เมื่อไม่นานมานี้ หลังการอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปบ้างและรับฟังการสามัคคีธรรมและคำพยานของพี่น้องชายหญิงของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันรู้สึกว่าได้รับความเจริญในจิตวิญญาณของฉันและได้รับการจัดเตรียมให้อย่างมากมาย ตอนนี้ ฉันเข้าใจขึ้นมากมายกว่าที่ฉันเคยเข้าใจในช่วงระหว่างหลายปีที่ฉันใช้ไปในการนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ต้องเป็นการทรงกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า แต่เนื่องจากศิษยาภิบาลของฉันได้พบว่า ฉันได้มองเข้าไปในพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ตลอดมา เขาจึงได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ตลอดมาเพื่อที่จะหยุดฉัน เขาก่อกวนฉันทุกวันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาได้ขอให้ครอบครัวของฉันคอยจับตามองฉัน และไม่ปล่อยให้ฉันได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หรือรับฟังการเทศนาของคริสตจักร ฉันรู้สึกเจ็บปวดอยู่ข้างในจริงๆ ฉันควรได้รับประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้อย่างไร?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง
“วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์เพราะพวกเจ้าเองไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ไม่ยอม” (มัทธิว 23:13)
“วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าไปทั่วทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อจะได้สักคนหนึ่งเข้าจารีต แต่เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาตกนรกยิ่งกว่าพวกเจ้าเองถึงสองเท่า” (มัทธิว 23:15)
พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง
มีบรรดาผู้ที่อ่านพระคัมภีร์ในคริสตจักรอันอลังการและสวดท่องพระคัมภีร์ตลอดทั้งวัน แต่กระนั้นก็ไม่มีใครสักคนท่ามกลางพวกเขาที่เข้าใจจุดประสงค์ของพระราชกิจของพระเจ้า ไม่มีใครสักคนท่ามกลางพวกเขาที่สามารถรู้จักพระเจ้า นับประสาอะไรที่คนหนึ่งคนใดท่ามกลางพวกเขาจะสามารถปฏิบัติโดยสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า พวกเขาทั้งหมดเป็นคนถ่อยไร้ค่า และแต่ละคนยืนค้ำหัวสั่งสอนพระเจ้า พวกเขาตั้งใจต่อต้านพระเจ้าแม้ขณะที่พวกเขาถือธงประจำของพระองค์ พวกเขาอ้างความเชื่อในพระเจ้า แต่ยังคงกินเนื้อหนังและดื่มโลหิตของมนุษย์ ผู้คนเช่นนั้นทั้งหมดคือเหล่ามารที่กลืนกินดวงจิตของมนุษย์ เหล่าปีศาจผู้เป็นหัวหน้าที่จงใจขวางทางผู้ที่พยายามก้าวลงบนเส้นทางที่ถูกต้อง และคือเครื่องสะดุดทั้งหลายที่คอยขัดแข้งขัดขาผู้ที่แสวงหาพระเจ้า พวกเขาอาจดูมี “องค์ประกอบอันเพียบพร้อม” แต่ผู้ติดตามของพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า คนเหล่านั้นมิใช่สิ่งอื่นใดนอกเสียจากศัตรูของพระคริสต์ที่นำผู้คนให้ยืนต้านพระเจ้า? ผู้ติดตามของพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า พวกเขาคือมารที่มีชีวิตซึ่งทุ่มเทอุทิศเพื่อการกลืนกินดวงจิตของมนุษย์? พวกที่ยกย่องตนเองสูงส่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าคือผู้ต่ำศักดิ์ที่สุดในหมู่มนุษย์ ในขณะที่ผู้ที่ถ่อมใจตนเองคือผู้ที่ได้รับเกียรติที่สุด และพวกที่คิดว่าตนรู้จักพระราชกิจของพระเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น สามารถกล่าวประกาศพระราชกิจของพระเจ้าต่อผู้อื่นอย่างเอิกเกริกเกรียวกราวแม้ในขณะที่พวกเขามองตรงมายังพระองค์—พวกนี้คือผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่สุดในหมู่มนุษย์ ผู้คนเช่นนั้นปราศจากคำพยานของพระเจ้า โอหัง และเต็มไปด้วยความทะนงตน บรรดาผู้ที่เชื่อว่าพวกเขามีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าน้อยเกินไป ทั้งที่มีประสบการณ์จริงและมีความรู้ที่สัมพันธ์กับสถานการณ์จริงเกี่ยวกับพระองค์นั้น คือผู้ที่พระองค์ทรงรักอย่างที่สุด มีเพียงผู้คนเช่นนั้นเท่านั้นที่มีคำพยานอย่างแท้จริง และสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระองค์ได้อย่างแท้จริง
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ผู้คนทั้งหมดที่ไม่รู้จักพระเจ้าคือผู้คนที่ต่อต้านพระเจ้า
พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้ต้นตอว่าทำไมพวกฟาริสีจึงต่อต้านพระเยซูหรือไม่? พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้ธาตุแท้ของพวกฟาริสีหรือไม่? พวกเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาเชื่อเพียงว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา ทว่าไม่ได้ไล่ตามเสาะหาชีวิตความจริง และดังนั้น แม้กระทั่งวันนี้พวกเขาก็ยังคงรอคอยพระเมสสิยาห์ เพราะพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับหนทางแห่งชีวิต และไม่รู้ว่าหนทางแห่งความจริงคืออะไร พวกเจ้าพูดว่า ผู้คนที่โง่เขลา ดื้อรั้น และไม่รู้เท่าทันเช่นนั้นได้รับพรของพระเจ้าได้อย่างไร? พวกเขาจะสามารถมองเห็นพระเมสสิยาห์ได้อย่างไร? พวกเขาต่อต้านพระเยซูเพราะพวกเขาไม่รู้ทิศทางของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาไม่รู้หนทางแห่งความจริงที่พระเยซูตรัส และยิ่งไปกว่านั้น เพราะพวกเขาไม่เข้าใจพระเมสสิยาห์ และเนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเห็นพระเมสสิยาห์และไม่เคยได้ร่วมเคียงกับพระเมสสิยาห์ พวกเขาทำผิดพลาดที่ยึดติดกับเพียงแค่พระนามของพระเมสสิยาห์ ในขณะที่ต่อต้านเนื้อแท้ของพระเมสสิยาห์ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ โดยธาตุแท้แล้ว พวกฟาริสีเหล่านี้ดื้อรั้น โอหัง และไม่เชื่อฟังความจริง หลักการของความเชื่อที่พวกเขามีในพระเจ้าคือ ไม่สำคัญว่าการประกาศของพระองค์จะลุ่มลึกเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าสิทธิอำนาจของพระองค์จะสูงส่งเพียงใดก็ตาม พระองค์ไม่ทรงใช่พระคริสต์หากพระองค์ไม่ได้รับการขนานพระนามว่าพระเมสสิยาห์ การเชื่อนี้ไม่ได้โง่เขลาและไร้สาระน่าขันหรอกหรือ? เราถามพวกเจ้าต่อไปอีกว่า ด้วยความที่พวกเจ้าไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระเยซูเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าจะไม่ทำผิดพลาดอย่างพวกฟาริสีในช่วงยุคเริ่มแรกได้อย่างง่ายดายสุดขีดหรอกหรือ? เจ้ามีความสามารถที่จะหยั่งรู้หนทางแห่งความจริงได้หรือไม่? เจ้ามีความสามารถที่จะรับประกันได้อย่างแท้จริงหรือไม่ว่าเจ้าจะไม่ต่อต้านพระคริสต์? เจ้ามีความสามารถที่จะติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้หรือไม่? หากเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าจะต่อต้านพระคริสต์หรือไม่ เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่าเจ้าก็กำลังใช้ชีวิตหมิ่นเหม่ใกล้ความตายแล้ว ผู้ที่ไม่รู้จักพระเมสสิยาห์ต่างสามารถที่จะต่อต้านพระเยซู ปฏิเสธพระเยซู ใส่ร้ายป้ายสีพระองค์ ผู้คนที่ไม่เข้าใจพระเยซูล้วนสามารถที่จะปฏิเสธพระองค์และประณามพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสามารถมองเห็นการทรงกลับมาของพระเยซูว่าเป็นการหลอกลวงของซาตาน และผู้คนเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นจะพากันกล่าวโทษพระเยซูผู้ที่ได้ทรงกลับสู่เนื้อหนัง ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกกลัวหรือ? พวกเจ้าจะเผชิญกับการหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความย่อยยับของพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งมีต่อคริสตจักรทั้งหลาย และการบอกปัดทุกสิ่งที่พระเยซูทรงแสดงออก เจ้าจะสามารถได้รับสิ่งใดจากพระเยซูหรือ หากพวกเจ้ามึนงงสับสนถึงเพียงนี้? พวกเจ้าจะสามารถเข้าใจพระราชกิจของพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงกลับมาสู่เนื้อหนังบนเมฆขาวได้อย่างไร หากพวกเจ้าปฏิเสธอย่างหัวดื้อไม่ยอมที่จะตระหนักถึงความผิดพลาดของพวกเจ้า? เราขอบอกพวกเจ้าถึงสิ่งนี้ว่า ผู้คนที่ไม่ได้รับความจริง แต่ยังรอการเสด็จมาถึงของพระเยซูบนเมฆขาวอย่างหูหนวกตาบอด จะหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และพวกเขาคือหมวดหมู่ที่จะถูกทำลาย พวกเจ้าเพียงปรารถนาพระคุณของพระเยซู และเพียงต้องการชื่นชมอาณาจักรอันผาสุกแห่งสวรรค์ ทว่าพวกเจ้าไม่เคยเชื่อฟังพระวจนะที่พระเยซูตรัส และไม่เคยได้รับความจริงที่พระเยซูทรงแสดงเมื่อพระองค์ทรงกลับมาสู่เนื้อหนัง พวกเจ้าจะยกสิ่งใดขึ้นมาแลกกับข้อเท็จจริงที่ว่าพระเยซูทรงกลับมาบนเมฆขาว? สิ่งนั้นก็คือความจริงใจที่พวกเจ้าทำบาปซ้ำๆ แล้วก็พูดคำสารภาพบาปของพวกเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ในนั้นใช่หรือไม่? พวกเจ้าจะถวายสิ่งใดเพื่อพลีอุทิศให้แก่พระเยซูผู้ทรงกลับมาบนเมฆขาว? สิ่งนั้นก็คือช่วงเวลางานหลายปีที่พวกเจ้าใช้ยกย่องตัวเองใช่หรือไม่? พวกเจ้าจะยกสิ่งใดขึ้นมาทำให้พระเยซูผู้ทรงกลับมาไว้เนื้อเชื่อใจพวกเจ้า? สิ่งนั้นคือธรรมชาติอันโอหังของพวกเจ้าที่ไม่เชื่อฟังความจริงใดเลยใช่หรือไม่?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ในเวลาที่เจ้าได้เห็นกายจิตวิญญาณของพระเยซู พระเจ้าจะได้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดินโลกขึ้นใหม่แล้ว
ในทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำภายในผู้คนนั้น ภายนอกแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายระหว่างผู้คน ราวกับว่ากำเนิดมาจากการจัดการเตรียมการของมนุษย์หรือจากการแทรกแซงของมนุษย์ แต่หลังฉากนั้น ทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเดิมพันที่ซาตานได้วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพึงต้องให้ผู้คนตั้งมั่นในคำพยานของพวกเขาต่อพระเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่าง จงดูเมื่อโยบถูกทดสอบ กล่าวคือ หลังฉากนั้น ซาตานกำลังวางเดิมพันกับพระเจ้า และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโยบนั้นคือความประพฤติของพวกมนุษย์และการแทรกแซงของพวกมนุษย์ เบื้องหลังทุกๆ ขั้นตอนของพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในตัวพวกเจ้าคือเดิมพันของซาตานกับพระเจ้า—เบื้องหลังมันทั้งหมดคือการสู้รบ…เมื่อพระเจ้าและซาตานทำการสู้รบในอาณาจักรฝ่ายจิตวิญญาณ เจ้าควรทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยอย่างไร และเจ้าควรตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์อย่างไร? เจ้าควรรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่และเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงจำเป็นต้องให้เจ้าเป็นคำพยาน แม้สิ่งเหล่านั้นอาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญจากภายนอก แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพวกมันแสดงให้เห็นว่าเจ้ารักพระเจ้าหรือไม่ หากเจ้ารัก เจ้าจะสามารถตั้งมั่นในคำพยานของเจ้าต่อพระองค์ได้ และหากเจ้าไม่ได้นำการรักพระองค์ไปปฏิบัติ นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่ใช่ใครบางคนที่นำความจริงไปปฏิบัติ แสดงให้เห็นว่าเจ้าปราศจากความจริง และปราศจากชีวิต แสดงให้เห็นว่าเจ้าคือแกลบ!
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรักพระเจ้าเท่านั้นคือการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง
หากหลายสิ่งเกิดขึ้นแก่เจ้าโดยไม่คาดฝันซึ่งไม่อยู่ในแนวเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้า แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังมีความสามารถที่จะวางพวกมันลงและได้รับความรู้เกี่ยวกับการกระทำของพระเจ้าจากสิ่งเหล่านี้ และหากเจ้าเปิดเผยหัวใจแห่งความรักสำหรับพระเจ้าของเจ้าท่ามกลางกระบวนการถลุง เช่นนั้นแล้วนี่ก็คือการยืนหยัดเป็นพยาน หากบ้านของเจ้าเปี่ยมสันติสุข เจ้าชื่นชมสิ่งชูใจทั้งหลายของเนื้อหนัง ไม่มีผู้ใดกำลังข่มเหงเจ้า และพี่น้องชายหญิงของเจ้าในคริสตจักรเชื่อฟังเจ้า เจ้าจะสามารถแสดงหัวใจแห่งความรักพระเจ้าของเจ้าได้หรือไม่? สถานการณ์นี้สามารถถลุงเจ้าได้ไหม? โดยผ่านทางกระบวนการถลุงเท่านั้นนั่นเองความรักพระเจ้าของเจ้าจึงสามารถถูกแสดงให้เห็นได้ และโดยผ่านทางสิ่งทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งไม่อยู่ในแนวเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเท่านั้นนั่นเอง เจ้าจึงสามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมได้ ด้วยการปรนนิบัติในสิ่งที่ตรงกันข้ามและเป็นลบมากมาย และโดยการนำการสำแดงทุกจำพวกของซาตานมาใช้—การกระทำของมัน การกล่าวหาของมัน การรบกวนและการหลอกลวงของมัน—พระเจ้าทรงแสดงให้เจ้าเห็นใบหน้าอันน่าขยะแขยงของซาตานอย่างชัดเจน และด้วยประการนั้น ทำให้ความสามารถของเจ้าในการแยกแยะซาตานนั้นมีความเพียบพร้อม เพื่อที่เจ้าอาจเกลียดชังซาตานและละทิ้งมัน
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมต้องก้าวผ่านกระบวนการถลุง
เจ้าไม่ควรกลัวสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่สำคัญว่าเจ้าอาจเผชิญความยากลำบากและภยันตรายมากเพียงใด เจ้าสามารถจะยังคงมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราได้ โดยไร้อุปสรรคใดๆ กีดขวาง เพื่อที่เจตจำนงของเราจะได้รับการดำเนินการโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น นี่คือหน้าที่ของเจ้า หาไม่แล้ว เราจะนำความโกรธเคืองของเรามาสู่เจ้า และเราจะนำมาด้วยมือของเรา แล้วเจ้าจะทนทรมานกับความทุกข์ใจอันไม่สิ้นสุด เจ้าต้องทนฝ่าสิ่งทั้งสิ้นเพื่อเรา เจ้าต้องพร้อมที่จะละทิ้งทุกสิ่งที่เจ้าครอบครอง และทำทุกอย่างที่เจ้าทำได้เพื่อติดตามเรา และพร้อมที่จะสละให้ทั้งหมด บัดนี้เป็นเวลาที่เราจะทดสอบเจ้า เจ้าจะมอบความรักภักดีแก่เราหรือไม่? เจ้าสามารถติดตามเราอย่างรักภักดีไปจนสุดทางได้หรือไม่? จงอย่ากลัวเลย ด้วยการสนับสนุนของเรา ใครเล่าจะสามารถขวางกั้นถนนสายนี้ได้? จงจำการนี้ไว้! จงอย่าลืม! ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมาจากเจตนารมณ์ที่ดีของเราทั้งสิ้น และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ภายในการเฝ้าสังเกตของเราทั้งสิ้น เจ้าสามารถทำตามคำพูดของเราในทุกๆ สิ่งที่เจ้าพูดและทำได้หรือไม่? เมื่อการทดสอบด้วยไฟมาถึงเจ้า เจ้าจะคุกเข่าลงและร้องเรียกให้ช่วยหรือไม่? หรือว่าเจ้าจะขลาดกลัว ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้?
เจ้าต้องมีความกล้าหาญของเราภายในตัวเจ้า และเจ้าต้องมีหลักการยามที่เจ้าเผชิญหน้ากับบรรดาญาติที่ไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่เรา เจ้าต้องไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืดใดๆ เช่นกัน จงวางใจในสติปัญญาของเราที่จะเดินไปตามหนทางที่เพียบพร้อม จงอย่ายอมให้แผนประทุษกรรมใดๆ ของซาตานเริ่มมีผล จงใช้ความพยายามทั้งหมดของเจ้าไปในการวางหัวใจของเจ้าต่อหน้าเรา และเราจะปลอบประโลมเจ้า และนำสันติสุขและความสุขมาให้เจ้า จงอย่ากระเสือกกระสนเพื่อจะเป็นหนทางใดหนทางหนึ่งเบื้องหน้าคนอื่น การทำให้เราพึงพอใจไม่มีคุณค่าและน้ำหนักมากกว่าหรอกหรือ? ในการทำให้เราพึงพอใจนั้น เจ้าจะไม่เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นด้วยสันติสุขและความสุขนิรันดร์และตราบชั่วชีวิตหรอกหรือ? ความทุกข์ในปัจจุบันของเจ้าบ่งชี้แต่เพียงว่าพรในอนาคตของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใดเท่านั้น เป็นพรอันสุดจะพรรณนาได้ เจ้าไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพรที่เจ้าจะได้รับ เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงมัน ทุกวันนี้ มันกลายเป็นจริงแล้ว จริงมากยิ่งนัก! นี่อยู่ไม่ไกลเกินไป—เจ้ามองเห็นมันหรือไม่? ทุกๆ เศษเสี้ยวสุดท้ายของการนี้อยู่ภายในเรา ถนนข้างหน้าช่างสว่างไสวเต็มที! จงเช็ดหยาดน้ำตาของเจ้า และจงอย่ารู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือความเศร้าอีก ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกจัดการเตรียมการโดยมือของเรา และเป้าหมายของเราคือการทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ชนะในไม่ช้า และการนำพวกเจ้าไปสู่สง่าราศีเคียงข้างกับเรา สำหรับทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจ้านั้น เจ้าควรสำนึกในบุญคุณและเต็มไปด้วยคำสรรเสริญอย่างสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทำให้เราพึงพอใจอย่างลึกล้ำ
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 10
ในฐานะที่เป็นสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง ผู้คนควรทำหน้าที่ที่พวกเขาควรที่จะทำให้ลุล่วง และยืนหยัดเป็นพยานให้พระเจ้าท่ามกลางกระบวนการถลุง ในทุกการทดสอบ พวกเขาควรค้ำชูพยานที่พวกเขาควรเป็น และทำเช่นนั้นอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อพระเจ้า บุคคลที่ทำการนี้คือผู้มีชัย ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงถลุงเจ้าอย่างไร เจ้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่เคยสูญเสียความมั่นใจในพระองค์ เจ้าทำสิ่งที่มนุษย์ควรทำ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์จากมนุษย์ และหัวใจของมนุษย์ควรจะสามารถกลับคืนสู่พระองค์ได้อย่างเต็มที่ และหันเข้าหาพระองค์ในทุกขณะที่ผ่านไป นี่คือผู้มีชัย บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงอ้างถึงว่าเป็น “ผู้มีชัย” คือบรรดาผู้ที่ยังคงสามารถยืนหยัดเป็นพยาน และคงไว้ซึ่งความมั่นใจและการอุทิศตนของพวกเขาต่อพระเจ้าเมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของซาตานและในขณะที่ถูกล้อมโดยซาตาน นั่นคือ เมื่อพวกเขาพบว่าตนเองอยู่ท่ามกลางกำลังบังคับแห่งความมืด หากเจ้ายังคงสามารถรักษาหัวใจให้บริสุทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และคงไว้ซึ่งความรักที่จริงแท้ของเจ้าต่อพระเจ้าไม่ว่าจะเกิดสิ่งใด เช่นนั้นแล้วเจ้าก็กำลังยืนหยัดเป็นพยานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และนี่คือสิ่งที่พระเจ้าอ้างอิงว่าเป็นดัง “ผู้มีชัย” หากการไล่ตามเสาะหาของเจ้านั้นเป็นไปอย่างยอดเยี่ยมเมื่อพระเจ้าประทานพระพรแก่เจ้า แต่เจ้าล่าถอยเมื่อปราศจากพระพรของพระองค์ นี่คือความบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? ในเมื่อเจ้าแน่ใจว่าหนทางนี้แท้จริง เจ้าต้องติดตามไปจนกว่าจะถึงปลายทาง เจ้าต้องคงไว้ซึ่งการอุทิศตนของเจ้าต่อพระเจ้า ในเมื่อเจ้าได้เห็นว่าพระเจ้าพระองค์เองได้เสด็จมาสู่แผ่นดินโลกเพื่อทำให้เจ้าเพียบพร้อม เจ้าก็ควรมอบหัวใจของเจ้าทั้งหมดทั้งสิ้นแด่พระองค์ หากเจ้ายังคงสามารถติดตามพระองค์ได้ไม่ว่าพระองค์ทรงทำสิ่งใด แม้ว่าพระองค์ทรงกำหนดพิจารณาบทอวสานที่ไม่น่าพอใจสำหรับเจ้าในท้ายที่สุด นี่ก็เป็นการคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรธำรงไว้ซึ่งการอุทิศตนของเจ้าแด่พระเจ้า
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