ตอนนี้ฉันความมั่นใจพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้ายแล้ว แต่ฉันไม่ทราบว่าพระราชกิจจะจบสิ้นเมื่อไหร่ ฉันหาเงินเลี้ยงครอบครัวก่อน รอให้พระราชกิจของพระเจ้าใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ฉันค่อยเชื่อพระเจ้าอย่างจริงจัง แสวงหาความจริง ไม่ทราบมโนคติในการแสวงหาแบบนี้ของฉันถูกต้องไหม?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

การที่เชื่อในพระเจ้าไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย การฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนาเหล่านั้นควรถูกกวาดล้าง การไล่ตามเสาะหาการรักษาคนป่วยและการขับไล่บรรดาปีศาจ การจดจ่ออยู่กับหมายสำคัญและการอัศจรรย์ การละโมบอยากได้พระคุณจากพระเจ้า สันติสุข และความชื่นบานมากยิ่งขึ้น การไล่ตามเสาะหาความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้และความสุขสบายของเนื้อหนัง—เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนา และการฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนาเช่นนั้นเป็นการเชื่อประเภทที่คลุมเครือ อะไรหรือคือการเชื่อแท้จริงในพระเจ้าในวันนี้? มันคือการยอมรับพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นชีวิตความเป็นจริงของเจ้าและการรู้จักพระเจ้าจากพระวจนะของพระองค์เพื่อที่จะสัมฤทธิ์ในความรักที่แท้จริงสำหรับพระองค์ เพื่อให้ชัดเจน: การเชื่อในพระเจ้าเป็นไปเพื่อที่เจ้าอาจเชื่อฟังพระเจ้า รักพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่ซึ่งควรได้รับการปฏิบัติโดยสิ่งทรงสร้างอย่างหนึ่งของพระเจ้า นี่คือจุดมุ่งหมายของการที่เชื่อในพระเจ้า เจ้าจะต้องสัมฤทธิ์ในความรู้หนึ่งเกี่ยวกับความน่ารักชื่นชมของพระเจ้า เกี่ยวกับการที่พระเจ้าทรงคู่ควรเพียงใดต่อความเคารพ เกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งความรอดในบรรดาสิ่งทรงสร้างของพระองค์และการทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อม—เหล่านี้คือสาระจำเป็นอันประจักษ์แจ้งของการเชื่อของเจ้าในพระเจ้า การเชื่อในพระเจ้าโดยหลักแล้วเป็นการสลับเปลี่ยนจากชีวิตหนึ่งของเนื้อหนังไปสู่ชีวิตหนึ่งของการรักพระเจ้า จากการใช้ชีวิตภายในความเสื่อมทรามไปสู่การใช้ชีวิตภายในชีวิตของพระวจนะของพระเจ้า มันคือการออกมาจากภายใต้แดนครอบครองของซาตานและการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลเอาพระทัยใส่และการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า มันคือการที่สามารถจะสัมฤทธิ์ในความเชื่อฟังต่อพระเจ้าและความไม่เชื่อฟังต่อเนื้อหนัง มันคือการยอมให้พระเจ้าทรงได้รับหมดทั้งหัวใจของเจ้า ยอมให้พระเจ้าทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อม และปลดปล่อยตัวเจ้าเองเป็นอิสระจากอุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตาน การเชื่อในพระเจ้าโดยหลักแล้วเป็นไปเพื่อที่ฤทธานุภาพและพระสิริของพระเจ้าอาจได้รับการสำแดงในตัวเจ้า เพื่อที่เจ้าอาจทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และทำให้แผนของพระเจ้าสำเร็จลุล่วง และสามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้าได้ต่อหน้าซาตาน การเชื่อในพระเจ้าไม่ควรวนเวียนอยู่กับความอยากที่จะได้เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ อีกทั้งไม่ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังส่วนตัวของเจ้า มันควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ตามเสาะหาการรู้จักพระเจ้า และการสามารถเชื่อฟังพระเจ้า และ เช่นเดียวกับเปโตร การเชื่อฟังพระองค์จนกระทั่งคนเราถึงแก่ความตาย เหล่านี้คือจุดมุ่งหมายหลักของการที่เชื่อในพระเจ้า เรากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าเพื่อที่จะรู้จักพระเจ้าและทำให้พระองค์พึงพอพระทัย การกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เจ้ามีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเจ้า เพียงภายหลังจากนั้นแล้วเท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถเชื่อฟังพระองค์ได้ ด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าเท่านั้น เจ้าจึงสามารถรักพระองค์ได้ และนี่คือเป้าหมายที่มนุษย์ควรมีในการเชื่อของเขาในพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ได้ด้วยพระวจนะของพระเจ้า

