ผู้คนที่สามารถได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้ที่ไม่สามารถได้รับ
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
พระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ และทุกผู้คนที่อยู่ในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ควรกำลังก้าวหน้าลึกซึ้งยิ่งขึ้นและย่อมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ควรหยุดที่ช่วงระยะหนึ่งใด เฉพาะพวกที่ไม่รู้พระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะยังคงอยู่ท่ามกลางพระราชกิจดั้งเดิมของพระองค์และย่อมจะไม่ยอมรับพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เฉพาะพวกที่ไม่เชื่อฟังเท่านั้นที่จะไม่สามารถได้รับพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ หากการปฏิบัติของมนุษย์ตามไม่ทันพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วการปฏิบัติของมนุษย์ก็จะถูกแยกออกจากพระราชกิจของวันนี้อย่างแน่นอน และไม่สามารถเข้ากันได้กับพระราชกิจของวันนี้อย่างแน่นอน ผู้คนที่ล้าหลังเช่นนี้ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงในน้ำพระทัยของพระเจ้าได้เลย นับประสาอะไรที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้คนที่ในท้ายที่สุดแล้วจะยืนหยัดในคำพยานต่อพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น พระราชกิจแห่งการบริหารจัดการทั้งหมดทั้งมวลของพระเจ้าย่อมไม่สามารถสรุปปิดตัวท่ามกลางกลุ่มคนเช่นนั้นได้ สำหรับพวกที่ครั้งหนึ่งเคยยึดถือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์และพวกที่ครั้งหนึ่งเคยทนทุกข์เพื่อกางเขน หากพวกเขาไม่สามารถยอมรับช่วงระยะของพระราชกิจในยุคสุดท้าย เช่นนั้นแล้วทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำมาก็จะสูญเปล่าและไร้ประโยชน์ การแสดงออกที่ชัดเจนที่สุดถึงพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังโอบล้อมที่นี่และตอนนี้ ไม่ใช่กำลังยึดติดกับอดีต พวกที่ยังตามไม่ทันพระราชกิจของวันนี้และพวกที่ได้กลายเป็นแยกจากการปฏิบัติของวันนี้คือพวกที่ต่อต้านและไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้คนดังกล่าวเยาะเย้ยท้าทายพระราชกิจปัจจุบันของพระเจ้า ถึงแม้ว่าพวกเขายึดมั่นในความสว่างของอดีต ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพวกเขาไม่รู้พระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหตุใดจึงมีการพูดทั้งหมดนี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีปฏิบัติของมนุษย์ ถึงความแตกต่างในการปฏิบัติระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ถึงวิธีดำเนินการปฏิบัติในช่วงระหว่างยุคก่อนหน้านี้ และถึงวิธีทำการปฏิบัติในวันนี้? การแบ่งแยกดังกล่าวในการปฏิบัติของมนุษย์ได้รับการพูดถึงเสมอ เพราะพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการปฏิบัติของมนุษย์จึงพึงต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากมนุษย์ยังคงติดอยู่ในช่วงระยะหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว นี่ก็พิสูจน์ว่าเขาไม่สามารถตามทันพระราชกิจใหม่และความสว่างใหม่ของพระเจ้า มันย่อมไม่ได้พิสูจน์ว่าแผนการบริหารจัดการของพระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง พวกที่อยู่นอกกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์คิดเสมอว่าพวกเขาถูกต้อง แต่อันที่จริงแล้ว พระราชกิจของพระเจ้าในตัวพวกเขาได้หยุดไปนานแล้ว และพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็หายไปจากพวกเขา พระราชกิจของพระเจ้าได้รับการส่งผ่านไปยังผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งนานแล้ว เป็นกลุ่มคนซึ่งพระองค์ทรงมีเจตนารมณ์ที่จะทรงทำพระราชกิจใหม่ของพระองค์ให้ครบบริบูรณ์กับพวกเขา เพราะพวกที่อยู่ในศาสนาย่อมไม่สามารถยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าได้ และยึดมั่นเพียงในพระราชกิจเก่าของอดีต ดังนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงละทิ้งผู้คนเหล่านี้ และทรงพระราชกิจใหม่ของพระองค์กับผู้คนที่ยอมรับพระราชกิจใหม่นี้ ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่ถวายความร่วมมือในพระราชกิจใหม่ของพระองค์ และการบริหารจัดการของพระองค์จะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ในหนทางนี้เท่านั้น การบริหารจัดการของพระเจ้ากำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ และการปฏิบัติของมนุษย์ก็กำลังเคลื่อนสูงขึ้นอยู่เสมอ พระเจ้ากำลังทรงพระราชกิจอยู่เสมอ และมนุษย์ย่อมขัดสนอยู่เสมอ จนกระทั่งทั้งพระเจ้ากับมนุษย์ไปถึงจุดสูงสุดของตน และพระเจ้ากับมนุษย์สัมฤทธิ์ความปรองดองอันครบบริบูรณ์ นี่คือการแสดงออกถึงความสำเร็จลุล่วงของพระราชกิจของพระเจ้า และเป็นผลสุดท้ายแห่งการบริหารจัดการทั้งหมดทั้งมวลของพระเจ้า
ในแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจของพระเจ้ายังมีข้อพึงประสงค์ต่อมนุษย์ที่สอดคล้องกับช่วงระยะนั้นๆ ด้วยเช่นกัน ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกครองโดยการสถิตและการบ่มวินัยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพวกที่ไม่อยู่ภายในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมอยู่ภายใต้คำสั่งของซาตาน และปราศจากพระราชกิจใดๆ แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้คนที่อยู่ในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์คือบรรดาผู้ที่ยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้า กับผู้ที่ร่วมมือในพระราชกิจใหม่ของพระเจ้า หากบรรดาผู้ที่อยู่ภายในกระแสนี้ไม่สามารถร่วมมือ และไร้ความสามารถที่จะนำความจริงที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ในช่วงระหว่างยุคนี้ไปปฏิบัติได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะถูกบ่มวินัย และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดพวกเขาก็จะถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงละทิ้ง บรรดาผู้ที่ยอมรับพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะใช้ชีวิตภายในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพวกเขาจะได้รับการดูแลและการคุ้มครองปกป้องของพระวิญญาณบริสุทธิ์ บรรดาผู้ที่เต็มใจที่จะนำความจริงไปปฏิบัติย่อมได้รับการประทานความรู้แจ้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพวกที่ไม่เต็มใจจะนำความจริงไปปฏิบัติย่อมถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงบ่มวินัย และอาจแม้กระทั่งถูกลงโทษ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นบุคคลประเภทใดก็ตาม พระเจ้าจะทรงรับผิดชอบทุกผู้คนที่ยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระองค์เพื่อประโยชน์แห่งพระนามของพระองค์ภายใต้เงื่อนไขว่าพวกเขานั้นอยู่ภายในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ บรรดาผู้ที่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์และเต็มใจที่จะนำพระวจนะของพระองค์ไปปฏิบัติจะได้รับพระพรของพระองค์ ส่วนพวกที่ไม่เชื่อฟังพระองค์และไม่นำพระวจนะของพระองค์ไปปฏิบัติย่อมจะได้รับการลงโทษของพระองค์ ผู้คนที่อยู่ในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์คือบรรดาผู้ที่ยอมรับพระราชกิจใหม่ และเนื่องจากพวกเขาได้ยอมรับพระราชกิจใหม่แล้ว พวกเขาจึงควรร่วมมือกับพระเจ้าอย่างเหมาะสม และไม่ควรปฏิบัติตนเป็นกบฏที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน นี่คือข้อพึงประสงค์เพียงข้อเดียวที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ สำหรับผู้คนที่ไม่ยอมรับพระราชกิจใหม่ การย่อมไม่เป็นดังนั้น กล่าวคือ พวกเขาอยู่นอกกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการบ่มวินัยกับการตำหนิของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมไม่ได้ใช้กับพวกเขา ตลอดทั้งวัน ผู้คนเหล่านี้ใช้ชีวิตภายในเนื้อหนัง พวกเขาใช้ชีวิตภายในจิตใจของพวกเขา และทั้งหมดที่พวกเขาทำก็สอดคล้องกับหลักข้อเชื่อที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์และการค้นคว้าวิจัยของสมองของพวกเขาเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์พึงประสงค์ และยิ่งไม่ใช่การร่วมมือกับพระเจ้าเข้าไปใหญ่ พวกที่ไม่ยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าจึงสูญสิ้นการสถิตของพระเจ้า และนอกจากนั้น พวกเขาย่อมปราศจากพระพรและการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า คำพูดและการกระทำส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงยึดมั่นอยู่กับข้อพึงประสงค์ในอดีตของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งเหล่านั้นคือหลักข้อเชื่อ ไม่ใช่ความจริง หลักข้อเชื่อและระเบียบข้อบังคับเช่นนั้นเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าการชุมนุมกันของผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากศาสนา พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรหรือเป้าหมายของพระราชกิจของพระเจ้า สมัชชาของผู้คนทั้งหมดท่ามกลางพวกเขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นการประชุมใหญ่ของศาสนา และย่อมไม่สามารถเรียกว่าคริสตจักร นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาไม่มีพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่พวกเขาทำดูเหมือนชวนให้นึกถึงศาสนา สิ่งที่พวกเขาทำในชีวิตดูเหมือนเต็มแน่นไปด้วยศาสนา พวกเขาไม่มีการสถิตและพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ นับประสาอะไรที่พวกเขาจะมีคุณสมบัติที่จะได้รับการบ่มวินัยหรือความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นซากศพที่ไร้ชีวิต และเป็นหนอนแมลงวันที่ไร้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญาณ พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการกบฏและการต่อต้านของมนุษย์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำชั่วทั้งหมดของมนุษย์ นับประสาอะไรที่พวกเขาจะรู้พระราชกิจทั้งหมดของพระเจ้าและน้ำพระทัยในปัจจุบันของพระเจ้า พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้คนต่ำช้าที่ไม่รู้เท่าทัน และพวกเขาเป็นคนทรามที่ไม่สมควรจะเรียกว่าผู้เชื่อ! ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาทำส่งผลถึงการบริหารจัดการของพระเจ้า และมันยิ่งไม่สามารถทำให้แผนการของพระเจ้าด้อยคุณค่าลงได้ คำพูดและการกระทำของพวกเขาน่าขยะแขยงเกินไป น่าสมเพชเกินไป และไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลย สิ่งที่กระทำโดยพวกที่ไม่อยู่ในกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระราชกิจใหม่แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะเหตุนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะทำสิ่งใดก็ตาม พวกเขาย่อมปราศจากวินัยแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนอกจากนั้นย่อมปราศจากความรู้แจ้งแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่ไม่มีความรักให้กับความจริง และเป็นผู้ที่ได้ถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรังเกียจและปฏิเสธ
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้าและการปฏิบัติของมนุษย์
พระเจ้าทรงพระราชกิจในบรรดาผู้ที่ไล่ตามเสาะหาและหวงแหนความล้ำค่าของพระวจนะของพระองค์ ยิ่งเจ้าหวงแหนความล้ำค่าของพระวจนะของพระเจ้ามากเท่าใด พระวิญญาณของพระองค์จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้ามากเท่านั้น ยิ่งบุคคลผู้หนึ่งหวงแหนความล้ำค่าของพระวจนะของพระเจ้ามากเท่าใด โอกาสที่เขาจะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น พระเจ้าทรงทำให้บรรดาผู้ที่รักพระองค์อย่างแท้จริงมีความเพียบพร้อม และพระองค์ทรงทำให้บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีสันติสุขเฉพาะพระพักตร์พระองค์มีความเพียบพร้อม การหวงแหนความล้ำค่าของพระราชกิจทั้งปวงของพระเจ้า การหวงแหนความล้ำค่าของความรู้แจ้งของพระเจ้า การหวงแหนความล้ำค่าของการสถิตของพระเจ้า การหวงแหนความล้ำค่าของการดูแลเอาใจใส่และการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า การหวงแหนความล้ำค่าของวิธีที่พระวจนะของพระเจ้ากลายเป็นความเป็นจริงของเจ้าและจัดเตรียมให้กับชีวิตของเจ้า—ทั้งหมดนี้ล้วนสอดคล้องกับพระทัยของพระเจ้าอย่างเหมาะสมที่สุด หากเจ้าหวงแหนความล้ำค่าของพระราชกิจของพระเจ้า กล่าวคือ หากเจ้าหวงแหนความล้ำค่าของพระราชกิจทั้งปวงที่พระองค์ทรงทำกับเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็จะทรงมอบพระพรแก่เจ้า และทรงทำให้ทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าเพิ่มทวีคูณ หากเจ้าไม่หวงแหนความล้ำค่าของพระวจนะของพระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงพระราชกิจในตัวเจ้า แต่พระองค์จะให้พระคุณแก่เจ้าเพียงเล็กน้อยสำหรับความเชื่อของเจ้า หรืออวยพระพรแก่เจ้าด้วยความมั่งคั่งที่ไม่เพียงพอและมอบความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอแก่ครอบครัวของเจ้า เจ้าควรเพียรพยายามที่จะทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นความเป็นจริงของเจ้า และมีความสามารถที่จะทำให้พระองค์พึงพอพระทัยและเป็นที่สมดังพระทัยของพระองค์ เจ้าไม่ควรแค่เพียรพยายามที่จะชื่นชมพระคุณของพระองค์เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดสำคัญสำหรับบรรดาผู้เชื่อมากไปกว่าการได้รับพระราชกิจของพระเจ้า การได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม และการได้กลายเป็นบรรดาผู้ที่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า นี่คือเป้าหมายที่เจ้าควรไล่ตามเสาะหา
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงทำให้บรรดาผู้ที่สมดังพระทัยของพระองค์มีความเพียบพร้อม
พระเจ้าได้มีการตรัสไว้มากมายนักแล้ว เจ้าควรทำให้ถึงที่สุดที่จะกินและดื่มพระวจนะของพระองค์ และจากนั้น โดยที่เจ้าไม่ทันรู้ตัว เจ้าจะได้มาเข้าใจ และโดยที่เจ้าไม่ทันรู้ตัว พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงให้ความรู้แจ้งแก่เจ้า ในเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ความรู้แจ้งแก่มนุษย์ บ่อยครั้งที่มันเป็นไปโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว พระองค์ทรงให้ความรู้แจ้งแก่เจ้าและทรงนำเจ้าเมื่อเจ้ากระหายและแสวงหา หลักการซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจนั้นมีศูนย์กลางโอบล้อมพระวจนะของพระเจ้าที่เจ้ากินและดื่ม ทุกคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อพระวจนะของพระเจ้าและมีท่าทีที่แตกต่างต่อพระวจนะของพระองค์เสมอ—การเชื่อในการคิดที่มึนงงสับสนของตน นับเป็นเรื่องของความไม่แยแส ไม่ว่าพวกเขาจะอ่านพระวจนะของพระองค์หรือไม่ก็ตาม—คือพวกที่ไม่ได้ครอบครองความเป็นจริง อีกทั้งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการให้ความรู้แจ้งของพระองค์ก็ไม่อาจพบเห็นได้ในบุคคลเช่นนั้น ผู้คนเยี่ยงนี้ก็เพียงแค่ลอยชายไปเรื่อยไม่จริงจัง พวกคนเสแสร้งซึ่งปราศจากคุณสมบัติที่แท้จริง เหมือนอย่างนายหนานกวั๋วจากนิทานอุปมา[ก]
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ยุคแห่งราชอาณาจักรคือยุคพระวจนะ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ความรู้แจ้งแก่บุคคลประเภทใด? บรรดาผู้ที่มีภูมิปัญญาเฉียบคมและละเอียดอ่อน เมื่อพวกเขาได้รับมอบความรู้สึกหรือความรู้แจ้ง พวกเขาสามารถสำนึกรับรู้ได้ว่า นี่คือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และว่าเป็นพระเจ้านั่นเองที่ทรงพระราชกิจนั้น บางครั้ง พวกเขาสามารถบอกได้ทันทีที่พวกเขากำลังถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตำหนิติเตียน และดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงดึงบังเหียนตัวพวกเขาเอง เหล่านี้คือผู้คนซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ความรู้แจ้ง หากใครคนหนึ่งสะเพร่าและไม่เข้าใจสิ่งทั้งหลายฝ่ายจิตวิญญาณ พวกเขาย่อมจะไม่ตระหนักในยามที่พวกเขากำลังได้รับมอบความรู้สึก พวกเขาไม่ใส่ใจต่อพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดังนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะไม่ทรงลองพยายามที่จะให้ความรู้แจ้งแก่พวกเขาอีกครั้ง หากพวกเขายังคงไม่ยอมรับความคิดใหม่ๆ แม้ภายหลังจากความพยายามสามหรือสี่ครั้งก็ตาม พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะไม่ทรงพระราชกิจกับพวกเขาอีกต่อไป เหตุใดจึงเป็นว่า ยิ่งผู้คนบางคนไปไกลออกไป พวกเขารู้สึกมืดมน ซึมเศร้า หมดกำลังใจ สูญสิ้นความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในตัวพวกเขาเอง? ภายในตัวพวกเขาไม่มีอะไรเลยเว้นแต่สิ่งทั้งหลายที่ไร้ชีวิตชีวา คำสอนที่ไร้ชีวิตชีวา ดังนั้นแล้ว พวกเขาจะอาจสามารถรู้สึกขะมักเขม้นได้อย่างไร? ผู้คนอยู่ได้ไม่นานโดยการเพียงแค่พึ่งพาความมีใจกระตือรือร้นของพวกเขาเท่านั้น เจ้าต้องเข้าใจความจริงเพื่อที่จะมีเรี่ยวแรง เพราะฉะนั้น ในความเชื่อในพระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องมีภูมิปัญญาละเอียดอ่อน เจ้าต้องใช้พระวจนะของพระเจ้าอย่างจริงจัง และมุ่งเน้นไปที่การรู้จักตัวเจ้าเอง เจ้าต้องเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยผ่านทางการเข้าใจความจริง โดยผ่านทางการรู้จักและการได้รับประสบการณ์ เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์สัมพันธ์กับชีวิตจริงอย่างเหนือธรรมดา ผู้คนบางคนมีความสามารถที่จะเข้าใจความจริง กระนั้นพวกเขาก็ไม่มีประสบการณ์ส่วนบุคคลเกี่ยวกับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต่อไปข้างหน้า พวกเจ้าต้องมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนที่สุด และความสว่างที่ละเอียดอ่อนที่สุด แต่ละครั้งที่บางสิ่งเกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าควรสังเกตสิ่งนั้นและเข้าหาสิ่งนั้นจากมุมมองของความจริง และในการทำเช่นนั้น เจ้าย่อมจะค่อยๆ ก้าวเท้าไปบนร่องครรลองที่ถูกต้อง
ตัดตอนมาจาก “จงมองทะลุปรุโปร่งถึงทุกสรรพสิ่งโดยผ่านทางสายตาแห่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
หากในการเชื่อของผู้คนในพระเจ้า พวกเขาไม่ได้มอบหัวใจของพวกเขาแด่พระองค์ และหากหัวใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระองค์และพวกเขาไม่ปฏิบัติต่อภาระของพระองค์เสมือนดั่งภาระของตนเอง เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นการกระทำที่ฉ้อโกงพระเจ้า เป็นการกระทำที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของผู้คนที่เคร่งศาสนา และไม่สามารถได้รับคำสรรเสริญของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงสามารถได้รับสิ่งใดๆ จากบุคคลประเภทนี้ บุคคลประเภทนี้เพียงสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวประกอบเสริมความเด่นให้พระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้น เป็นเหมือนสิ่งประดับตกแต่งชิ้นหนึ่งในพระนิเวศของพระเจ้าเท่านั้นเอง เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เกินความจำเป็นและไร้ประโยชน์ พระเจ้าไม่ทรงใช้ประโยชน์จากบุคคลประเภทนี้ ในบุคคลประเภทนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะสำหรับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ไม่มีแม้กระทั่งคุณค่าใดๆ ในการได้รับการทำให้เพียบพร้อมของพวกเขา บุคคลประเภทนี้ในความจริงแล้วคือศพที่เดินได้ ผู้คนดังกล่าวไม่มีอะไรเลยที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสามารถใช้การได้ แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาทั้งหมดได้ถูกซาตานยึดครองและทำให้เสื่อมทรามอย่างฝังลึก พระเจ้าจะทรงกำจัดผู้คนเหล่านี้ออกไป ในปัจจุบันนี้ ในการใช้ประโยชน์จากผู้คน พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงทรงใช้ส่วนที่น่าพึงปรารถนาของพวกเขาเพื่อจะทำให้สิ่งทั้งหลายสำเร็จเท่านั้น พระองค์ยังทรงเปลี่ยนและทำให้ส่วนที่ไม่น่าพึงปรารถนาของพวกเขานั้นเพียบพร้อมอีกด้วย หากใจของเจ้าสามารถหลั่งรินเข้าไปในพระเจ้าและดำรงอยู่ด้วยความสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีโอกาสเหมาะและคุณสมบัติที่จะถูกใช้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าจะมีโอกาสเหมาะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำให้ข้อบกพร่องของเจ้านั้นดีขึ้น เมื่อเจ้ามอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า ในด้านบวกนั้น เจ้าจะสามารถบรรลุการเข้าสู่ที่ล้ำลึกขึ้น และบรรลุระดับชั้นของความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่สูงขึ้น ในด้านลบนั้น เจ้าจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความผิดพลาดและข้อบกพร่องของเจ้าเอง เจ้าจะกระตือรือร้นมากขึ้นในการพยายามทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า และเจ้าจะไม่เอาแต่อยู่นิ่งเฉย แต่จะเข้าสู่อย่างกระตือรือร้น ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะกลายเป็นคนที่ถูกต้อง สมมุติว่าหัวใจของเจ้าสามารถสงบนิ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า กุญแจไปสู่การที่เจ้าจะได้รับการสรรเสริญจากพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ และเจ้าทำให้พระเจ้าพอพระทัยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถเข้าสู่อย่างกระตือรือร้นได้หรือไม่ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้บุคคลรู้แจ้งและทรงใช้ประโยชน์จากพวกเขา นั่นไม่เคยทำให้พวกเขาเข้าสู่ด้านลบเลย แต่กลับทำให้พวกเขาก้าวหน้าอย่างกระตือรือร้นเสมอ แม้ว่าบุคคลนี้มีจุดอ่อน แต่พวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการใช้จุดอ่อนเหล่านั้นเป็นพื้นฐานในหนทางที่พวกเขาดำเนินชีวิต พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการประวิงการเติบโตในชีวิตของพวกเขาได้ และยังคงพยายามทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อไป นี่คือมาตรฐาน หากเจ้าสามารถบรรลุการนี้ได้ ก็เป็นการพิสูจน์ที่เพียงพอว่าเจ้าได้รับการสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว หากบุคคลมีความคิดในแง่ลบอยู่เสมอ และหากแม้กระทั่งภายหลังจากที่ได้รับความรู้แจ้งและได้มารู้จักตัวเองแล้ว พวกเขายังคงมีความคิดในแง่ลบและนิ่งเฉยอยู่และไร้ความสามารถที่จะลุกขึ้นและลงมือปฏิบัติให้สอดคล้องกับพระเจ้าแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วคนประเภทนี้ก็แค่ได้รับพระคุณของพระเจ้า แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้สถิตกับพวกเขา เมื่อบุคคลหนึ่งมีความคิดในแง่ลบ นี่หมายความว่าหัวใจของพวกเขาไม่ได้หันเข้าหาพระเจ้าและวิญญาณของพวกเขาไม่ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณของพระเจ้า ทุกคนควรเข้าใจการนี้
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง
พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมีหลักธรรมของตัวเอง และก็มีเงื่อนไข พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจในแบบเฉพาะในบุคคลประเภทใดหรือ? บุคคลต้องครองสิ่งใดเพื่อให้ได้มาซึ่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์? ในความเชื่อของคนเรา คนเราต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่า เพื่อที่จะได้มาซึ่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างน้อยที่สุดคนเราต้องมีมโนธรรมและหัวใจที่ซื่อสัตย์ และมโนธรรมของคนเรานั้นต้องมีองค์ประกอบของความซื่อสัตย์ มีเพียงทันทีที่เจ้ามีหัวใจที่ซื่อสัตย์—ตลอดจนมโนธรรมและเหตุผลที่สภาวะความเป็นมนุษย์ของคนเราต้องครอง—เท่านั้น พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงจะสามารถทำงานกับเจ้าได้ ผู้คนมักพูดอยู่เสมอว่าพระเจ้าทอดพระเนตรลึกลงไปยังหัวใจของคนเราและทรงสังเกตการณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่มีวันรู้ว่าเหตุใดบางคนจึงไม่เคยได้รับความรู้แจ้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย เหตุใดพวกเขาไม่เคยสามารถได้รับพระคุณ เหตุใดพวกเขาไม่เคยมีความชื่นชมยินดี เหตุใดพวกเขาจึงคิดลบและหดหู่อยู่เสมอ และเหตุใดพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดบวกได้ จงมองดูที่สภาวะการเป็นอยู่ของพวกเขา เรารับประกันกับเจ้าว่าทุกคนจากผู้คนเหล่านี้ไม่มีมโนธรรมที่ใช้งานได้หรือหัวใจที่ซื่อสัตย์ บรรดาผู้ที่มีสันติสุขและความชื่นบาน ผู้ที่แข็งขันและปรับปรุงในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาอยู่เสมอ ผู้ที่ได้รับบางสิ่งเสมอ ผู้ที่มีความเข้าใจเสมอ และผู้ที่ได้บางสิ่งจากความพยายามของพวกเขาเสมอหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง—สิ่งที่พวกเขาได้รับนั้นสัมฤทธิ์โดยการจินตนาการของพวกเขาหรือไม่? สิ่งเหล่านั้นได้รับการเรียนรู้มาจากการศึกษาหนังสือหรือไม่? สิ่งเหล่านั้นได้รับมาอย่างไร? พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถถูกจำกัดได้หรือไม่? (ไม่ได้) พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งหลัก เมื่อเจ้าครองหัวใจที่ซื่อสัตย์ และมโนธรรมและเหตุผลซึ่งเป็นความพร้อมพื้นฐานของสภาวะความเป็นมนุษย์ของคนเรา พระเจ้าจะทรงสังเกตเจ้า พวกเจ้าได้ขบคิดแบบแผนของวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจให้ออกหรือยัง? พระวิญญาณบริสุทธิ์มักจะทรงพระราชกิจกับบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขานั้นซื่อสัตย์ และพระองค์ทรงพระราชกิจเมื่อผู้คนประสบความเดือดร้อนและกำลังแสวงหาความจริง พระเจ้าจะไม่ใส่พระทัยกับพวกที่ไม่มีเหตุผลหรือมโนธรรมแบบมนุษย์เลยสักกระผีก หากใครคนหนึ่งซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก แต่ช่วงระยะเวลาหนึ่งนั้น หัวใจของพวกเขาหันออกจากพระเจ้า เขาไม่มีความพึงปรารถนาที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น เขาย่อมตกลงสู่สภาวะที่เป็นลบและไม่ออกมาจากการนั้น เมื่อเขาไม่อธิษฐานหรือแสวงหาความจริงเพื่อแก้ไขสภาวะของเขา และเขาไม่ร่วมมือ เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะไม่ทรงพระราชกิจในตัวเขาในระหว่างการทำให้สภาวะของเขาหรือความเสื่อมสภาพชั่วคราวของเขามืดมนเป็นครั้งคราวเช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว ใครคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกตัวในเรื่องของสภาวะความเป็นมนุษย์ จะสามารถได้รับการทรงพระราชกิจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร? นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เช่นนั้นแล้ว ผู้คนเช่นนั้นควรทำสิ่งใด? มีหนทางที่พวกเขาจะติดตามหรือไม่? พวกเขาต้องกลับใจอย่างจริงแท้และเป็นผู้คนที่ซื่อสัตย์ คนเราสามารถเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร? ประการแรก หัวใจของเจ้าต้องเปิดกว้างต่อพระเจ้า และเจ้าต้องแสวงหาความจริงจากพระเจ้า ทันทีที่เจ้าเข้าใจความจริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าต้องปฏิบัติความจริง จากนั้นเจ้าก็ต้องนบนอบต่อการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และเปิดโอกาสให้พระเจ้าทรงควบคุมดูแลเจ้า มีเพียงในหนทางนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะได้รับการสรรเสริญโดยพระเจ้า เจ้าต้องพักวางชื่อเสียงเกียรติยศและสิ่งไร้ค่าของเจ้าเองเสียก่อน และปล่อยผ่านผลประโยชน์ของเจ้าเอง ก่อนอื่นเลย จงลองพยายามที่จะพักวางสิ่งเหล่านั้น และทันทีที่เจ้าได้พักวางสิ่งเหล่านั้นแล้ว จงใส่ร่างกายและดวงจิตทั้งหมดทั้งสิ้นของเจ้าเข้าไปในหน้าที่ของเจ้าและในงานแห่งการให้คำพยานเพื่อพระเจ้า แล้วจากนั้นก็มองให้เห็นว่าพระเจ้าทรงนำเจ้าอย่างไร มองให้เห็นว่าสันติสุขและความชื่นบานเกิดขึ้นภายในตัวเจ้าหรือไม่ ว่าเจ้ามีการยืนยันนี้หรือไม่ ก่อนอื่นเจ้าต้องกลับใจอย่างจริงแท้ ยอมจำนนตัวเจ้าเอง เปิดหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า และพักวางสิ่งทั้งหลายที่เจ้าหวงแหนราวสมบัติล้ำค่า หากเจ้ายึดมั่นสิ่งเหล่านั้นต่อไปในขณะที่ทำการร้องขอต่อพระเจ้า เจ้าจะมีความสามารถที่จะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์กระนั้นหรือ? พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นมีเงื่อนไข และพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ซึ่งทรงเกลียดชังความชั่วและผู้ซึ่งทรงบริสุทธิ์ หากผู้คนยึดมั่นสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ โดยปิดตัวพวกเขาเองกับพระเจ้าอยู่เป็นนิตย์และบอกปัดพระราชกิจและการทรงนำของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าย่อมจะทรงหยุดการทรงพระราชกิจกับพวกเขา มิใช่ว่าพระเจ้าต้องทรงพระราชกิจภายในทุกๆ บุคคล หรือว่าพระองค์จะทรงบังคับให้เจ้าทำการนี้หรือการนั้น พระองค์ไม่ทรงบังคับขู่เข็ญเจ้า งานของวิญญาณชั่วคือการบังคับเหล่ามนุษย์ให้ทำการนี้และการนั้น และถึงขั้นเข้าครองและควบคุมผู้คน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ พระองค์ทรงดลใจเจ้า และเจ้าไม่รู้สึกถึงการนั้น เจ้าเพียงแค่รู้สึกราวกับว่า เจ้าได้มาเข้าใจหรือตระหนักถึงบางสิ่งโดยไม่รู้สึกตัว นี่คือวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจผู้คน และหากพวกเขานบนอบ พวกเขาย่อมจะพบว่าตัวพวกเขาเองมีความสามารถที่จะกลับใจได้อย่างแท้จริง
ตัดตอนมาจาก “จงมอบหัวใจอันแท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
ลึกลงไปนั้น ผู้คนเก็บงำสภาวะที่ไม่ดีสองสามอย่าง—ความเป็นลบ ความอ่อนแอ และความซึมเศร้าหรือความง่ายต่อการแตกหัก หรือความตั้งใจที่ต่ำช้าไม่ลดละ หรือการตกเป็นทาสของความกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศ ความอยากได้อยากมีอันเห็นแก่ตัว และประโยชน์ของพวกเขาเองอยู่เสมอ หรือพวกเขาคิดว่าตัวพวกเขาเองมีขีดความสามารถต่ำ และครองสภาวะที่เป็นลบเฉพาะบางอย่าง เมื่อเจ้าดำรงชีวิตภายในสภาวะเหล่านี้อยู่เป็นนิตย์ ย่อมลำบากยากเย็นเป็นอย่างมากที่เจ้าจะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเจ้ามีความลำบากยากเย็นในการได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจ้าย่อมจะบรรจุสิ่งที่เป็นบวกอยู่เล็กน้อยมากภายในตัวเจ้า และจะเป็นการยากที่เจ้าจะได้รับความจริง ผู้คนพึ่งพาพลังจิตของพวกเขาเสมอในการที่จะยับยั้งชั่งใจ โดยการหน่วงเหนี่ยวในหนทางนี้หนทางนั้น แต่พวกเขายังคงไม่สามารถปลดปล่อยตัวพวกเขาเองให้เป็นอิสระจากสภาวะที่เป็นลบหรือส่งผลร้ายเหล่านั้น ส่วนหนึ่งของการนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผลทั้งหลายของมนุษย์ ผู้คนไม่สามารถพบเจอเส้นทางของการปฏิบัติซึ่งเหมาะสมกับพวกเขาได้ อีกหนึ่งเหตุผล—นี่คือเหตุผลหลักประการหนึ่งเช่นกัน—ก็คือ ผู้คนตกสู่สภาวะที่เป็นลบ จมดิ่ง และเสื่อมสภาพเหล่านี้เสมอ และพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงไม่ทรงพระราชกิจ ต่อให้พระองค์ทรงมอบความรู้แจ้งแก่พวกเขาเป็นครั้งคราว พระองค์ก็ไม่ทรงพระราชกิจหลักในตัวพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงต้องใช้ความพยายามอันใหญ่หลวงเพื่อลงมือดำเนินการ และเป็นการลำบากยากเย็นที่พวกเขาจะเห็นและเข้าใจสิ่งอันใด เป็นการยากที่เจ้าจะได้มาซึ่งความรู้แจ้งและความกระจ่าง และยากเป็นอย่างมากที่จะมีความสว่าง เพราะสิ่งทั้งหลายที่เป็นลบและส่งผลร้ายมากมายเกินไปนั้น ได้ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดภายในหัวใจของเจ้าแล้ว หากคนเราไม่สามารถได้รับการให้ความรู้แจ้งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไร้ความสามารถที่จะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้ว คนเราย่อมไม่สามารถทิ้งสภาวะเหล่านี้หรือแปลงสภาพสภาวะที่เป็นลบเหล่านี้ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงพระราชกิจ และเจ้าไม่สามารถพบเจอเส้นทางไปข้างหน้าได้ เนื่องเพราะเหตุผลทั้งสองประการนี้ จึงเป็นการลำบากยากเย็นที่เจ้าจะบรรลุสภาวะที่เป็นบวกและเป็นปกติ ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะสามารถสู้ทนมากมายและทำงานหนักกับการลุล่วงหน้าที่ของพวกเจ้า และถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะได้สละความพยายามอันใหญ่หลวง และมีความสามารถที่จะทอดทิ้งบ้านและอาชีพของพวกเจ้า และปล่อยมือจากทุกสิ่งทุกอย่างอย่างครบบริบูรณ์ แต่อันที่จริงแล้ว สภาวะภายในของพวกเจ้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งพัวพันยุ่งเหยิงมากมายเกินไปยังคงจับเจ้าเป็นเชลยจากการปฏิบัติความจริง และจากการเข้าสู่ความจริงความเป็นจริง สิ่งสารพันนานาเติมพื้นที่ภายในตัวเจ้า กล่าวคือ มโนคติอันหลงผิดส่วนบุคคล การจินตนาการ ความรู้ และปรัชญาสำหรับการดำรงชีวิต ตลอดจนสิ่งทั้งหลายที่เป็นลบ ความอยากได้อยากมีอันเห็นแก่ตัว และผลประโยชน์ส่วนตน ความกังวลสนใจเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศ และกรณีพิพาทกับผู้อื่น ผู้คนไม่มีอะไรเลยที่เป็นบวกภายในตัวพวกเขา หัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดที่เป็นลบและส่งผลร้าย นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้ หัวใจของพวกเขาถูกสิ่งทั้งหลายเยี่ยงซาตานเติมเต็มและยึดครอง หากเจ้าไม่ถอนรากถอนโคนสิ่งเหล่านี้ หากเจ้าไม่สามารถปลดปล่อยตัวเจ้าเองจากสภาวะเหล่านี้ได้ หากเจ้าไม่สามารถแปลงสภาพไปสู่สภาพเสมือนอันจริงแท้ของเด็กคนหนึ่ง—ไร้ความผิด มีชีวิตชีวา ไร้เล่ห์มายา เป็นของแท้ และปราศจากราคี—และมาสู่การทรงสถิตของพระเจ้า และหากเจ้าไม่มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เช่นนั้นแล้ว จะเป็นการลำบากยากเย็นเป็นอย่างมากที่เจ้าจะได้รับความจริง
ตัดตอนมาจาก “จงมอบหัวใจอันแท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย
เชิงอรรถ:
ก. ข้อความต้นฉบับไม่มีวลี “จากนิทานอุปมา”
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