ถ้าเราไม่ยอมรับพระรคำถาม:ถ้าเราไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ งั้นเราจะสามารถทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาแห่งสวรรค์ได้จริงๆ เหรอ เราสามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้จริงๆ เหรอ

วันที่ 07 เดือน 11 ปี 2020

ตอบ: ถ้ามนุษย์เพียงแค่ยอมรับพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าในยุคพระคุณเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้าย พวกเขาจะไม่สามารถปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากบาป ทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาแห่งสวรรค์ และเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยเลย! นั่นเป็นเพราะระหว่างยุคพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการไถ่ของพระองค์ เนื่องจากภูมิรู้ของผู้คนในเวลานั้น องค์พระเยซูเจ้าจึงทรงให้หนทางแห่งการกลับใจแก่พวกเขาเท่านั้น และทรงขอให้ผู้คนเข้าใจความจริงพื้นฐานไม่กี่ข้อและเส้นทางเพื่อปฏิบัติความจริงเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงขอให้ผู้คนสารภาพบาปและกลับใจและแบกกางเขน พระองค์ทรงสอนพวกเขาเรื่องสภาวะความเป็นมนุษย์ ความอดทน ความรัก การอดอาหาร การบัพติศมา และอื่นๆ เหล่านี้เป็นความจริงไม่กี่อย่างที่จำกัดมากซึ่งผู้คนในเวลานั้นสามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ องค์พระเยซูเจ้าไม่เคยทรงแสดงความจริงอื่นๆ ที่ลึกซึ้งกว่านั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอุปนิสัยแห่งชีวิต ได้รับการช่วยให้รอด ได้รับการชำระให้สะอาด ทำให้มีความเพียบพร้อม และอื่นๆ เพราะในเวลานั้น ผู้คนขาดภูมิรู้ที่จำเป็นเพื่อรับรู้ความจริงเหล่านั้น มนุษย์ต้องรอจนกระทั่งองค์พระเยซูเจ้าทรงกลับมาเพื่อทรงพระราชกิจของพระองค์ในยุคสุดท้าย พระองค์จะทรงมอบความจริงทั้งหมดที่จำเป็นให้แก่มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามเพื่อให้ได้รับการช่วยให้รอดและทำให้มีความเพียบพร้อม ตามแผนการบริหารจัดการของพระเจ้าในการช่วยมวลมนุษย์ให้รอดและความจำเป็นของมวลมนุษย์ที่เสื่อมทราม เป็นไปตามที่องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น(ยอห์น 16:12-13) พระวจนะขององค์พระเยซูเจ้านั้นชัดเจนมาก ระหว่างยุคพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าทรงไม่เคยให้ความจริงทั้งหมดที่จำเป็นแก่มนุษย์ที่เสื่อมทรามเพื่อให้พวกเขาได้รับความรอด ยังมีความจริงที่ลึกกว่าและสูงส่งกว่ามากมาย นั่นก็คือ มีความจริงมากมายที่องค์พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงบอกมวลมนุษย์ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้คนเป็นอิสระจากอุปนิสัยแบบซาตานที่เสื่อมทรามของพวกเขาและเข้าถึงความบริสุทธิ์ รวมถึงความจริงที่มนุษย์ต้องการเพื่อเชื่อฟังและรู้จักพระเจ้า ดังนั้น ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงความจริงทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด พระองค์ทรงใช้ความจริงเหล่านี้เพื่อพิพากษา ตีสอน ชำระให้สะอาด และทำให้คนทั้งหมดที่ยอมรับความรอดของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์มีความเพียบพร้อมในยุคสุดท้าย ในท้ายที่สุด คนเหล่านี้จะถูกทำให้สมบูรณ์พร้อมและถูกรับเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า นี่เป็นวิธีที่แผนการบริหารจัดการเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอดของพระเจ้าจะเสร็จสิ้นลง หากผู้คนยอมรับพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้าย พวกเขาจะไม่มีทางสามารถได้รับความจริงและเปลี่ยนอุปนิสัยของพวกเขาได้ พวกเขาจะไม่มีทางกลายเป็นผู้ที่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและจะไม่มีทางมีคุณสมบัติเพื่อเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้าอย่างแน่นอน

ผู้คนของยุคสุดท้ายได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างหนัก พวกเขาเต็มไปด้วยพิษร้ายของซาตาน มุมมองของพวกเขา หลักปฏิบัติในการเอาตัวรอด โลกทัศน์ต่อชีวิต คุณค่า และอื่นๆ ขัดแย้งกับความจริง และเป็นศัตรูกับพระเจ้า มนุษย์ทั้งหมดนมัสการความชั่วและได้กลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า ถ้าความเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยอุปนิสัยแบบซาตานที่เสื่อมทราม ไม่ได้รับประสบการณ์การพิพากษาและการตีสอน และการเผา และการชำระให้สะอาดด้วยพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาจะสามารถกบฏต่อซาตานและปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากอิทธิพลของมันได้ยังไง พวกเขาจะสามารถเคารพนับถือพระเจ้า หลีกเลี่ยงความชั่ว และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ยังไง เราสามารถเห็นได้ว่าคนมากมายได้เชื่อในองค์พระเยซูเจ้ามานานหลายปี แต่ถึงจะมีข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาให้คำพยานว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอย่างกระตือรือร้นและทำงานหนักเป็นเวลาหลายปี ความล้มเหลวที่จะรู้จักพระอุปนิสัยชอบธรรมของพระเจ้าและเคารพนับถือพระเจ้าของพวกเขา ยังทำให้พวกเขาตัดสินและกล่าวโทษพระราชกิจของพระเจ้าและ ปฏิเสธและไม่ยอมรับการทรงกลับมาของพระเจ้าเมื่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในยุคสุดท้าย พวกเขาตรึงพระคริสต์บนกางเขนอีกครั้งด้วยซ้ำเมื่อพระองค์ทรงกลับมาในยุคสุดท้าย นี่มากพอจะแสดงว่าถ้ามนุษย์ไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคสุดท้าย ต้นกำเนิดของบาปและธรรมชาติแบบซาตานของมนุษย์จะไม่มีทางได้รับการแก้ไข การต่อต้านพระเจ้าของพวกเขาจะทำให้พวกเขาพินาศ นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้! ในหมู่ผู้เชื่อ มีเพียงบรรดาผู้ที่ยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระเจ้าในยุคสุดท้ายอย่างซื่อตรงเท่านั้น ที่จะได้รับความจริงเป็นชีวิต กลายเป็นบรรดาคนที่ทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาแห่งสวรรค์ และกลายเป็นผู้ที่รู้จักพระเจ้าและเข้ากันได้กับพระองค์ พวกเขาเป็นผู้ที่จะมีคุณสมบัติที่จะแบ่งปันพระสัญญาของพระเจ้าและถูกรับเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์

ตัดตอนจากบทภาพยนตร์เรื่อง ความทรงจำอันเจ็บปวด

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พวกคุณพูดว่า พวกเราต้องยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาของยุคสุดท้ายพระเจ้า เนื่องจาก เมื่อนั้นเท่านั้นที่อุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตานของพวกเราจะได้รับการชำระให้สะอาดและเปลี่ยนแปลง และเมื่อนั้นเท่านั้นที่พวกเราจะเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งพระเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงถ่อมใจและยอมผ่อนปรน พวกเรารักศัตรูของพวกเรา พวกเราแบกกางเขนของพวกเรา พวกเราบ่มวินัยร่างกายของพวกเรา พวกเราละทิ้งสิ่งทั้งหลายทางโลก พวกเราทำงานและทำการประกาศเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและอื่นๆ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพึงประสงค์ เหล่านี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ได้บังเกิดในตัวพวกเราหรอกหรือ? พวกคุณกำลังพูดว่า นี่ยังคงไม่มากพอสำหรับพวกเราที่จะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์อย่างนั้นหรือ? ฉันเชื่อว่า ตราบที่พวกเราเพียรพยายามต่อไปในหนทางนี้ พวกเราก็จะกลายเป็นบริสุทธิ์ และจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา...

องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’” (มัทธิว 7:21-23) บรรดาผู้ที่กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า” ล้วนรับใช้และเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาได้จัดทำเครื่องบูชา ได้สละตัวพวกเขา และได้ทำงานอย่างหนักเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ และพวกเขาได้เผยแผ่ข่าวประเสริฐและปลูกสร้างคริสตจักร พวกเขาไม่ได้ติดตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการทำการนี้ทั้งหมดหรือ? เมื่อองค์พระเยซูเจ้าทรงกลับมา ทำไมพวกเขาจะไม่ได้รับการชมเชยโดยองค์พระผู้เป็นเจ้า และกลับถูกพระองค์ทรงกล่าวโทษว่าเป็นพวกคนทำชั่วแทนเล่า?

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานที่มนุษย์ใช้ตัดสินมนุษย์คนอื่นๆ อยู่บนพื้นฐานของพฤติกรรมของพวกเขา กล่าวคือ...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger