ฉันรับรู้ว่า พระวจนะที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงนั้นเป็นความจริง แต่ครอบครัวของฉันได้หลงคารมคำโกหกและเหตุผลวิบัติทั้งหลายที่แพร่กระจายโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนและชุมชนศาสนา พวกเขาทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ เพื่อให้ฉันหยุดเจาะลึกพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันไม่ต้องการบาดหมางกับครอบครัวของฉันเพราะการเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของฉัน แต่ฉันก็ไม่ต้องการเลิกล้มการเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของฉัน และสูญเสียโอกาสตรงความรอดของพระเจ้าเช่นกัน อะไรคือสิ่งถูกต้องที่ฉันควรทำ?

วันที่ 18 เดือน 03 ปี 2021

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“ใครที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา ก็ไม่มีค่าควรกับเรา และใครที่รักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา” (มัทธิว 10:37-38)

“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย” (มัทธิว 5:10)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

หากเราจะวางเงินจำนวนหนึ่งตรงหน้าพวกเจ้าตอนนี้ และให้พวกเจ้ามีอิสระในการเลือก—และหากเราไม่กล่าวโทษพวกเจ้าเนื่องจากตัวเลือกของพวกเจ้า—เมื่อนั้น พวกเจ้าส่วนใหญ่คงจะเลือกเงินและละทิ้งความจริง คนที่ดีกว่าในหมู่พวกเจ้าคงจะยอมละทิ้งเงินและเลือกความจริงอย่างลังเล ในขณะที่ผู้ที่อยู่ระหว่างกลางคงจะหยิบฉวยเงินไว้ในมือข้างหนึ่งและความจริงไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว ธาตุแท้ของพวกเจ้าจะไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดหรอกหรือ? เมื่อต้องเลือกระหว่างความจริงและสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าจงรักภักดี พวกเจ้าจะเลือกตัวเลือกนี้กันทุกคน และทัศนคติของพวกเจ้าก็จะยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ? มีผู้คนไม่มากนักในหมู่พวกเจ้าที่ได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างถูกและผิดมิใช่หรือ? ในการแข่งกันระหว่างด้านบวกกับด้านลบ ดำและขาว พวกเจ้าตระหนักรู้อย่างแน่นอนถึงตัวเลือกที่พวกเจ้าได้เลือกระหว่างครอบครัวกับพระเจ้า ลูกๆ กับพระเจ้า สันติสุขกับการแตกแยก ความร่ำรวยกับความยากจน สถานภาพกับความธรรมดาสามัญ การได้รับการสนับสนุนกับการถูกทิ้งขว้าง เป็นต้น ระหว่างครอบครัวที่สงบสุขกับครอบครัวที่แตกแยก พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก และเลือกเช่นนั้นโดยไม่ลังเล ระหว่างความร่ำรวยและหน้าที่ พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรกอีกครั้ง และยิ่งขาดความตั้งใจที่จะกลับเข้าฝั่ง[ก] ระหว่างความหรูหราฟุ่มเฟือยกับความยากจน พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก เมื่อต้องเลือกระหว่างบุตรชาย บุตรสาว ภรรยาและสามีของพวกเจ้า กับเรา พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรก และระหว่างมโนคติอันหลงผิดกับความจริง พวกเจ้าได้เลือกอย่างแรกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้เผชิญกับการกระทำอันชั่วร้ายทั้งหลายในทุกรูปแบบของพวกเจ้า เราก็เพียงหมดความเชื่อในตัวพวกเจ้าแล้วเท่านั้น เราเพียงประหลาดใจเท่านั้นที่หัวใจของพวกเจ้าต้านทานการทำให้อ่อนลงยิ่งนัก ชัดเจนแล้วว่าหลายปีแห่งการมอบอุทิศและความพยายามนั้นไม่ได้นำพาอะไรมาให้เรามากไปกว่าการทอดทิ้งและความสิ้นหวังของพวกเจ้า แต่ความหวังของเราที่มีต่อพวกเจ้าเติบโตไปพร้อมกับแต่ละวันที่ผ่านไป เนื่องจากวันของเราได้ถูกแผ่วางต่อหน้าทุกคนอย่างสมบูรณ์แล้ว กระนั้น พวกเจ้าก็ยังยืนกรานที่จะแสวงหาสิ่งที่มืดมนและชั่วร้ายทั้งหลาย และปฏิเสธที่จะคลายมือของเจ้าที่ยึดจับสิ่งเหล่านั้นไว้ เช่นนั้นแล้ว บทอวสานของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร? พวกเจ้าเคยให้การคิดคำนึงถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบหรือไม่? หากพวกเจ้าถูกขอให้เลือกอีกครั้ง แล้วจุดยืนของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร? มันจะยังคงเป็นอย่างแรกอยู่อีกหรือไม่? พวกเจ้ายังจะนำความผิดหวังและความโศกเศร้าที่น่าเวทนามาสู่เราอยู่หรือไม่? หัวใจของพวกเจ้ายังจะมีความอบอุ่นอันน้อยนิดเพียงอย่างเดียวอยู่หรือไม่? พวกเจ้ายังจะไม่ตระหนักรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อชูใจเราอยู่หรือไม่?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าจงรักภักดีต่อใคร?

บางทีเจ้าคงจะพูดว่าหากเจ้าไม่มีความเชื่อ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คงจะไม่ได้ทนทุกข์กับการตีสอนแบบนี้หรือการพิพากษาแบบนี้ แต่เจ้าควรรู้ว่าหากปราศจากความเชื่อ เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่สามารถได้รับการตีสอนแบบนี้หรือการเอาใจใส่แบบนี้จากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เท่านั้น แต่เจ้าจะยังสูญเสียโอกาสที่จะได้พบกับพระผู้สร้างไปตลอดกาลด้วย เจ้าจะไม่มีวันรู้จักต้นกำเนิดของมวลมนุษย์ และไม่มีวันได้จับใจความนัยสำคัญของชีวิตมนุษย์ได้ ถึงแม้ว่าร่างกายของเจ้าตายไปและดวงจิตของเจ้าจากไป เจ้าก็จะยังคงไม่เข้าใจกิจการทั้งหมดของพระผู้สร้าง นับประสาอะไรที่เจ้าจะรู้ว่าพระผู้สร้างทรงปฏิบัติพระราชกิจอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นบนแผ่นดินโลกหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างมวลมนุษย์ขึ้น ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของมวลมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นนี้ เจ้าเต็มใจที่จะตกลงไปในความมืดอย่างไม่รู้เท่าทันในลักษณะนี้ และทนทุกข์กับการลงโทษชั่วนิรันดร์หรือไม่? หากเจ้าแยกตัวเจ้าเองออกจากการตีสอนและการพิพากษาของวันนี้ สิ่งที่เจ้าจะได้พบคืออะไร? เจ้าคิดหรือว่าทันทีที่แยกจากการพิพากษาของปัจจุบันนี้แล้ว เจ้าจะมีความสามารถที่จะหลีกหนีจากชีวิตที่ลำบากยากเย็นนี้ได้? เป็นเรื่องไม่จริงหรือที่หากเจ้าออกจาก “สถานที่นี้” สิ่งที่เจ้าจะได้เผชิญคือความทรมานที่เจ็บปวดหรือการข่มเหงอย่างโหดร้ายจากมาร? เจ้าอาจเผชิญกับวันและคืนที่ไม่อาจทานทนได้หรือไม่? เจ้าคิดหรือว่าแค่เพราะเจ้าหลีกหนีจากการพิพากษานี้ในวันนี้ เจ้าจะสามารถเลี่ยงหนีจากการทรมานในอนาคตนั้นได้ตลอดไป? อะไรจะเกิดกับเจ้า? สิ่งที่เจ้าหวังไว้จะสามารถเป็นแชงกรีล่าได้จริงๆ หรือ? เจ้าคิดหรือว่าเจ้าสามารถหลีกหนีจากการตีสอนชั่วนิรันดร์ในอนาคตได้ด้วยเพียงการวิ่งหนีจากความเป็นจริงเหมือนอย่างที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้? หลังจากวันนี้ เจ้าจะมีวันที่จะมีความสามารถพบเจอโอกาสเหมาะแบบนี้และพระพรแบบนี้ได้อีกหรือไม่? เจ้าจะมีความสามารถค้นพบสิ่งเหล่านั้นเมื่อความวิบัติบังเกิดแก่เจ้าได้หรือ? เจ้าจะมีความสามารถพบเจอสิ่งเหล่านั้นเมื่อมวลมนุษย์ทั้งปวงเข้าสู่การหยุดพักได้หรือ? ชีวิตที่มีความสุขของเจ้าในปัจจุบันและครอบครัวเล็กๆ ที่ปรองดองของเจ้า—สิ่งเหล่านั้นสามารถแทนที่บั้นปลายชั่วนิรันดร์ในอนาคตของเจ้าได้หรือ? หากเจ้ามีความเชื่อที่แท้จริง และหากเจ้าได้รับมามากมายเพราะความเชื่อของเจ้า เช่นนั้นแล้วทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เจ้า—สิ่งมีชีวิตทรงสร้าง—ควรได้รับ และยังเป็นสิ่งที่เจ้าควรมีตั้งแต่เริ่มต้นด้วย ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์กับความเชื่อและชีวิตของเจ้ามากไปกว่าการพิชิตชัยเช่นนั้น

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความจริงภายในเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการพิชิตชัย (1)

เจ้าต้องทนทุกข์กับความยากลำบากเพื่อความจริง เจ้าต้องมอบตัวเจ้าให้กับความจริง เจ้าต้องสู้ทนการดูหมิ่นเหยียดหยามเพื่อความจริง และเจ้าต้องก้าวผ่านความทุกข์มากขึ้นเพื่อที่จะได้รับความจริงมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เจ้าควรทำ เจ้าต้องไม่โยนความจริงทิ้งไปเพื่อเห็นแก่ชีวิตครอบครัวอันสงบสุข และเจ้าจะต้องไม่สูญสิ้นศักดิ์ศรีและความซื่อสัตย์สุจริตของชีวิตเพื่อเห็นแก่ความชื่นชมยินดีชั่วครู่ชั่วยาม เจ้าควรไล่ตามเสาะหาทั้งหมดที่ดีงามและงดงาม และเจ้าควรไล่ตามเสาะหาเส้นทางในชีวิตที่เปี่ยมความหมายมากขึ้น หากเจ้าดำเนินชีวิตที่ช่างหยาบช้าสามานย์เช่นนั้น และไม่เสาะหาวัตถุประสงค์ใดๆ เจ้าไม่ได้ทิ้งชีวิตไปอย่างสูญเปล่าหรอกหรือ? เจ้าสามารถได้รับอะไรบ้างจากชีวิตเช่นนั้น? เจ้าควรละทิ้งความชื่นชมยินดีทั้งหมดของเนื้อหนังเพื่อเห็นแก่ความจริงหนึ่งประการ และไม่ควรโยนความจริงทั้งหมดทิ้งไปเพื่อเห็นแก่ความชื่นชมยินดีเพียงเล็กน้อย ผู้คนเช่นนี้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตหรือศักดิ์ศรีเลย การดำรงอยู่ของพวกเขาช่างปราศจากความหมาย!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

ในพระวจนะของพระเจ้า หลักธรรมใดหรือที่ถูกพาดพิงถึง เมื่อคำนึงถึงวิธีที่ผู้คนควรปฏิบัติต่อกันและกัน? จงรักสิ่งที่พระเจ้าทรงรัก และเกลียดชังสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง นั่นคือ ผู้คนที่พระเจ้าทรงรัก ผู้ซึ่งไล่ตามเสาะหาความจริงและปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริงนั้น คือบรรดาผู้ที่เจ้าควรรักจริงๆ พวกที่ไม่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ผู้ที่เกลียดชังพระเจ้า ผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระองค์ และผู้ที่พระองค์ทรงเกลียดชังคือพวกที่พวกเราควรดูหมิ่นและปฏิเสธด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่พระวจนะของพระเจ้าพึงประสงค์ หากบิดามารดาของเจ้าไม่เชื่อในพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพวกเขาย่อมเกลียดชังพระองค์ และหากพวกเขาเกลียดชังพระองค์ เช่นนั้นแล้วแน่นอนว่าพระเจ้าย่อมทรงเกลียดพวกเขา ดังนั้น หากเจ้าถูกบอกให้เกลียดชังบิดามารดาของเจ้า เจ้าจะสามารถทำสิ่งนั้นได้หรือไม่? หากพวกเขาต้านทานพระเจ้าและด่าว่าพระองค์ เช่นนั้นแล้วแน่นอนว่าพวกเขาย่อมเป็นผู้คนที่พระเจ้าทรงเกลียดชังและทรงสาปแช่ง ภายใต้รูปการณ์แวดล้อมเช่นนั้น เจ้าควรปฏิบัติกับบิดามารดาของพวกเจ้าอย่างไร หากพวกเขาเป็นอุปสรรคต่อการที่เจ้าเชื่อในพระเจ้า หรือหากพวกเขาไม่เป็น อย่างใดอย่างหนึ่ง? ในช่วงระหว่างยุคพระคุณ องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ใครเป็นมารดาของเรา? ใครเป็นพี่น้องของเรา?…เพราะว่าใครก็ตามที่ทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” คติพจน์นี้มีอยู่แล้วย้อนหลังไปในยุคพระคุณ และบัดนี้ พระวจนะของพระเจ้าก็ยิ่งเหมาะสมมากขึ้นไปอีก กล่าวคือ “จงรักสิ่งที่พระเจ้าทรงรัก และเกลียดชังสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง” พระวจนะเหล่านี้ตัดตรงเข้าจุด ทว่าบ่อยครั้งที่ผู้คนไร้ความสามารถที่จะซึ้งคุณค่าในความหมายที่แท้จริงของพระวจนะเหล่านั้น

