วิธีที่คนเราสามารถได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้

วันที่ 06 เดือน 01 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ในขณะนี้ เส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้ก็คือพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้น หากผู้คนจะก้าวเดินไปบนเส้นทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาต้องเชื่อฟัง และกินและดื่มพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ พระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเป็นพระราชกิจแห่งพระวจนะ กล่าวคือทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากพระวจนะของพระองค์ และทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นตามพระวจนะของพระองค์ ตามพระวจนะปัจจุบันของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นความแน่ใจเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ หรือการรู้จักพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ ต่างก็พึงต้องมีการใช้ความพยายามให้มากขึ้นกับพระวจนะของพระองค์ หาไม่แล้วผู้คนย่อมไม่สามารถสำเร็จลุล่วงอันใดได้เลย และจะถูกทิ้งให้ไม่เหลืออะไรเลย โดยการสร้างบนรากฐานแห่งการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า และมารู้จักพระองค์และทำให้พระองค์พึงพอพระทัยด้วยการนั้นเท่านั้น ผู้คนจึงจะสามารถค่อยๆ สร้างสัมพันธภาพที่เป็นปกติกับพระเจ้าได้ สำหรับมนุษย์แล้วไม่มีการร่วมมือกับพระเจ้าที่ดีไปกว่าการกินและดื่มพระวจนะของพระองค์และนำพระวจนะไปปฏิบัติอีกแล้ว โดยผ่านทางการปฏิบัติเช่นนั้น พวกเขาจึงมีความสามารถที่จะตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาเกี่ยวกับประชากรของพระเจ้าได้อย่างดีที่สุด เมื่อผู้คนเข้าใจและมีความสามารถที่จะเชื่อฟังแก่นแท้ของพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าได้ พวกเขาย่อมดำเนินชีวิตบนเส้นทางของการได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้ก้าวไปบนร่องครรลองที่ถูกต้องของพระเจ้าที่ทรงใช้เพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้คนที่ได้เปลี่ยนแปลงอุปนิสัยแล้วคือบรรดาผู้ที่ได้เข้าไปสู่ความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าแล้ว

พระราชกิจของพระเจ้านั้นก็เพื่อจัดหาให้แก่เจ้าโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์ เมื่อเจ้าเชื่อฟังและยอมรับพระวจนะของพระองค์ แน่นอนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะทรงกระทำพระราชกิจในตัวเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจตามที่เราพูดอย่างแม่นยำ โดยทำอย่างที่เราได้กล่าวไว้ แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าโดยพลัน เราปล่อยความสว่างใหม่ประการหนึ่งเพื่อให้พวกเจ้ามองดู เพื่อนำพาพวกเจ้าเข้ามาสู่ความสว่างแห่งปัจจุบัน และเมื่อเจ้าเดินเข้าสู่ความสว่างนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าทันที มีบางคนที่อาจพูดด้วยความดึงดันหัวแข็งว่า “ข้าจะไม่ทำสิ่งที่ท่านบอกจนเสร็จสิ้นแน่ๆ” ถ้าเป็นกรณีนั้น เราขอบอกกับเจ้าว่าบัดนี้เจ้าได้มาสุดทางแล้ว เจ้าตายซากไปแล้ว และไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้น ในการผ่านประสบการณ์กับการแปลงสภาพอุปนิสัยนั้น ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งยวดไปกว่าการก้าวให้ทันความสว่างปัจจุบัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงทรงกระทำพระราชกิจเฉพาะในตัวผู้คนบางคนที่พระเจ้าทรงใช้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทรงกระทำในผู้คนในคริสตจักรด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจในใครก็ได้ทั้งสิ้น พระองค์อาจทรงกระทำพระราชกิจในตัวเจ้าในระหว่างช่วงเวลาปัจจุบัน และเจ้าก็จะได้ประสบการณ์กับพระราชกิจนี้ ในช่วงเวลาถัดไป พระองค์อาจทรงกระทำพระราชกิจในตัวคนอื่น ซึ่งเจ้าต้องรีบกระวีกระวาดติดตามทันที ยิ่งเจ้าติดตามความสว่างปัจจุบันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นเท่าไร ชีวิตเจ้าก็ยิ่งเติบโตได้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าบางคนนั้นจะเป็นบุคคลที่มีกิริยามารยาทอย่างไรก็ตาม หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจในตัวพวกเขา เจ้าก็ต้องติดตามพวกเขา จงเปิดรับประสบการณ์ของพวกเขาโดยผ่านทางประสบการณ์ของเจ้าเอง แล้วเจ้าจะยิ่งได้รับสิ่งที่สูงกว่านั้น เมื่อทำดังนั้น เจ้าก็จะยิ่งก้าวหน้าเร็วขึ้น นี่คือเส้นทางแห่งการทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมและเป็นวิถีทางที่ทำให้ชีวิตเติบโต

