สรรพสิ่งล้วนเพียบพร้อมภายใต้สิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2020

สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงพวกที่สามารถเคลื่อนที่ได้และพวกที่ไม่สามารถทำดังนั้น เช่นนกและปลา เช่นต้นไม้และดอกไม้ และรวมถึงปศุสัตว์ แมลง และสัตว์ป่าที่ถูกสร้างขึ้นในวันที่หก—ทั้งหมดล้วนดีงามในสายพระเนตรของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น ในสายพระเนตรของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนบรรลุจุดสูงสุดแห่งความเพียบพร้อมและได้มาตรฐานที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสัมฤทธิ์ตามแผนการของพระองค์แล้ว พระผู้สร้างทรงพระราชกิจที่พระองค์ตั้งพระทัยที่จะทำตามแผนการของพระองค์ทีละขั้นตอน สิ่งที่พระองค์ตั้งพระทัยที่จะสร้างได้ปรากฏขึ้นตามลำดับ และการปรากฏตัวของสิ่งทรงสร้างแต่ละชนิดเป็นภาพสะท้อนแห่งสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง เป็นการตกผลึกแห่งสิทธิอำนาจของพระองค์ เนื่องจากการตกผลึกเหล่านี้ สรรพสิ่งทรงสร้างจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณการจัดเตรียมและพระคุณของพระผู้สร้าง ขณะที่กิจการอันมหัศจรรย์ของพระเจ้าสำแดงตนออกมา โลกนี้ก็มีสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าทรงสร้างเพิ่มพูนขึ้นทีละชิ้น และเปลี่ยนแปลงจากความสับสนอลหม่านและมืดมนไปเป็นความชัดเจนและสว่างไสว จากความนิ่งงันราวกับความตายไปเป็นความมีชีวิตชีวาและกำลังวังชาอันไร้ขีดจำกัด ท่ามกลางทุกสรรพสิ่งแห่งการทรงสร้าง จากขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็ก จากขนาดเล็กถึงขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ได้ถูกสร้างด้วยสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระผู้สร้าง และการดำรงอยู่ของสิ่งทรงสร้างแต่ละอย่างก็มีความจำเป็นและคุณค่าภายในตัวที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างอย่างไรในรูปทรงและโครงสร้างของพวกมันก็ตาม ทุกสิ่งต้องถูกสร้างขึ้นโดยพระผู้สร้างเท่านั้นจึงจะดำรงอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง บางครั้งเมื่อผู้คนมองเห็นแมลงที่อัปลักษณ์อย่างมาก พวกเขาก็จะพูดว่า “แมลงนั่นช่างน่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน ไม่มีทางที่พระเจ้าจะทรงสร้างสิ่งอัปลักษณ์เช่นนี้—ไม่มีทางที่พระองค์จะทรงสร้างบางอย่างที่อัปลักษณ์ได้ถึงเพียงนี้” เป็นทรรศนะที่ช่างเขลานัก! พวกเขาควรจะกล่าวว่า “แม้แมลงตัวนี้จะอัปลักษณ์เหลือเกิน แต่พระเจ้าก็ทรงสร้างมันขึ้นมา และดังนั้นมันจึงต้องมีจุดประสงค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเอง” ในพระดำริของพระเจ้านั้น พระองค์ตั้งพระทัยที่จะประทานทุกรูปลักษณ์ และหน้าที่และประโยชน์ทุกจำพวก ให้แก่สิ่งมีชีวิตนานาที่พระองค์ทรงสร้าง และดังนั้นจึงไม่มีสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ตั้งแต่ส่วนประกอบภายในถึงภายนอก จากนิสัยในการดำรงชีวิตไปจนถึงถิ่นฐานที่พวกมันอาศัยอยู่—แต่ละอย่างแตกต่างกัน วัวมีรูปลักษณ์ของวัว ลามีรูปลักษณ์ของลา กวางมีรูปลักษณ์ของกวาง และช้างก็มีรูปลักษณ์ของช้าง เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าสิ่งใดดูดีที่สุด และสิ่งใดอัปลักษณ์ที่สุด? เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าสิ่งใดมีประโยชน์มากที่สุด และการดำรงอยู่ของสิ่งใดมีความจำเป็นน้อยที่สุด? ผู้คนบางคนชอบรูปร่างหน้าตาของช้าง แต่ไม่มีผู้ใดใช้ช้างเพาะปลูกในทุ่งนา ผู้คนบางคนชอบรูปร่างหน้าตาของสิงโตและเสือ เพราะรูปลักษณ์ของพวกมันน่าประทับใจที่สุดในหมู่สรรพสิ่ง แต่เจ้าสามารถเอาสิงโตและเสือมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่? กล่าวสั้นๆ คือ เมื่อพูดถึงสิ่งต่างๆ มากมายเหลือคณานับแห่งการทรงสร้าง มนุษย์ควรน้อมรับสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง ซึ่งหมายถึงน้อมรับระบบระเบียบที่พระผู้สร้างทรงกำหนดให้แก่ทุกสิ่ง นี่คือท่าทีที่ทรงปัญญาที่สุด มีเพียงท่าทีแห่งการแสวงหาเจตนารมณ์ดั้งเดิมของพระผู้สร้างและการเชื่อฟังเจตนารมณ์นั้นเท่านั้นที่เป็นการยอมรับและมั่นใจในสิทธิอำนาจแห่งพระผู้สร้างอย่างแท้จริง ทุกสิ่งดีงามในสายพระเนตรของพระเจ้า ดังนั้นเหตุใดมนุษย์จึงต้องจับผิด?

ด้วยเหตุนี้ สรรพสิ่งภายใต้สิทธิอำนาจของพระผู้สร้างจึงต้องบรรเลงดนตรีบทใหม่ให้แก่อธิปไตยของพระผู้สร้าง ต้องเริ่มบทโหมโรงอันเจิดจรัสเพื่อพระราชกิจแห่งวันใหม่ของพระองค์ และ ณ ชั่วขณะนี้พระผู้สร้างก็จะทรงพลิกหน้าใหม่ในพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระองค์ด้วย! ตามธรรมบัญญัติที่พระผู้สร้างทรงกำหนดไว้ให้มีหน่อพันธุ์ที่สดใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ มีการสุกงอมในฤดูร้อน การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และมีการเก็บรักษาในฤดูหนาวนั้น สรรพสิ่งย่อมจะสะท้อนแผนบริหารจัดการของพระผู้สร้าง และต้อนรับวันใหม่ การเริ่มต้นใหม่ และครรลองชีวิตใหม่ของตนเอง ทุกสิ่งจะดำรงชีวิตต่อไปและสืบพันธุ์อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อต้อนรับแต่ละวันภายใต้อธิปไตยแห่งสิทธิอำนาจของพระผู้สร้าง…

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ในวันที่สาม พระวจนะของพระเจ้าให้กำเนิดแผ่นดินโลกและทะเล และสิทธิอำนาจของพระเจ้าทำให้โลกเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิต

อันดับต่อไป พวกเรามาอ่านประโยคแรกของปฐมกาล 1:9-11 กันเถิด ความว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน...

ไม่มีสิ่งมีชีวิตทรงสร้างและสิ่งมีชีวิตที่มิได้ทรงสร้างใดสามารถแทนที่พระอัตลักษณ์ของพระผู้สร้างได้

จากครั้งที่พระองค์ทรงเริ่มสร้างสรรพสิ่ง ฤทธานุภาพของพระเจ้าก็เริ่มได้รับการเปิดเผยและแสดงออก เพราะพระเจ้าใช้พระวจนะสร้างทุกสรรพสิ่ง...

ในวันที่สอง สิทธิอำนาจของพระเจ้าจัดการเตรียมน้ำและสร้างพื้นฟ้า แล้วพื้นที่สำหรับการอยู่รอดขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้น

พวกเรามาอ่านบทตอนที่สองจากพระคัมภีร์กันเถิด ความว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน’...

ในวันที่ห้า ชีวิตในรูปแบบอันแตกต่างและหลากหลายแสดงออกถึงสิทธิอำนาจของพระผู้สร้างในหนทางที่ต่างกัน

องค์พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน’...

ติดต่อเราผ่าน Messenger