และพวกเขาก็พบบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับหนทางข้างหน้า นอกจากนี้ หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงขับเคลื่อนเจ้าสักนิดและทรงให้การทรงนำแก่เจ้าสักหน่อย ตลอดจนภาระสักนิด ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างไปอย่างยิ่งโดยแท้ เมื่อเจ้าอ่านพระวจนะของพระเจ้าด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าอาจได้รับการขับเคลื่อนบ้าง และเจ้าอาจร่ำไห้ เพียงแค่ให้ความรู้สึกนั้นผ่านเลยไปหลังจากชั่วขณะสั้นๆ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าถวายคำอธิษฐานด้วยน้ำตา คำอธิษฐานที่จริงจังตั้งใจ และคำอธิษฐานที่จริงแท้และจริงใจ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะได้รับมอบความแรงกล้าที่สามารถคงอยู่นานหลายวัน นี่คือผลของคำอธิษฐาน จุดประสงค์ของการอธิษฐานคือเพื่อให้ผู้คนมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและยอมรับสิ่งที่พระองค์จะทรงมอบให้แก่พวกเขา หากเจ้าอธิษฐานบ่อยครั้ง และมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าบ่อยครั้งเพื่อเข้าสนิทกับพระองค์ และมีสัมพันธภาพที่ปกติกับพระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะได้รับการขับเคลื่อนโดยพระองค์อยู่ภายในเสมอ และจะได้รับการจัดเตรียมของพระองค์เสมอ และผู้ซึ่งได้รับการจัดเตรียมของพระองค์เสมอจะถูกเปลี่ยนแปลง และสภาพเงื่อนไขของพวกเขาจะปรับปรุงดีขึ้นเรื่อยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบรรดาพี่น้องชายหญิงอธิษฐานด้วยกัน พลังงานยิ่งใหญ่เป็นพิเศษก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาได้รับมาอย่างมากมายมหาศาล ในความจริงนั้น พวกเขาอาจไม่ได้สามัคคีธรรมมากนักในเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เป็นคำอธิษฐานต่างหากที่กระตุ้นพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาไม่อาจรอนานกว่านั้นสักวินาทีที่จะประกาศตัดขาดกับครอบครัวของพวกเขาและกับโลก และพวกเขาไม่ต้องการสิ่งใด และการมีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวก็เพียงพอแล้ว เป็นความเชื่อที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนั้น! พลังอำนาจที่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มอบให้มนุษย์นั้นสามารถชื่นชมได้ไม่มีที่สิ้นสุด! เจ้าสามารถไปได้ไกลเพียงใดโดยปราศจากการพึ่งพาพลังอำนาจนั้น แต่โดยการค้ำยันตัวเจ้าเองและตั้งคอของเจ้าให้ตรงขณะที่เจ้าเดิน หรือการอาศัยความเพียรพยายามและกำลังใจของเจ้าเอง? ไม่ไกลไปข้างหน้านั้นคือที่ซึ่งเจ้าจะล้มและเสื่อมถอย ขณะที่เจ้าเดิน เรี่ยวแรงกำลังของเจ้าก็จะล้มเหลว ผู้คนต้องรักษาการติดต่อของพวกเขากับพระเจ้าไว้จนถึงปลายทาง! แต่ถึงกระนั้น ในขณะที่เขาเดินต่อไป มนุษย์ก็ไถลห่างไปจากพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า มนุษย์ก็เป็นมนุษย์ และแต่ละฝ่ายก็ติดตามเส้นทางของตนเอง พระเจ้าตรัสพระวจนะของพระเจ้า มนุษย์เดินบนเส้นทางของเขาเอง ซึ่งไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับของพระเจ้า เมื่อบุคคลหนึ่งสูญเสียเรี่ยวแรงกำลังในการเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาก็มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่ออธิษฐานด้วยคำพูดไม่กี่คำและยืมเรี่ยวแรงกำลังมานิดหน่อย หลังจากพวกเขาได้กำลังมาบ้างแล้ว พวกเขาก็จากไปอีกครั้ง สักพักหนึ่ง พวกเขาก็จะหมดพลังงาน และกลับมาหาพระเจ้าเพื่อเพิ่มอีก เมื่อกระทำการในหนทางนี้ บุคคลหนึ่งไม่สามารถค้ำชูพลังงานได้เป็นเวลานาน หากบุคคลหนึ่งทิ้งพระเจ้าไป พวกเขาก็ไม่มีหนทางข้างหน้า
ตัดตอนมาจาก “นัยสำคัญของการอธิษฐานและการปฏิบัติของการอธิษฐาน” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
บางครั้ง การมองไปที่พระเจ้าไม่ได้หมายถึงการขอให้พระเจ้าทรงทำบางสิ่งบางอย่างโดยใช้พระวจนะเฉพาะ หรือการขอการทรงนำหรือการทรงอารักขาเฉพาะจากพระองค์ ในทางตรงกันข้าม นั่นก็คือว่า เมื่อผู้คนเผชิญกับประเด็นปัญหาบางอย่าง พวกเขามีความสามารถที่จะไปหาพระองค์อย่างจริงใจได้ ดังนั้น พระเจ้ากำลังทรงทำสิ่งใดอยู่ตรงนั้นเมื่อผู้คนไปหาพระองค์? เมื่อหัวใจของใครบางคนหวั่นไหว และพวกเขามีความคิดดังนี้ว่า “โอ้ พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่สามารถทำการนี้ด้วยตัวเองได้ ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าจะทำการนี้อย่างไร และข้าพระองค์รู้สึกอ่อนแอและเป็นแง่ลบ…” เมื่อความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นในตัวพวกเขา พระเจ้าไม่ทรงรู้เกี่ยวกับการนี้กระนั้นหรือ? เมื่อความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นในตัวผู้คน หัวใจของพวกเขาจริงใจหรือไม่? เมื่อพวกเขาไปหาพระเจ้าอย่างจริงใจในหนทางนี้ พระเจ้าทรงยินยอมที่จะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่? ถึงแม้จะมีข้อเท็จจริงว่าพวกเขาอาจยังไม่ได้พูดสักคำ พวกเขาก็แสดงให้เห็นความจริงใจ และดังนั้น พระเจ้าจึงทรงยินยอมที่จะช่วยเหลือพวกเขา เมื่อใครบางคนเผชิญความลำบากยากเย็นคล้ายขวากหนามเป็นพิเศษ เมื่อพวกเขาไม่มีใครให้หันไปหา และเมื่อพวกเขารู้สึกอับจนหนทางเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาฝากความหวังเดียวของพวกเขาไว้กับพระเจ้า คำอธิษฐานของพวกเขาเป็นเหมือนสิ่งใดหรือ? สภาวะจิตใจของพวกเขาคือสิ่งใด? พวกเขาจริงใจหรือไม่? มีความเจือปนอันใดในเวลานั้นหรือไม่? เพียงเมื่อเจ้าไว้วางใจพระเจ้าราวกับพระองค์ทรงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เจ้ากำแน่นเอาไว้เพื่อช่วยชีวิตของเจ้าให้รอดนั่นเอง หัวใจของเจ้าจึงจริงใจ แม้ว่าเจ้าอาจไม่ได้พูดมากมาย แต่หัวใจของเจ้านั้นปั่นป่วนแล้ว นั่นคือ เจ้ามอบหัวใจที่ซื่อสัตย์ของเจ้าแด่พระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสดับรับฟัง เมื่อพระเจ้าทรงสดับรับฟัง พระองค์ทอดพระเนตรความลำบากยากเย็นของเจ้า และพระองค์จะทรงให้ความรู้แจ้งแก่เจ้า นำทางเจ้า และช่วยเจ้า
ตัดตอนมาจาก “บรรดาผู้เชื่อต้องเริ่มต้นโดยการมองกระแสนิยมชั่วของโลกให้ทะลุปรุโปร่ง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