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เหล่าผู้เชื่อฟังพระเจ้าด้วยใจจริงย่อมได้รับการรับไว้โดยพระเจ้าอย่างแน่นอน

หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะมีโอกาสได้ปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตาน เจ้าก็จะไม่ได้มอบโอกาสเช่นนั้นแก่พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระราชกิจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์ ความสว่างที่พระองค์ทรงสาดส่องบนพวกเขา และความมั่นใจที่พระองค์ประทานแก่พวกเขาคงอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หากว่าผู้คนไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสนใจ เมื่อนั้น พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเลยผ่านพวกเขาไป หากมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะอยู่กับพวกเขาและปฏิบัติพระราชกิจต่อพวกเขา หากมนุษย์ไม่ใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อนั้น พวกเขาก็จะใช้ชีวิตอยู่ในพันธนาการของซาตาน หากมนุษย์อยู่กับอุปนิสัยอันเสื่อมทราม การสถิตหรือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่อยู่กับพวกเขา หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ภายในขีดคั่นแห่งพระวจนะของพระเจ้า และหากเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ เมื่อนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้ที่เป็นของพระองค์ และพระองค์จะทรงปฏิบัติพระราชกิจต่อเจ้า หากเจ้าไม่ได้กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายในขีดคั่นแห่งข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระเจ้า แต่กลับใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานแทน เมื่อนั้น เจ้าก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายในความเสื่อมทรามของซาตานอย่างแน่นอน เจ้าจะสามารถทำตามข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระองค์ได้ก็ด้วยการใช้ชีวิตอยู่ภายในพระวจนะของพระเจ้าและมอบหัวใจของเจ้าให้แก่พระองค์เท่านั้น เจ้าต้องทำตามที่พระเจ้าตรัส ทำให้ถ้อยดำรัสของพระองค์เป็นรากฐานแห่งการดำรงอยู่ของเจ้าและคือความเป็นจริงแห่งชีวิตของเจ้า เช่นนี้เท่านั้นที่เจ้าจะเป็นของพระเจ้า หากเจ้าปฏิบัติตามน้ำพระทัยพระเจ้า พระองค์จะปฏิบัติพระราชกิจต่อเจ้า แล้วเจ้าจึงจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้พระพรของพระองค์ ในความสว่างแห่งโฉมพระพักตร์ของพระองค์ เจ้าจะจับความเข้าใจพระราชกิจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปฏิบัติและรู้สึกชื่นบานยินดีในการสถิตของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงหนีให้พ้นจากอิทธิพลแห่งความมืด แล้วพระเจ้าจะทรงรับเจ้าไว้

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจด้วยหลักการนี้ กล่าวคือ โดยผ่านความร่วมมือของผู้คน โดยผ่านการที่พวกเขาอธิษฐาน แสวงหา และเข้ามาใกล้ชิดพระเจ้ายิ่งขึ้นอย่างกระตือรือร้น ผลลัพธ์ทั้งหลายจึงจะสามารถสัมฤทธิ์ได้ และพวกเขาจึงจะสามารถได้รับความรู้แจ้ง และได้รับความกระจ่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ ซึ่งไม่ใช่กรณีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดำเนินการโดยฝ่ายเดียว หรือที่มนุษย์ดำเนินการโดยฝ่ายเดียว ทั้งสองฝ่ายต่างสำคัญอย่างขาดไม่ได้ และยิ่งผู้คนร่วมมือมากขึ้นเท่าใด และยิ่งพวกเขาไล่ตามเสาะหาการบรรลุถึงมาตรฐานตามข้อพึงประสงค์ของพระเจ้ามากขึ้นเท่าใด พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น มีเพียงความร่วมมืออย่างแท้จริงของผู้คนที่เพิ่มพูนให้กับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น ที่สามารถก่อให้เกิดประสบการณ์ที่แท้จริง และความรู้ที่เป็นเนื้อแท้แห่งพระวจนะของพระเจ้าได้ ในที่สุด บุคคลที่เพียบพร้อมจะค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นมา โดยผ่านทางการได้รับประสบการณ์ในหนทางนี้ พระเจ้าไม่ทรงทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ในมโนคติอันหลงผิดของผู้คน พระเจ้าทรงเป็นผู้เปี่ยมมหิทธิฤทธิ์ และทุกสิ่งทุกอย่างนั้นกระทำขึ้นโดยพระเจ้า—พร้อมด้วยผลลัพธ์ที่ผู้คนรอคอยอยู่อย่างนิ่งเฉย ไม่อ่านพระวจนะของพระเจ้าหรืออธิษฐาน และเพียงแต่รอคอยการสัมผัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ที่มีความเข้าใจถูกต้องเชื่อเช่นนี้ว่า การดำเนินการของพระเจ้าสามารถไปได้ไกลเท่าที่ฉันให้ความร่วมมือเท่านั้น และผลกระทบที่พระราชกิจของพระเจ้ามีในตัวฉัน ขึ้นอยู่กับวิธีที่ฉันให้ความร่วมมือ เมื่อพระเจ้าตรัส ฉันควรทำทุกสิ่งที่ฉันสามารถทำได้เพื่อแสวงหา และเพียรพยายามไปสู่พระวจนะของพระเจ้า นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะสัมฤทธิ์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, วิธีรู้จักความเป็นจริง

พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถทรงพระราชกิจในเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าฝึกฝนอย่างแท้จริง แสวงหาอย่างแท้จริง อธิษฐานอย่างแท้จริง และเต็มใจที่จะทนทุกข์เพื่อเห็นแก่การแสวงหาความจริงเท่านั้น พวกที่ไม่แสวงหาความจริง มีเพียงตัวอักษรที่เขียนไว้กับคำสอน และทฤษฎีที่ว่างเปล่าเท่านั้น และบรรดาผู้ที่ปราศจากความจริงย่อมมีมโนคติอันหลงผิดเกี่ยวกับพระเจ้าเป็นธรรมดา ผู้คนเช่นนี้ถวิลหารอคอยเพียงให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนกายฝ่ายเนื้อหนังของพวกเขาให้เป็นกายจิตวิญญาณ เพื่อพวกเขาจะได้ขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นที่สามเท่านั้น ผู้คนเหล่านี้ช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก! ทุกคนที่กล่าวสิ่งทั้งหลายเช่นนี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า หรือเกี่ยวกับความเป็นจริงเลย ผู้คนเช่นนี้ไม่อาจสามารถร่วมมือกับพระเจ้าได้เลย และทำได้เพียงแต่รอคอยอย่างนิ่งเฉยเท่านั้น หากผู้คนพร้อมจะเข้าใจความจริง และมองเห็นความจริงอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ หากพวกเขาพร้อมจะเข้าสู่ความจริง และนำความจริงมาปฏิบัติแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ต้องฝึกฝนอย่างแท้จริง แสวงหาอย่างแท้จริง และหิวและกระหายอย่างแท้จริง เมื่อเจ้าหิวและกระหาย และเมื่อเจ้าร่วมมือกับพระเจ้าอย่างแท้จริง พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงสัมผัสเจ้าอย่างแน่นอน และจะทรงพระราชกิจภายในเจ้า ซึ่งจะนำพาความรู้แจ้งมาสู่เจ้ามากยิ่งขึ้น และมอบความรู้เกี่ยวกับความเป็นจริงแก่เจ้ามากยิ่งขึ้น และช่วยให้ชีวิตของเจ้าดีกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, วิธีรู้จักความเป็นจริง

สามารถเห็นได้จากประสบการณ์ว่าหนึ่งในประเด็นปัญหาที่สำคัญที่สุดคือการสงบใจของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า นี่เป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของผู้คน และการเติบโตในชีวิตของพวกเขา เฉพาะเมื่อใจของเจ้าสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้วเท่านั้น การไล่ตามเสาะหาความจริงและการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของเจ้าจึงจะเกิดผล เนื่องจากเจ้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและแบกรับภาระ และเพราะเจ้ารู้สึกอยู่เสมอว่าเจ้ากำลังขาดพร่องในหลายทางเหลือเกิน รู้สึกว่ามีความจริงหลายอย่างที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ มีความเป็นจริงมากมายที่เจ้าจำเป็นต้องได้รับประสบการณ์ และรู้สึกว่าเจ้าควรให้ความใส่ใจทั้งหมดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า—สิ่งเหล่านี้อยู่ในความคิดของเจ้าเสมอ ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้กำลังกดลงบนตัวเจ้าด้วยแรงที่ทำให้เจ้าไร้ความสามารถที่จะหายใจ และดังนั้นเจ้าจึงรู้สึกหนักในหัวใจ (แม้ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาวะที่เป็นลบ) ผู้คนเช่นนี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับความรู้แจ้งแห่งพระวจนะของพระเจ้า และได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณของพระเจ้า เป็นเพราะภาระของพวกเขา เพราะพวกเขารู้สึกหนักหน่วงใจ และสามารถพูดได้ว่า