การเชื่อใดในพระเจ้าเพื่อประโยชน์แห่งเนื้อหนังและตัณหาของคนเรา ตลอดจนเพื่อประโยชน์แห่งความชอบของคนเราเอง เพื่อโลก และเพื่อซาตานนั้นโสมม มันเป็นการต้านทานและเป็นกบฏโดยธรรมชาติ ปัจจุบันนี้ มีความเชื่อที่แตกต่างกันทั้งหมดทุกประเภท นั่นคือ บ้างก็แสวงหาที่คุ้มภัยจากความวิบัติ และคนอื่นๆ ก็แสวงหาที่จะได้มาซึ่งพระพร บ้างก็ปรารถนาที่จะเข้าใจความล้ำลึก ในขณะที่คนอื่นๆ ยังคงแสวงหาเงินทอง เหล่านี้คือการต้านทานทุกรูปแบบและพวกมันทั้งหมดคือการหมิ่นประมาท! ในการที่จะพูดว่าคนเราต้านทานหรือกบฏ—นั่นไม่ได้อ้างถึงพฤติกรรมดังกล่าวหรอกหรือ? ผู้คนมากมายในปัจจุบันนี้พูดพร่ำ ปริบ่น และตัดสิน เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่คนเลวทำกันทั้งสิ้น พวกมันเป็นตัวอย่างของการต้านทานและความเป็นกบฏแบบมนุษย์ ผู้คนดังกล่าวถูกครอบครองและจับจองโดยซาตาน บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงได้มาคือบรรดาผู้ที่นบนอบต่อพระองค์อย่างครบบริบูรณ์ พวกเขาเป็นผู้คนที่ได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามแต่ได้รับการช่วยให้รอดและถูกพิชิตโดยพระราชกิจปัจจุบันของพระเจ้า เป็นผู้ที่ได้ทนฝ่าความทุกข์ลำบาก และผู้ที่ในตอนสุดท้ายพระเจ้าจะทรงรับเอาไว้อย่างถึงที่สุด ผู้ซึ่งไม่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานอีกต่อไป ผู้ที่ได้เป็นอิสระจากความไม่ชอบธรรม และผู้ซึ่งเต็มใจที่จะใช้ชีวิตด้วยความพิสุทธิ์—เช่นนั้นคือบริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมด พวกเขาเป็นผู้ที่บริสุทธิ์จริงๆ หากการกระทำปัจจุบันทั้งหลายของเจ้าไม่เป็นไปในแนวเดียวกับข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าแม้แต่ส่วนเดียวแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะถูกกำจัดทิ้ง นี่ไม่สามารถโต้แย้งได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ แม้ว่าเจ้าได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าและได้รับการเลือกสรร การกระทำของเจ้าวันนี้จะยังคงเป็นตัวกำหนดพิจารณาบทอวสานของเจ้า หากเจ้าไม่สามารถตามทันในวันนี้ เจ้าจะถูกกำจัดทิ้ง หากเจ้าไม่สามารถตามทันในวันนี้ เจ้าจะสามารถตามทันในภายหลังได้อย่างไรเล่า? ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ปรากฏต่อหน้าเจ้า ทว่าเจ้าก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะเชื่อในพระเจ้าในภายหลังตอนที่พระองค์ได้ทรงแล้วเสร็จในพระราชกิจของพระองค์และจะไม่ทรงพระราชกิจเช่นนั้นอีกได้อย่างไรเล่า? ครั้นถึงตอนนั้น มันจะยิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นสำหรับเจ้าที่จะติดตามพระองค์! ในภายหลัง พระเจ้าจะทรงพึ่งพาท่าทีของเจ้า ความรู้ของเจ้าที่มีต่อพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ และประสบการณ์ของเจ้าในการกำหนดพิจารณาว่าเจ้าเป็นคนที่บาปหนาหรือชอบธรรม หรือในการกำหนดพิจารณาว่าเจ้าได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมหรือถูกกำจัดทิ้ง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรรู้ว่าองค์รวมแห่งมนุษยชาติได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบันอย่างไร

เจ้าเชื่ออยู่เสมอว่าเจ้าสามารถได้มาซึ่งพระองค์[ก] ได้แค่ด้วยการติดตามพระองค์ หรือแค่ด้วยการมองเห็นพระองค์ และว่าไม่มีใครจะสามารถกำจัดเจ้าได้ อย่าทึกทักเอาว่าการติดตามพระเจ้าเป็นเรื่องง่ายนัก สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องรู้จักพระองค์ เจ้าต้องรู้จักพระราชกิจของพระองค์ และเจ้าต้องมีเจตจำนงที่จะสู้ทนต่อความยากลำบากเพื่อประโยชน์ของพระองค์ เสียสละชีวิตของเจ้าเพื่อพระองค์ และได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระองค์ นี่คือนิมิตที่เจ้าควรมี จะไม่ได้ประโยชน์อันใดหากความคิดของเจ้ามุ่งมั่นแต่จะชื่นชมพระคุณอยู่เสมอ อย่าสันนิษฐานว่าพระเจ้าทรงอยู่ที่นี่เพียงเพื่อความชื่นชมยินดีของผู้คน หรือเพื่อประทานพระคุณให้แก่พวกเขา เจ้าจะคิดผิด! หากคนหนึ่งไม่สามารถเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อติดตามพระองค์ และหากคนหนึ่งไม่สามารถละทิ้งสิ่งครอบครองในโลกทุกอย่างเพื่อติดตามพระองค์ได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะไม่สามารถติดตามพระองค์ต่อไปจนถึงที่สุดได้อย่างแน่นอน! เจ้าต้องมีนิมิตเป็นรากฐานของเจ้า หากวันหนึ่งมีโชคร้ายบังเกิดกับเจ้า เจ้าควรที่จะทำอย่างไร? เจ้าจะยังคงสามารถติดตามพระองค์ได้หรือไม่? จงอย่าพูดพล่อยๆ ว่าเจ้าจะสามารถติดตามไปจนถึงที่สุดได้หรือไม่ เจ้าควรเปิดตาของเจ้าให้กว้างเสียก่อนเพื่อดูว่าตอนนี้คือเวลาใดเสียจะดีกว่า ถึงแม้ว่าในขณะนี้พวกเจ้าอาจเป็นเหมือนกับเสาของพระวิหาร แต่วันหนึ่งที่เสาเหล่านั้นทั้งหมดถูกหนอนกัดแทะจะมาถึง ทำให้พระวิหารพังลงได้ เพราะในขณะนี้มีนิมิตมากมายที่พวกเจ้าขาดพร่องอยู่ พวกเจ้าเพียงใส่ใจกับโลกเล็กๆ ของพวกเจ้าเอง และพวกเจ้าไม่รู้ว่าวิธีการที่เชื่อถือได้และเหมาะสมที่สุดในการแสวงหาคืออะไร พวกเจ้าไม่ใส่ใจกับนิมิตของพระราชกิจของวันนี้ อีกทั้งพวกเจ้าไม่เก็บสิ่งเหล่านี้ในหัวใจของเจ้า พวกเจ้าเคยพิจารณาหรือไม่ว่าวันหนึ่งพระเจ้าของพวกเจ้าจะทรงพาพวกเจ้าไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยที่สุด? พวกเจ้าจินตนาการได้หรือไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดกับเจ้าในวันหนึ่งที่เราอาจคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกเจ้า? กำลังวังชาของพวกเจ้าในวันนั้นจะเป็นเหมือนกับที่เป็นในตอนนี้หรือไม่? ความเชื่อของพวกเจ้าจะปรากฏอีกครั้งหรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พวกเจ้าต้องเข้าใจพระราชกิจ—อย่าติดตามอย่างงุนงงสับสน!

บัดนี้เป็นเวลาที่วิญญาณของเราจะได้ปฏิบัติงานอันยิ่งใหญ่ และเป็นเวลาที่เราจะได้เริ่มต้นงานของเราท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย ที่มากไปกว่านั้น นี่เป็นเวลาที่เราจะได้จำแนกแยกแยะสรรพสิ่งสร้างทั้งปวง วางแต่ละสิ่งให้อยู่ในหมวดหมู่ที่สอดคล้องกัน เพื่อที่งานของเราจะได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราขอจากพวกเจ้าก็ยังคงเป็นว่า ให้เจ้ามอบถวายการดำรงอยู่ทั้งหมดของเจ้าให้แก่งานทั้งปวงของเรา และยิ่งไปกว่านั้น ให้เจ้าหยั่งรู้และมั่นใจในงานทั้งหมดที่เราได้ทำในตัวเจ้าให้ชัดเจน และวางกำลังทั้งหมดของเจ้าในงานของเราเพื่อที่งานนั้นจะได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องเข้าใจ จงหยุดจากการต่อสู้กันท่ามกลางตัวพวกเจ้าเอง การมองหาหนทางกลับหลัง หรือการแสวงหาความชูใจฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งจะทำให้งานของเราล่าช้าออกไป และทำให้อนาคตที่วิเศษสุดของเจ้าล่าช้าออกไป แทนที่จะปกป้องเจ้า การทำเช่นนั้นจะนำการทำลายล้างมาสู่เจ้า นี่จะไม่ใช่ความโง่เขลาของเจ้าดอกหรือ? สิ่งซึ่งเจ้าชื่นชมอย่างละโมบในวันนี้คือสิ่งที่กำลังทำลายอนาคตของเจ้า ในขณะที่ความเจ็บปวดที่เจ้าทนทุกข์ในวันนี้คือสิ่งที่กำลังปกป้องเจ้า เจ้าจะต้องตระหนักรู้สิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการทดลองทั้งหลายซึ่งเจ้าจะออกแรงอย่างมากเพื่อสลัดตัวเจ้าเองให้หลุดพ้น และเพื่อเลี่ยงหนีการเดินหลงเข้าไปในหมอกหนาและการที่ไม่สามารถพบแสงอาทิตย์ได้ เมื่อหมอกหนาจางหายไป เจ้าจะพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางการพิพากษาของวันที่ใหญ่ยิ่ง เมื่อถึงเวลานั้น วันของเราจะเข้ามาใกล้มวลมนุษย์ เจ้าจะหลีกหนีการพิพากษาของเราได้อย่างไร? เจ้าจะสู้ทนความร้อนที่แผดเผาของแสงอาทิตย์ได้อย่างไร? เมื่อเราให้ความไพบูลย์แก่มนุษย์ เขาไม่ได้ทะนุถนอมมันไว้ในอกของเขา แต่กลับขว้างมันทิ้งไปในที่ที่ไม่มีใครจะสังเกตเห็น เมื่อวันของเราลงมายังมนุษย์ เขาจะไม่สามารถค้นพบความไพบูลย์ของเรา หรือพบวจนะแห่งความจริงที่ขมขื่นยิ่งกว่าที่เราได้กล่าวแก่เขานานมาแล้วได้อีกต่อไป เขาจะร้องไห้และคร่ำครวญ เพราะว่าเขาได้สูญเสียความเจิดจ้าของความสว่างไปและได้ตกลงสู่ความมืด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานแห่งการเผยแผ่ข่าวประเสริฐคืองานแห่งการช่วยมนุษย์ให้รอดด้วยเช่นกัน

หากเจ้าไม่ไล่ตามเสาะหาในวันนี้แล้วไซร้ สักวันเจ้าจะต้องพูดว่า “ย้อนกลับไปในตอนนั้น เหตุใดฉันจึงไม่ได้ติดตามพระเจ้าอย่างเหมาะสม ไม่ได้ทำให้พระองค์ทรงพึงพอพระทัยอย่างเหมาะสม ไม่ได้ไล่ตามเสาะหาการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยของชีวิตฉัน? ฉันเสียใจเหลือเกินที่ไม่สามารถนบนอบต่อพระเจ้าในเวลานั้น และไม่ไล่ตามเสาะหาความรู้ในเรื่องพระวจนะของพระเจ้า ย้อนกลับไปในตอนนั้น พระเจ้าได้ตรัสไว้มากมายนัก ฉันสามารถไม่เคยไล่ตามเสาะหาไปได้อย่างไรกัน? ฉันช่างโง่เง่านัก!” เจ้าจะเกลียดชังตัวเจ้าเองในระดับหนึ่งทีเดียว วันนี้ เจ้าไม่เชื่อวจนะที่เรากล่าว และเจ้าไม่ใส่ใจกับมันเลย เมื่อถึงวันที่พระราชกิจนี้เผยแพร่ออกไป และเจ้ามองเห็นทั้งหมดทั้งสิ้นของมัน เจ้าจะเสียใจ และ ณ เวลานั้น เจ้าจะอึ้งตะลึงงัน พระพรทั้งหลายนั้นมีอยู่ ทว่าเจ้าไม่รู้ว่าจะชื่นชมพวกมันอย่างไร และความจริงนั้นมีอยู่ ทว่าเจ้าไม่ไล่ตามเสาะหามัน นี่เจ้าไม่ได้นำการเหยียดหยามมาสู่ตัวเองหรอกหรือ? วันนี้ ถึงแม้ว่าขั้นตอนถัดไปแห่งพระราชกิจของพระเจ้ายังไม่ได้เริ่มขึ้น ก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับข้อเรียกร้องที่ขอจากเจ้าและเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าถูกขอให้ใช้ดำเนินชีวิต มีพระราชกิจมากมายเหลือเกิน และความจริงมากมายเหลือเกิน พวกมันไม่มีค่าคู่ควรที่เจ้าจะรู้หรอกหรือ? การตีสอนและการพิพากษาของพระเจ้าไร้ความสามารถที่จะปลุกจิตวิญญาณของเจ้าให้ตื่นขึ้นมาหรือ? การตีสอนและการพิพากษาของพระเจ้าไร้ความสามารถที่จะทำให้เจ้าเกลียดชังตัวเจ้าเองหรือ? เจ้าพอใจที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตานพร้อมกับสันติสุขและความชื่นบาน และสิ่งชูใจเล็กน้อยทางเนื้อหนังอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ได้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมดหรอกหรือ? ไม่มีใครเลยที่โง่เขลาไปกว่าพวกที่ได้มองดูความรอดแต่ไม่ไล่ตามเสาะหาที่จะได้รับมัน กล่าวคือ เหล่านี้เป็นผู้คนที่มูมมามไปกับเนื้อหนังจนเกินขนาดและชื่นชมซาตาน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

พวกที่ใช้ชีวิตนอกวจนะของเรา หลบหนีความทุกข์แห่งการทดสอบ พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่กำลังล่องลอยผ่านโลกหรอกหรือ? พวกเขาเป็นเหมือนกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงที่ปลิวสะบัดตรงนั้นตรงนี้ โดยไม่มีที่ให้หยุดพัก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้อยคำปลอบประโลมของเรา แม้ว่าการตีสอนและกระบวนการถลุงของเราจะไม่ติดตามพวกเขาไป พวกเขาไม่ใช่บรรดาขอทานที่เร่ร่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เตร็ดเตร่บนท้องถนนนอกราชอาณาจักรแห่งสวรรค์หรอกหรือ? โลกคือที่หยุดพักของเจ้าจริงๆ หรือ? โดยการหลีกเลี่ยงการตีสอนของเรา เจ้าสามารถบรรลุรอยยิ้มบางที่สุด ซึ่งแสดงความปลาบปลื้มจากโลกได้จริงๆ หรือ? เจ้าสามารถใช้ความชื่นชมยินดีชั่วขณะเดียวของเจ้าเพื่อปกปิดความว่างเปล่าในหัวใจของเจ้า ความว่างเปล่าซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ ได้จริงๆ หรือ? เจ้าอาจมีความสามารถหลอกทุกคนในครอบครัวของเจ้าได้ แต่เจ้าไม่มีวันสามารถหลอกเราได้ เพราะความเชื่อของเจ้านั้นมีน้อยเกินไป จนถึงทุกวันนี้ เจ้าจึงยังคงไร้พลังอำนาจที่จะค้นพบความปีติยินดีใดๆ ที่ชีวิตมีให้ เราเร่งเร้าเจ้า กล่าวคือ การใช้ครึ่งชีวิตของเจ้าอย่างจริงใจเพื่อเห็นแก่เราดีกว่าการใช้ทั้งชีวิตของเจ้าในเรื่องธรรมดาสามัญและงานที่ทำให้ยุ่งและไม่มีประโยชน์สำหรับเนื้อหนัง สู้ทนความทุกข์ทั้งมวลที่มนุษย์คนหนึ่งแทบจะไม่สามารถทนได้ การหวงแหนความล้ำค่าของตัวเจ้าเองมากมายยิ่งนักและหลบหนีจากการตีสอนของเราเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดเล่า? การซ่อนตัวเจ้าเองจากการตีสอนชั่วขณะของเราเพียงเพื่อเก็บเกี่ยวความน่าตะขิดตะขวงใจชั่วนิรันดร์ การตีสอนชั่วนิรันดร์ เป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดเล่า? โดยข้อเท็จจริงแล้ว เราไม่บิดงอผู้ใดต่อเจตจำนงของเรา หากใครบางคนเต็มใจที่จะนบนอบต่อแผนการของเราทั้งหมดอย่างแท้จริง เราก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอ่อนด้อย แต่เราพึงประสงค์ให้ผู้คนทั้งหมดเชื่อในเรา ดั่งเช่นที่โยบได้เชื่อในเรา พระยาห์เวห์ หากความเชื่อของพวกเจ้าเกินกว่าความเชื่อของโธมัส เช่นนั้นแล้วความเชื่อของพวกเจ้าก็จะบรรลุคำชมเชยจากเรา ในความจงรักภักดีของพวกเจ้านั้นเจ้าจะพบความสุขอันล้นพ้นของเรา และเจ้าจะพบสง่าราศีของเราในวันต่างๆ ของพวกเจ้าอย่างแน่นอน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การเป็นมนุษย์ที่แท้จริงหมายถึงอะไร

วันนี้ เพื่อเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงชีวิตจริง เจ้าต้องย่างเท้าไปบนร่องครรลองที่ถูกต้อง หากเจ้าเชื่อในพระเจ้า เจ้าไม่ควรแสวงหาเพียงพรเท่านั้น แต่ควรพยายามรักพระเจ้าและรู้จักพระเจ้า เจ้าสามารถดื่มและกินพระวจนะของพระเจ้า พัฒนาความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า และมีความรักที่แท้จริงในพระเจ้า ซึ่งมาจากภายในสุดของหัวใจของเจ้าโดยผ่านทางความรู้แจ้งของพระองค์ โดยผ่านทางการแสวงหาแต่ละอย่างของเจ้าเอง กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ เมื่อความรักเพื่อพระเจ้าของเจ้าเป็นจริงแท้ที่สุด และไม่มีผู้ใดสามารถทำลายหรือขัดขวางความรักที่เจ้ามีให้กับพระองค์ได้ ในเวลานี้เองเจ้าจะอยู่บนร่องครรลองที่ถูกต้องในความเชื่อของเจ้าในพระเจ้า นี่พิสูจน์ว่าเจ้าเป็นของพระเจ้า เพราะหัวใจของเจ้าอยู่ในการทรงครองของพระเจ้าอยู่แล้ว และไม่มีสิ่งอื่นใดสามารถครอบครองเจ้าได้ โดยผ่านทางประสบการณ์ของเจ้า โดยผ่านทางราคาที่เจ้าได้ยอมจ่าย และโดยผ่านทางพระราชกิจของพระเจ้า เจ้าสามารถพัฒนาความรักที่ไม่ต้องบังคับเพื่อพระเจ้าได้—และเมื่อเจ้าทำเช่นนั้น เจ้าจะกลายเป็นอิสระจากอิทธิพลของซาตาน และจะมาใช้ชีวิตในความสว่างแห่งพระวจนะของพระเจ้า มีเพียงเมื่อเจ้าได้พ้นเป็นอิสระจากอิทธิพลแห่งความมืดแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถพูดได้ว่าเจ้าได้รับการทรงรับไว้โดยพระเจ้า ในการเชื่อในพระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องพยายามแสวงหาเป้าหมายนี้ นี่คือหน้าที่ของพวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีพวกเจ้าคนใดที่ควรพึงพอใจกับสถานะของเรื่องราวเหตุการณ์ในปัจจุบัน เจ้าไม่สามารถสองจิตสองใจต่อพระราชกิจของพระเจ้า อีกทั้งเจ้าไม่สามารถมองพระราชกิจของพระเจ้าว่าไม่สำคัญ เจ้าควรนึกถึงพระเจ้าในทุกประการและตลอดเวลา และทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ของพระองค์ และเมื่อใดก็ตามที่เจ้าพูดหรือกระทำ เจ้าควรให้ความสนใจกับพระนิเวศของพระเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถได้ดังพระหทัยของพระเจ้าได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรมีชีวิตเพื่อความจริงเพราะเจ้าเชื่อในพระเจ้า

คนเราสามารถรู้จักพระเจ้าได้โดยการเชื่อในพระองค์ กล่าวคือ นี่คือเป้าหมายสุดท้าย และเป้าหมายของการไล่ตามเสาะหาของมนุษย์ เจ้าต้องใช้ความพยายามในการใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า เพื่อให้พระวจนะของพระองค์ผลิดอกออกผลในการปฏิบัติของเจ้าได้ หากเจ้ามีเพียงความรู้เกี่ยวกับคำสอน เช่นนั้นแล้วความเชื่อในพระเจ้าของเจ้าจะสูญเปล่า เฉพาะเมื่อเจ้าปฏิบัติและใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระองค์เท่านั้นความเชื่อของเจ้าจึงจะได้รับการพิจารณาว่าครบบริบูรณ์และสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า บนถนนสายนี้ ผู้คนมากมายสามารถพูดถึงความรู้มากมาย แต่เมื่อถึงเวลาตายของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาปริ่มไปด้วยน้ำตา และพวกเขาเกลียดตัวเองที่เสียเวลาไปทั้งชีวิตและใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าเพื่อความสูญเปล่า พวกเขาเพียงเข้าใจคำสอน แต่ไม่สามารถนำความจริงมาปฏิบัติหรือเป็นพยานต่อพระเจ้าได้ แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาเพียงวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที ยุ่งราวกับผึ้ง และเมื่อหมิ่นเหม่ใกล้ความตายเท่านั้นพวกเขาจึงมองเห็นในที่สุดว่าพวกเขาขาดพร่องคำพยานที่แท้จริง ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักพระเจ้าเลย และนี่ไม่สายเกินไปหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้วันนี้ให้คุ้มค่าและไล่ตามเสาะหาความจริงที่เจ้ารัก? เหตุใดจึงรอจนถึงวันพรุ่งนี้เล่า? หากในชีวิตเจ้าไม่ทนทุกข์เพื่อความจริงหรือพยายามได้รับความจริง อาจเป็นได้หรือไม่ว่า เจ้าปรารถนาที่จะรู้สึกเสียใจในโมงยามแห่งการตายของเจ้า? หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดหรือจึงเชื่อในพระเจ้า? ในความเป็นจริง หากพวกเขาใช้ความทุ่มเทพยายามเพียงแผ่วบางที่สุด ก็มีเรื่องมากมายที่ผู้คนสามารถนำความจริงมาปฏิบัติได้ และด้วยการนั้นย่อมทำให้พระเจ้าทรงพึงพอพระทัย นี่เป็นเพียงเพราะหัวใจของผู้คนถูกครอบงำด้วยปีศาจ จนพวกเขาไม่สามารถปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของพระเจ้าได้ และสาละวนเร่งร้อนอยู่เสมอเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังของพวกเขา และไม่สัมฤทธิ์สิ่งใดเลยในท้ายที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ ผู้คนจึงทุกข์ร้อนจากปัญหาและความลำบากยากเย็นอยู่เสมอ เหล่านี้ไม่ใช่การทรมานของซาตานหรือ? นี่ไม่ใช่ความเสื่อมทรามของเนื้อหนังหรอกหรือ? เจ้าไม่ควรพยายามที่จะหลอกลวงพระเจ้าโดยลมปาก ตรงกันข้าม เจ้ากลับต้องปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม อย่าหลอกตัวเจ้าเอง—นั่นจะทำไปเพื่ออะไร? เจ้าสามารถได้รับสิ่งใดหรือ จากการใช้ชีวิตเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังของเจ้าและการดิ้นรนเพื่อผลกำไรและชื่อเสียง?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรมีชีวิตเพื่อความจริงเพราะเจ้าเชื่อในพระเจ้า

หากเจ้าไม่เสาะแสวงโอกาสเหมาะที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า และหากเจ้าไม่เพียรพยายามที่จะล้ำหน้าผู้อื่นในกลุ่มในการแสวงหาความเพียบพร้อมของเจ้า เช่นนั้นแล้ว ในท้ายที่สุด เจ้าก็จะเต็มไปด้วยความสำนึกผิด โอกาสที่เหมาะที่สุดที่จะบรรลุถึงความเพียบพร้อมคือปัจจุบัน บัดนี้คือเวลาที่เหมาะสมอย่างสุดขั้ว หากเจ้าไม่พยายามอย่างจริงจังจริงใจที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ทันทีที่พระราชกิจของพระองค์ได้สรุปปิดตัว มันก็จะสายเกินไป—เจ้าจะพลาดโอกาสไปแล้ว ไม่สำคัญว่าความทะเยอทะยานของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด หากพระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติพระราชกิจอีกต่อไป เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะใช้ความพยายามใดก็ตาม เจ้าจะไม่มีวันมีความสามารถที่จะบรรลุถึงความเพียบพร้อมได้เลย เจ้าต้องชิงโอกาสนี้มาและร่วมมือในขณะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจอย่างใหญ่หลวงของพระองค์ หากเจ้าพลาดโอกาสนี้ เจ้าก็จะไม่ได้รับโอกาสอีก ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำความพยายามใด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงใส่ใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่อบรรลุความเพียบพร้อม

จงตื่นเถิด พี่ชายน้องชายทั้งหลาย! จงตื่นเถิด พี่สาวน้องสาวทั้งหลาย! วันของเราจะไม่ถูกทำให้ล่าช้า เวลาคือชีวิต และการยึดเวลากลับมาก็คือการช่วยชีวิตให้รอด! เวลาอยู่ไม่ไกลแล้ว! หากพวกเจ้าล้มเหลวในการสอบเข้าวิทยาลัย พวกเจ้าสามารถเรียนและสอบซ้ำได้หลายครั้งตามที่เจ้าเห็นชอบ อย่างไรก็ดี วันของเราจะไม่ทนกับความล่าช้าอีกต่อไป จงจำไว้! จงจำไว้! เรารบเร้าเจ้าด้วยวจนะดีๆ เหล่านี้ บทอวสานของโลกเปิดเผยคลี่คลายออกมาต่อหน้าต่อตาของพวกเจ้า และความวิบัติอันใหญ่หลวงก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว สิ่งใดสำคัญกว่า: ชีวิตของพวกเจ้า หรือการนอนหลับของพวกเจ้า อาหารและเครื่องดื่มและเสื้อผ้าของพวกเจ้า? ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องชั่งน้ำหนักสิ่งเหล่านี้แล้ว จงอย่ากังขาอีกต่อไป และจงอย่าหลบเลี่ยงจากความแน่นอน!

ช่างน่าเวทนายิ่งนัก! ช่างต่ำต้อยยิ่งนัก! ช่างมืดบอดยิ่งนัก! มวลมนุษย์ช่างโหดร้ายยิ่งนัก! พวกเจ้าทำหูทวนลมต่อวจนะของเราโดยแท้—นี่เราพูดกับพวกเจ้าโดยสูญเปล่าหรือ? พวกเจ้ายังคงเลินเล่อเหลือเกิน—เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? พวกเจ้าไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นเลยจริงๆ หรือ? เราพูดสิ่งเหล่านี้เพื่อใครเล่า? จงเชื่อในเรา! เราคือพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเจ้า! เราคือองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพวกเจ้า! จงคอยดู! จงคอยดู! เวลาที่เสียไปจะไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง—จงจำการนี้ไว้! ไม่มีเวชกรรมใดในโลกที่จะรักษาความเสียดายได้! ดังนั้น เราควรพูดกับพวกเจ้าอย่างไร? วจนะของเราไม่คู่ควรต่อการพิจารณาซ้ำๆ อย่างใส่ใจของพวกเจ้าหรอกหรือ? พวกเจ้าช่างไม่เอาใจใส่ต่อวจนะของเรา และขาดความรับผิดชอบต่อชีวิตพวกเจ้าเหลือเกิน เราจะทนการนั้นได้อย่างไร? เราจะทนได้อย่างไร?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 30

ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ มหาสมุทรเหือดแห้งตกตะกอนกลายเป็นท้องทุ่ง ท้องทุ่งถูกน้ำท่วมจนกลายเป็นมหาสมุทร ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีใครสามารถนำทางและชี้นำเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้ได้ เว้นแต่พระองค์ผู้ทรงปกครองทุกสิ่งทุกอย่างท่ามกลางทุกสรรพสิ่งในจักรวาลพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีผู้ทรงฤทธิ์ใดที่จะตรากตรำทำงานหรือทำการตระเตรียมให้กับมนุษยชาตินี้ ที่ยิ่งน้อยกว่านั้นก็คือ ไม่มีใครที่สามารถนำทางเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้สู่บั้นปลายแห่งความสว่างและปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากความอยุติธรรมทางโลกได้ พระเจ้าทรงกำสรดต่ออนาคตของมวลมนุษย์ พระองค์ตรมพระทัยกับการตกต่ำของมวลมนุษย์ และทรงเจ็บปวดที่มวลมนุษย์กำลังเดินตบเท้าทีละก้าวเข้าหาความเสื่อมสลายและเส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน มีใครเคยคิดไหมว่า มวลมนุษย์เช่นนี้ที่ได้ทำร้ายพระทัยของพระเจ้าและประกาศตัดสัมพันธ์กับพระองค์เพื่อแสวงหามารร้าย อาจมุ่งหน้าไปทิศทางใด? ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำไมจึงไม่มีใครสำนึกถึงพระพิโรธของพระเจ้า ทำไมจึงไม่มีใครแสวงหาหนทางที่จะทำให้พระเจ้าทรงยินดี หรือพยายามเข้าใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น และที่มากยิ่งกว่านั้นคือ ทำไมจึงไม่มีใครพยายามจับใจความในความตรมพระทัยและความเจ็บปวดของพระเจ้า แม้กระทั่งหลังจากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า มนุษย์ก็ยังคงเดินไปบนเส้นทางของตนต่อไป ยืนกรานในการหันเหไปจากพระเจ้า เลี่ยงหนีพระคุณและการดูแลของพระเจ้า และหลบเลี่ยงความจริงของพระองค์ เลือกชอบที่จะขายตนเองให้กับซาตาน-ศัตรูของพระเจ้า-มากกว่า และมีใครไหมที่เคยคิดว่า หากมนุษย์ยังยืนกรานในความดื้อดึงต่อไป พระเจ้าจะทรงทำอย่างไรกับมนุษยชาติพวกนี้ที่ผลักไสพระองค์ออกห่างอย่างไร้เยื่อใย? ไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลที่พระเจ้าทรงเตือนความจำและเคี่ยวเข็ญซ้ำๆ นั่นก็เป็นเพราะ ในพระหัตถ์ของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงตระเตรียมหายนะอย่างหนึ่งซึ่งไม่เคยมีอันใดเสมอเหมือนมาก่อนเอาไว้แล้ว เป็นหายนะที่เนื้อหนังและจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นมิอาจจะทนรับได้เลย หายนะนี้ไม่ใช่แค่การลงโทษต่อเนื้อหนัง แต่ต่อดวงจิตด้วยเช่นกัน เจ้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ว่า เมื่อแผนการของพระเจ้าเป็นอันล้มเหลวไป และเมื่อคำเตือนความจำและการเคี่ยวเข็ญของพระองค์ไม่ได้รับการชดใช้คืน พระโทสะแบบใดเล่าที่พระองค์จะทรงปลดปล่อยออกมา? มันจะไม่เหมือนกับสิ่งใดเลยที่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างใดได้เคยผ่านประสบการณ์หรือได้ยินมาก่อน เราจึงจะกล่าวว่า หายนะนี้ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีซ้ำอีก เพราะว่าแผนการของพระเจ้านั้นก็คือ การสร้างมวลมนุษย์เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น และช่วยมวลมนุษย์ให้รอดเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครสามารถจับใจความเจตนารมณ์อันอุตสาหะและความมุ่งหวังอันแรงกล้าที่พระเจ้าจะทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอดในครั้งนี้ได้เลย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตมนุษย์

มนุษย์ต้องไล่ตามเสาะหาที่จะดำเนินชีวิตซึ่งมีความหมาย และไม่ควรพึงพอใจกับรูปการณ์แวดล้อม ณ ปัจจุบันของเขา ในการดำเนินชีวิตตามภาพลักษณ์ของเปโตร เขาต้องครองความรู้และประสบการณ์ของเปโตร มนุษย์ต้องเสาะหาสิ่งทั้งหลายที่สูงส่งกว่าและลุ่มลึกกว่า เขาต้องเสาะหาความรักซึ่งบริสุทธิ์ขึ้นและลึกซึ้งขึ้นต่อพระเจ้า และเสาะหาชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย นี่เท่านั้นที่เป็นชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นเท่านั้นที่มนุษย์จะเป็นดั่งเปโตร เจ้าจะต้องมุ่งเน้นการเป็นฝ่ายรุกในการเข้าสู่ของเจ้าทางด้านบวก และต้องไม่ยอมให้ตัวเองล่าถอยอย่างยอมจำนนเพื่อเห็นแก่ความสบายชั่วครู่ชั่วยามพลางเพิกเฉยต่อความจริงทั้งหลายซึ่งลุ่มลึกกว่า เฉพาะเจาะจงกว่า และสัมพันธ์กับชีวิตจริงมากกว่า ความรักของเจ้าต้องสัมพันธ์กับชีวิตจริง และเจ้าต้องหาหนทางต่างๆ ที่จะปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตอันต่ำทรามและไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใดนี้ที่ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของสัตว์ตัวหนึ่ง เจ้าต้องใช้ชีวิตที่มีความหมาย ชีวิตที่มีคุณค่า และเจ้าต้องไม่หลอกตัวเองหรือปฏิบัติต่อตนเองเสมือนเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่เอาไว้เล่นด้วย สำหรับทุกคนผู้ทะเยอทะยานที่จะรักพระเจ้านั้น ไม่มีความจริงใดเลยที่ไม่อาจลุไปถึงได้ และไม่มีความยุติธรรมใดเลยที่พวกเขาไม่อาจตั้งมั่นอยู่เพื่อมันได้ เจ้าควรใช้ชีวิตของเจ้าอย่างไรหรือ? เจ้าควรรักพระเจ้าและใช้ความรักนี้ทำให้สมดังที่พระองค์ทรงพึงปรารถนาอย่างไร? ไม่มีเรื่องใดในชีวิตเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าต้องมีความทะเยอทะยานและความมานะบากบั่น และไม่ควรเป็นดั่งบรรดาพวกที่ใจเสาะ บรรดาพวกที่ปวกเปียกอ่อนแอ เจ้าต้องเรียนรู้วิธีที่จะได้รับประสบการณ์กับชีวิตซึ่งเปี่ยมความหมายและได้รับประสบการณ์กับความจริงอันเปี่ยมความหมาย และไม่ควรปฏิบัติต่อตัวเจ้าเองอย่างขอไปทีแบบนั้น เมื่อเจ้าไม่ตระหนักถึงมัน ชีวิตเจ้าก็จะผ่านเจ้าไปโดยเจ้าไม่ทันไหวตัว หลังจากนั้น เจ้าจะมีโอกาสที่จะได้รักพระเจ้าอีกครั้งหรือ? มนุษย์สามารถรักพระเจ้าได้หรือ หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว? เจ้าจักต้องมีความทะเยอทะยานและมโนธรรมดุจดังเปโตร ชีวิตเจ้าจะต้องเปี่ยมความหมาย และเจ้าต้องไม่เล่นเกมกับตัวเจ้าเอง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และในฐานะบุคคลซึ่งเสาะหาพระเจ้า เจ้าต้องสามารถพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเจ้าควรปฏิบัติต่อชีวิตของเจ้าอย่างไร เจ้าควรถวายตัวเจ้าเองต่อพระเจ้าอย่างไร เจ้าควรมีความเชื่อที่เปี่ยมความหมายขึ้นในพระเจ้าอย่างไร และด้วยความที่เจ้ารักพระเจ้า เจ้าควรรักพระองค์ในหนทางที่บริสุทธิ์มากขึ้น สวยงามมากขึ้น และดีงามมากขึ้นอย่างไร

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

เชิงอรรถ:

ก. ข้อความต้นฉบับไม่มีคำว่า “พระองค์”

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger