วิธีที่คนเราสามารถเข้าไปสู่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติได้

วันที่ 06 เดือน 01 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ในการใช้ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกตินั้น คนเราต้องมีความสามารถที่จะได้รับความใหม่ทุกวัน และไล่ตามเสาะหาความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้า คนเราต้องมองเห็นความจริงอย่างชัดเจน พบเส้นทางแห่งการปฏิบัติในทุกเรื่อง ค้นพบคำถามใหม่ๆ โดยผ่านทางการอ่านพระวจนะของพระเจ้าในแต่ละวัน และตระหนักถึงความไม่พอเพียงของตนเอง เพื่อที่คนเราอาจมีหัวใจที่ถวิลหาและแสวงหาที่จะขับเคลื่อนการเป็นอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเขา และเพื่อที่คนเราอาจนิ่งสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ได้ตลอดเวลา กลัวอยู่ลึกๆ ว่าจะตามไม่ทัน บุคคลที่มีหัวใจที่ถวิลหาและแสวงหาเช่นนั้น ผู้ที่เต็มใจจะบรรลุซึ่งการเข้าสู่อยู่เสมอ ก็จะอยู่บนร่องครรลองที่ถูกต้องของชีวิตฝ่ายวิญญาณ ผู้ที่ได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ที่ปรารถนาจะทำให้ดีขึ้น ผู้ที่เต็มใจจะไล่ตามเสาะหาการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ผู้ที่ถวิลหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในพระวจนะของพระเจ้า ผู้ที่ไม่ไล่ตามเสาะหาสิ่งเหนือธรรมชาติแต่จะยอมจ่ายราคาที่แท้จริงแทน ผู้ที่ใส่ใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง ผู้ที่บรรลุการเข้าสู่จริงๆ เพื่อให้ประสบการณ์ของพวกเขาจริงแท้และเป็นจริงยิ่งขึ้น ผู้ที่ไม่ไล่ตามเสาะหาคำพูดและคำสอนที่ว่างเปล่า หรือไล่ตามเสาะหาเพื่อให้รู้สึกถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ ผู้ที่ไม่บูชาบุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่ใดๆ—ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่ได้เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติแล้ว ทุกสิ่งที่พวกเขาทำมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การเติบโตในชีวิตเพิ่มเติมเกิดการสัมฤทธิ์ผล และเพื่อทำให้พวกเขาสดชื่นและมีชีวิตชีวาในจิตวิญญาณ และเพื่อให้พวกเขามีความสามารถที่จะบรรลุการเข้าสู่ได้อย่างแข็งขันเสมอ โดยปราศจากการตระหนักถึงการนี้ พวกเขาจึงได้มาเข้าใจความจริงและเข้าสู่ความเป็นจริง บรรดาผู้ที่มีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติพบเสรีภาพและอิสรภาพแห่งจิตวิญญาณในแต่ละวัน และพวกเขาสามารถฝึกฝนปฏิบัติพระวจนะของพระเจ้าได้ในหนทางที่เป็นอิสระจนทำให้พระองค์สมดังพระทัย สำหรับผู้คนเหล่านี้ การอธิษฐานไม่ใช่พิธีรีตรองหรือขั้นตอน พวกเขามีความสามารถที่จะก้าวทันความสว่างใหม่ได้ในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น ผู้คนฝึกอบรมตนเองที่จะนิ่งสงบหัวใจของพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และหัวใจของพวกเขาสามารถนิ่งสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างแท้จริง และไม่มีผู้ใดสามารถรบกวนพวกเขาได้ ไม่มีบุคคลใด เหตุการณ์ใดหรือสิ่งใดที่สามารถบังคับชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติของพวกเขาได้ การฝึกอบรมเช่นนั้นถูกมุ่งหมายให้เกิดผลลัพธ์ การฝึกอบรมดังกล่าวไม่ได้ถูกมุ่งหมายที่จะทำให้ผู้คนปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ การปฏิบัตินี้ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเติบโตในชีวิตของผู้คน หากเจ้าเห็นว่าการปฏิบัตินี้เป็นกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เจ้าอาจมีส่วนร่วมในการปฏิบัติแบบเดียวกันกับผู้อื่น แต่ขณะที่พวกเขามีความสามารถที่จะก้าวทันพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในท้ายที่สุดได้ เจ้าก็จะถูกจำกัดจากกระแสแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เจ้าไม่ได้กำลังหลอกลวงตัวเจ้าเองอยู่หรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ

พระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้คือพลังของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความรู้แจ้งที่ต่อเนื่องของมนุษย์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ระหว่างช่วงเวลานี้คือแนวโน้มของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วแนวโน้มของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้คืออะไร? ก็คือการเป็นผู้ทรงนำผู้คนไปสู่พระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้ และไปสู่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติ มีหลายขั้นตอนในการเข้าสู่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติ ได้แก่

1. ก่อนอื่น เจ้าต้องเทหัวใจของเจ้าลงในพระวจนะของพระเจ้า เจ้าต้องไม่ไล่ตามเสาะหาพระวจนะของพระเจ้าในอดีต และต้องไม่นำมาศึกษาหรือเปรียบเทียบกับพระวจนะของวันนี้ เจ้าต้องเทใจของเจ้าลงในพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์แทน หากมีผู้คนที่ยังคงปรารถนาจะอ่านพระวจนะของพระเจ้า หนังสือทางจิตวิญญาณ หรือเรื่องราวอื่นๆ ของการเทศนาจากในอดีต และผู้ที่ไม่ติดตามพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็เป็นผู้คนที่โง่เขลาที่สุด ซึ่งพระเจ้าทรงรังเกียจผู้คนเช่นนี้ หากเจ้าเต็มใจที่จะยอมรับความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้วจงเทหัวใจของเจ้าลงในถ้อยดำรัสของพระเจ้าในวันนี้อย่างครบบริบูรณ์ นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าต้องสัมฤทธิ์ผล

2. เจ้าต้องอธิษฐานบนรากฐานของพระวจนะที่พระเจ้าตรัสในวันนี้ เข้าสู่พระวจนะของพระเจ้าและสื่อสารกับพระเจ้า และตั้งปณิธานของเจ้าต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า โดยกำหนดว่ามาตรฐานใดที่เจ้าปรารถนาจะไล่ตามเสาะหาเพื่อให้สำเร็จลุล่วง

3. เจ้าต้องไล่ตามเสาะหาการเข้าสู่ความจริงอันลึกซึ้งบนรากฐานของพระราชกิจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ อย่ายึดมั่นกับถ้อยดำรัสและทฤษฎีที่ล้าสมัยจากอดีต

4. เจ้าต้องแสวงหาที่จะได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้า

5. เจ้าต้องไล่ตามเสาะหาในการเข้าสู่เส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดำเนินอยู่ในวันนี้

และเจ้าแสวงหาการได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร? สิ่งสำคัญยิ่งยวดคือการมีชีวิตอยู่ในพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้า และการอธิษฐานบนรากฐานของข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า เมื่อได้อธิษฐานด้วยวิธีนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสัมผัสเจ้าได้อย่างแน่นอน หากเจ้าไม่ได้แสวงหาหลักสำคัญในรากฐานของพระวจนะที่พระเจ้าตรัสในวันนี้ เช่นนั้นแล้วการนี้ก็จะไร้ผล เจ้าควรอธิษฐานและกล่าวว่า “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ต่อต้านพระองค์ และข้าพระองค์เป็นหนี้พระองค์อย่างมาก ข้าพระองค์ไม่เชื่อฟังอย่างมากและไม่เคยมีความสามารถที่จะทำให้พระองค์สมดังพระทัยได้เลย โอ้พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาให้พระองค์ช่วยข้าพระองค์ให้รอด ข้าพระองค์ปรารถนาจะให้การปรนนิบัติพระองค์จวบจนวาระสุดท้าย ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะตายเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์และตีสอนข้าพระองค์ และข้าพระองค์ไม่มีการพร่ำบ่นใดๆ ข้าพระองค์ต่อต้านพระองค์และข้าพระองค์สมควรตาย เพื่อที่ผู้คนทั้งมวลจะได้เห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ในการตายของข้าพระองค์” เมื่อเจ้าอธิษฐานภายในหัวใจด้วยวิธีนี้ พระเจ้าจะทรงรับฟังเจ้า และจะทรงนำเจ้า หากเจ้าไม่อธิษฐานบนรากฐานของพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เช่นนั้นแล้วจะไม่มีความเป็นไปได้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสัมผัสเจ้า หากเจ้าอธิษฐานตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และตามสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาจะทำในวันนี้ เจ้าจะทูลว่า “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะยอมรับพระบัญชาของพระองค์และสัตย์ซื่อต่อพระบัญชาของพระองค์ และข้าพระองค์เต็มใจที่จะอุทิศทั้งชีวิตของข้าพระองค์เพื่อพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำสามารถไปถึงซึ่งมาตรฐานของประชากรของพระเจ้าได้ ขอให้หัวใจของข้าพระองค์ได้รับการสัมผัสจากพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาให้พระวิญญาณของพระองค์ประทานความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์ เพื่อทำให้ทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำนำมาซึ่งความอับอายต่อซาตาน ว่าข้าพระองค์ได้รับการรับไว้จากพระองค์ในท้ายที่สุด” หากเจ้าอธิษฐานด้วยวิธีนี้ ด้วยวิธีที่มีศูนย์กลางอยู่ที่น้ำพระทัยของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมจะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่สำคัญเลยว่าการอธิษฐานของเจ้าจะมีถ้อยคำมากเพียงใด—กุญแจสำคัญคือเจ้าจับความเข้าใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่ พวกเจ้าทั้งหมดอาจเคยมีประสบการณ์ดังต่อไปนี้มาแล้ว กล่าวคือ บางครั้ง ในขณะที่อธิษฐานในการชุมนุม พลังของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาถึงจุดสูงสุด ทำให้พละกำลังของทุกคนผุดขึ้น ผู้คนบางส่วนร้องไห้อย่างขมขื่นและหลั่งน้ำตาร่ำไห้ขณะอธิษฐาน ครอบงำด้วยความสำนึกผิดต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า และผู้คนบางส่วนแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ของพวกเขา และให้คำสาบาน นั่นคือผลที่จะสัมฤทธิ์ด้วยพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในวันนี้ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดที่ผู้คนทั้งปวงเทหัวใจของพวกเขาลงในพระวจนะของพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ อย่ามุ่งเน้นที่พระวจนะที่ได้ตรัสมาก่อนหน้านี้ หากเจ้ายังคงยึดมั่นในสิ่งที่มีมาก่อนหน้านี้ เช่นนั้นแล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทรงพระราชกิจภายในตัวเจ้า เจ้าเห็นหรือไม่ว่านี่สำคัญเพียงใด?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์

