บทที่ 85

เราใช้ประโยชน์จากผู้คนที่แตกต่างเพื่อทำให้เจตจำนงของเราสัมฤทธิ์ผล กล่าวคือ คำสาปแช่งของเราเป็นที่ตระหนักถึงกับบรรดาผู้ที่เราตีสอน เฉกเช่นพรของเรากับบรรดาผู้ที่เรารัก  บัดนี้ คำถามที่ว่าผู้ใดในบรรดาพวกเจ้าจะได้รับพรของเรา และผู้ใดจะทนทุกข์กับคำสาปแช่งของเรา ขึ้นอยู่กับวจนะคำเดียวของเราทั้งสิ้น ซึ่งได้รับการกำหนดพิจารณาโดยถ้อยคำของเรา  เจ้ารู้ว่าผู้ใดก็ตามที่เราทำดีด้วยตอนนี้ แน่ใจได้ว่าจะได้รับพรของเราเสมอ (หมายความว่า การค่อยๆ ได้มารู้จักเราและการเพิ่มพูนความมั่นใจต่อเราให้มากขึ้นเรื่อยๆ การรับความสว่างและวิวรณ์ใหม่ และการสามารถที่จะตามจังหวะก้าวเดินของงานของเราทันได้)  ผู้ใดก็ตามที่เรารังเกียจ (นี่คือบางอย่างภายในเราที่ผู้คนมิอาจมองเห็นได้จากภายนอก) คือผู้คนที่จะต้องทนทุกข์กับคำสาปแช่งของเราอย่างแน่นอน และพวกเขาอยู่ในบรรดาเชื้อสายของพญานาคใหญ่สีแดงอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะมีส่วนร่วมในการสาปแช่งของเราในการนั้นเช่นกัน  ส่วนพวกที่เราไม่สามารถยอมรับได้ซึ่งเราเห็นว่ากำลังขาดพร่องในคุณสมบัติ และผู้ที่ไม่สามารถได้รับการทำให้เพียบพร้อมหรือถูกใช้โดยเราได้ พวกเขาจะเป็นโอกาสได้รับการช่วยให้รอด และพวกเขาจะเป็นหนึ่งในบรรดาบุตรของเรา  หากใครหนึ่งคนไม่ได้ครอบครองคุณสมบัติใดๆ ของเราเลย ไม่สามารถจับใจความเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณได้ และไม่รู้จักเราแต่มีกรอบความคิดอันกระตือรือร้น เช่นนั้นแล้วบุคคลนั้นจะได้รับการกำหนดให้เป็นหนึ่งในประชากรของเรา  เราคำนึงถึงบรรดาผู้ที่มีส่วนร่วมในคำสาปแช่งของเราให้อยู่เหนือความรอด และพวกเขาคือหนึ่งในผู้ที่ถูกวิญญาณชั่วครอบงำแล้ว  เราใจจดใจจ่อที่จะเตะพวกมันออกไป  พวกมันเกิดขึ้นมาจากพญานาคใหญ่สีแดง และเป็นผู้ที่เราเกลียดชังที่สุด  นับแต่นี้เป็นต้นไป เราไม่จำเป็นต้องให้พวกมันทำการปรนนิบัติเรา  เราเพียงไม่ต้องการพวกมันอีกต่อไป!  เราไม่ต้องการพวกมันแม้แต่คนเดียว!  แม้แต่การร้องไห้คร่ำครวญและการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของพวกมันต่อหน้าเราก็ไม่มีผล เราจะไม่ปรายตามองพวกมันแม้สักคนเดียว  เราเพียงเตะพวกมันทิ้งไป  เจ้าเป็นคนทำนองใดหรือ?  เจ้าคู่ควรที่จะอยู่ต่อหน้าเราหรือไม่?  เจ้ามีค่าหรือไม่?  เจ้ายังคงกำลังแสร้งทำเป็นคนดีและแสร้งเป็นคนถ่อมตัว!  หลังจากที่เจ้าได้ทำความประพฤติอันชั่วร้ายเหล่านั้นนับครั้งไม่ถ้วน เราจะเก็บสำรองเจ้าไว้ได้อีกหรือ?  และจากนั้น อีกไม่ช้าเจ้าก็ลุกขึ้นมาต่อหน้าเราและเริ่มเยาะเย้ยท้าทายเราอีกครั้ง  เจ้าไม่เคยมีเจตนาดีอันใด เจ้าแค่ต้องการที่จะเล่นแง่กับเราเท่านั้น!  เจ้าจะสามารถกลับกลายเป็นดีจริงๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าคือพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดง?  เป็นไปไม่ได้หรอก!  เจ้าได้ถูกเราสาปแช่งแล้ว และเราพิพากษาเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่ง!  จงทำการปรนนิบัติต่อเราอย่างสุดหัวใจ อย่างซื่อสัตย์ และอยู่ในแนวทางของการบ่มวินัย และจากนั้นก็กลับไปสู่บาดาลลึกของเจ้า!  เจ้าต้องการมีส่วนร่วมในราชอาณาจักรของเราหรือไม่?  เจ้ากำลังฝันอยู่หรือ!  ช่างไร้ยางอายเสียจริง!  เจ้ากับร่างกายที่โสโครกและสกปรกของเจ้า ได้ถูกทำให้เสื่อมทรามในระดับหนึ่ง แต่กระนั้นเจ้ายังกล้าดีที่จะยืนต่อหน้าเรา!  หลีกไป!  หากเจ้าประวิงเวลาไปมากกว่านี้ เราจะลงโทษเจ้าอย่างรุนแรง!  พวกเหล่านั้นทั้งหมดที่ยึดมั่นในการโกงและการหลอกลวงต่อหน้าเราจะต้องถูกตีแผ่  เจ้าจะไปหลบซ่อนที่ใดได้?  เจ้าจะปกปิดตัวเจ้าเองได้ ณ ที่ใด?  ไม่สำคัญว่าเจ้าจะหลบซ่อนหรือหาที่กำบังมากสักเพียงใด เจ้าจะสามารถหลีกหนีจากการควบคุมของเราได้จริงๆ หรือ?  หากเจ้าไม่ทำการปรนนิบัติเราอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีอายุที่สั้นลงไปอีก เจ้าจะสูญสิ้นไปในทันที!