บางครั้ง เมื่อเจ้ากำลังชื่นชมกับพระวจนะของพระเจ้า จิตวิญญาณของเจ้าได้รับการสัมผัส และเจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากรักพระเจ้า รู้สึกว่ามีพละกำลังมหาศาลภายในตัวเจ้า และรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่สามารถละไว้ได้ หากเจ้ารู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว และหัวใจของเจ้าก็ได้หันเข้าหาพระเจ้าทั้งหมดแล้ว และเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเจ้าแล้วกล่าวว่า “โอ้พระเจ้า พวกเราได้รับการลิขิตไว้ล่วงหน้าอย่างแท้จริงและได้รับเลือกสรรโดยพระองค์ พระสิริของพระองค์มอบความภาคภูมิให้ข้าพระองค์ และข้าพระองค์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นหนึ่งในประชากรของพระองค์ ข้าพระองค์จะยอมสละสิ่งใดก็ตามและมอบสิ่งใดก็ตามเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และจะอุทิศขวบปีทั้งหมดของข้าพระองค์รวมถึงความพยายามของทั้งช่วงชีวิตแด่พระองค์” เมื่อเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ ก็จะมีความรักที่ไม่สิ้นสุดและการเชื่อฟังอย่างแท้จริงต่อพระเจ้าในหัวใจของเจ้า เจ้าเคยมีประสบการณ์เฉกเช่นนี้หรือไม่? หากผู้คนได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้าบ่อยครั้ง เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะอุทิศตนเองแก่พระเจ้าในการอธิษฐานของพวกเขาว่า “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมองเห็นวันแห่งพระสิริของพระองค์ และข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์—ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าหรือมีความหมายไปมากกว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ และข้าพระองค์ไม่ได้มีความพึงปรารถนาแม้แต่น้อยที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อซาตานและเนื้อหนัง พระองค์ทรงฟูมฟักข้าพระองค์โดยการทำให้ข้าพระองค์สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ในวันนี้” เมื่อเจ้าได้อธิษฐานด้วยวิธีนี้ เจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าทำอะไรไม่ได้นอกจากมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า รู้สึกว่าเจ้าต้องได้รับพระเจ้า และรู้สึกว่าเจ้าคงจะเกลียดที่จะตายโดยปราศจากการได้รับพระเจ้าขณะที่เจ้ามีชีวิตอยู่ การได้กล่าวอธิษฐานเช่นนั้นออกไป จะมีพละกำลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยภายในตัวเจ้า และเจ้าจะไม่รู้ว่าพละกำลังนั้นมาจากที่ใด ในหัวใจของเจ้าจะมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด และเจ้าจะมีสำนึกรับรู้ว่าพระเจ้าทรงดีงามยิ่งนัก และสำนึกรับรู้ว่าพระองค์ทรงควรค่าต่อการรัก นี่คือเมื่อเจ้าจะได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้า บรรดาผู้คนที่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นล้วนได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้า สำหรับบรรดาผู้ที่ได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้าบ่อยครั้ง การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายบังเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา พวกเขามีความสามารถที่จะทำได้ตามปณิธานของพวกเขาและเต็มใจที่จะรับพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ ความรักต่อพระเจ้าในหัวใจของพวกเขาหนักแน่นมากขึ้น หัวใจของพวกเขาได้หันเข้าหาพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงครอบครัว โลก ความยุ่งเหยิงทั้งหลาย หรืออนาคตของพวกเขา และพวกเขาเต็มใจที่จะอุทิศความพยายามของทั้งชีวิตแด่พระเจ้า บรรดาผู้ที่ได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้า คือผู้คนที่ไล่ตามเสาะหาความจริง และผู้คนที่มีความหวังถึงการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์
บัดนี้เจ้าควรเห็นได้อย่างชัดแจ้งถึงเส้นทางที่แท้จริงที่เปโตรเลือก หากเจ้าสามารถเห็นเส้นทางของเปโตรได้อย่างชัดแจ้ง เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมั่นใจได้ในเรื่องพระราชกิจที่กำลังได้รับการปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ดังนั้นเจ้าจะไม่พร่ำบ่นหรือเฉยเมย หรือถวิลหาสิ่งใดๆ เลย เจ้าควรได้รับประสบการณ์กับอารมณ์ของเปโตรในเวลานั้น กล่าวคือ เขาได้รับผลกระทบรุนแรงจากความโศกเศร้า เขาไม่ได้ร้องขออนาคตหรือพระพรใดอีกต่อไป เขาไม่ได้แสวงหาผลกำไร ความสุข ชื่อเสียง หรือโชควาสนาในโลก เขาเพียงแค่พยายามที่จะใช้ชีวิตที่เปี่ยมความหมายที่สุด ซึ่งก็คือการชดใช้คืนความรักของพระเจ้าและทุ่มเทอุทิศสิ่งที่เขาถือว่าล้ำค่ามากที่สุดแด่พระเจ้า เช่นนั้นแล้วเขาจึงจะพึงพอใจในหัวใจของเขา บ่อยครั้งที่เขาอธิษฐานต่อพระเยซูด้วยถ้อยคำที่ว่า “องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ครั้งหนึ่งข้าพระองค์เคยรักพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่เคยรักพระองค์อย่างแท้จริง แม้ว่าข้าพระองค์จะพูดว่าข้าพระองค์มีความเชื่อในพระองค์ แต่ข้าพระองค์ก็ไม่เคยรักพระองค์ด้วยหัวใจที่แท้จริง ข้าพระองค์เพียงแค่นิยมบูชาพระองค์ ชื่นชมบูชาพระองค์ และคิดถึงพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่เคยรักพระองค์และไม่เคยมีความเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริง” เขาอธิษฐานอยู่เนืองนิตย์ที่จะตั้งปณิธานของเขา และเขาได้รับการหนุนใจจากพระวจนะของพระเยซูและได้รับแรงจูงใจจากพระวนจะเหล่านี้อยู่เสมอ ต่อมา หลังผ่านประสบการณ์ไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง พระเยซูได้ทรงทดสอบเขา ทรงยั่วยุให้เขาโหยหาพระองค์ยิ่งขึ้นไปอีก เขาพูดว่า “องค์พระเยซูคริสต์เจ้า! ข้าพระองค์ช่างคิดถึงพระองค์และถวิลหาที่จะเฝ้ามองพระองค์อะไรเช่นนี้ ข้าพระองค์ยังขาดพร่องอยู่มากเกินไป และไม่สามารถชดเชยความรักของพระองค์ได้ ข้าพระองค์ขอร้องให้พระองค์ทรงนำตัวข้าพระองค์ไปโดยเร็ว เมื่อไรพระองค์จะทรงมีความต้องการในตัวข้าพระองค์หรือ? เมื่อไรพระองค์จะทรงนำตัวข้าพระองค์ไป? เมื่อไรข้าพระองค์จะได้เฝ้ามองพระพักตร์ของพระองค์อีกครั้ง? ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปในร่างกายนี้ เพื่อกลายเป็นถูกทำให้เสื่อมทรามต่อไป อีกทั้งข้าพระองค์ไม่ปรารถนาที่จะกบฏมากไปกว่านี้อีก ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะทุ่มเทอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์มีแด่พระองค์ทันทีที่ข้าพระองค์ทำได้ และข้าพระองค์ไม่ปรารถนาที่จะทำให้พระองค์เสียพระทัยมากไปกว่านี้อีก” นี่คือวิธีที่เขาอธิษฐาน แต่ในเวลานั้นเขาไม่ได้รู้ว่าพระเยซูจะทรงทำให้สิ่งใดในตัวเขามีความเพียบพร้อม ในช่วงระหว่างความร้าวรานจากการทดสอบของเขา