วิธีที่ผู้คนเชื่อในพระเจ้า รักพระเจ้า และทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยนั้นเป็นได้โดยการสัมผัสกับพระวิญญาณของพระเจ้าด้วยหัวใจของพวกเขา และโดยเหตุนี้จึงได้รับความพึงพอพระทัยของพระองค์ และโดยการใช้หัวใจของพวกเขาในการติดต่อกับพระวจนะของพระเจ้า และด้วยเหตุนี้จึงได้รับการขับเคลื่อนจากพระวิญญาณของพระเจ้า หากเจ้าปรารถนาจะสัมฤทธิ์ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติ และสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องมอบหัวใจของเจ้าแด่พระองค์เป็นอันดับแรก เฉพาะหลังจากที่เจ้าได้สงบใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์และหลั่งรินทั้งหัวใจของเจ้าเข้าสู่พระองค์แล้วเท่านั้น เจ้าจึงจะค่อยๆ สามารถพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณปกติได้ หากในการเชื่อของผู้คนในพระเจ้า พวกเขาไม่ได้มอบหัวใจของพวกเขาแด่พระองค์ และหากหัวใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระองค์และพวกเขาไม่ปฏิบัติต่อภาระของพระองค์เสมือนดั่งภาระของตนเอง เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เป็นการกระทำที่ฉ้อโกงพระเจ้า เป็นการกระทำที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของผู้คนที่เคร่งศาสนา และไม่สามารถได้รับคำสรรเสริญของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงสามารถได้รับสิ่งใดๆ จากบุคคลประเภทนี้ บุคคลประเภทนี้เพียงสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวประกอบเสริมความเด่นให้พระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้น เป็นเหมือนสิ่งประดับตกแต่งชิ้นหนึ่งในพระนิเวศของพระเจ้าเท่านั้นเอง เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เกินความจำเป็นและไร้ประโยชน์ พระเจ้าไม่ทรงใช้ประโยชน์จากบุคคลประเภทนี้ ในบุคคลประเภทนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะสำหรับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ไม่มีแม้กระทั่งคุณค่าใดๆ ในการได้รับการทำให้เพียบพร้อมของพวกเขา บุคคลประเภทนี้ในความจริงแล้วคือศพที่เดินได้ ผู้คนดังกล่าวไม่มีอะไรเลยที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสามารถใช้การได้ แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาทั้งหมดได้ถูกซาตานยึดครองและทำให้เสื่อมทรามอย่างฝังลึก พระเจ้าจะทรงกำจัดผู้คนเหล่านี้ออกไป ในปัจจุบันนี้ ในการใช้ประโยชน์จากผู้คน พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงทรงใช้ส่วนที่น่าพึงปรารถนาของพวกเขาเพื่อจะทำให้สิ่งทั้งหลายสำเร็จเท่านั้น พระองค์ยังทรงเปลี่ยนและทำให้ส่วนที่ไม่น่าพึงปรารถนาของพวกเขานั้นเพียบพร้อมอีกด้วย หากใจของเจ้าสามารถหลั่งรินเข้าไปในพระเจ้าและดำรงอยู่ด้วยความสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีโอกาสเหมาะและคุณสมบัติที่จะถูกใช้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าจะมีโอกาสเหมาะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำให้ข้อบกพร่องของเจ้านั้นดีขึ้น เมื่อเจ้ามอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า ในด้านบวกนั้น เจ้าจะสามารถบรรลุการเข้าสู่ที่ล้ำลึกขึ้น และบรรลุระดับชั้นของความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่สูงขึ้น ในด้านลบนั้น เจ้าจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความผิดพลาดและข้อบกพร่องของเจ้าเอง เจ้าจะกระตือรือร้นมากขึ้นในการพยายามทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า และเจ้าจะไม่เอาแต่อยู่นิ่งเฉย แต่จะเข้าสู่อย่างกระตือรือร้น ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะกลายเป็นคนที่ถูกต้อง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การสถาปนาสัมพันธภาพปกติกับพระเจ้าคือสิ่งสำคัญยิ่ง

ไม่มีขั้นตอนใดสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการเข้าสู่พระวจนะของพระเจ้ามากไปกว่าการสงบใจของเจ้าเมื่ออยู่ในการสถิตของพระองค์ มันคือบทเรียนหนึ่งที่ผู้คนทั้งปวงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเข้าสู่ในปัจจุบัน เส้นทางที่จะเข้าสู่การสงบใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้ามีดังนี้:

1. ถอนหัวใจของเจ้าออกมาจากเรื่องราวต่างๆ ภายนอก จงสงบใจเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และเจ้าต้องไม่แบ่งปันความสนใจไปทางอื่น นอกจากการอธิษฐานต่อพระเจ้า

2. ด้วยหัวใจของเจ้าที่สงบอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า จงกิน ดื่ม และชื่นชมไปกับพระวจนะของพระเจ้า

3. จงครุ่นคิดและไตร่ตรองความรักของพระเจ้าและใคร่ครวญถึงพระราชกิจของพระเจ้าในหัวใจของเจ้า