เราบอกพวกเจ้าด้วยความชัดเจนทุกประการว่าผู้คนประเภทใดคือบรรดาบุตรหัวปีของเรา และเราให้การพิสูจน์อันถูกต้องแม่นยำแก่พวกเจ้า  มิฉะนั้น เจ้าคงจะไม่สามารถอยู่ในที่ที่ถูกต้องเหมาะสมของเจ้าได้ และคงจะตัดสินตัวเองตามอำเภอใจว่าเจ้าควรอยู่ในที่แห่งใดแทน  บางคนคงจะถ่อมตัวเกินไป และบางคนคงจะปล่อยตัวปล่อยใจเกินไป และพวกที่มิได้ครองคุณสมบัติของเรา หรือผู้ที่มีคุณสมบัติขาดพร่องเหลือเกิน ทั้งหมดคงจะปรารถนาที่จะเป็นบรรดาบุตรหัวปีของเรา  การแสดงออกที่บรรดาผู้ที่เป็นบุตรหัวปีของเราได้ทำคือสิ่งใด?  ประการแรก พวกเขาจดจ่ออยู่กับการจับความเข้าใจในเจตจำนงของเรา และแสดงการคำนึงถึงสิ่งนั้น  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงพระราชกิจกับพวกเขา  ประการที่สอง พวกเขาแสวงหาภายในวิญญาณของพวกเขาอย่างไม่ย่นย่อ งดเว้นจากราคะตัณหา และอยู่ภายในเขตแดนของเราตลอดเวลา พวกเขานั้นปกติอย่างที่สุด  ยิ่งไปกว่านั้น ในการกระทำเช่นนี พวกเขาไม่ได้กำลังเอาอย่างเลย  (เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับการสำนึกรับรู้ถึงพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และคำนึงถึงความรักของเราต่อพวกเขา พวกเขาระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา และมีความหวั่นเกรงลึกๆ ว่าจะตกลงไปในกรอบความคิดแห่งการทรยศหรือการเยาะเย้ยท้าทายเรา)  ประการที่สาม พวกเขากระทำต่อเราอย่างสุดหัวใจ สามารถมอบถวายทั่วทั้งตัวตนของพวกเขาได้ และยังได้ล้มเลิกแล้วซึ่งแนวคิดใดๆ ในเรื่องความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ในอนาคตของพวกเขาเอง ชีวิตของพวกเขา สิ่งที่พวกเขากิน สวมใส่ และใช้งาน และสถานที่ที่พวกเขาดำรงชีวิต  ประการที่สี่ พวกเขาหิวและกระหายต่อความชอบธรรมอยู่เสมอ และพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาขาดพร่องมากเกินไป และเชื่อว่าพวกเขามีวุฒิภาวะที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากเกินไป  ประการที่ห้า ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านั้น พวกเขามีชื่อเสียงที่ดีในโลก แต่กลับถูกผู้คนบนโลกทิ้ง  ในเรื่องของสัมพันธภาพกับเพศตรงข้าม พวกเขาครองความสัตย์สุจริตที่มีคุณธรรมเอาไว้  สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือข้อพิสูจน์ แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเปิดเผยสิ่งเหล่านั้นแก่พวกเจ้าได้อย่างครบบริบูรณ์ เนื่องด้วยงานของเรายังไม่ได้ไปถึงช่วงระยะนั้น  บรรดาบุตรหัวปี จงจำไว้!  ความรู้สึกของชีวิตภายในเจ้า ความยำเกรงของเจ้าที่มีต่อเรา ความรักของเจ้าที่มีต่อเรา ความรู้ของเจ้าเกี่ยวกับเรา การแสวงหาของเจ้าที่มีต่อเรา ความเชื่อของพวกเจ้า—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดปรากฏเป็นความรักของเราต่อพวกเจ้า สิ่งเหล่านั้นคือข้อพิสูจน์ทั้งหมดที่เราให้แก่พวกเจ้า เพื่อที่พวกเจ้าอาจกลายเป็นบรรดาบุตรอันเป็นที่รักของเราอย่างแท้จริง และเป็นเหมือนกันกับเรา โดยที่กิน ใช้ชีวิต และชื่นชมพรไปพร้อมๆ กับเราในพระสิริที่ไม่มีเสมอเหมือน

เราไม่อาจแสดงความกรุณาต่อผู้ใดก็ตามที่ได้ข่มเหงเรา ผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรา (ซึ่งรวมถึงก่อนที่นามของเราได้รับการเป็นพยาน) ผู้ที่เชื่อว่าเราคือมนุษย์ หรือผู้ใดก็ตามที่หมิ่นประมาทเราและไร้ร้ายป้ายสีเราเมื่อครั้งอดีต  ต่อให้พวกเขาจะเป็นพยานที่กึกก้องที่สุดต่อเรา ณ บัดนี้ แต่นั่นก็ยังคงจะไม่ช่วยอะไร การข่มเหงเราเมื่อครั้งอดีตคือวิธีการทำการปรนนิบัติเราวิธีหนึ่ง และหากผู้คนเหล่านั้นจะเป็นพยานให้เราในวันนี้ พวกเขาคงจะยังคงเป็นเครื่องมือของเรา  มีเพียงบรรดาผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมอย่างแท้จริงโดยเราในวันนี้เท่านั้นที่เราใช้งานได้ เพราะเราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงชอบธรรม และเราได้มาจากเนื้อหนังและได้ปลดตัวเราเองจากสัมพันธภาพทั้งปวงที่อยู่ในแผ่นดินโลก  เราคือพระเจ้าพระองค์เอง และผู้คน เรื่องราว และสรรพสิ่งทั้งปวงที่ได้เคยอยู่รอบตัวเรานั้นอยู่ในมือของเรา  เราไร้ซึ่งอารมณ์ และเราปฏิบัติความชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่ง  เรานั้นชอบธรรม และไม่ด่างพร้อยด้วยความโสโครกแม้เพียงนิด  เจ้าเข้าใจความหมายของวจนะของเราหรือไม่?  พวกเจ้าสามารถสัมฤทธิ์การนี้ได้หรือไม่?  ผู้คนคิดว่าเรายังครอบครองสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติ และมีครอบครัวและอารมณ์—แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าคิดผิดถนัด?  เราคือพระเจ้า!  พวกเจ้าลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรือ?  พวกเจ้าสับสนหรือ?  พวกเจ้ายังคงไม่รู้จักเรา!

ความชอบธรรมของเราได้รับการเปิดเผยต่อพวกเจ้าโดยครบบริบูรณ์แล้ว  วิธีใดๆ ที่เราจัดการกับบุคคลประเภทใดๆ นั้นเปิดเผยทั้งความชอบธรรมของเราและบารมีของเรา  เพราะเราคือพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงนำพระพิโรธมากับพระองค์ด้วย เราจะไม่ปล่อยผู้ที่ข่มเหงและด่าว่าเราไปแม้แต่คนเดียว  ภายใต้ข้อพึงประสงค์อันเข้มงวดเช่นนั้น พวกเจ้าระลึกรู้การนี้หรือไม่?  บรรดาผู้ที่เราเลือกสรรและลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้วเปรียบเสมือนไข่มุกหายากหรือหินโมรา สิ่งเหล่านั้นมีน้อยมาก  นี่เป็นเพราะคนผู้ซึ่งจะได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์นั้นหาได้ยากยิ่งกว่าคนที่จะเป็นประชากรของเรา และนี่แสดงให้เห็นฤทธานุภาพของเราและกิจการอันน่าอัศจรรย์ของเรา  เรากล่าวอยู่บ่อยครั้งว่าเราจะมอบรางวัลแก่พวกเจ้าและมอบมงกุฎแก่พวกเจ้า และกล่าวว่ากับเรา สง่าราศีมีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด  รางวัล มงกุฎ และสง่าราศี เราหมายถึงสิ่งใดหรือ?  ผู้คนอยู่ภายใต้มโนคติที่หลงผิดว่ารางวัลคือวัตถุสิ่งของ เช่น อาหาร เสื้อผ้า หรือสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ที่สามารถใช้ได้ ทว่านี่เป็นวิธีคิดที่ล้าหลังอย่างยิ่ง เรามิได้หมายถึงสิ่งเหล่านั้นเลยจากคำเหล่านั้น และเป็นความเข้าใจผิดต่างหาก  รางวัลคือสิ่งทั้งหลายที่ได้รับในตอนนี้ และสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของพระคุณ  อย่างไรก็ตาม ยังมีรางวัลบางอย่างที่เกี่ยวโยงกับความยินดีในตัณหา และบรรดาผู้ที่ทำการปรนนิบัติเราแต่เราจะไม่ช่วยพวกเขาให้รอด ก็ยังสามารถได้มาซึ่งความชื่นชมยินดีทางวัตถุ (แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นยังคงเป็นเพียงวัตถุสิ่งของที่ทำงานปรนนิบัติเราก็ตาม)  มงกุฎนั้นมิใช่เครื่องประดับยศ กล่าวคือ นั่นมิใช่วัตถุสิ่งของที่เรามอบแก่พวกเจ้าเพื่อที่พวกเจ้าอาจจะชื่นชมกับสิ่งนั้น  แต่ทว่า นั่นคือนามใหม่ที่เรามอบให้พวกเจ้า และผู้ใดก็ตามที่สามารถทำได้ดีตามนามใหม่ของพวกเจ้า จะเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับมงกุฎ ซึ่งกำลังรับพรของเราด้วย  รางวัลและมงกุฎเป็นส่วนหนึ่งของพร แต่เมื่อเทียบกับพรแล้ว สิ่งเหล่านั้นช่างแตกต่างกันราวฟ้าสวรรค์กับแผ่นดินโลก  สง่าราศีไม่สามารถเพียงถูกจินตนาการได้ด้วยมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ เพราะสง่าราศีมิใช่วัตถุสิ่งของ  สำหรับพวกเขา สิ่งนี้เป็นมโนทัศน์ที่เป็นนามธรรมอย่างยิ่ง  เช่นนั้น แท้จริงแล้วสง่าราศีคือสิ่งใด?  การกล่าวว่า พวกเจ้าจะเคลื่อนลงด้วยสง่าราศีพร้อมกันกับเรา หมายความว่าอย่างไร?  ความครบถ้วนบริบูรณ์ของเรา—กล่าวคือ สิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรามี ความปรานีและความเมตตา (ต่อบรรดาบุตรของเรา) และความชอบธรรม บารมี การพิพากษา ความโกรธ การสาปแช่ง และการแผดเผา (ต่อผู้คนทั้งปวง)—ตัวตนของเราคือสง่าราศี  เหตุใดเราจึงกล่าวว่ากับเรา สง่าราศีมีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด?  นั่นเป็นเพราะกับเรา ปัญญามีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด รวมถึงความอุดมที่มิอาจหาสิ่งใดเทียบ  ดังนั้น การเคลื่อนลงด้วยสง่าราศีกับเราหมายความว่า พวกเจ้าได้รับการทำให้มีความครบบริบูรณ์โดยเราแล้ว พวกเจ้าครองสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรามี พวกเจ้าได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์โดยเรา พวกเจ้ามีหัวใจแห่งความยำเกรงต่อเรา และพวกเจ้าไม่ต่อต้านเรา  การนี้ชัดเจนสำหรับพวกเจ้าอย่างแน่นอนแล้วตอนนี้!

สถานการณ์อันตึงเครียดของชนชาติทั้งมวลบนแผ่นดินโลกได้มาถึงจุดสูงสุด และพวกเขาทั้งหมดกำลังตระเตรียมเพื่อทำการปรนนิบัติเราอย่างไม่หยุดหย่อน และเพื่อยอมรับการเผาให้เป็นเถ้าถ่านที่เรานำมาสู่พวกเขา  เมื่อความโกรธและการแผดเผาของเรามาถึง จะไม่มีเบาะแสล่วงหน้า  อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร และเราชัดเจนกับสิ่งนั้นอย่างแน่นอน  เจ้าควรแน่ใจในวจนะของเรา และเจ้าต้องเร่งจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อม  จงเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้เลี้ยงผู้ที่มาแสวงหาจากต่างชาติ  จงจำการนี้ไว้!  ประเทศจีน—กล่าวคือ บุคคลทุกคนและสถานที่ทุกที่ในประเทศจีน—อยู่ภายใต้คำสาปแช่งของเรา  เจ้าเข้าใจความหมายของวจนะของเราหรือไม่?

ก่อนหน้า: บทที่ 84

ถัดไป: บทที่ 86

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง I ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

ติดต่อเราผ่าน Messenger