พระเยซูได้ทรงปรากฏต่อเขาอีกครั้งแล้วตรัสว่า “เปโตร เราปรารถนาที่จะทำให้ท่านมีความเพียบพร้อม เพื่อที่ท่านจะได้กลายเป็นชิ้นผลไม้ ชิ้นผลไม้ที่เป็นการตกผลึกของการทำให้ท่านมีความเพียบพร้อมของเรา และซึ่งเราจะชื่นชม ท่านสามารถให้คำพยานกับเราอย่างแท้จริงได้หรือไม่? ท่านได้ทำสิ่งที่เราขอให้ท่านทำหรือยัง? ท่านได้ใช้ชีวิตตามวจนะที่เราได้พูดไว้หรือยัง? ครั้งหนึ่งท่านได้รักเรา แต่แม้ว่าท่านได้รักเรา ท่านได้ใช้ชีวิตตามเราหรือไม่? สิ่งใดหรือที่ท่านได้ทำไปเพื่อเรา? ท่านระลึกรู้ว่าท่านไม่คู่ควรกับความรักของเรา แต่ท่านได้ทำสิ่งใดไปเพื่อเราหรือ?” เปโตรได้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อพระเยซูเลยและจดจำได้ถึงคำปฏิญาณก่อนหน้านั้นของเขาที่จะมอบชีวิตของเขาแด่พระเจ้า และดังนั้น เขาจึงไม่ปริบ่นอีกต่อไป และคำอธิษฐานของเขานับแต่นั้นก็ดีขึ้นมาก เขาอธิษฐานด้วยการพูดว่า “องค์พระเยซูคริสต์เจ้า! ครั้งหนึ่งข้าพระองค์ได้ทิ้งพระองค์ไป และครั้งหนึ่งพระองค์ก็ได้ทรงทิ้งข้าพระองค์ไปเช่นกัน พวกเราได้ใช้เวลาโดยแยกห่างจากกัน และได้ร่วมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน กระนั้นพระองค์ก็ทรงรักข้าพระองค์ยิ่งกว่าอื่นใดทั้งสิ้น ข้าพระองค์ได้เป็นกบฏต่อพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและได้ทำให้พระองค์ตรอมพระทัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าพระองค์จะสามารถลืมเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า? ข้าพระองค์จำใส่ใจและไม่เคยลืมพระราชกิจที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติแล้วกับข้าพระองค์และสิ่งที่พระองค์ได้ไว้วางพระทัยมอบหมายต่อข้าพระองค์เสมอมา ข้าพระองค์ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์สามารถทำได้สำหรับพระราชกิจที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติแล้วกับข้าพระองค์ พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์สามารถทำอะไรได้ และพระองค์ทรงทราบยิ่งไปกว่านั้นว่าข้าพระองค์สามารถเล่นบทบาทใดได้ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงของพระองค์ และข้าพระองค์จะทุ่มเทอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์มีแด่พระองค์ พระองค์เท่านั้นที่ทรงทราบว่าข้าพระองค์สามารถทำอะไรเพื่อพระองค์ได้ แม้ว่าซาตานได้หลอกข้าพระองค์มากมายและข้าพระองค์ก็ได้กบฏต่อพระองค์ แต่ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ไม่ทรงจดจำข้าพระองค์เพราะการล่วงละเมิดเหล่านั้น และเชื่อว่าพระองค์ไม่ทรงปฏิบัติต่อข้าพระองค์บนพื้นฐานของการล่วงละเมิดเหล่านั้น ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะทุ่มเทอุทิศทั้งชีวิตของข้าพระองค์แด่พระองค์ ข้าพระองค์ไม่ขออะไร และข้าพระองค์ก็ไม่มีความหวังหรือแผนอื่นใด ข้าพระองค์ปรารถนาเพียงแค่ได้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของพระองค์และทำตามน้ำพระทัยของพระองค์เท่านั้น ข้าพระองค์จะดื่มจากถ้วยที่มีรสขมของพระองค์ และข้าพระองค์จะเป็นของพระองค์ตามที่จะทรงบัญชา”
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เปโตรได้มารู้จักพระเยซูได้อย่างไร
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