เพราะราคาที่พวกเขาได้จ่ายไปและความทรมานที่พวกเขาได้ทนทุกข์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พวกเขาจึงได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่าง เพราะพระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติเป็นพิเศษต่อใครคนใดคนหนึ่ง พระองค์ทรงยุติธรรมในการปฏิบัติของพระองค์ต่อผู้คนเสมอ แต่พระองค์ก็ไม่ทรงมอบให้ผู้คนโดยสุดแต่พระทัยหรือโดยไม่มีเงื่อนไข นี่เป็นแง่มุมหนึ่งของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ ในชีวิตจริงแล้วผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตนี้ อย่างน้อยที่สุด หัวใจของพวกเขายังไม่หันมาหาพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ และดังนั้นจึงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ใดๆ ในอุปนิสัยของพวกเขา นี่เป็นเพราะพวกเขาเพียงดำเนินชีวิตอยู่ในพระคุณของพระเจ้าเท่านั้นและยังไม่ได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลักเกณฑ์ที่ผู้คนต้องพบเจอเพื่อที่พระเจ้าจะทรงใช้ให้เป็นประโยชน์มีดังต่อไปนี้: หัวใจของพวกเขาหันเข้าหาพระเจ้า พวกเขาแบกรับภาระแห่งพระวจนะของพระเจ้า พวกเขามีหัวใจที่โหยหา และพวกเขามีความแน่วแน่ที่จะแสวงหาความจริง คนเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถได้พระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพวกเขาได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างเป็นนิจศีล

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง

มีกฎข้อหนึ่งเกี่ยวกับการทำให้ผู้คนมีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ซึ่งก็คือ พระองค์ทรงทำให้เจ้ารู้แจ้งโดยใช้ส่วนที่พึงปรารถนาส่วนหนึ่งของเจ้า เพื่อให้เจ้ามีเส้นทางสู่การฝึกฝนปฏิบัติและสามารถแยกตัวเจ้าเองออกจากสภาวะด้านลบทั้งหมด ช่วยให้จิตวิญญาณของเจ้าบรรลุการปลดปล่อย และทำให้เจ้ามีความสามารถมากขึ้นที่จะรักพระองค์ ในหนทางนี้ เจ้าย่อมสามารถโยนอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของซาตานทิ้งไปได้ เจ้าไร้มารยาและเปิดกว้าง เต็มใจที่จะรู้จักตัวเจ้าเองและนำความจริงไปปฏิบัติ พระเจ้าย่อมจะทรงอวยพรเจ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเจ้าอ่อนแอและอยู่ในด้านลบ พระองค์ทรงทำให้เจ้ารู้แจ้งเป็นสองเท่า ทรงช่วยให้เจ้ารู้จักตัวเจ้าเองมากขึ้น เต็มใจมากขึ้นที่จะกลับใจเพื่อตัวเจ้าเอง และมีความสามารถมากขึ้นที่จะฝึกฝนปฏิบัติสิ่งทั้งหลายที่เจ้าควรฝึกฝนปฏิบัติ ในหนทางนี้เท่านั้น หัวใจของเจ้าจึงจะสามารถมีสันติสุขและรู้สึกสบายใจได้ บุคคลผู้หนึ่งซึ่งโดยปกติแล้วให้ความสนใจกับการรู้จักพระเจ้า ให้ความสนใจกับการรู้จักตัวเขาเอง ให้ความสนใจกับการฝึกฝนปฏิบัติของเขาเอง จะสามารถรับพระราชกิจของพระเจ้า ตลอดจนการทรงนำและความรู้แจ้งของพระองค์ได้อยู่เนืองๆ แม้ว่าบุคคลเช่นนี้อาจอยู่ในสภาวะด้านลบ แต่เขาก็สามารถทำให้สิ่งทั้งหลายกลับดีขึ้นได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นเพราะการกระทำของมโนธรรมหรือความรู้แจ้งจากพระวจนะของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เฉพาะบรรดาผู้มุ่งเน้นการปฏิบัติเท่านั้นที่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้

พวกเจ้าได้ขบคิดแบบแผนของวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจให้ออกหรือยัง? พระวิญญาณบริสุทธิ์มักจะทรงพระราชกิจกับบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขานั้นซื่อสัตย์ และพระองค์ทรงพระราชกิจเมื่อผู้คนประสบความเดือดร้อนและกำลังแสวงหาความจริง พระเจ้าจะไม่ใส่พระทัยกับพวกที่ไม่มีเหตุผลหรือมโนธรรมแบบมนุษย์เลยสักกระผีก หากใครคนหนึ่งซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก แต่ช่วงระยะเวลาหนึ่งนั้น หัวใจของพวกเขาหันออกจากพระเจ้า เขาไม่มีความพึงปรารถนาที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น เขาย่อมตกลงสู่สภาวะที่เป็นลบและไม่ออกมาจากการนั้น เมื่อเขาไม่อธิษฐานหรือแสวงหาความจริงเพื่อแก้ไขสภาวะของเขา และเขาไม่ร่วมมือ เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะไม่ทรงพระราชกิจในตัวเขาในระหว่างการทำให้สภาวะของเขาหรือความเสื่อมสภาพชั่วคราวของเขามืดมนเป็นครั้งคราวเช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว ใครคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกตัวในเรื่องของสภาวะความเป็นมนุษย์ จะสามารถได้รับการทรงพระราชกิจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร? นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เช่นนั้นแล้ว ผู้คนเช่นนั้นควรทำสิ่งใด? มีหนทางที่พวกเขาจะติดตามหรือไม่? พวกเขาต้องกลับใจอย่างจริงแท้และเป็นผู้คนที่ซื่อสัตย์ คนเราสามารถเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร? ประการแรก หัวใจของเจ้าต้องเปิดกว้างต่อพระเจ้า และเจ้าต้องแสวงหาความจริงจากพระเจ้า ทันทีที่เจ้าเข้าใจความจริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าต้องปฏิบัติความจริง จากนั้นเจ้าก็ต้องนบนอบต่อการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงควบคุมดูแลเจ้า มีเพียงในหนทางนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะได้รับการสรรเสริญโดยพระเจ้า เจ้าต้องพักวางชื่อเสียงเกียรติยศและสิ่งไร้ค่าของเจ้าเองเสียก่อน และปล่อยผ่านผลประโยชน์ของเจ้าเอง ก่อนอื่นเลย จงลองพยายามที่จะพักวางสิ่งเหล่านั้น และทันทีที่เจ้าได้พักวางสิ่งเหล่านั้นแล้ว จงใส่ร่างกายและดวงจิตทั้งหมดทั้งสิ้นของเจ้าเข้าไปในหน้าที่ของเจ้าและในงานแห่งการให้คำพยานเพื่อพระเจ้า แล้วจากนั้นก็มองให้เห็นว่าพระเจ้าทรงนำเจ้าอย่างไร มองให้เห็นว่าสันติสุขและความชื่นบานเกิดขึ้นภายในตัวเจ้าหรือไม่ ว่าเจ้ามีการยืนยันนี้หรือไม่ ก่อนอื่นเจ้าต้องกลับใจอย่างจริงแท้ ยอมจำนนตัวเจ้าเอง เปิดหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า และพักวางสิ่งทั้งหลายที่เจ้าหวงแหนราวสมบัติล้ำค่า หากเจ้ายึดมั่นสิ่งเหล่านั้นต่อไปในขณะที่ทำการร้องขอต่อพระเจ้า เจ้าจะมีความสามารถที่จะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กระนั้นหรือ? พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมีเงื่อนไข และพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งทรงเกลียดชังความชั่วและผู้ซึ่งทรงบริสุทธิ์ หากผู้คนยึดมั่นสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ โดยปิดตัวพวกเขาเองกับพระเจ้าอยู่เป็นนิตย์และบอกปัดพระราชกิจและการทรงนำของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าย่อมจะทรงหยุดการทรงพระราชกิจกับพวกเขา มิใช่ว่าพระเจ้าต้องทรงพระราชกิจภายในทุกๆ บุคคล หรือว่าพระองค์จะทรงบังคับให้เจ้าทำการนี้หรือการนั้น พระองค์ไม่ทรงบังคับขู่เข็ญเจ้า งานของวิญญาณชั่วคือการบังคับเหล่ามนุษย์ให้ทำการนี้และการนั้น และถึงขั้นเข้าครองและควบคุมผู้คน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ พระองค์ทรงดลใจเจ้า และเจ้าไม่รู้สึกถึงการนั้น เจ้าเพียงแค่รู้สึกราวกับว่า เจ้าได้มาเข้าใจหรือตระหนักถึงบางสิ่งโดยไม่รู้สึกตัว นี่คือวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจผู้คน และหากพวกเขานบนอบ พวกเขาย่อมจะพบว่าตัวพวกเขาเองมีความสามารถที่จะกลับใจได้อย่างแท้จริง

ตัดตอนมาจาก “จงมอบหัวใจอันแท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

บางครั้ง เมื่ออยู่ในสภาพเงื่อนไขผิดปกติ เจ้าสูญเสียการสถิตของพระเจ้า และกลายเป็นไม่สามารถรู้สึกถึงพระเจ้าได้เมื่อเจ้าอธิษฐาน นั่นเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกลัวในเวลาเช่นนั้น เจ้าควรเริ่มต้นค้นหาในทันที หากเจ้าไม่ทำ พระเจ้าก็จะทรงอยู่ห่างจากเจ้า และเจ้าก็จะไร้ซึ่งการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์—และยิ่งไปกว่านั้น ไร้ซึ่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์—เป็นเวลาหนึ่งวัน สองวัน แม้กระทั่งหนึ่งเดือนหรือสองเดือน ในสถานการณ์เหล่านี้ เจ้าจะรู้สึกมึนชาอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ และถูกซาตานจับเป็นเชลยอีกครั้ง จนถึงจุดที่เจ้าสามารถกระทำการอะไรก็ได้ในทุกรูปแบบ เจ้าละโมบความอุดมด้วยโภคทรัพย์ หลอกลวงบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า ดูภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เล่นไพ่นกกระจอก และแม้กระทั่งสูบบุหรี่และดื่มโดยไร้ความมีวินัย หัวใจของเจ้าได้ไถลห่างไปไกลจากพระเจ้า เจ้าได้ไปตามหนทางของเจ้าเองอย่างลับๆ และเจ้าได้ทำการตัดสินต่อพระราชกิจของพระเจ้าโดยพลการ ในบางกรณี ผู้คนตกต่ำถึงขนาดที่พวกเขาไม่รู้สึกถึงความอับอายหรือความขวยเขินในการกระทำบาปที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศ บุคคลประเภทนี้ได้ถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงละทิ้ง ในข้อเท็จจริงแล้ว พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้หายไปในบุคคลเช่นนั้นมานานแล้ว คนเราเพียงแค่สามารถเห็นพวกเขาจมดิ่งลงสู่ความเสื่อมทรามลึกลงไปเรื่อยๆ ขณะที่มือของมารร้ายก็ยื่นออกไปไกลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด พวกเขาปฏิเสธการมีอยู่ของหนทางนี้ และถูกซาตานจับเป็นเชลยเนื่องจากพวกเขาทำบาป หากเจ้าค้นพบว่าเจ้ามีเพียงการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังขาดพร่องพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นก็เป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่จะเข้าไปอยู่เสียแล้ว เมื่อเจ้าไม่สามารถแม้แต่จะรู้สึกถึงการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็กำลังอยู่ที่ปากเหวแห่งความตาย หากเจ้าไม่กลับใจ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะได้หวนกลับคืนไปสู่ซาตานไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว และเจ้าก็จะไปอยู่ท่ามกลางพวกที่ถูกกำจัด ดังนั้น เมื่อเจ้าค้นพบว่าเจ้าอยู่ในสภาวะที่มีเพียงการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น (เจ้าไม่ได้ทำบาป เจ้าควบคุมตัวเจ้าเอง และเจ้าไม่ทำอะไรอันเป็นการต้านทานพระเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง) แต่เจ้าขาดพร่องพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (เจ้าไม่รู้สึกว่าถูกขับเคลื่อนเมื่อเจ้าอธิษฐาน เจ้าไม่ได้รับความรู้แจ้งหรือความกระจ่างที่แจ่มชัดเมื่อเจ้ากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า เจ้าไม่แยแสในเรื่องการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า ไม่เคยมีการเติบโตใดเลยในชีวิตของเจ้า และเจ้าได้ถูกพรากความกระจ่างอันยิ่งใหญ่ไปนานแล้ว)—ในเวลาเช่นนั้น เจ้าต้องระมัดระวังมากขึ้น เจ้าต้องไม่ตามใจตัวเอง เจ้าต้องไม่ปล่อยใจไปตามบุคลิกลักษณะของเจ้าเองมากไปกว่านี้ การสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์อาจหายไปเมื่อใดก็ได้ นี่คือเหตุผลที่สถานการณ์เช่นนั้นเป็นอันตรายมาก หากเจ้าพบว่าตัวเองอยู่ในสภาวะอย่างนี้ จงพยายามพลิกฟื้นสิ่งทั้งหลายให้กลับมาดีขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าสามารถทำได้ ก่อนอื่น เจ้าควรกล่าวคำอธิษฐานแห่งการกลับใจและขอให้พระเจ้าทรงหยิบยื่นความเมตตาของพระองค์ให้แก่เจ้าอีกครั้ง จงอธิษฐานอย่างจริงจังจริงใจมากขึ้น และจงสงบใจของเจ้าเพื่อกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าให้มากขึ้น ด้วยรากฐานนี้ เจ้าต้องใช้เวลามากขึ้นในการอธิษฐาน เพิ่มความพยายามของเจ้าเป็นสองเท่าอีกครั้งในการขับร้อง การอธิษฐาน การกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า เมื่อเจ้าอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอที่สุด หัวใจของเจ้าจะถูกซาตานครอบงำได้ง่ายที่สุด เมื่อการนั้นเกิดขึ้น หัวใจของเจ้าจะถูกเอาไปจากพระเจ้าและส่งคืนกลับไปยังซาตาน ด้วยเหตุนั้นเจ้าจึงไร้ซึ่งการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในเวลาเช่นนั้น มันยากขึ้นเป็นสองเท่าที่จะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กลับคืนมา เป็นการดีกว่าที่จะแสวงหาพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในขณะที่พระองค์ยังคงทรงอยู่กับเจ้า ซึ่งจะช่วยให้พระเจ้าประทานความรู้แจ้งของพระองค์แก่เจ้าได้มากขึ้นและไม่ทำให้พระองค์ทรงละทิ้งเจ้า การอธิษฐาน การขับร้องเพลงนมัสการ การทำหน้าที่รับผิดชอบของเจ้า และการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า—ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่อที่ซาตานจะได้ไม่มีโอกาสทำงานของมัน และเพื่อที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะได้ทรงพระราชกิจภายในตัวเจ้า หากเจ้าไม่ได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กลับคืนมาในหนทางนี้ หากเจ้าเพียงแค่รอคอย เช่นนั้นแล้วการได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กลับคืนมาจะไม่ง่ายเลยเมื่อเจ้าได้สูญเสียการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปแล้ว นอกเสียจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงขับเคลื่อนเจ้าเป็นพิเศษ หรือได้ทรงทำให้เจ้ากระจ่างและรู้แจ้งเป็นการเฉพาะ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ก็ไม่ได้ใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองวันเพื่อที่สภาวะของเจ้าจะฟื้นตัว บางครั้งเวลาอาจผ่านไปถึงหกเดือนโดยที่ไม่มีการฟื้นตัวใดๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้คนหย่อนยานกับตัวเองมากเกินไป ไม่สามารถได้รับประสบการณ์กับสิ่งทั้งหลายในหนทางปกติ และด้วยเหตุนี้จึงถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงละทิ้ง แม้ว่าเจ้าจะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กลับคืนมา พระราชกิจของพระเจ้าในปัจจุบันก็ยังคงอาจจะไม่ชัดเจนมากนักสำหรับเจ้า เพราะเจ้าได้ล้าหลังไปมากในประสบการณ์ชีวิตของเจ้า ราวกับว่าเจ้าได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเป็นระยะทางหนึ่งหมื่นไมล์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรอกหรือ? อย่างไรก็ดี เราบอกผู้คนเช่นนั้นว่า มันยังไม่สายเกินไปที่จะกลับใจเสียบัดนี้ แต่ก็บอกด้วยว่ามีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ นั่นคือ เจ้าต้องทำงานหนักขึ้น และไม่ปล่อยใจไปกับความเกียจคร้าน หากคนอื่นๆ อธิษฐานห้าครั้งในหนึ่งวัน เจ้าต้องอธิษฐานสิบครั้ง หากคนอื่นๆ กินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าเป็นเวลาสองชั่วโมงต่อวัน เจ้าจะต้องทำเช่นนั้นเป็นเวลาสี่หรือหกชั่วโมง และหากคนอื่นๆ ฟังเพลงนมัสการเป็นเวลาสองชั่วโมง เจ้าต้องฟังอย่างน้อยที่สุดเป็นเวลาครึ่งวัน จงสงบใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าบ่อยๆ และคิดถึงความรักของพระเจ้า จนกระทั่งเจ้าถูกขับเคลื่อน หัวใจของเจ้ากลับสู่พระเจ้า และเจ้าไม่กล้าไถลห่างไปจากพระเจ้าอีกต่อไป—เฉพาะเมื่อนั้นเท่านั้นการปฏิบัติของเจ้าจึงจะเกิดผล เฉพาะเมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถฟื้นคืนสภาวะปกติก่อนหน้านั้นของเจ้าได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, วิธีเข้าสู่สภาวะปกติ

ยิ่งเจ้าใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้นเท่าใด เจ้าก็ยิ่งแบกภาระยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น และยิ่งภาระที่เจ้าแบกยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าใด ประสบการณ์ของเจ้าก็จะยิ่งมั่งคั่งขึ้นเท่านั้น เมื่อเจ้าใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าก็จะทรงวางภาระลงบนตัวเจ้า และเช่นนั้นแล้ว ก็จะทรงให้ความรู้แจ้งแก่เจ้าเกี่ยวกับภารกิจซึ่งพระองค์วางพระทัยมอบหมายให้เจ้า เมื่อพระเจ้าทรงมอบภาระนี้แก่เจ้า เจ้าก็จะให้ความสนใจต่อความจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขณะที่กำลังกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า หากเจ้ามีภาระต่อสภาวะของชีวิตพี่น้องชายหญิงของเจ้า เช่นนั้นแล้ว นี่ก็จะเป็นภาระที่พระเจ้าได้วางพระทัยมอบหมายให้เจ้า และเจ้าก็จะแบกภาระนี้ไว้กับเจ้าในการอธิษฐานประจำวันของเจ้าเสมอ เจ้าได้แบกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำไว้แล้ว และเจ้าเต็มใจทำสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะทำ นี่คือความหมายของการแบกภาระของพระเจ้าให้เป็นของเจ้าเอง ณ จุดนี้ ในการกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าของเจ้า เจ้าจะมุ่งเน้นที่ชนิดของปัญหาเหล่านี้ และเจ้าจะแปลกใจว่า ฉันจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? ฉันจะสามารถทำให้พี่น้องชายหญิงของฉันสามารถสัมฤทธิ์ผลของการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและพบความชื่นชมยินดีฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร? เจ้าจะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยขณะที่กำลังสามัคคีธรรม และเมื่อกำลังกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า เจ้าจะมุ่งเน้นที่การกินและดื่มพระวจนะที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเหล่านี้ เจ้าจะแบกภาระด้วยเช่นกันขณะที่เจ้ากำลังกินและดื่มพระวจนะของพระองค์ ทันทีที่เจ้าได้เข้าใจข้อพึงพระสงค์ทั้งหลายของพระเจ้าแล้ว เจ้าก็จะมีแนวคิดชัดเจนมากขึ้นว่าจะใช้เส้นทางไหน นี่คือความรู้แจ้งและความกระจ่างแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ภาระของเจ้าได้นำมา และนี่ก็ยังเป็นการทรงนำของพระเจ้าที่ได้รับการประทานแก่เจ้าอีกด้วย เหตุใดเราจึงพูดการนี้? หากเจ้าไม่มีภาระ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่เอาใจใส่ขณะที่กำลังกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า กล่าวคือ เมื่อเจ้ากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าขณะที่กำลังแบกภาระ เจ้าก็จะสามารถจับความเข้าใจในแก่นแท้ของพระวจนะเหล่านั้น ค้นพบหนทางของเจ้า และใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ ดังนั้น ในการอธิษฐานของเจ้า เจ้าควรปรารถนาให้พระเจ้าทรงวางภาระบนตัวเจ้ามากขึ้น และวางพระทัยมอบหมายกิจการที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีกให้เจ้า เพื่อที่เจ้าอาจจะมีเส้นทางที่เจ้าจะได้ปฏิบัติมากขึ้นเบื้องหน้าเจ้า เพื่อที่การกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าจะเกิดผลที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เพื่อที่เจ้าจะสามารถจับความเข้าใจในแก่นแท้ของพระวจนะของพระองค์ได้เพิ่มมากขึ้น และเพื่อที่เจ้าจะกลับกลายเป็นสามารถถูกขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้มากขึ้น

การกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า การฝึกฝนปฏิบัติการอธิษฐาน การยอมรับพระภาระของพระเจ้า และการยอมรับภารกิจที่พระองค์วางพระทัยมอบหมายให้เจ้า—ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อที่จะได้มีเส้นทางอยู่เบื้องหน้าเจ้า ยิ่งพระภาระแห่งการวางพระทัยมอบหมายของพระเจ้าทำให้เจ้าเป็นกังวลมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้นที่เจ้าจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระองค์ บางคนไม่เต็มใจร่วมมือกับผู้อื่นในการปรนนิบัติพระเจ้า แม้กระทั่งเมื่อพวกเขาได้รับการทรงเรียก เหล่านี้เป็นผู้คนที่เกียจคร้านผู้ปรารถนาเพียงแค่ได้เริงร่าในสิ่งชูใจเท่านั้น ยิ่งเจ้าถูกขอให้ปรนนิบัติในการประสานงานกับผู้อื่นมากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งได้รับประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น เจ้าจะได้รับโอกาสที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมมากยิ่งขึ้น เพราะเจ้ามีภาระและประสบการณ์มากขึ้น ดังนั้น หากเจ้าสามารถปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความจริงใจ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะใส่ใจต่อพระภาระของพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จะมีโอกาสเหมาะมากขึ้นที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า เป็นผู้คนเช่นนี้เพียงกลุ่มเดียวที่กำลังได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมในปัจจุบัน ยิ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์สัมผัสเจ้ามากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งมีเวลาอุทิศให้แก่การใส่ใจต่อพระภาระของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เจ้าจะยิ่งได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น และเจ้าจะยิ่งได้รับการทรงรับไว้โดยพระองค์มากขึ้นเท่านั้น—จนกระทั่ง ในที่สุดเจ้าจะกลายเป็นบุคคลผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ ในปัจจุบัน มีบางคนที่ไม่แบกภาระให้กับคริสตจักร ผู้คนเหล่านี้ย่อหย่อนและเหลวไหล และสนใจแต่เนื้อหนังของพวกเขาเองเท่านั้น คนเช่นนี้เห็นแก่ตัวอย่างสุดขั้ว และพวกเขายังตาบอดอีกด้วย หากเจ้าไม่สามารถมองเห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน เจ้าจะไม่แบกภาระใดๆ เลย ยิ่งเจ้าใส่ใจต่อน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้นเท่าใด พระภาระที่พระเจ้าจะวางพระทัยมอบหมายให้เจ้าก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ผู้ที่เห็นแก่ตัวไม่เต็มใจที่จะทนทุกข์กับสิ่งต่างๆ ดังกล่าว พวกเขาไม่เต็มใจชดใช้ และเนื่องจากผลนั้น พวกเขาจะพลาดโอกาสเหมาะที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า พวกเขามิได้กำลังทำอันตรายตัวพวกเขาเองอยู่หรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงใส่ใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่อบรรลุความเพียบพร้อม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger