อะไรคืองานของพวกวิญญาณชั่ว? อะไรคือการสำแดงของงานของพวกวิญญาณชั่ว?
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
อะไรคืองานที่มาจากซาตาน? ในงานที่มาจากซาตาน นิมิตภายในผู้คนนั้นคลุมเครือ ผู้คนปราศจากสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติ แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำของพวกเขานั้นผิด และถึงแม้ว่าพวกเขาปรารถนาที่จะรักพระเจ้า แต่ก็มีข้อกล่าวหาภายในพวกเขาเสมอ และข้อกล่าวหาและความคิดเหล่านี้ก่อให้เกิดการเข้าแทรกแซงเป็นนิตย์ภายในพวกเขา ซึ่งจำกัดควบคุมการเติบโตของชีวิตของพวกเขา และหยุดพวกเขาไม่ให้มายังเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าในสภาพเงื่อนไขปกติ กล่าวได้ว่า ทันทีที่งานของซาตานอยู่ภายในผู้คน หัวใจของพวกเขาก็ไม่สามารถสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ ผู้คนเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตัวเอง—เมื่อพวกเขาเห็นผู้คนมารวมตัวกัน พวกเขาต้องการวิ่งหนี และพวกเขาไม่สามารถหลับตาได้เมื่อผู้อื่นอธิษฐาน งานของวิญญาณชั่วทำลายสัมพันธภาพปกติระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า และปั่นป่วนนิมิตก่อนหน้านี้ของผู้คนหรือเส้นทางที่ผ่านมาในการเข้าสู่ชีวิตของพวกเขา ในหัวใจของพวกเขานั้น พวกเขาไม่สามารถมีวันเข้าไปใกล้พระเจ้าได้ และสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งก่อให้เกิดการหยุดชะงักแก่พวกเขาและพันธนาการพวกเขาไว้ หัวใจของพวกเขาไม่สามารถพบสันติสุข และพวกเขาถูกทิ้งไว้โดยไม่มีกำลังที่จะรักพระเจ้าและโดยที่จิตวิญญาณของพวกเขาจมลง เช่นนั้นคือการสำแดงของงานของซาตาน การสำแดงของงานของซาตานคือ การไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้และยืนหยัดเป็นพยาน ซึ่งทำให้เจ้ากลายเป็นใครคนหนึ่งที่ทำผิดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และเป็นผู้ที่ไม่มีความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า เมื่อซาตานเข้าแทรกแซง เจ้าสูญเสียความรักและความจงรักภักดีต่อพระเจ้าภายในเจ้า เจ้าถูกปลดเปลื้องจากสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เจ้าไม่ไล่ตามเสาะหาความจริงหรือการปรับปรุงตัวเอง เจ้าถอยหลังและกลายเป็นนิ่งเฉย เจ้าหมกมุ่นกับตัวเอง เจ้าปล่อยให้การแพร่กระจายของบาปดำเนินไปอย่างอิสระและไม่รังเกียจบาป ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าแทรกแซงของซาตานทำให้เจ้าเหลวไหล นั่นทำให้การทรงสัมผัสของพระเจ้าอันตรธานไปภายในเจ้า และทำให้เจ้าพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระเจ้าและต่อต้านพระองค์ นำเจ้าไปสู่การตั้งคำถามกับพระเจ้า มีแม้กระทั่งความเสี่ยงที่ว่าเจ้าจะทอดทิ้งพระเจ้า ทั้งหมดนี้มาจากซาตาน
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และงานของซาตาน
วันนี้มีวิญญาณชั่วอยู่บ้างที่หลอกลวงมนุษย์ด้วยสิ่งทั้งหลายที่เหนือธรรมชาติ นั่นไม่ใช่สิ่งใดเลยนอกจากการเอาอย่างในส่วนของพวกเขา เพื่อหลอกลวงมนุษย์โดยผ่านทางงานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ทรงทำในปัจจุบัน มนุษย์จำนวนมากแสดงปาฏิหาริย์และรักษาคนป่วยและขับไล่พวกมาร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใดเลยนอกจากงานของวิญญาณชั่ว เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ทรงพระราชกิจเช่นนั้นในยุคปัจจุบันอีกต่อไป และคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ได้เอาอย่างพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จากเวลานั้นเรื่อยมาคือวิญญาณชั่วโดยแท้ งานทั้งหมดที่ได้ดำเนินการในอิสราเอลในเวลานั้นคืองานที่มีลักษณะเหนือธรรมชาติ ถึงแม้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทรงพระราชกิจในลักษณะเช่นนั้นแล้วตอนนี้ และงานใดๆ เช่นนั้นในตอนนี้คือการเอาอย่างและการปลอมตัวของซาตานและการรบกวนของมัน แต่เจ้าไม่สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งใดก็ตามที่เหนือธรรมชาตินั้นมาจากวิญญาณชั่ว—การนี้คงจะขึ้นอยู่กับยุคแห่งพระราชกิจของพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (1)
หากในระหว่างยุคปัจจุบันมีบุคคลผู้หนึ่งโผล่ออกมาซึ่งสามารถแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ไล่ผี รักษาคนป่วย และทำปาฏิหาริย์มากมาย และหากบุคคลผู้นี้อ้างว่าพวกเขาคือพระเยซูผู้ได้เสด็จมา เช่นนั้นแล้วนี่จะเป็นสิ่งเทียมเท็จที่ทำขึ้นโดยพวกวิญญาณชั่วที่เลียนแบบพระเยซู จงจดจำการนี้ไว้! พระเจ้าไม่ทรงทำพระราชกิจเดียวกันซ้ำ ช่วงระยะแห่งพระราชกิจของพระเยซูได้ครบบริบูรณ์ไปแล้ว และพระเจ้าจะไม่มีวันทรงดำเนินพระราชกิจช่วงระยะนั้นอีกครั้ง พระราชกิจของพระเจ้าไม่สามารถลงรอยกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ได้ ยกตัวอย่างเช่น พันธสัญญาเดิมได้บอกล่วงหน้าถึงการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ และผลลัพธ์ของคำพยากรณ์นี้คือการเสด็จมาของพระเยซู เมื่อการนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ก็น่าจะผิดที่จะมีพระเมสสิยาห์อีกองค์เสด็จมาอีกครั้ง พระเยซูได้เสด็จมาแล้วครั้งหนึ่ง และมันน่าจะผิดหากพระเยซูจะเสด็จมาอีกครั้งในครานี้ มีชื่อเดียวสำหรับทุกยุค และแต่ละชื่อประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญของยุคนั้น ในมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ พระเจ้าต้องทรงแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เสมอ ต้องทรงรักษาคนป่วยและไล่ผีเสมอ และต้องทรงเป็นดุจดั่งพระเยซูเสมอ กระนั้นในครานี้ พระเจ้าไม่ทรงเป็นเหมือนเช่นนั้นเลย หากในระหว่างยุคสุดท้าย พระเจ้ายังคงทรงแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และยังคงทรงไล่ผีและรักษาคนป่วย—หากพระองค์ทรงทำอย่างเดียวกันกับพระเยซู—เช่นนั้นแล้วพระเจ้าก็คงจะกำลังทรงทำพระราชกิจเดียวกันซ้ำ และพระราชกิจของพระเยซูก็จะไม่มีนัยสำคัญหรือคุณค่า ดังนั้นในทุกยุคพระเจ้าจึงทรงดำเนินพระราชกิจช่วงระยะเดียวจนแล้วเสร็จ ทันทีที่แต่ละช่วงระยะของพระราชกิจของพระองค์ได้ดำเนินการครบบริบูรณ์แล้ว ในไม่ช้าก็ถูกเลียนแบบโดยพวกวิญญาณชั่ว และหลังจากซาตานเริ่มตามหลังพระเจ้าไปติดๆ พระเจ้าก็ทรงเปลี่ยนแปลงไปสู่วิธีการที่ต่างออกไป ทันทีที่พระเจ้าได้ทรงเสร็จสิ้นช่วงระยะหนึ่งของพระราชกิจของพระองค์ ก็จะถูกเลียนแบบโดยพวกวิญญาณชั่ว พวกเจ้าต้องชัดเจนเกี่ยวกับการนี้
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรู้จักพระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้
บางคนกล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทรงพระราชกิจในตัวพวกเขาตลอดเวลา นี่เป็นไปไม่ได้ หากพวกเขาจะกล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตกับพวกเขาตลอดเวลา นั่นอาจจะเป็นไปได้ หากพวกเขาจะกล่าวว่าการคิดและสำนึกรับรู้ของพวกเขาเป็นปกติตลอดเวลา นั่นก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน และอาจแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตกับพวกเขา หากพวกเขากล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทรงพระราชกิจภายในตัวพวกเขาตลอดเวลา กล่าวว่าพวกเขาได้รับการให้ความรู้แจ้งโดยพระเจ้าและได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกชั่วขณะ และได้รับความรู้ใหม่ตลอดเวลา เช่นนั้นแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องปกติแต่อย่างใดเลย! มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างครบถ้วนบริบูรณ์! ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย ผู้คนเช่นนั้นก็คือเหล่าวิญญาณชั่ว! แม้คราที่พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ มีเวลาที่พระองค์ยังต้องเสวยและต้องทรงหยุดพัก—ไม่ต้องพูดถึงพวกมนุษย์แต่อย่างใด บรรดาผู้ที่ได้ถูกเหล่าวิญญาณชั่วครอบครองดูเหมือนว่าไม่มีความอ่อนแอของเนื้อหนัง พวกเขาสามารถละทิ้งและล้มเลิกทุกสิ่งได้ พวกเขาเป็นอิสระจากอารมณ์ความรู้สึก สามารถสู้ทนต่อความทรมานและไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาได้อยู่เหนือเนื้อหนังแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติอย่างที่สุดหรอกหรือ? งานของเหล่าวิญญาณชั่วนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ—ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถสัมฤทธิ์สิ่งต่างๆ เช่นนั้นได้! บรรดาผู้ที่ขาดการหยั่งรู้จะอิจฉาเมื่อพวกเขาเห็นผู้คนเช่นนั้น: พวกเขากล่าวว่าพวกเขามีเรี่ยวแรงกำลังเช่นนั้นในการเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา มีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และไม่เคยแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของความอ่อนแอแม้แต่น้อย! ในความเป็นจริงแล้ว เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการสำแดงให้เห็นถึงงานของวิญญาณชั่ว ด้วยเพราะผู้คนปกติย่อมมีความอ่อนแอของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือสภาวะปกติของบรรดาผู้ที่มีการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การปฏิบัติ (4)
เจ้ามีความสามารถที่จะรู้สึกถึงดวงจิตของเจ้าได้หรือไม่? เจ้ามีความสามารถที่จะสัมผัสดวงจิตของเจ้าได้หรือไม่? เจ้ามีความสามารถที่จะสำนึกรับรู้ว่าดวงจิตของเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ได้หรือไม่? เจ้าไม่รู้ใช่หรือไม่? หากเจ้ามีความสามารถที่จะรู้สึกหรือสัมผัสสิ่งเช่นนี้ได้ เช่นนั้นแล้วก็เป็นอีกหนึ่งวิญญาณภายในตัวเจ้าที่กำลังทำบางสิ่งโดยการใช้กำลังบังคับ ให้เจ้าทำและพูดสิ่งต่างๆ นั่นคือบางสิ่งภายนอกตัวเจ้าเอง ซึ่งไม่ได้มีมาแต่กำเนิดในตัวเจ้า พวกที่มีงานของวิญญาณชั่วจะมีความเข้าใจที่ลึกในเรื่องนี้
ตัดตอนมาจาก “วิธีเข้าใจสัมพันธภาพระหว่างเนื้อหนังของพระเจ้ากับพระวิญญาณ” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์
เมื่อผู้คนมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่บ้าง พวกเขาย่อมสามารถที่จะทนทุกข์เพื่อพระองค์และอุทิศชีวิตของพวกเขาให้แก่พระองค์อย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซาตานก็ยังคงมีอำนาจควบคุมความอ่อนแอภายในของพวกเขา และยังคงสามารถเป็นเหตุให้พวกเขาทุกข์ทนได้ วิญญาณชั่วทั้งหลายนั้นยังคงทำงานอยู่ในตัวผู้คน ทำการแทรกแซงพวกเขาและเป็นเหตุให้พวกเขาอยู่ในสภาวะงุนงงสับสนของจิตใจ ทำให้พวกเขาสูญเสียสำนึกรับรู้ที่ปกติไป รู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกกระวนกระวายในทุกด้าน ยังมีหลายสิ่งทางจิตใจและดวงจิตในผู้คนที่สามารถถูกควบคุมและบงการได้โดยซาตาน นี่คือเหตุผลที่เจ้าล้มป่วยและกลายเป็นเดือดร้อน และมีความเป็นไปได้ที่เจ้าจะฆ่าตัวตาย และบางคราวเจ้ายังรู้สึกอีกด้วยว่า โลกนี้ช่างอ้างว้าง หรือชีวิตไม่มีความหมาย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความทุกข์เหล่านี้ของมนุษย์ยังอยู่ภายใต้การบัญชาของซาตาน ความทุกข์ดังกล่าวประกอบขึ้นจากหนึ่งในความอ่อนแอทั้งหลายที่ถึงแก่ชีวิตของมนุษย์ ทั้งซาตานยังคงมีความสามารถที่จะนำสิ่งเหล่านั้นที่มันได้เหยียบย่ำและทำให้เสื่อมทรามไปแล้วมาใช้ กล่าวคือ สิ่งเหล่านั้นเป็นอาวุธทั้งหลายที่ซาตานสามารถนำมาใช้กับมนุษยชาติได้…พวกวิญญาณชั่วเข้าใจใช้ทุกโอกาสเหมาะที่จะทำงานของพวกมัน กล่าวคือ พวกมันสามารถพูดกับเจ้าจากภายใน หรือกระซิบเข้าไปในหูของเจ้า หรือพวกมันสามารถทำให้ความคิดและจิตใจของเจ้าเกิดความระส่ำระสาย พวกมันสามารถถึงขั้นสามารถพรางสัมผัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์เอาไว้เพื่อที่เจ้าจะไม่สามารถรู้สึกถึงสัมผัสนั้นได้ หลังจากนั้น พวกมันก็เริ่มแทรกแซงเจ้าโดยการทำให้การคิดของเจ้างุนงงสับสนและทำให้เจ้าสมองฝ่อ ทิ้งให้เจ้าทุรนทุรายและสติแตก เช่นนั้นก็คืองานที่พวกวิญญาณชั่วทำกับผู้คน หากผู้คนไม่สามารถหยั่งรู้การนี้แล้วไซร้ พวกเขาย่อมพบว่าตัวเองนั้นตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง
ตัดตอนมาจาก “นัยสำคัญแห่งการที่พระเจ้าทรงรับรสชาติของความทุกข์ทางโลก” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์
บทตัดตอนจากคำเทศนาและการสามัคคีธรรมสำหรับการอ้างอิง
คุณลักษณะเฉพาะที่ชัดแจ้งมากที่สุดของงานของวิญญาณชั่วก็คือว่าการนั้นเหนือธรรมชาติ คำพูดที่วิญญาณชั่วพูดหรือสิ่งทั้งหลายที่พวกเขาขอให้ผู้คนทำนั้นผิดปกติและไร้เหตุผล และแม้กระทั่งทรยศคุณธรรมและจริยธรรมพื้นฐานของสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติ และธรรมชาติของคำพูดและการกระทำของพวกเขาก็คือธรรมชาติที่พวกเขาไม่ทำสิ่งใดเลยเว้นแต่หลอกลวง รบกวนผู้คน และทำให้ผู้คนเสื่อมทราม การนั้นทำให้พวกเขาสามารถทำได้เพียงแค่ทำอันตราย ทรมาน และกลืนกินผู้คน และหมายความว่าพวกเขาไม่มีวันให้คุณประโยชน์หรือมีประโยชน์ต่อผู้คนเลย เมื่อวิญญาณชั่วครอบงำผู้คน พวกเขารู้สึกกังวลและไม่สบายใจ บางคนถึงขั้นกลายเป็นผิดปกติ ในขณะที่คนอื่นๆ ตกอยู่ในความงุนงง และยังมีผู้อื่นที่พบว่าตัวพวกเขาเองกังวลอย่างเหลือเชื่อ และปรากฏว่านั่งไม่ติด เมื่อวิญญาณชั่วครอบงำผู้คน ไม่ว่าในระดับใด ผู้คนเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเป็นบางสิ่งที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือปีศาจ และสูญเสียสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติและเหตุผลของพวกเขา นี่คือข้อพิสูจน์ที่เพียงพอว่าแก่นแท้ของวิญญาณชั่วคือแก่นแท้ที่ชั่วและอัปลักษณ์ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของซาตานอย่างแม่นยำ
การสำแดงหลักของบรรดาผู้ที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกเขา (พวกที่ถูกปีศาจครอบงำ) คือ:
1. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกเขามักจะบอกผู้อื่นให้ทำเช่นนี้และเช่นนั้นบ่อยครั้ง หรือบอกบางสิ่งบางอย่างแก่ใครบางคน หรือพูดคำเผยพระวจนะเท็จบ่อยครั้ง
2. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกเขามักจะพูดด้วยภาษาแปลกๆ ในการอธิษฐานบ่อยครั้ง ในหนทางที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ และแม้แต่ตัวผู้พูดเองก็ไม่เข้าใจ ผู้พูดบางคนสามารถ “แปลภาษาแปลกๆ เหล่านี้” ได้ด้วยตัวพวกเขาเอง
3. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขามักจะได้รับวิวรณ์อยู่เสมอด้วยความถี่อย่างยิ่ง วิญญาณชั่วส่งวิวรณ์เหล่านั้นมาในทิศทางหนึ่งนาทีหนึ่ง และในอีกทิศทางหนึ่งในนาทีถัดไป เป็นเหตุให้ผู้คนเหล่านี้อยู่ในสภาวะแห่งความกังวลอยู่เป็นเนืองนิจ
4. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขามักจะต้องการทำการนั้นหรือการนี้อย่างเร่งด่วนอยู่เสมอ ร้อนรนเกินกว่าที่จะรอคอยและไม่มีการพิจารณาถึงว่าสภาพเงื่อนไขเอื้ออำนวยหรือไม่ พวกเขาถึงขั้นวิ่งออกไปกลางดึก โดยจัดแสดงพฤติกรรมผิดปกติโดยเฉพาะ
5. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขาเป็นคนโอหังอย่างลำพอง พวกเขาขาดเหตุผล และวาทะของพวกเขาล้วนมีแนวโน้มที่จะเหนือกว่า และพวกเขาทำตัวสำคัญกว่าผู้อื่น พวกเขาทำให้ผู้อื่นทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำ และพวกเขาบังคับคนเหล่านั้นให้ทำสิ่งทั้งหลายเหมือนกับปีศาจ
6. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขาไม่รู้วิธีที่จะสามัคคีธรรมเกี่ยวกับความจริง นับประสาอะไรที่จะให้ความสนใจกับพระราชกิจของพระเจ้า พวกเขาไม่นึกถึงพระองค์และลองพยายามที่จะทำตัวเป็นผู้วางกฎ และสามารถกระทำความชั่วร้ายได้ทุกประเภทเพื่อที่จะรบกวนและทำลายความเป็นระเบียบตามปกติของคริสตจักร
7. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขายอมรับตัวพวกเขาเองว่าเป็นคนอื่นบางคนโดยอธิบายไม่ได้ โดยอ้างว่าเป็นวิญญาณของใครบางคนที่ถูกส่งมาโดยใครบางคน และอ้างว่าผู้คนควรรับฟังพวกเขา
8. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขาตามปกติแล้วจะไม่มีสำนึกรับรู้ปกติ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจความจริงอันใดได้เลย พวกเขาไม่ได้ครองความสามารถใดๆ ในการเข้าโดยสิ้นเชิง อีกทั้งพวกเขาไม่ได้รับความรู้แจ้งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความคิดของพวกเขาก็วุ่นวาย เมื่อทำความเข้าใจสิ่งทั้งหลาย ผู้คนเหล่านี้ก็ไร้สาระเป็นพิเศษ
9. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขาให้การมุ่งเน้นเป็นพิเศษในการอบรมสั่งสอนผู้อื่นในขณะที่ทำงาน ทุกอย่างที่พวกเขาทำและพูดนั้นหมายที่จะโจมตี ผูกพัน และทำให้ผู้อื่นเสื่อมทราม และพวกเขาไปไกลถึงขั้นทำลายความตั้งใจแน่วแน่ของผู้คนและเป็นเหตให้พวกเขากลายเป็นคิดลบจนถึงจุดที่พวกเขาไม่สามารถยกตัวพวกเขาเองกลับขึ้นมาได้ด้วยซ้ำ เมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงจะเลิกวุ่นวาย การกระทำของพวกเขาล้วนเกี่ยวกับการทำให้เกิดการรบกวนและการขัดจังหวะ และกระทำการชั่วร้ายทุกประเภท พวกเขาเป็นมารโดยแท้ผู้เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเป็นของเล่น และกลืนกินผู้อื่น และทันทีที่พวกเขาได้หนทางของพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกมีความสุข นี่คือเป้าหมายพื้นฐานของงานของเหล่าวิญญาณชั่ว
10. ผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ภายในตัวพวกเขาใช้ชีวิตอย่างผิดปกติอย่างถึงที่สุด มีประกายบอกลางไม่ดีในดวงตาของพวกเขา และคำพูดที่พวกเขาเปล่งก็ชวนขนลุกอย่างสุดขีด ราวกับว่าปีศาจได้เคลื่อนลงมาสู่โลก ไม่มีระเบียบในชีวิตประจำวันของบุคคลประเภทนี้ พวกเขาคุ้มดีคุ้มร้ายราวกับสัตว์ป่าที่ไม่เชื่อง พวกเขา พวกเขาน่าขยะแขยงและน่ารังเกียจสำหรับผู้อื่นอย่างสุดขีด นี่คือวิธีที่ผู้คนที่ถูกซาตานผูกมัดแสดงตัวพวกเขาเองออกมาอย่างแม่นยำ
มีสิบหนทางหลักซึ่งงานของวิญญาณชั่วสำแดงออกมา บุคคลใดก็ตามที่แสดงให้เห็นการแสดงออกเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งย่อมเป็นหนึ่งในผู้ที่วิญญาณชั่วทำงานในตัวพวกเขาอย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ชัด พวกเหล่านั้นทั้งหมดที่สำแดงการแสดงออกถึงงานของวิญญาณชั่วดังที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นข้อใดก็ตาม ย่อมเป็นผู้คนที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกเขา บุคคลที่วิญญาณชั่วกำลังทำงานอยู่ในตัวเขานั้นมักจะเกลียดชังและจงใจตีตัวออกห่างจากผู้คนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทรงงานอยู่ในตัวพวกเขาและผู้ที่สามารถสามัคคีธรรมเกี่ยวกับความจริงได้ บ่อยครั้ง ยิ่งใครบางคนดีขึ้นมากเท่าใด พวกเขาก็ต้องการโจมตีและกล่าวโทษพวกเขามากขึ้นเท่านั้น ยิ่งใครบางคนโง่เขลามากขึ้นเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งลองพยายามที่จะประจบประแจงและสอพลอพวกเขามากขึ้นเท่านั้น และพึงปรารถนาเป็นพิเศษที่จะมาติดต่อกับพวกเขา เมื่อวิญญาณชั่วทำงาน พวกเขามักจะสับสนระหว่างสีดำกับสีขาว โดยพรรณนาเชิงบวกเป็นเชิงลบ และพรรณนาเชิงลบเป็นเชิงบวก นี่คือวิธีที่วิญญาณชั่วกระทำการอย่างแม่นยำ
ตัดตอนจาก “การจัดการเตรียมการงาน”
ผู้คนส่วนใหญ่สามารถระบุถึงงานของเหล่าวิญญาณชั่วได้เมื่องานนั้นเหนือธรรมชาติ แต่พยายามดิ้นรนที่จะทำเช่นนั้นเมื่อไม่เป็นเช่นนั้น การนี้พึงประสงค์ให้ผู้คนต้องเตรียมตัวพวกเขาเองให้พร้อมด้วยความจริง และต้องใช้ความจริงเพื่อระบุเหตุผลวิบัตินานัปการที่เกิดจากเหล่าวิญญาณชั่ว เช่นนั้นแล้ว การนั้นจึงง่ายที่จะระบุโฉมหน้าที่แท้จริงของงานของเหล่าวิญญาณชั่ว ในข้อเท็จจริง เหตุผลวิบัติและความนอกรีตทั้งหมดมีต้นกำเนิดมาจากเหล่าวิญญาณชั่ว และราชาปีศาจทั้งหมดของซาตานคือการปรากฏในรูปมนุษย์ของเหล่าวิญญาณชั่ว แต่คำพูดและการกระทำของพวกเขาเหนือธรรมชาติหรือไม่? ไม่เลย โดยภายนอกแล้ว ผู้คนบางคนปรากฏว่ามีเหตุผลอย่างสูงด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ซาตานฉลาดแกมโกงยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ หลักธรรมรากฐานมากที่สุดสำหรับการระบุตัวก็คือการใช้พระวจนะของพระเจ้าและความจริงเพื่อประเมินวัดข้อโต้แย้งเชิงทฤษฎีทั้งหมด ทั้งหมดที่ไม่สอดคล้องกับความจริงคือความนอกรีตและเหตุผลวิบัติ และนั่นล้วนมีต้นกำเนิดมาจากเหล่าวิญญาณชั่ว ทุกคนที่หลอกผู้คนและทำให้พระราชกิจของพระเจ้ายุ่งเหยิงปนเปล้วนเป็นวิญญาณชั่ว พระคริสต์เทียมเท็จและบรรดาศัตรูของพระคริสต์ทั้งหมดคือเหล่าวิญญาณชั่ว และทุกคนที่ไม่ได้ให้การเป็นพยานต่อพระเจ้าเที่ยงแท้ ผู้ที่ไม่ยกย่องพระเจ้าเที่ยงแท้ ผู้ที่ไม่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ ผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าเที่ยงแท้ และแกลับให้การเป็นพยานว่าพวกเขาเป็นพระเจ้าหรือพวกเขาต้องการถูกทำให้เป็นพระเจ้าแทน—พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณชั่ว ไม่สำคัญว่าหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่พวกเขาแสดงจะยิ่งใหญ่เพียงใด ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรควรเข้าใจว่าการแสงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ไม่ใช่พลังที่แท้จริง การมีความสามารถที่จะแสดงความจริงและการใช้คำพูดเพื่อทำให้ผู้คนเพียบพร้อมและทำให้ทุกอย่งาสำเร็จเท่านั้นจึงเป็นพลังที่แท้จริง และดังนั้น ทุกคนที่ไม่แก้ไขหมายสำคัญและการอัศจรรย์และไล่ตามเสาะหางานเหนือธรรมชาติของเหล่าวิญญาณเป็นคนไร้สาระ และไม่ได้ครองความจริง ทุกคนที่ไร้ความสามารถที่จะยอมรับความจริง และยอมรับอย่างไม่แปรผันต่อเหล่าวิญญาณชั่วที่สามารถแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์และผู้ที่งานของเขาเหนือธรรมชาติ—ผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณชั่ว ทุกคนที่หัวใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยเหตุผลวิบัติและความนอกรีตทุกลักษณะ—พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณชั่ว ทุกคนที่น้อมรับอย่างไม่แปรผันต่อความนอกรีตและเหตุผลวิบัติทุกลักษณะ แต่ทว่าไม่สามารถยอมรับความจริงได้—พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณชั่ว ทุกคนที่ไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงพระวจนะของพระเจ้าตลอดกาล ผู้ซึ่งบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าและก่อให้เกิดเหตุผลวิบัติตลอดกาล—พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณชั่วโดยไม่มีข้อสงสัย และทุกคนที่ไร้สาระและน่าขันเป็นพิเศษล้วนเป็นวิญญาณชั่ว การนี้แน่นอนยิ่ง ในข้อเท็จจริง ทุกคนที่มีอดีต พวกเขาล้วนมีวิญญาณหนึ่งภายในตัวพวกเขาที่ชี้นำสิ่งที่พวกเขาพูดและทำ—การนี้อยู่เหนือคำถาม วิญญาณของซาตานอยู่ในงูโบราณ และอยู่ในพญานาคใหญ่สีแดงด้วยเช่นกัน และเหล่าวิญญาณชั่วล้วนอยู่ภายในราชาปีศาจทั้งหมดที่ต่อต้านพระเจ้า ทันทีที่พวกเขาถูกยกขึ้นมาต่อต้านพระวจนะความจริงของพระเจ้า ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็ถูกเปิดโปง ความเข้าใจของผู้คนบางคนนั้นไร้สาระเป็นพิเศษ ดังเช่นมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายเป็น เจ้าสามารถอ้างว่าวิญญาณของพวกเขานั้นปราศจากประเด็นปัญหาได้หรือไม่? ผู้คนบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับความนอกรีตและเหตุผลวิบัติต่างๆ และไม่ยอมรับความจริง เจ้าสามารถอ้างว่าวิญญาณของพวกเขานั้นปราศจากประเด็นปัญหาได้หรือไม่? ผู้คนบางคนยึดมั่นและรักการไล่ตามเสาะหาสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลายเป็นพิเศษ พวกเขาอ้างอย่างไม่แปรผันว่างานเหนือธรรมชาติของพวกวิญญาณชั่วเป็นพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่แม้กระทั่งจะหันกลับหลังจากพวกเขาถูกใช้เล่ห์กล เจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าวิญญาณของพวกเขาปราศจากประเด็นปัญหา? ผู้คนบางคนได้ยอมรับหนทางที่แท้จริงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และได้ยินคำเทศนาและการสามัคคีธรรมมามากแล้ว และมีความสามารถที่จะท่องตัวอักษรและคำสอนได้มากมาย ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจแก่นสารของความจริงอย่างแท้จริง และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยชีวิตของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่าวิญญาณของพวกเขาปราศจากประเด็นปัญหา? ในข้อเท็จจริง พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขาดหายไปจากผู้คนเช่นนั้น และพวกเขาขาดพร่องวิธีการใดๆ ที่จะเข้าใจความจริงและเข้าไปสู่ความเป็นจริง ไม่มีข้อกังขาเกี่ยวกับการนี้ ดังนั้น งานต่างๆ ของเหล่าวิญญาณชั่วจะสามารถได้รับการระบุถึงได้อย่างไรกันเล่า? สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือการระบุชัดถึงแก่นแท้ของผู้คน เพราะเมื่อเจ้าสามารถระบุชัดถึงแก่นแท้ของพวกเขาได้เท่านั้น เจ้าจึงสามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นงานของวิญญาณชั่วประเภทใด หากผู้คนชั่ว แฝงการร้าย และมุ่งร้ายเป็นพิเศษ พวกเขาก็ขาดพร่องวิญญาณของมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย หากพวกเขามีวิญญาณ เช่นนั้นแล้ว นั่นก็เป็นวิญญาณชั่ว หากผู้คนยอมรับและก่อให้เกิดเหตุผลวิบัติทุกลักษณะอยู่เป็นนิจ ก็มีวิญญาณที่ไร้สาระ—และชั่ว—บางอย่างภายในตัวพวกเขา การเข้าใจของพวกที่ครองพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ค่อนข้างผ่องแผ้ว สภาวะความเป็นมนุษย์ของพวกเขาค่อนข้างบริสุทธิ์และไม่แปดเปื้อน และดังนั้น ความรู้ที่พวกเขาสามัคคีธรรมจึงค่อนข้างผ่องแผ้ว และเป็นประโยชน์ต่อผู้คน ผู้คนเช่นนั้นเท่านั้นที่เป็นบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร และเป็นที่รักของบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร และเป็นพวกที่ผู้คนเต็มใจจะมีส่วนร่วมด้วยกับพวกเขา และสามารถเป็นผู้มีหัวใจและความคิดเดียวักันได้ หากผู้คนเต็มไปด้วยความหลอกลวงเป็นพิเศษ แฝงการร้ายและมุ่งร้าย เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ครองพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง เพราะพระเจ้าไม่ทรงช่วยบรรดาผู้ที่ชั่วร้าย บรรดาผู้ที่ได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้รับการเลือกสรรโดยพระเจ้าคือผู้คนที่รักและไล่ตามเสาะหาความจริง ต่อให้พวกเขาเป็นคนปรนนิบัติ พวกเขาก็เป็นผู้ที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์ค่อนข้างดีโดยไม่ต้องสงสัย ผู้คนที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์ค่อนข้างดีเท่านั้นที่สัตย์ซื่อในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา และมีมโนธรรมและมีเหตุผลในการปฏิสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้อื่น ในคริสตจักร ต่อเมื่อบรรดาผู้ที่รักความจริงชุมนุมกันเท่านั้นจึงจะมีพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และชีวิตแห่งคริสตจักรที่แท้จริง หากคำพูดและการสามัคคีธรรมของผู้คนไร้สาระเป็นพิเศษ หากพวกเขาขาดพร่องความเข้าใจที่ผ่องแผ้ว ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้ยินคำเทศนาและการสามัคคีธรรมมากเพียงใด และไม่แสดงให้เห็นหมายสำคัญของความก้าวหน้า และสภาวะความเป็นมนุษย์ของพวกเขาก็น่ารังเกียจเป็นพิเศษ เลวเป็นพิเศษ และพวกเขายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย และพวกเขาเป็นที่ชิงชังและดูหมิ่นโดยผู้อื่น เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์กำจัดทิ้ง ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเช่นนั้น พวกเขาจะมีเพียงผลกระทบที่ไม่ดีต่อเจ้าและรบกวนเจ้าเท่านั้น สามารถกล่าวได้ว่าสภาวะความเป็นมนุษย์ของทุกคนที่ไม่รักความจริงนั้นค่อนข้างเต็มไปด้วยความหลอกลวง มุ่งร้าย เห็นแก่ตัว และน่ารังเกียจ พวกเขาเชื่อในพระเจ้าเพียงเพื่อที่จะได้รับพระพรเท่านั้น และไม่เคยได้รู้จักที่จะคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าและตอบแทนความรักของพระเจ้าและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยเลย พวกเขาขาดพร่องมโนธรรมและเหตุผล ผู้คนเช่นนั้นไม่มีวี่แว่วว่าจะได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ควรจะเป็นที่ชัดเจนแก่ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรว่าในบรรดาทุกคนที่สูญสิ้นพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ส่วนใหญ่ทนทุกข์จากการเข้าไปยุ่งกับงานของวิญญาณชั่ว ผู้คนที่อยู่โดยปราศจากพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มายาวนานนั้นอันตรายอย่างสูง และควรจะได้รับการคุ้มกัน หากผู้คนถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ละทิ้ง วิญญาณชั่วทุกลักษณะก็ฉวยโอกาสที่จะเข้าสู่พวกเขา ซึ่งเป็นเวลาที่สภาวะเงื่อนไขของผู้คนเหล่านี้กลายเป็นเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก จนถึงขอบเขตที่พวกเขาตกลงไปสู่หนทางเก่าของพวกเขา และถึงขั้นกลายเป็นไม่แตกต่างไปจากบรรดาผู้ไม่เชื่อ นี่คือมารซาตานที่กำลังแสดงตัวของมัน เห็นได้ชัดว่า การมีความสามารถที่จะระบุผู้คนประเภทต่างๆ นั้นมีความสำคัญที่สุด ต่อเมื่อเจ้าสามารถระบุชัดถึงผู้คนเท่านั้นเจ้าจึงสามารถระบุชัดถึงวิญญาณทั้งหลายได้ หากเจ้าไม่สามารถระบุชัดถึงผู้คน เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไร้ความสามารถที่จะระบุชัดถึงงานต่างๆ ของเหล่าวิญญาณชั่วได้อย่างแน่นอน
ตัดตอนจาก “การจัดการเตรียมการงาน”
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