อันดับแรก จงเริ่มจากแง่มุมของการอธิษฐาน จงอธิษฐานโดยที่ไม่แบ่งปันความสนใจไปทางอื่น และจงทำในเวลาที่กำหนดตายตัว ไม่ว่าเจ้าจะถูกกดดันเพียงใดในเรื่องของเวลา ไม่ว่างานของเจ้าจะรัดตัวเพียงใด หรือเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าก็ตาม จงอธิษฐานทุกวันตามปกติ และกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าตามปกติ ตราบเท่าที่เจ้ากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งรอบตัวเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เจ้าจะมีความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในจิตวิญญาณของเจ้า และเจ้าจะไม่ถูกผู้คน เหตุการณ์ต่างๆ หรือสิ่งทั้งหลายรอบตัวเจ้ารบกวน เมื่อเจ้าไตร่ตรองพระเจ้าในหัวใจของเจ้าอย่างเป็นธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกจะไม่สามารถรบกวนเจ้าได้ นี่คือความหมายของการครอบครองวุฒิภาวะ เริ่มต้นด้วยการอธิษฐาน: การอธิษฐานอย่างเงียบๆ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าจะได้ผลดีที่สุด หลังจากนั้น จงกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า เสาะแสวงความสว่างในพระวจนะของพระเจ้าโดยการไตร่ตรองพระวจนะเหล่านั้น ค้นหาเส้นทางในการฝึกฝนปฏิบัติ รู้จุดประสงค์ของพระเจ้าในการตรัสพระวจนะของพระองค์ และเข้าใจพระวจนะเหล่านั้นโดยปราศจากการเบี่ยงเบน โดยธรรมดาสามัญแล้ว การที่จะมีความสามารถที่จะเข้าไปใกล้ชิดพระเจ้าในหัวใจของเจ้า การไตร่ตรองความรักของพระเจ้า และการใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า โดยไม่ถูกรบกวนจากสิ่งทั้งหลายภายนอก ควรเป็นเรื่องปกติสำหรับเจ้า เมื่อหัวใจของเจ้าได้สัมฤทธิ์ความสงบสุขในระดับหนึ่งแล้ว เจ้าจะมีความสามารถที่จะคิดทบทวนได้อย่างเงียบๆ และไตร่ตรองความรักของพระเจ้าและเข้าใกล้พระองค์ได้อย่างแท้จริงภายในตัวของเจ้าเอง ไม่ว่าสิ่งรอบตัวเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็จะไปถึงจุดที่คำสรรเสริญค่อยๆ รินไหลเข้ามาเติมเต็มในหัวใจของเจ้า และดีกว่าการอธิษฐานเสียด้วยซ้ำ จากนั้นเจ้าก็จะได้ครอบครองวุฒิภาวะบางอย่าง หากเจ้ามีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์สภาวะการเป็นอยู่ดังที่ได้อธิบายข้างต้น มันจะเป็นข้อพิสูจน์ที่แสดงว่าหัวใจของเจ้าสงบนิ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอย่างแท้จริง นี่คือบทเรียนพื้นฐานบทแรก เพียงภายหลังจากที่ผู้คนมีความสามารถที่จะสงบใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้แล้วเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถรับการสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ และได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงจะมีความสามารถที่จะเข้าสนิทกับพระเจ้าได้อย่างแท้จริง รวมทั้งจับความเข้าใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าและการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วพวกเขาก็จะได้เข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องในชีวิตฝ่ายวิญญาณของพวกเขา เมื่อการฝึกอบรมของพวกเขาในการใช้ชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้มาถึงความลึกซึ้งที่ระดับหนึ่ง และพวกเขามีความสามารถที่จะตัดขาดจากตัวเอง ดูหมิ่นตัวเอง และใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าได้แล้ว หัวใจของพวกเขาก็จะสงบนิ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอย่างแท้จริง การมีความสามารถที่จะดูหมิ่นตัวเอง สาปแช่งตัวเอง และตัดขาดจากตัวเองได้นั้น เป็นผลที่สัมฤทธิ์ได้โดยพระราชกิจของพระเจ้า และไม่อาจทำสำเร็จโดยตัวผู้คนเองตามลำพังได้ ด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนปฏิบัติในการนิ่งสงบหัวใจของคนเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าจึงเป็นบทเรียนที่ผู้คนควรเข้าสู่ในทันที

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เรื่องการสงบจิตใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าต้องมอบหัวใจให้กับพระเจ้า นี่คือความพร้อมพื้นฐานสำหรับการเดินไปบนเส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำทาง พวกเจ้าต้องทำการนี้เพื่อที่จะเข้าไปบนร่องครรลองที่ถูกต้อง บุคคลหนึ่งจะทำงานแห่งการมอบหัวใจของพวกเขาให้แก่พระเจ้าอย่างมีสติอย่างไรหรือ? ในชีวิตประจำวันของพวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์ พวกเจ้าทำอย่างไม่ใส่ใจระมัดระวัง—พวกเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าขณะทำงาน นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการมอบหัวใจให้กับพระเจ้าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้ากำลังคิดถึงเรื่องราวในบ้านหรือการงานทั้งหลายของเนื้อหนัง พวกเจ้ามีสองใจอยู่ตลอดเวลา นี่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นการทำจิตใจให้เงียบสงบต่อพระพักตร์พระเจ้าอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นเพราะหัวใจของเจ้าตรึงติดอยู่กับการงานภายนอกเสมอ และไร้ความสามารถที่จะหันกลับมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ หากเจ้าอยากให้หัวใจของเจ้าสงบอย่างแท้จริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องทำงานแห่งการให้ความร่วมมืออย่างมีสติ กล่าวคือพวกเจ้าทุกคนจะต้องมีเวลาเพื่อการอุทิศของพวกเจ้า เวลาที่พวกเจ้าละวางผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งทั้งหลาย ทำหัวใจของพวกเจ้าให้นิ่งและอยู่ในความเงียบสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ทุกคนต้องเก็บบันทึกแห่งการอุทิศเป็นรายบุคคล ซึ่งบันทึกความรู้ของพวกเขาในเรื่องพระวจนะของพระเจ้า และเรื่องที่จิตวิญญาณของพวกเขารู้สึกถูกขับเคลื่อนอย่างไร ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะลึกซึ้งหรือผิวเผิน ทุกคนจะต้องทำหัวใจให้สงบเงียบอย่างมีสติเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า หากเจ้าสามารถทุ่มเทอุทิศเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอันแท้จริงแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วชีวิตของเจ้าในวันนั้นก็จะรู้สึกมั่งคั่งและหัวใจของเจ้าก็จะแจ่มสว่างและชัดเจน หากเจ้าใช้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณเช่นนี้ทุกวัน เช่นนั้นแล้วหัวใจของเจ้าก็จะสามารถกลับคืนไปเป็นสิ่งทรงครองของพระเจ้าได้มากขึ้น จิตวิญญาณของเจ้าจะกลายเป็นเข้มแข็งขึ้นทุกขณะ สภาพเงื่อนไขของเจ้าจะมีการปรับปรุงอยู่เนืองนิตย์ เจ้าจะกลายเป็นสามารถเดินไปบนเส้นทางที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำทางได้มากขึ้น และพระเจ้าจะประทานพระพรให้แก่เจ้ามากขึ้น จุดประสงค์ของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเจ้าก็คือการที่จะได้รับการไปอยู่เฉพาะพระพักตร์พระวิญาณบริสุทธิ์อย่างมีสติ ไม่ใช่การทำตามกฎระเบียบหรือปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา แต่เพื่อให้ปฏิบัติโดยสอดประสานไปกับพระเจ้าได้อย่างแท้จริง บ่มวินัยให้กับร่างกายของเจ้าได้อย่างแท้จริง—นี่คือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ ดังนั้นพวกเจ้าจึงควรทำการนี้ด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุด ยิ่งเจ้าให้ความร่วมมือและหมายมั่นในความพยายามมากขึ้นเท่าใด หัวใจของเจ้าก็จะสามารถกลับไปสู่พระเจ้าได้มากขึ้นเท่านั้น และเจ้าก็จะยิ่งสามารถทำหัวใจของเจ้าให้เงียบสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง พระเจ้าก็จะทรงกุมหัวใจของเจ้าไว้อย่างครบบริบูรณ์ จะไม่มีใครสามารถทำให้หัวใจของเจ้าหวั่นไหวหรือยึดเอาหัวใจของเจ้าไปได้ และเจ้าก็จะเป็นของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ หากเจ้าเดินตามเส้นทางนี้แล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วพระวจนะของพระเจ้าก็จะเผยตนต่อเจ้าตลอดเวลาและให้ความรู้แจ้งแก่เจ้าเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าไม่เข้าใจ—นี่จะสัมฤทธิ์ได้ทั้งหมดก็โดยอาศัยความร่วมมือของเจ้า นี่คือเหตุที่พระเจ้าตรัสอยู่เสมอว่า “ผู้ที่ปฏิบัติโดยสอดประสานไปกับเรา เราจะให้รางวัลมากขึ้นเป็นสองเท่า” พวกเจ้าต้องมองเห็นเส้นทางนี้อย่างชัดเจน หากพวกเจ้าปรารถนาที่จะเดินในเส้นทางที่ถูกต้องแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อให้พระเจ้าพึงพอพระทัย พวกเจ้าต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อบรรลุชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ณ จุดเริ่มต้น เจ้าอาจไม่สัมฤทธิ์ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ในการไล่ตามเสาะหานี้ แต่เจ้าต้องไม่ยอมให้ตัวเองถดถอยหรือจมปลักอยู่กับสิ่งที่เป็นลบ—เจ้าต้องทำงานหนักต่อไป! ยิ่งเจ้าใช้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณมากขึ้นเท่าใด หัวใจของเจ้าก็จะถูกครอบครองโดยพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น จะเป็นกังวลในเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ จะแบกรับเอาภาระนี้ไว้เสมอ หลังจากนั้น จงเปิดเผยความจริงที่อยู่ภายในสุดของเจ้าต่อพระเจ้าโดยผ่านทางชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเจ้า จงบอกกับพระองค์ถึงสิ่งที่เจ้าเต็มใจกระทำ สิ่งที่เจ้ากำลังนึกถึงอยู่ ความเข้าใจและทรรศนะของเจ้าที่มีต่อพระวจนะของพระองค์ จงอย่าได้หน่วงเหนี่ยวสิ่งใดแม้แต่เพียงเสี้ยวเล็กๆ! จงฝึกพูดคำพูดที่อยู่ภายในหัวใจของเจ้าและเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากับพระเจ้า หากนั่นอยู่ในหัวใจของเจ้าแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วจงกล่าวสิ่งนั้นออกมาตามใจชอบเถิด ยิ่งเจ้าพูดออกมาในหนทางนี้มากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งรู้สึกถึงความน่ารักชื่นชมของพระเจ้าได้มากขึ้นเท่านั้น และหัวใจของเจ้าก็จะถูกกระชับใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เมื่อการนี้เกิดขึ้น เจ้าจะรู้สึกว่าพระเจ้าทรงเป็นที่รักของเจ้ามากยิ่งกว่าใครอื่น เจ้าจะเคียงข้างไม่มีวันออกห่างจากพระเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเจ้าปฏิบัติในทางอุทิศฝ่ายจิตวิญญาณดังนี้เป็นประจำทุกวัน และไม่ให้การปฏิบัตินี้ออกห่างจากใจของเจ้า แต่ให้ถือปฏิบัติเสมือนเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งใหญ่ในชีวิตของเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระวจนะของพระเจ้าจะเข้าครอบครองหัวใจเจ้า นี่คือความหมายของการได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประหนึ่งหัวใจของเจ้าเป็นของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าสิ่งที่เจ้ารักอยู่ในหัวใจของเจ้าตลอดเวลา ไม่มีใครสามารถนำสิ่งนั้นไปจากเจ้าได้ เมื่อการนี้เกิดขึ้น พระเจ้าจะดำรงพระชนม์ชีพอยู่ภายในตัวเจ้าและทรงมีที่อยู่ในหัวใจเจ้าอย่างแท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เป็นปกตินำทางผู้คนไปบนร่องครรลองที่ถูกต้อง

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger