สิ่งที่เป็นความประพฤติดี และวิธีที่สิ่งเหล่านั้นถูกทำให้ได้รับการสำแดง

วันที่ 27 เดือน 10 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

งานขั้นสุดท้ายของเราไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์แห่งการลงโทษมนุษย์เท่านั้น แต่เพื่อการจัดการเตรียมการในเรื่องบั้นปลายของมนุษย์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นไปเพื่อที่ผู้คนทั้งหมดอาจรับรู้กิจการและการกระทำของเรา เราต้องการให้แต่ละบุคคลได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นถูกต้อง และได้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้นเป็นการแสดงออกของอุปนิสัยของเรา ที่ให้กำเนิดมวลมนุษย์นั้นไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ นับประสาอะไรที่จะเป็นการกระทำของธรรมชาติ แต่เป็นเรา ผู้บำรุงเลี้ยงทุกสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ในการสร้าง หากปราศจากการดำรงอยู่ของเรา มวลมนุษย์ย่อมมีแต่จะพินาศและทุกข์ทนจากการหวดเฆี่ยนแห่งหายนะเท่านั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะได้เห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันสวยงาม หรือโลกอันเขียวขจีอีกเลย มวลมนุษย์จะเผชิญเพียงค่ำคืนอันเยือกเย็นและหุบเขาแห่งเงามรณะซึ่งไร้ปรานี เราคือความรอดเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ เราคือความหวังเดียวเท่านั้นของมวลมนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เราก็คือพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่พึ่งแห่งการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ทั้งปวง หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะหยุดนิ่งลงในทันที หากไม่มีเรา—มวลมนุษย์จะทุกข์ทนจากมหันตภัยและถูกบรรดาผีสางทุกลักษณะเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า กระนั้นก็ยังไม่มีใครใส่ใจเรา เราได้ทำงานที่ไม่มีใครอื่นทำได้ และหวังเพียงแค่ว่ามนุษย์จะสามารถตอบแทนเราด้วยความประพฤติที่ดีงามบ้าง แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถตอบแทนเราได้ เราก็จะยังคงยุติการเดินทางไกลของเราในโลกมนุษย์ลง และเริ่มต้นขั้นตอนถัดไปของงานของเราที่กำลังคลี่คลายออกมา เนื่องจากการเร่งรุดไปมาของเราทั้งหมดท่ามกลางมนุษย์ในช่วงหลายปีมานี้ให้ดอกผลดี และเราก็ยินดีมาก สิ่งที่เราสนใจไม่ใช่จำนวนผู้คน แต่เป็นความประพฤติที่ดีงามของพวกเขาเสียมากกว่า ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เราหวังว่าพวกเจ้าจะตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของตัวเจ้าเอง เมื่อนั้นเราจึงจะพึงพอใจ มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีใครเลยในบรรดาพวกเจ้าที่จะสามารถหนีรอดความวิบัติที่จะตกมาถึงเจ้าได้ ความวิบัตินั้นมีจุดกำเนิดอยู่กับเราและแน่นอนว่าถูกจัดวางเรียบเรียงโดยเรา หากพวกเจ้าไม่สามารถปรากฏว่าดีงามได้ในสายตาของเรา เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะไม่อาจหนีรอดความทุกข์จากความวิบัติไปได้ ในท่ามกลางความทุกข์ลำบากความประพฤติและการกระทำโดยเจตนาทั้งหลายของพวกเจ้าไม่ได้ถูกพิจารณาว่าสมควรไปเสียทั้งหมด เนื่องจากความเชื่อและความรักของพวกเจ้านั้นกลวงเป็นโพรง และเจ้าเพียงแค่แสดงให้เห็นว่า ตัวตนของพวกเจ้าขี้ขลาดหรือไม่ก็ทรหดเท่านั้นเอง ในเรื่องนี้ เราจะพิพากษาสิ่งที่ดีและสิ่งที่แย่เท่านั้น ความกังวลสนใจของเรายังคงเป็นเรื่องของหนทางที่พวกเจ้าแต่ละคนปฏิบัติและแสดงตัวตนของเขาออกมา อันเป็นพื้นฐานที่เราจะใช้กำหนดพิจารณาบทอวสานของพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม เราจำต้องพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่า กับบรรดาผู้ที่ไม่ได้แสดงให้เราเห็นความจงรักภักดีแม้แต่น้อยในระหว่างช่วงเวลาของความทุกข์ลำบาก เราจะไม่ปรานีอีกต่อไป เพราะความปรานีของเราขยายเวลามาเพียงถึงตอนนี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่มีความชอบให้กับใครก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยทรยศเรา นับประสาอะไรที่เราจะชอบที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับบรรดาผู้ที่ขายผลประโยชน์ของผองเพื่อนของตน นี่คืออุปนิสัยของเรา ไม่ว่าบุคคลคนนั้นอาจเป็นใครก็ตาม เราจำต้องบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้าว่า ใครก็ตามที่ทำให้เราเสียใจจะไม่ได้รับความเมตตาผ่อนผันจากเราเป็นครั้งที่สอง และใครก็ตามที่ได้สัตย์ซื่อต่อเราตลอดมาจะยังคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดกาล

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของเจ้า

สิ่งใดคือมาตรฐานซึ่งใช้ตัดสินความประพฤติของบุคคลว่าดีหรือชั่ว? มันขึ้นอยู่กับว่า ในความคิด การแสดงออก และการกระทำทั้งหลายของเจ้านั้น เจ้าครองคำพยานแห่งการนำความจริงไปปฏิบัติและการใช้ชีวิตไปตามความจริงความเป็นจริงหรือไม่ หากเจ้าไม่มีความเป็นจริงนี้หรือไม่ได้ใช้ชีวิตไปตามนี้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็เป็นคนทำชั่วอย่างไม่ต้องกังขาเลย พระเจ้าทรงมองคนทำชั่วอย่างไรหรือ? ความคิดและการปฏิบัติตนภายนอกของเจ้าไม่ได้เป็นคำพยานต่อพระเจ้า อีกทั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ซาตานอดสูหรือทำให้ซาตานปราชัย แทนที่จะเป็นเช่นนั้น สิ่งเหล่านั้นทำให้พระเจ้าทรงอดสู และพรุนไปด้วยริ้วรอยที่เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงอดสู เจ้าไม่ได้กำลังให้คำพยานเพื่อพระเจ้า ไม่ได้กำลังสละตัวเจ้าเองให้พระเจ้า อีกทั้งเจ้าไม่ได้กำลังลุล่วงความรับผิดชอบและภาระผูกพันของเจ้าที่มีต่อพระเจ้า แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เจ้ากลับกำลังกระทำเพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง สิ่งใดหรือคือความหมายโดยนัยของ “เพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง”? เพื่อซาตาน เพราะฉะนั้น ในตอนสุดท้าย พระเจ้าจะตรัสว่า “เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา” ในสายพระเนตรของพระเจ้า เจ้ายังไม่ได้ทำความประพฤติดี แต่ในทางกลับกัน พฤติกรรมของเจ้าได้แปรสภาพไปเป็นชั่ว เจ้าจะไม่ได้รับบำเหน็จและพระเจ้าจะไม่ทรงจดจำเจ้า นี่ไม่เป็นการสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิงหรอกหรือ? สำหรับเจ้าแต่ละคนที่กำลังลุล่วงหน้าที่ ไม่สำคัญว่า เจ้าเข้าใจความจริงอย่างลุ่มลึกเพียงใด หากเจ้าปรารถนาที่จะเข้าสู่ความจริงความเป็นจริง เช่นนั้นแล้ว หนทางที่เรียบง่ายที่สุดที่จะฝึกฝนปฏิบัติก็คือ การคิดถึงผลประโยชน์ของพระนิเวศของพระเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ และปล่อยมือจากความอยากได้อยากมีอันเห็นแก่ตัวของพวกเจ้า ความตั้งใจแบบปัจเจกบุคคลของเจ้า สิ่งจูงใจทั้งหลาย เกียรติยศชื่อเสียง และสถานะ วางผลประโยชน์ของพระนิเวศของพระเจ้าไว้อันดับแรก—นี่คือน้อยที่สุดแล้วที่เจ้าควรทำ

ตัดตอนมาจาก “จงมอบหัวใจอันแท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

สิ่งที่เราปรารถนาคือความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า ณ บัดนี้ ความรักและคำพยานของเจ้า ณ บัดนี้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะไม่รู้ว่าคำพยานคืออะไรหรือความรักคืออะไร เจ้าก็ควรจะนำพาทุกอย่างของเจ้ามาให้เรา และส่งมอบทรัพย์สมบัติเดียวที่เจ้ามีให้แก่เรา นั่นก็คือ ความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของเจ้า เจ้าควรรู้ว่าคำพยานถึงการทำให้ซาตานพ่ายแพ้ของเรามีอยู่ภายในความจงรักภักดีและการเชื่อฟังของมนุษย์ เช่นเดียวกับคำพยานถึงการพิชิตมนุษย์โดยบริบูรณ์ของเรา หน้าที่แห่งความเชื่อในเราของเจ้าก็คือการเป็นพยานแก่เรา การจงรักภักดีต่อเราและไม่จงรักภักดีต่อสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น และการเชื่อฟังไปจนถึงที่สุด ก่อนที่เราจะเริ่มขั้นตอนต่อไปของงานของเรา เจ้าจะเป็นพยานต่อเราอย่างไร? เจ้าจะจงรักภักดีและจะเชื่อฟังเราอย่างไร? เจ้าอุทิศความจงรักภักดีทั้งหมดของเจ้าให้แก่หน้าที่การงานของเจ้าหรือไม่ หรือเจ้าจะล้มเลิก? เจ้าจะนบนอบต่อการจัดการเตรียมการทุกอย่างของเรา (แม้ว่าจะเป็นความตายหรือความย่อยยับ) หรือหนีหายไปกลางทางเพื่อหลบเลี่ยงการตีสอนของเรา? เราตีสอนเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้เป็นพยานต่อเรา และจงรักภักดีและเชื่อฟังต่อเรา ยิ่งไปกว่านั้น การตีสอนในปัจจุบันเป็นการคลี่คลายงานขั้นตอนต่อไปของงานของเรา และเพื่อช่วยให้งานนั้นก้าวหน้าต่อไปโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเตือนสติเจ้าให้เฉลียวฉลาด และจงอย่าปฏิบัติกับชีวิตของเจ้าหรือนัยสำคัญในการดำรงอยู่ของเจ้าเหมือนกับเม็ดทรายที่ไร้ค่า เจ้าสามารถรู้ได้แน่หรือไม่ว่างานที่จะมาถึงของเรานั้นคืออะไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราจะทำงานอย่างไรในวันข้างหน้า และงานของเราจะคลี่คลายไปอย่างไร? เจ้าควรจะรู้ถึงนัยสำคัญของประสบการณ์ของเจ้ากับงานของเรา และยิ่งไปกว่านั้น นัยสำคัญของความเชื่อในเราของเจ้า เราได้ทำไปมากมายแล้ว เราจะล้มเลิกแค่ครึ่งทางดังที่เจ้าจินตนาการได้อย่างไร? เราได้ทำงานที่กว้างขวางเช่นนี้แล้ว เราจะทำลายมันได้อย่างไร? แท้ที่จริงแล้ว เราได้มาเพื่อทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลง นี่คือเรื่องจริง แต่ที่มากกว่านั้น เจ้าต้องรู้ว่าเรากำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่ จะเริ่มต้นงานใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ จะเผยแพร่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร ดังนั้น เจ้าควรรู้ว่างานปัจจุบันเป็นเพียงเพื่อการเริ่มต้นยุคหนึ่งเท่านั้น และเพื่อวางรากฐานในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐในสมัยที่จะมาถึงและการทำให้ยุคนี้สิ้นสุดลงในภายภาคหน้า งานของเราไม่ใช่ง่ายดายดังที่เจ้าคิด อีกทั้งไม่ได้ไร้ค่าหรือไร้ความหมายดังที่เจ้าอาจเชื่อ เพราะฉะนั้น เรายังคงต้องพูดกับเจ้าว่า เจ้าควรจะมอบชีวิตของเจ้าให้แก่งานของเรา และที่มากกว่านั้น เจ้าควรจะอุทิศตัวเจ้าเองเพื่อสง่าราศีของเรา นานแล้วที่เราได้โหยหาให้เจ้าเป็นพยานแก่เรา และนานยิ่งกว่านั้นที่เราได้โหยหาให้เจ้าเผยแพร่ข่าวประเสริฐของเรา เจ้าควรจะเข้าใจว่าอะไรอยู่ในหัวใจของเรา

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเชื่อ?

พวกเจ้าแต่ละคนควรทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ ด้วยหัวใจอันเปิดกว้างและซื่อสัตย์ และเต็มใจจะจ่ายราคาใดก็ตามที่จำเป็น ดังที่พวกเจ้าได้พูดกันไว้ว่า เมื่อวันนั้นมาถึง พระเจ้าจะไม่ทรงบกพร่องต่อใครก็ตามที่ได้ทนทุกข์หรือได้ยอมจ่ายราคาเพื่อพระองค์ ความเชื่อมั่นเช่นนี้คือสิ่งที่ควรค่าแก่การยึดมั่นไว้ และถูกต้องแล้วที่พวกเจ้าไม่ควรจะลืมมันไป ในหนทางนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถสบายใจได้ในเรื่องเกี่ยวกับพวกเจ้า มิเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะเป็นผู้คนที่ทำให้เราไม่อาจสบายใจได้เลยตลอดกาล และเจ้าจะกลายเป็นวัตถุทั้งหลายที่เราไม่พิสมัยไปตลอดกาล หากพวกเจ้าทุกคนสามารถทำตามมโนธรรมของตัวเองและทำเพื่อเราอย่างสุดความสามารถโดยไม่เหลือเผื่อแรงเผื่อใจไปจากงานของเรา และอุทิศแรงกายแรงใจของเจ้าให้กับงานข่าวประเสริฐของเราไปชั่วชีวิต เช่นนี้แล้ว มีหรือที่ใจของเราจะไม่ลิงโลดบ่อยครั้งเพราะความชื่นบานในเรื่องของพวกเจ้า? เช่นนี้แล้ว เราจึงจะสามารถโล่งใจในเรื่องของพวกเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ใช่หรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ไปสู่บั้นปลาย

ผู้คนส่วนใหญ่ที่เชื่อในพระเจ้าเปรมปรีดิ์ที่จะสละและอุทิศตัวพวกเขาเองเพื่อพระองค์ อย่างไรก็ตาม มีเพียงบรรดาผู้ที่สามารถทำการอุทิศและการพลีอุทิศที่จริงแท้เท่านั้นที่ครองความเป็นจริงที่แท้จริง ผู้คนส่วนใหญ่ไล่ตามเสาะหาความจริงอย่างมีความสุข แต่มีผู้คนค่อนข้างน้อยที่มีความสามารถที่จะนำความจริงไปปฏิบัติหรือจ่ายราคาเพื่อให้ได้รับความจริง เมื่อชั่วขณะที่สำคัญยิ่งยวดมาถึง และเจ้าถูกขอให้พลีอุทิศและละทิ้ง เจ้าก็ไม่สามารถทนทำได้ การนี้ไม่สามารถยอมรับได้ และแสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่จริงใจต่อพระเจ้า หากมันเป็นชั่วขณะที่สำคัญยิ่งยวดกว่า ผู้คนก็จะยิ่งสามารถนบนอบและปล่อยมือจากผลประโยชน์ส่วนตัว ความทระนง และความภูมิใจของพวกเขา และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม เมื่อนั้นเท่านั้นพระเจ้าจึงจะทรงจดจำพวกเขา เหล่านั้นเป็นความประพฤติดีทั้งหมด! โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ผู้คนทำแล้ว สิ่งใดสำคัญกว่ากัน—ความทระนงและความภูมิใจของพวกเขา หรือพระสิริของพระเจ้า? (พระสิริของพระเจ้า) สิ่งใดสำคัญกว่ากัน—ความรับผิดชอบของเจ้า หรือผลประโยชน์ของเจ้าเอง? การทำให้ความรับผิดชอบของเจ้าลุล่วงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเจ้ามีภาระหน้าที่ต่อความรับผิดชอบเหล่านั้น นี่ไม่ใช่คำขวัญบางอย่าง หากลึกลงไปแล้วนั่นคือสิ่งที่เจ้าคิด และเจ้าพยายามปฏิบัติในหนทางนั้น เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่ได้เข้าสู่ความเป็นจริงเล็กน้อยแล้วหรือ? อย่างน้อยที่สุด นั่นก็หมายความว่าเจ้าครองแง่มุมนั้นของความเป็นจริง เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเฉพาะบางสิ่ง ความพึงปรารถนาส่วนตัวระยะสั้นของเจ้าเองและความทระนงและความภาคภูมิใจของเจ้าจะเลิกยืนขวางทางเจ้า และเจ้าจะให้ลำดับความสำคัญแรกสุดกับหน้าที่ของเจ้าเอง กับน้ำพระทัยของพระเจ้า กับการเป็นคำพยานต่อพระองค์ และกับความรับผิดชอบของเจ้าเอง นี่เป็นหนทางที่ดีเยี่ยมในเป็นคำพยาน และนั่นนำความละอายมาสู่ซาตาน! ซาตานคิดสิ่งใด หลังจากมองเห็นทั้งหมดนี้? หากเจ้าทำการนี้จริงๆ โดยใช้การกระทำจริงเพื่อแสดงคำพยานต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง และหันหลังให้ซาตาน และเจ้ากำลังทำมากกว่าเพียงแค่ท่องคำขวัญ เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่าในการทำให้ซาตานละอายและในการเป็นพยานต่อพระเจ้า จะน่าอัศจรรย์เพียงใดที่จะใช้วิธีการต่างๆ เป็นพยานเพื่อพระเจ้า และทำให้ซาตานมองเห็นความมุ่งมั่นของเจ้าที่จะละทิ้งและปฏิเสธซาตาน!

ตัดตอนมาจาก “การได้รับพระเจ้าและความจริงไว้เป็นสิ่งซึ่งมีความสุขที่สุด” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

ในฐานะเหล่าผู้นำคริสตจักร พวกเจ้าควรรู้วิธีค้นพบและปลูกฝังความสามารถพิเศษ และไม่อิจฉาผู้คนที่มีความสามารถพิเศษ ในหนทางนี้ พวกเจ้าย่อมจะปฏิบัติหน้าที่เป็นที่น่าพึงพอใจ และพวกเจ้าก็จะได้ทำให้ความรับผิดชอบของพวกเจ้าลุล่วง พวกเจ้าจะได้อุทิศตนอย่างสุดกำลังความสามารถของพวกเจ้าด้วย ผู้คนบางคนกลัวเสมอว่าผู้อื่นจะลักขโมยความเป็นจุดสนใจของพวกเขาไป และล้ำเลิศกว่าพวกเขา โดยได้มาซึ่งการระลึกถึง ในขณะที่พวกเขาเองนั้นถูกละเลย นี่นำทางพวกเขาไปสู่การโจมตีและการกันแยกผู้อื่นออกไป นี่ไม่ใช่กรณีของการอิจฉาผู้คนที่มีความสามารถมากกว่าตัวพวกเขาเองหรอกหรือ? พฤติกรรมเช่นนั้นไม่เป็นการเห็นแก่ตัวและน่าเหยียดหยามหรอกหรือ? นี่คืออุปนิสัยประเภทใดหรือ? มันช่างมุ่งร้ายนัก! การคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น การสนองความอยากได้อยากมีของตัวเองเท่านั้น การไม่แสดงให้เห็นการคำนึงถึงหน้าที่ของผู้อื่นเลย และการคิดเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวคนเราเองเท่านั้น และไม่คิดถึงผลประโยชน์แห่งพระนิเวศของพระเจ้า—ผู้คนเยี่ยงนี้มีอุปนิสัยที่ไม่ดี และพระเจ้าไม่ทรงมีความรักให้แก่พวกเขาเลย หากเจ้าสามารถอย่างแท้จริงที่จะคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะสามารถปฏิบัติต่อผู้อื่นได้อย่างยุติธรรม หากเจ้าให้การแนะนำกับบางคน และบุคคลนั้นได้รับการปลูกฝังให้กลายเป็นบางคนที่มีความสามารถพิเศษ ด้วยผลจากการนั้นได้นำพาบุคคลที่มีความสามารถพิเศษอีกหนึ่งคนเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่ได้ทำงานของเจ้าดีแล้วหรือ? เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่ได้จงรักภักดีในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหรือ? นี่เป็นความประพฤติดีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และเป็นมโนธรรมและเหตุผลจำพวกที่พวกมนุษย์ควรครอง บรรดาผู้ที่มีความสามารถในการนำความจริงมาปฏิบัติ ย่อมสามารถยอมรับการพินิจพิเคราะห์ของพระเจ้าได้เมื่อทำสิ่งทั้งหลาย เมื่อเจ้ายอมรับการพินิจพิเคราะห์ของพระเจ้า หัวใจของเจ้าก็จะได้รับการแก้ไขให้เข้าใจถูกต้อง หากเจ้าเพียงทำสิ่งทั้งหลายเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นอยู่ตลอดเวลา และไม่ยอมรับการพินิจพิเคราะห์ของพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว พระเจ้ายังคงทรงอยู่ในหัวใจของเจ้ากระนั้นหรือ? ผู้คนเยี่ยงนี้ไม่มีความเคารพให้กับพระเจ้า จงอย่าทำสิ่งทั้งหลายเพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเองเสมอ และจงอย่าพิจารณาผลประโยชน์ทั้งหลายของตัวเจ้าเองเป็นนิตย์ จงอย่าพิจารณาสถานะ เกียรติยศ หรือความมีหน้ามีตาของตัวเจ้าเอง จงอย่าพิจารณาถึงผลประโยชน์ของมนุษย์ด้วยเช่นกัน อันดับแรกเจ้าต้องพิจารณาผลประโยชน์แห่งพระนิเวศของพระเจ้า และทำให้ผลประโยชน์เหล่านั้นมีความสำคัญเป็นที่หนึ่ง เจ้าควรมีความคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าและเริ่มโดยการใคร่ครวญว่าเจ้าได้มีราคีในการทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วงหรือไม่ ว่าเจ้าได้ทำจนถึงที่สุดของเจ้าที่จะจงรักภักดีต่อพระเจ้า ทำดีที่สุดของเจ้าที่จะลุล่วงความรับผิดชอบของเจ้า และให้ทั้งหมดของเจ้าไปแล้วหรือยัง ตลอดจนว่าเจ้าได้ให้ความคิดโดยหมดทั้งหัวใจต่อหน้าที่ของเจ้าและงานในพระนิเวศของพระเจ้าหรือไม่ เจ้าต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ จงคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นอยู่เนืองนิจ และจะง่ายยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าให้ได้ดี หากเจ้ามีขีดความสามารถต่ำ ประสบการณ์ของเจ้าตื้นเขิน หรือเจ้าไม่ชำนาญในงานสายอาชีพของเจ้า เช่นนั้นแล้ว ก็อาจมีข้อผิดพลาดหรือความขาดตกบกพร่องบางอย่างในงานของเจ้า และผลลัพธ์อาจไม่ดีมาก—แต่เจ้าจะได้ทุ่มความพยายามของเจ้าอย่างดีที่สุดแล้ว เมื่อเจ้าไม่ได้กำลังคิดถึงความพึงปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเจ้าเอง หรือไม่ได้กำลังพิจารณาผลประโยชน์ของเจ้าเองในสิ่งทั้งหลายที่เจ้าทำ และกำลังพิจารณางานในพระนิเวศของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ คำนึงถึงผลประโยชน์ของการนั้น และปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าให้ดีแทน เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ย่อมจะสะสมเพิ่มพูนความประพฤติดีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ผู้คนที่ปฏิบัติความประพฤติดีเหล่านี้คือผู้ที่ครองความจริงความเป็นจริง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงได้เป็นคำพยาน

ตัดตอนมาจาก “จงมอบหัวใจอันแท้จริงของเจ้าแด่พระเจ้า และเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

ไม่ว่าเจ้าจะกำลังปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วงหรือกำลังเรียนรู้ความรู้เชิงวิชาชีพ เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำ เจ้าต้องปฏิบัติต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำโดยสอดคล้องกับความจริง และฝึกฝนปฏิบัติโดยสอดคล้องกับความจริง เจ้าต้องใช้ความจริงเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อแก้ไขอุปนิสัยอันเสื่อมทรามที่ได้ถูกเปิดเผยในตัวเจ้า และเพื่อแก้ไขหนทางในการทำสิ่งทั้งหลายและความคิดทั้งหลายที่ผิดพลาดของเจ้า เจ้าต้องผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งก็คือ เจ้าต้องตรวจสอบตัวเจ้าเอง ทันทีที่เจ้าได้ทำเช่นนั้นแล้ว หากเจ้าค้นพบอุปนิสัยอันเสื่อมทราม เจ้าต้องแก้ไขมัน ทำให้มันสยบลง และละทิ้งมันไปเสีย ทันทีที่เจ้าได้แก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว เมื่อเจ้าไม่ทำสิ่งทั้งหลายไปบนพื้นฐานของอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของเจ้าอีกต่อไป และเมื่อเจ้าสามารถปล่อยมือจากสิ่งจูงใจและผลประโยชน์ทั้งหลายของเจ้าและฝึกฝนปฏิบัติโดยสอดคล้องกับหลักการทั้งหลายของความจริง เมื่อนั้นเท่านั้นเจ้าจึงจะทำสิ่งที่ผู้ที่ติดตามพระเจ้าอย่างแท้จริงควรจะต้องทำ พระเจ้าทรงพบว่าพฤติกรรม หนทางของการปฏิบัติตน และการประพฤติปฏิบัติในแบบเฉพาะนี้ เป็นที่ยอมรับได้หรือไม่? พระองค์ทรงพบว่าการนี้ยอมรับได้ นี่คือความประพฤติที่ดี! เหตุใดหรือ การปฏิบัติตนของเจ้าในหนทางนั้นจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นความประพฤติที่ดี? เจ้าทำการนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของงานแห่งพระนิเวศของพระเจ้า หรือเพื่อผลประโยชน์แห่งพระนิเวศของพระเจ้า และในเวลาเดียวกันเจ้าก็กำลังปฏิบัติความจริง และดังนั้นแล้ว พระเจ้าจึงทรงรับรองการนั้น และนั่นเป็นความประพฤติที่ดี หากนี่คือสิ่งที่เจ้าได้ใช้ในการดำรงชีวิตเสมอมา นั่นย่อมหมายความว่า เจ้ากำลังเป็นคำพยานแด่พระเจ้า

ตัดตอนมาจาก “โดยการแสวงหาความจริงในทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้นคนเราจึงสามารถเข้าสู่ความเป็นจริงของความจริงได้” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

พระเจ้าทรงพินิจพิเคราะห์และทรงสามารถทอดพระเนตรสิ่งที่ผู้คนเก็บไว้ในหัวใจของพวกเขาขณะที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา และพลังงานมากเพียงใดที่พวกเขาทุ่มเท การที่ผู้คนใส่หัวใจและพละกำลังทั้งหมดของพวกเขาเข้าไปในสิ่งที่พวกเขาทำนั้นสำคัญยิ่งยวด ความร่วมมือก็เช่นกันเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งยวดอย่างหนึ่ง ผู้คนจะปฏิบัติตนด้วยหัวใจและพละกำลังทั้งหมดของพวกเขา ก็ต่อเมื่อพวกเขาเพียรพยายามที่จะไม่เสียใจเกี่ยวกับหน้าที่ที่พวกเขาได้เสร็จสิ้นแล้วและสิ่งที่พวกเขาได้ทำแล้ว และที่จะไม่เป็นหนี้พระเจ้า หากวันนี้เจ้าไม่มอบหัวใจและพละกำลังทั้งหมดของเจ้า เช่นนั้นแล้วเมื่อบางสิ่งผิดปกติภายหลัง และมีผลสืบเนื่อง นั่นจะไม่สายเกินไปที่จะเสียใจหรอกหรือ? เจ้าจะเป็นหนี้ไปตลอดกาล นั่นจะเป็นรอยเปรอะเปื้อนบนตัวเจ้า! รอยเปรอะเปื้อนในการปฏิบัติหน้าที่ของหน้าที่ของคนเราคือการฝ่าฝืนอย่างหนึ่ง ดังนั้นเจ้าต้องเพียรพยายามที่จะทำส่วนของสิ่งทั้งหลายที่เจ้าต้องทำและควรที่จะทำอย่างถูกต้องเหมาะสม ด้วยหัวใจและพละกำลังทั้งหมดของเจ้า สิ่งเหล่านั้นต้องไม่ทำไปอย่างสะเพร่าและอย่างพอเป็นพิธี เจ้าต้องไม่มีความเสียใจใดๆ ในหนทางนี้ หน้าที่ที่เจ้าปฏิบัติในเวลานี้จึงจะเป็นที่จดจำโดยพระเจ้า สิ่งเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงจดจำเป็นความประพฤติดีงาม เช่นนั้นแล้ว อะไรคือสิ่งที่ไม่เป็นที่จดจำ? สิ่งเหล่านั้นคือการฝ่าฝืน ผู้คนอาจจะไม่ยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นคือความประพฤติชั่วหากพรรณนาสิ่งเหล่านั้นด้วยเหตุนั้นในปัจจุบัน แต่หากวันหนึ่งมาถึงเมื่อมีผลสืบเนื่องร้ายแรงต่อสิ่งเหล่านั้น และสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นอิทธิพลด้านลบ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมจะสำนึกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่การฝ่าฝืนด้านพฤติกรรม แต่เป็นความประพฤติชั่ว เมื่อเจ้าตระหนักถึงการนี้ เจ้าจะเสียใจ และคิดกับตัวเจ้าเองว่า ฉันควรได้กันเอาไว้ก่อน! ด้วยความคิดและความพยายามอีกนิดหน่อย ฉันคงจะไม่มีปัญหานี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะลบรอยเปรอะเปื้อนชั่วนิรันดร์นี้จากหัวใจของเจ้า และนั่นจะเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องเดือดร้อนหากการนั้นจะทิ้งให้เจ้าเป็นหนี้ถาวร ดังนั้นแล้ว วันนี้ ทุกครั้งที่พวกเจ้าปฏิบัติหน้าที่ของพวกเจ้า หรือยอมรับพระบัญชาหนึ่ง พวกเจ้าต้องเพียรพยายามที่จะทำการนั้นด้วยพละกำลังทั้งหมดของพวกเจ้าและหัวใจทั้งหมดของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องทำการนั้นจนกระทั่งพวกเจ้าไร้ความรู้สึกผิดและความเสียใจ เพื่อที่การนั้นจะได้เป็นที่จดจำโดยพระเจ้า และเป็นความประพฤติดีงาม จงอย่าปฏิบัติตนอย่างสะเพร่าและอย่างพอเป็นพิธี ด้วยการหลับตาลงข้างหนึ่ง พวกเจ้าจะเสียใจกับการนั้น และไร้ความสามารถที่จะชดใช้ได้ นั่นจะประกอบขึ้นเป็นการฝ่าฝืน และในท้ายที่สุดแล้ว ในหัวใจของพวกเจ้า จะมีความรู้สึกผิดความเป็นหนี้ และการกล่าวหาอยู่เสมอ เส้นทางไหนจากเส้นทางสองเส้นนี้ที่ดีที่สุด? เส้นทางไหนคือเส้นทางที่ถูกต้อง? การปฏิบัติหน้าที่ของพวกเจ้าด้วยหัวใจและพละกำลังทั้งหมดของพวกเจ้า และการตระเตรียมและการสะสมความประพฤติดีงาม โดยไม่มีการเสียใจใดๆ จงอย่ายอมให้การฝ่าฝืนสะสมเพิ่มพูน เสียใจกับสิ่งเหล่านั้น และตกเป็นหนี้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งได้กระทำการฝ่าฝืนมากเกินไป? พวกเขากำลังทำให้พระโมหะที่พระเจ้าทรงมีต่อพวกเขาเพิ่มพูนขึ้นในการทรงสถิตของพระองค์! หากเจ้าฝ่าฝืนตลอดไป และพระพิโรธที่พระเจ้าทรงมีต่อเจ้าใหญ่หลวงยิ่งขึ้นทุกที เช่นนั้นแล้ว ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะถูกลงโทษ

ตัดตอนมาจาก “วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการสะเพร่าและการสุกเอาเผากินเมื่อปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

ติดต่อเราผ่าน Messenger