ตลอดเวลาที่ผ่านมา จินตนาการของฉันคือชีวิตไม่ต้องกังวลการกินการอยู่ หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง แต่ในระหว่างที่ฉันพยายามต่อสู้เพื่อความฝันของฉัน แต่กลับพบว่ามีหลายเรื่องที่ฉันไม่อาจควบคุมมันได้ เรื่องที่วางแผนดีแล้วแต่กลับไม่ปรากฏเป็นจริง ฉันรู้สึกมีชีวิตอย่างนี้เหนื่อยมาก ทำไมแผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการควบคุมของตัวเองจริงเหรอ?
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
นับแต่ชั่วขณะที่เจ้าเข้ามาในโลกนี้พร้อมกับเสียงร้องจ้า เจ้าก็เริ่มทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วง เจ้าแสดงไปตามบทบาทของเจ้าและเริ่มการเดินทางของชีวิตของเจ้า เพื่อแผนของพระเจ้าและเพื่อการทรงลิขิตของพระองค์ ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังอย่างไร และการเดินทางข้างหน้าของเจ้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถหลีกหนีการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของฟ้าได้ และไม่มีใครควบคุมชะตาลิขิตของตนเองได้ เพราะมีเพียงพระองค์ผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งเท่านั้นที่ทรงสามารถทำงานเช่นนั้นได้ นับตั้งแต่วันที่มนุษย์ได้มาสู่การดำรงอยู่ พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจเช่นนี้มาตลอด บริหารจัดการจักรวาล กำกับกฎเกณฑ์แห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกสรรพสิ่งและวิถีโคจรของทุกสรรพสิ่งเหล่านั้น เช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่ง—มนุษย์ได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างเงียบเชียบและไม่รู้ตัว ด้วยความอ่อนหวานและหยาดฝน ตลอดจนหยดน้ำค้างจากพระเจ้า เช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่ง—มนุษย์อยู่ภายใต้การจัดวางเรียบเรียงของพระหัตถ์พระเจ้าโดยไม่รู้ตัว หัวใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ถูกกุมไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ทุกอย่างในชีวิตของเขาอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าสิ่งใดและทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าที่มีชีวิตอยู่หรือตายแล้วก็ตาม จะเคลื่อนย้าย เปลี่ยนแปลง สร้างขึ้นมาใหม่และปลาสนาการไปตาม พระดำริของพระเจ้า นี่คือหนทางที่พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือทุกสรรพสิ่ง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์
ชะตากรรมของมนุษย์ถูกควบคุมโดยพระหัตถ์ของพระเจ้า เจ้าไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวของเจ้า กล่าวคือ ทั้งที่มนุษย์จะสาละวนเร่งรีบและทำตัวเขาเองให้วุ่นวายในนามของเขาเองอยู่เสมอ เขาก็ยังคงไม่สามารถควบคุมตัวเขาเองได้ หากเจ้าสามารถรู้ความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถควบคุมชะตากรรมของเจ้าเองได้ เจ้าจะยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างอยู่หรือ? กล่าวสั้นๆ ก็คือ ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงพระราชกิจอย่างไร พระราชกิจของพระองค์ทั้งหมดล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ ดูตัวอย่างของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเพื่อรับใช้มนุษย์ กล่าวคือ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาวทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่อมนุษย์ สัตว์และต้นพืชทั้งหลาย ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว และอื่นๆ—ทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์แห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์ และดังนั้น ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงตีสอนและพิพากษามนุษย์อย่างไร ทั้งหมดล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความรอดของมนุษย์ ถึงแม้ว่าพระเจ้าทรงปลดเปลื้องมนุษย์จากความหวังทางเนื้อหนังของเขา นั่นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งการชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ และการชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์นั้นก็เป็นไปเพื่อที่เขาอาจจะรอดชีวิตได้นั่นเอง บั้นปลายของมนุษย์อยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้สร้าง เช่นนั้นแล้ว มนุษย์จะสามารถควบคุมตัวเขาเองได้อย่างไรกัน?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การฟื้นฟูชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์
การบรรลุความรู้ที่ชัดเจนแม่นยำและการเข้าใจความจริงเหล่านี้ที่เกี่ยวกับอธิปไตยของพระเจ้าเหนือชะตากรรมมนุษย์คือบทเรียนบังคับสำหรับทุกคน มันคือกุญแจของการรู้จักชีวิตมนุษย์และบรรลุถึงความจริง เช่นนั้นคือชีวิตแห่งการทำความรู้จักพระเจ้า เป็นหลักสูตรพื้นฐานของการศึกษาของชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญในแต่ละวัน ซึ่งไม่มีใครเลยที่สามารถเลี่ยงหนีได้ หากใครบางคนปรารถนาที่จะใช้ทางลัดเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายนี้ เช่นนั้นแล้ว เราบอกเจ้าตอนนี้เลยว่า มันเป็นไปไม่ได้! หากเจ้าต้องการหลีกหนีอธิปไตยของพระเจ้า นั่นยิ่งเป็นไปได้น้อยเข้าไปใหญ่! พระเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ผู้เดียวของมนุษย์ พระเจ้าคือองค์เจ้านายแต่ผู้เดียวของชะตากรรมมนุษย์ และดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ที่จะลิขิตขีดเขียนชีวิตของเขาเอง เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะก้าวออกจากมัน ไม่สำคัญว่าคนเราจะมีความสามารถมากมายขนาดไหน คนเราไม่สามารถมีอิทธิพลต่อ—นับประสาอะไรที่จะสามารถจัดวางเรียบเรียง จัดการเตรียมการ ควบคุม หรือเปลี่ยนแปลง—ชะตากรรมของผู้อื่น มีเพียงพระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ เท่านั้น ที่ทรงลิขิตขีดเขียนทุกสรรพสิ่งสำหรับมนุษย์ เพราะมีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ทรงครองสิทธิอำนาจอันทรงเอกลักษณ์ที่ถือครองอธิปไตยเหนือชะตากรรมมนุษย์ และดังนั้นมีเพียงพระผู้สร้างเท่านั้นที่ทรงเป็นองค์เจ้านายหนึ่งเดียวของมนุษย์ สิทธิอำนาจของพระเจ้าถือครองอธิปไตยไม่เพียงเหนือมนุษยชาติที่ทรงสร้างมาเท่านั้น แต่ยังเหนือสิ่งที่ไม่ได้ทรงสร้างที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถมองเห็นได้ เหนือหมู่ดาว เหนือห้วงจักรวาล นี่คือข้อเท็จจริงที่มิอาจโต้แย้งได้ ข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่จริง ที่ไม่มีบุคคลใดหรือสิ่งใดเลยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากหนึ่งในพวกเจ้ายังคงไม่พึงพอใจกับสิ่งต่างๆ ตามที่พวกมันเป็นอยู่ โดยเชื่อว่าเจ้ามีทักษะหรือความสามารถพิเศษบางอย่าง และยังคิดไปอีกว่าด้วยจังหวะแห่งโชคดีบางอย่าง เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงรูปการณ์แวดล้อมต่างๆ ในปัจจุบันของเจ้าได้ หรือไม่เช่นนั้นก็หลีกหนีพวกมันได้ หากเจ้าพยายามที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเจ้าเองโดยวิถีทางแห่งความพยายามของมนุษย์ และผลที่ได้คือแยกตัวเจ้าเองออกมาให้โดดเด่นกว่ามิตรสหายและได้รับชื่อเสียงและโชควาสนา เช่นนั้นแล้ว เราบอกเจ้าเลยว่า เจ้ากำลังทำสิ่งต่างๆ ให้ยากสำหรับตัวเจ้าเอง เจ้าแค่กำลังหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น เจ้ากำลังขุดหลุมศพของตัวเอง! สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะค้นพบว่า ตัวเจ้าได้เลือกทางผิดไป และความพยายามต่างๆ ของเจ้านั้นสูญเปล่า ความทะเยอทะยานของเจ้า ความอยากที่จะดิ้นรนต่อต้านชะตากรรม และการประพฤติปฏิบัติอันผิดมหันต์ของตัวเจ้าเองจะนำเจ้าล่องไปตามถนนที่ไม่มีทางย้อนคืน และเจ้าจะต้องรับผิดอย่างสาสมกับการกระทำนี้ แม้ว่าในตอนนี้เจ้ามองไม่เห็นความรุนแรงของผลสืบเนื่องที่ตามมา เมื่อเจ้าได้รับประสบการณ์ต่อไป และซาบซึ้งรู้คุณค่าของความจริงอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่า พระเจ้าคือองค์เจ้านายของชะตากรรมมนุษย์ เจ้าจึงจะมาตระหนักอย่างช้าๆ ในสิ่งที่เราพูดถึงในวันนี้และความนัยที่แท้จริงของมัน การที่เจ้าจะมีหัวใจและจิตวิญญาณอย่างแท้จริงหรือไม่ และการที่เจ้าจะเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งรักความจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีที่เจ้ามีต่ออธิปไตยของพระเจ้าและต่อความจริง โดยธรรมชาติแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งที่กำหนดว่าเจ้าสามารถที่จะรู้จักและเข้าใจสิทธิอำนาจของพระเจ้าได้อย่างแท้จริงหรือไม่ หากในชีวิตของเจ้า เจ้าไม่เคยเลยที่จะสำนึกถึงอธิปไตยของพระเจ้าและการจัดการเตรียมการของพระองค์ นับประสาอะไรที่จะระลึกได้ถึงและยอมรับสิทธิอำนาจของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าย่อมจะไร้คุณค่าอย่างถึงที่สุด และไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าจะเป็นเป้าของความเกลียดและการปฏิเสธของพระเจ้า โดยเนื่องมาจากเส้นทางที่เจ้าได้ใช้เดินและทางเลือกที่เจ้าได้ทำไป แต่ในพระราชกิจของพระเจ้า บรรดาผู้ซึ่งสามารถยอมรับการทดสอบของพระองค์ ยอมรับอธิปไตยของพระองค์ นบนอบต่อสิทธิอำนาจของพระองค์ และค่อยๆ ได้รับประสบการณ์จริงของพระวจนะของพระองค์ จะได้บรรลุความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระเจ้า และความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับอธิปไตยของพระองค์ พวกเขาจะกลายเป็นได้ไปอยู่ภายใต้อำนาจของพระผู้สร้างอย่างแท้จริง ผู้คนเช่นนี้เท่านั้นจะได้รับการช่วยให้รอดแล้วอย่างแท้จริง
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3
ในทุกๆ วัน เจ้าจะไปไหน เจ้าจะทำอะไร ใครหรืออะไรที่พวกเจ้าจะเผชิญ เจ้าจะพูดอะไร จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า—มีอันใดหรือในสิ่งนี้ ที่สามารถคาดทำนายได้? ผู้คนไม่สามารถล่วงรู้การเกิดเหตุทั้งหมดเหล่านี้ได้ นับประสาอะไรที่จะสามารถควบคุมวิธีที่สถานการณ์เหล่านี้จะก่อตัวขึ้นมาได้ ในชีวิตนั้น เหตุการณ์ที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์เหล่านี้เป็นการเกิดเหตุประจำวันทั่วไปอย่างหนึ่ง ความผันผวนรายวันเหล่านี้และวิธีที่พวกมันคลี่คลายตัวออกมา หรือรูปแบบที่พวกมันเกิดขึ้นตามกันนั้นเป็นสิ่งเตือนจำสม่ำเสมอต่อมนุษยชาติ ว่าไม่มีอะไรเลยที่เกิดขึ้นแบบสุ่ม ว่ากระบวนการเกิดของแต่ละเหตุการณ์ ธรรมชาติอันมิอาจหลบหลีกได้ของแต่ละเหตุการณ์นั้นไม่อาจขยับเปลี่ยนได้โดยเจตจำนงของมนุษย์ ทุกการเกิดเหตุสื่อนำการตักเตือนจากพระผู้สร้างมาสู่มนุษยชน และส่งข่าวมาด้วยเช่นกันว่ามนุษย์ไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้ ทุกเหตุการณ์คือการตอบโต้ความป่าเถื่อน ความทะเยอทะยานลมๆ แล้งๆ และความอยากที่จะกุมชะตากรรมของตนไว้ในมือตัวเองของมนุษย์ เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเหมือนการฟาดตบอย่างรุนแรงลงบนใบหน้าของมนุษยชาติ ทีละคน บีบให้ผู้คนพิจารณาเสียใหม่ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ใครกันที่ปกครองและควบคุมชะตากรรมของพวกเขา และเมื่อความทะเยอทะยานและความอยากทั้งหลายของพวกเขาถูกขัดขวางและทำลายจนป่นปี้ จึงเป็นธรรมดาที่มนุษย์ย่อมมาถึงการยอมรับชะตากรรมที่รอท่าอยู่โดยไม่รู้สึกตัว—การยอมรับความเป็นจริง ยอมรับน้ำพระทัยแห่งฟ้าและอธิปไตยของพระผู้สร้าง จากความผันผวนรายวันเหล่านี้สู่ชะตากรรมของชีวิตมนุษย์ทั้งหลายทั้งสิ้น หามีอันใดเลยที่ไม่ได้เปิดเผยแผนการของพระผู้สร้างและอธิปไตยของพระองค์ หามีอันใดเลยที่ไม่ได้ส่งข่าวว่า “สิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างนั้นมิอาจก้ำเกินได้” ที่ไม่ได้สื่อนำความจริงอันเป็นนิรันดร์ที่ว่า “สิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างนั้นสูงสุด”
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3
อาชีพที่คนเราเลือก วิธีที่คนเราหาเลี้ยงชีพ ผู้คนสามารถควบคุมอันใดได้หรือไม่ เกี่ยวกับการที่ว่าพวกเขาเลือกตัวเลือกที่ดีหรือตัวเลือกที่ไม่ดีในบรรดาสิ่งเหล่านี้? สิ่งเหล่านี้เป็นไปโดยสอดคล้องกับความอยากได้อยากมีและการตัดสินใจของผู้คนหรือไม่? ผู้คนส่วนใหญ่มีความปรารถนาดังต่อไปนี้ คือ ทำงานน้อยได้เงินมาก ไม่ต้องกรำงานหนักตากแดดตากฝน แต่งกายดี เรืองรองรุ่งโรจน์ไปทุกแห่งหน ตระหง่านง้ำเหนือคนอื่น และนำเกียรติมาสู่บรรพบุรุษของพวกเขา ผู้คนหวังที่จะมีความเพียบพร้อม แต่ยามที่เขาเหยียบย่างก้าวแรกในการเดินทางของชีวิตพวกเขา พวกเขาจึงค่อยๆ มาตระหนักว่า ชะตาลิขิตของมนุษย์นั้นไม่สมประกอบเพียงใด และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจับความเข้าใจได้อย่างแท้จริงในข้อเท็จจริงที่ว่า แม้คนเราสามารถวางแผนการอันอาจหาญสำหรับอนาคตของคนเรา และแม้คนเราอาจเก็บงำความเพ้อฝันอันบ้าบิ่นต่างๆ เอาไว้ ไม่มีใครเลยที่มีความสามารถหรือพลังอำนาจที่จะทำให้ความฝันของพวกเขาเองเป็นจริงขึ้นมา และไม่มีใครเลยที่อยู่ในฐานะที่ควบคุมอนาคตของตนเองได้ จะมีระยะห่างอยู่เสมอระหว่างความฝันของคนเรากับความเป็นจริงต่างๆ ที่คนเราต้องเผชิญ สิ่งต่างๆ ไม่เคยเป็นดั่งที่คนเราต้องการให้พวกมันเป็น และเมื่อเผชิญกับความเป็นจริงต่างๆ เช่นนั้น ผู้คนไม่มีวันที่จะสามารถสัมฤทธิ์ในความพึงพอใจหรือความสุขสมใจได้เลย ผู้คนบางคนจะไปไกลตราบเท่าที่จะจินตนาการได้ จะใช้ความพยายามอย่างใหญ่หลวงและการพลีอุทิศที่ยิ่งใหญ่เพื่อประโยชน์ของชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของพวกเขาเอง โดยพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้พวกเขาสามารถทำให้ความฝันและความอยากได้อยากมีของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมาด้วยวิถีทางแห่งการทำงานหนักของพวกเขาเอง พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาเองได้ และไม่สำคัญว่าพวกเขาพยายามอย่างหัวเด็ดตีนขาดอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีวันไปได้เกินกว่าสิ่งที่ชะตาลิขิตได้จัดสรรไว้ให้พวกเขา ไม่ต้องคำนึงถึงว่าความสามารถ เชาว์น์ปัญญา และพลังจิตมีความแตกต่างกันอย่างไร ผู้คนทั้งหมดล้วนเสมอภาคกันในการเผชิญหน้ากับชะตากรรมซึ่งไม่แยกแยะระหว่างคนยิ่งใหญ่กับคนตัวเล็กๆ คนสูงส่งกับคนต่ำต้อย คนที่ได้รับการยกย่องกับคนต่ำศักดิ์ อาชีพที่คนเราเสาะหา สิ่งที่คนเราทำเพื่อเลี้ยงชีพ และความอุดมสมบูรณ์ในโภคทรัพย์ที่คนเราสะสมได้ในชีวิตไม่ได้ถูกตัดสินใจโดยบิดามารดาของคนเรา พรสวรรค์ของคนเรา ความพยายามของคนเรา หรือความทะเยอทะยานของคนเรา แต่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้วโดยพระผู้สร้าง
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3
เนื่องเพราะผู้คนไม่ระลึกได้ถึงการจัดวางเรียบเรียงของพระเจ้าและอธิปไตยของพระเจ้า พวกเขาจึงเผชิญกับชะตากรรมอย่างเยาะเย้ยท้าทายและด้วยท่าทีที่เป็นกบฏเสมอ และพวกเขาต้องการที่จะปลดเปลื้องจากสิทธิอำนาจและอธิปไตยของพระเจ้าและสิ่งต่างๆ ที่ชะตากรรมเตรียมไว้ให้ โดยหวังลมๆ แล้งๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปการณ์แวดล้อม ณ ปัจจุบันและแก้ไขดัดแปลงชะตากรรมของพวกเขา แต่พวกเขาไม่มีวันสามารถทำสำเร็จ และถูกขัดขวางในทุกการขยับตัว การดิ้นรนนี้ที่ฝังลึกอยู่ในวิญญาณของคนเรานำมาซึ่งความเจ็บปวดล้ำลึกชนิดที่กัดเซาะเข้าไปถึงกระดูกดำของคนเราในขณะที่คนเราใช้ชีวิตของพวกเขาทิ้งขว้างไปพลางๆ อะไรหรือคือสาเหตุของความเจ็บปวดนี้? มันเป็นเพราะอธิปไตยของพระเจ้า หรือเพราะบุคคลหนึ่งเกิดมาอย่างโชคร้าย? เห็นได้ชัดว่า ไม่ถูกทั้งสองอย่าง โดยพื้นฐานแล้ว มันเกิดจากเส้นทางที่ผู้คนเดิน วิธีที่พวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตของพวกเขา ผู้คนบางคนอาจไม่ระลึกได้ถึงสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเจ้ารู้อย่างแท้จริง เมื่อเจ้ามาระลึกได้อย่างแท้จริงว่าพระเจ้าทรงมีอธิปไตยเหนือชะตากรรมมนุษย์ เมื่อเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าได้ทรงวางแผนการไว้เพื่อเจ้า และได้ทรงตัดสินใจเพื่อเจ้านั้นคือผลประโยชน์และการปกป้องอันยิ่งใหญ่ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมรู้สึกว่าความเจ็บปวดของเจ้าเริ่มเบาบางลง และความเป็นอยู่ของเจ้าทั้งหมดทั้งสิ้นกลายมาเป็นผ่อนคลาย อิสระ และเสรี โดยการตัดสินจากสภาวะของผู้คนส่วนใหญ่ หากกล่าวตามความจริงแล้ว พวกเขาไม่สามารถมาเริ่มทำความเข้าใจอย่างแท้จริงต่อคุณค่าในทางปฏิบัติและความหมายของอธิปไตยของพระผู้สร้างเหนือชะตากรรมมนุษย์ แม้จะเป็นในระดับความคิดเห็นส่วนตัว พวกเขาไม่ต้องการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างที่พวกเขาเคยทำมาก่อน และต้องการถูกปลดปล่อยจากความเจ็บปวดของพวกเขา ในแง่ความเป็นจริงพวกเขาไม่สามารถระลึกได้ถึงและนบนอบต่ออธิปไตยของพระผู้สร้างได้อย่างแท้จริง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะรู้วิธีแสวงหาและยอมรับการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระผู้สร้าง ดังนั้น หากผู้คนไม่สามารถระลึกได้อย่างแท้จริงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพระผู้สร้างทรงมีอธิปไตยเหนือชะตากรรมมนุษย์และเหนือเรื่องราวทั้งหมดของมนุษย์แล้วไซร้ หากพวกเขาไม่สามารถนบนอบต่ออำนาจครอบครองของพระผู้สร้างได้อย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้วก็ย่อมจะเป็นการยากที่พวกเขาจะไม่ถูกขับเคลื่อนและล่ามติดอยู่กับแนวความคิดที่ว่า “ชะตากรรมของคนเรานั้น อยู่ในมือของคนเราเอง” มันจะยากที่พวกเขาจะสลัดความเจ็บปวดในการคร่ำเคร่งดิ้นรนต่อต้านชะตากรรมและสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง และคงไม่จำเป็นต้องพูดว่า มันก็จะเป็นการลำบากสำหรับพวกเขาเช่นกันที่จะกลายมามีเสรีภาพและเป็นอิสระ กลายมาเป็นผู้คนผู้ซึ่งนมัสการพระเจ้า แต่มีหนทางหนึ่งซึ่งเรียบง่ายยิ่งนักที่จะทำให้คนเราเป็นอิสระจากสภาวะนี้ซึ่งเป็นการอำลาวิถีชีวิตเดิมของคนเรา เพื่อที่จะกล่าวคำอำลาต่อเป้าหมายชีวิตก่อนหน้านี้ของพวกเขา เพื่อที่จะสรุปและวิเคราะห์ลีลาชีวิตก่อนหน้านี้ มุมมองของชีวิต กิจกรรมต่างๆ ที่ทำไปตามความชอบ ความอยากได้อยากมี และอุดมคติต่างๆ ของคนเรา และจากนั้นก็เปรียบเทียบสิ่งเหล่านั้นกับน้ำพระทัยและข้อเรียกร้องของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ และดูว่ามีสิ่งใดในสิ่งเหล่านั้นที่สอดคล้องเข้ากันได้กับน้ำพระทัยและข้อเรียกร้องของพระเจ้า ดูว่ามีสิ่งใดบ้างในสิ่งเหล่านั้นที่มอบคุณค่าที่ถูกต้องของชีวิต นำทางคนเราไปสู่ความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับความจริง และอำนวยให้คนเรามีชีวิตอยู่กับสภาวะความเป็นมนุษย์และรูปสัณฐานของความเป็นมนุษย์ เมื่อเจ้ายังคงเจาะลึกลงไปซ้ำๆ และทำการจำแนกอย่างระมัดระวังในเป้าหมายอันหลากหลายที่ผู้คนไล่ตามเสาะหาในชีวิต และหนทางการดำเนินชีวิตนับหมื่นแสนของพวกเขา เจ้าจะไม่พบแม้สักหนึ่งอย่างที่สอดคล้องกับพระเจตนาดั้งเดิมของพระผู้สร้างที่พระองค์ใช้ในการสร้างมนุษยชาติขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดดึงผู้คนให้ห่างออกจากอธิปไตยและการดูแลเอาใจใส่ของพระผู้สร้าง สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคือกับดักที่เป็นเหตุให้ผู้คนกลายเป็นต่ำช้า และเป็นสิ่งที่นำทางพวกเขาไปสู่นรก หลังจากที่เจ้าระลึกได้ในเรื่องนี้ กิจของเจ้าก็คือวางมุมมองเก่าของชีวิตลง อยู่ให้ห่างจากกับดักอันหลากหลาย ยอมให้พระเจ้าเข้ากำกับชีวิตของเจ้าและทำการจัดการเตรียมการสำหรับเจ้า มันเป็นการพยายามเพียงเพื่อที่จะนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการทรงนำของพระเจ้า ที่จะมีชีวิตโดยปราศจากการเลือกของปัจเจกบุคคล และเพื่อที่จะกลายเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งนมัสการพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3
หากบุคคลหนึ่งเพียงเชื่อในชะตากรรมเท่านั้น—ต่อให้พวกเขารู้สึกเกี่ยวกับมันอย่างลึกซึ้ง—แต่ด้วยการนั้นก็ใช่จะสามารถรู้จักและระลึกรู้ในอธิปไตยของพระผู้สร้างเหนือชะตากรรมของมนุษยชาติ ใช่จะนบนอบต่อมันและยอมรับมัน เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตของพวกเขาจะเป็นโศกนาฏกรรมหนึ่ง เป็นชีวิตหนึ่งซึ่งอยู่ไปโดยสูญเปล่า เป็นความว่างเปล่า พวกเขาจะยังคงไม่สามารถมาอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระผู้สร้าง ไม่สามารถกลายเป็นมนุษย์ที่ถูกสร้างในความหมายที่จริงแท้ที่สุดของคำๆ นี้ และไม่สามารถชื่นชมการมาถึงของพระผู้สร้างได้ บุคคลหนึ่งผู้ซึ่งรู้จักและมีประสบการณ์ในอธิปไตยของพระผู้สร้างอย่างแท้จริงควรอยู่ในสภาวะกระตือรือร้นเป็นฝ่ายรุก ไม่ใช่ในสภาวะนิ่งเฉยรอเป็นฝ่ายรับหรือรู้สึกอับจนหนทาง ในขณะที่บุคคลดังกล่าวจะยอมรับว่าทุกสรรพสิ่งถูกกำหนดชะตากรรม พวกเขาควรมีคำนิยามที่แม่นยำของคำว่าชีวิตและชะตากรรม นั่นคือ ทุกชีวิตอยู่ภายใต้อธิปไตยของพระผู้สร้าง เมื่อคนเรามองย้อนกลับไปบนถนนที่คนเราได้เดินมา เมื่อคนเราย้อนรำลึกถึงทุกระยะของการเดินทางของคนเรา คนเรามองเห็นว่า ในทุกย่างก้าว ไม่ว่าการเดินทางนั้นจะทุลักทุเลหรือราบรื่น พระเจ้ากำลังทรงนำอยู่บนเส้นทางของคนเรา กำลังวางแผนเส้นทางนั้น การจัดการเตรียมการอันพิถีพิถันของพระเจ้า การวางแผนอันระมัดระวังของพระองค์นี่เองที่นำทางคนเรามาถึงทุกวันนี้โดยไม่รู้ตัว การที่สามารถยอมรับอธิปไตยของพระผู้สร้าง การที่สามารถรับความรอดของพระองค์—ช่างเป็นโชควาสนาอันยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้! หากคนเรามีท่าทีในแง่ลบต่อชะตากรรม นั่นก็พิสูจน์ว่า พวกเขากำลังฝืนต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าได้ทรงจัดการเตรียมการไว้เพื่อพวกเขา ว่าพวกเขาไม่มีท่าทีในเชิงนบนอบ หากคนเรามีท่าทีที่เป็นบวกต่ออธิปไตยของพระเจ้าเหนือชะตากรรมมนุษย์แล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วเมื่อคนเราย้อนรำลึกถึงการเดินทางของคนเรา เมื่อถึงคราวที่มนุษย์เริ่มที่จะเข้าใจอธิปไตยของพระเจ้า คนเราจะมีความต้องการอย่างจริงจังตั้งใจมากขึ้นที่จะนบนอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าได้ทรงจัดการเตรียมการไว้ จะมีความตั้งใจแน่วแน่และมีความมั่นใจที่จะยอมให้พระเจ้าทรงจัดวางเรียบเรียงชะตากรรมของคนเราและหยุดทำการกบฏต่อต้านพระเจ้า ด้วยความที่คนเรามองเห็นว่า เมื่อคนเราไม่จับใจความเกี่ยวกับชะตากรรม เมื่อคนเราไม่เข้าใจอธิปไตยของพระเจ้า เมื่อคนเราจงใจคลำทางมะงุมมะงาหราไปข้างหน้า พยุงสังขารเซซังไปในม่านหมอก การเดินทางนั้นยากเกินไป รวดร้าวหัวใจเกินไป ดังนั้นเมื่อคนเราระลึกได้ในอธิปไตยของพระเจ้าเหนือชะตากรรมมนุษย์ คนที่ฉลาดเลือกที่จะรู้จักและยอมรับมัน อำลาวันเวลาอันปวดร้าวเมื่อตอนที่พวกเขาได้พยายามที่จะสร้างชีวิตที่ดีด้วยสองมือของพวกเขาเอง และหยุดดิ้นรนต่อต้านชะตากรรมและไล่ตามเสาะหาสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เป้าหมายชีวิต” ในหนทางของเขาเอง เมื่อคนเราไม่มีพระเจ้า เมื่อคนเรามองไม่เห็นพระองค์ เมื่อคนเราไม่สามารถระลึกได้อย่างชัดเจนถึงอธิปไตยของพระเจ้า ทุกวันก็ย่อมไร้ความหมาย ไร้คุณค่า น่าเวทนา ไม่ว่าคนเราจะอยู่แห่งหนใด งานการของคนเราจะเป็นอะไร วิธีการดำเนินชีวิตของคนเราและการไล่ตามเสาะหาเป้าหมายของคนเราไม่ได้นำพาอะไรมาให้คนเราเลยนอกจากความหัวใจสลายอย่างไม่รู้จบและความทุกข์ทนที่ไม่มีการบรรเทา จนกระทั่งคนเราไม่สามารถทนมองย้อนกลับหลังไปในอดีตของคนเราได้ มีเพียงเมื่อคนเรายอมรับอธิปไตยของพระผู้สร้าง นบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระองค์ และแสวงหาชีวิตมนุษย์จริงเท่านั้นที่คนเราจะค่อยๆ เริ่มหลุดพ้นจากความทุกข์ทนและความหัวใจสลายทั้งหมด และกำจัดความว่างเปล่าทั้งปวงในชีวิตให้หมดสิ้นไป
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3
พระเจ้าทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งและทรงบริหารทุกสรรพสิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงบริหารทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงปกครองเหนือทั้งหมดที่มี และพระองค์ทรงจัดเตรียมสำหรับทั้งหมดที่มี นี่คือพระสถานะของพระเจ้า และนั่นคือพระอัตลักษณ์ของพระองค์ สำหรับทุกสรรพสิ่งและทั้งหมดที่มีนั้น พระอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าคือพระผู้สร้างและพระผู้ปกครองของสิ่งทรงสร้างทั้งหมด เช่นนั้นคือพระอัตลักษณ์ที่พระเจ้าทรงถือครอง และพระองค์ทรงมีเอกลักษณ์ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งทรงสร้างทั้งหลายของพระเจ้า—ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์หรือในโลกฝ่ายวิญญาณ—ที่จะสามารถใช้วิธีการหรือข้ออ้างใดๆ เพื่อปลอมแฝงหรือแทนที่พระอัตลักษณ์และพระสถานะของพระเจ้าได้ เพราะท่ามกลางทุกสรรพสิ่งมีเพียงองค์หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทรงถือครองพระอัตลักษณ์ ฤทธานุภาพ สิทธิอำนาจ และความสามารถในการปกครองเหนือสิ่งทรงสร้าง นั่นก็คือ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงเอกลักษณ์ของพวกเรา พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพและทรงเคลื่อนไปท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสามารถขึ้นสู่ที่สูงที่สุด เหนือทุกสรรพสิ่งได้ พระองค์ทรงสามารถถ่อมพระองค์เองโดยการกลายเป็นมนุษย์ การกลายเป็นผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่มีเลือดเนื้อ การมาประจันหน้ากับผู้คน และการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา ในขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ทรงบัญชาทั้งหมดที่มี โดยทรงตัดสินชะตากรรมของทั้งหมดที่มีและทิศทางใดที่มันทั้งหมดจะเคลื่อนไป ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงนำชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง และทรงคุมทิศทางของมวลมนุษย์ พระเจ้าดังเช่นนี้ควรจะได้รับการนมัสการ การเชื่อฟัง และการรู้จักโดยสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในกลุ่มหรือชนิดใดท่ามกลางมวลมนุษย์ การที่เชื่อในพระเจ้า การติดตามพระเจ้า การเคารพพระเจ้า การยอมรับการปกครองของพระองค์ และการยอมรับการจัดการเตรียมการของพระองค์ต่อชะตากรรมของเจ้าเป็นเพียงทางเลือกเดียว—ทางเลือกที่จำเป็น—สำหรับบุคคลใดก็ตามและสำหรับสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