ตัดตอนมาจาก “เจ้าจะสามารถรู้จักตัวเองได้ด้วยการตระหนักรู้ทรรศนะที่หลงผิดของเจ้าเท่านั้น” ใน บันทึกการบรรยายของพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย

การแยกความรักและความเกลียดชังของโยบ

อีกด้านหนึ่งของสภาวะความเป็นมนุษย์ของโยบถูกแสดงอยู่ในการโต้ตอบระหว่างเขากับภรรยาของเขานี้ ความว่า “แล้วภรรยาท่านกล่าวกับท่านว่า ‘เธอยังจะยึดมั่นในความซื่อสัตย์อยู่อีกหรือ? จงแช่งพระเจ้าและตายเสียเถอะ’ แต่ท่านตอบนางว่า ‘เธอพูดอย่างหญิงโง่เขลาจะพึงพูด เราจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ?’” (โยบ 2:9-10) เมื่อได้เห็นความทรมานที่เขากำลังทนทุกข์อยู่นั้น ภรรยาของโยบพยายามให้คำแนะนำแก่โยบเพื่อช่วยเขาให้รอดพ้นจากความทรมาน แต่ทว่า “เจตนาดี” ของนางไม่ได้รับความเห็นชอบจากโยบ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เจตนาเหล่านั้นยังได้กระตุ้นความโกรธของเขา เพราะนางได้ปฏิเสธความเชื่อและการเชื่อฟังของเขาที่มีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้า และยังได้ปฏิเสธการมีอยู่ของพระยาห์เวห์พระเจ้าอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจทนยอมรับได้สำหรับโยบ เพราะเขาไม่เคยยอมให้ตัวเองทำสิ่งใดที่ต่อต้านหรือเป็นอันตรายต่อพระเจ้า ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ เขาสามารถไม่แยแสอยู่ได้อย่างไรเมื่อเขามองเห็นคนอื่นๆ กล่าวคำพูดที่หมิ่นประมาทและดูแคลนพระเจ้า? ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เรียกภรรยาของเขาว่า “หญิงโง่เขลา” ท่าทีของโยบที่มีต่อภรรยาของเขาเป็นท่าทีของความโกรธและเกลียดชัง ตลอดจนการตำหนิและการติเตียน นี่คือการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติจากสภาวะความเป็นมนุษย์ของโยบ—โดยแยกแยะความแตกต่างระหว่างความรักและความเกลียดชัง—และมันเป็นตัวแทนที่แท้จริงของสภาวะความเป็นมนุษย์ที่เที่ยงธรรมของเขา โยบครอบครองสำนึกรับรู้แห่งความยุติธรรม—สำนึกรับรู้ที่ทำให้เขาเกลียดชังสายลมและสายน้ำแห่งความชั่ว และเกลียด ประณาม และปฏิเสธความนอกรีตที่ไร้สาระ การโต้แย้งที่ไร้สาระน่าขัน และการยืนยันที่น่าหัวเราะ และเปิดโอกาสให้เขามีความซื่อตรงต่อหลักการและท่าทีที่ถูกต้องของตัวเขาเองเมื่อเขาถูกฝูงชนปฏิเสธและถูกบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาทอดทิ้งไป

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

เจ้าต้องมีความกล้าหาญของเราภายในตัวเจ้า และเจ้าต้องมีหลักการยามที่เจ้าเผชิญหน้ากับบรรดาญาติที่ไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่เรา เจ้าต้องไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืดใดๆ เช่นกัน จงวางใจในสติปัญญาของเราที่จะเดินไปตามหนทางที่เพียบพร้อม จงอย่ายอมให้แผนประทุษกรรมใดๆ ของซาตานเริ่มมีผล จงใช้ความพยายามทั้งหมดของเจ้าไปในการวางหัวใจของเจ้าต่อหน้าเรา และเราจะปลอบประโลมเจ้า และนำสันติสุขและความสุขมาให้เจ้า จงอย่ากระเสือกกระสนเพื่อจะเป็นหนทางใดหนทางหนึ่งเบื้องหน้าคนอื่น การทำให้เราพึงพอใจไม่มีคุณค่าและน้ำหนักมากกว่าหรอกหรือ? ในการทำให้เราพึงพอใจนั้น เจ้าจะไม่เต็มเปี่ยมยิ่งขึ้นด้วยสันติสุขและความสุขนิรันดร์และตราบชั่วชีวิตหรอกหรือ? ความทุกข์ในปัจจุบันของเจ้าบ่งชี้แต่เพียงว่าพรในอนาคตของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใดเท่านั้น เป็นพรอันสุดจะพรรณนาได้ เจ้าไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพรที่เจ้าจะได้รับ เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงมัน ทุกวันนี้ มันกลายเป็นจริงแล้ว จริงมากยิ่งนัก! นี่อยู่ไม่ไกลเกินไป—เจ้ามองเห็นมันหรือไม่? ทุกๆ เศษเสี้ยวสุดท้ายของการนี้อยู่ภายในเรา ถนนข้างหน้าช่างสว่างไสวเต็มที! จงเช็ดหยาดน้ำตาของเจ้า และจงอย่ารู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือความเศร้าอีก ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกจัดการเตรียมการโดยมือของเรา และเป้าหมายของเราคือการทำให้พวกเจ้าเป็นผู้ชนะในไม่ช้า และการนำพวกเจ้าไปสู่สง่าราศีเคียงข้างกับเรา สำหรับทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจ้านั้น เจ้าควรสำนึกในบุญคุณและเต็มไปด้วยคำสรรเสริญอย่างสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทำให้เราพึงพอใจอย่างลึกล้ำ

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 10

ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างสามีที่เชื่อกับภรรยาที่ไม่เชื่อ และไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างลูกๆ ที่เชื่อกับบิดามารดาที่ไม่เชื่อ กล่าวคือ ผู้คนสองประเภทนี้ไม่สามารถเข้ากันได้โดยสิ้นเชิง ก่อนที่จะเข้าสู่การหยุดพัก คนเรามีญาติพี่น้องทางกายภาพ แต่ทันทีที่คนเราเข้าสู่การหยุดพัก เขาจะไม่มีญาติพี่น้องทางกายภาพให้พูดถึงอีกต่อไป บรรดาผู้ที่ทำหน้าที่ของตนเป็นศัตรูกับพวกที่ไม่ได้ทำ และบรรดาผู้ที่รักพระเจ้ากับพวกที่เกลียดชังพระเจ้าจะอยู่ในทางตรงข้ามของกันและกัน บรรดาผู้ที่จะเข้าสู่การหยุดพักและพวกที่จะได้ถูกทำลายเป็นสรรพสิ่งที่ทรงสร้างสองประเภทที่ไม่สามารถเข้ากันได้ สรรพสิ่งที่ทรงสร้างที่ทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วงจะสามารถรอดชีวิต ในขณะที่พวกที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วงจะเป็นวัตถุแห่งการทำลายล้าง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การนี้จะคงอยู่ตลอดชั่วนิรันดร์ เจ้ารักสามีของเจ้าเพื่อที่จะทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วงในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างสิ่งหนึ่งใช่หรือไม่? เจ้ารักภรรยาของเจ้าเพื่อที่จะทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วงในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างสิ่งหนึ่งใช่หรือไม่? เจ้ากตัญญูต่อบิดามารดาที่ไม่เชื่อของเจ้าเพื่อที่จะทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วงในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างสิ่งหนึ่งใช่หรือไม่? ทรรศนะของมนุษย์ต่อความเชื่อในพระเจ้าถูกหรือผิด? เหตุใดเจ้าจึงเชื่อในพระเจ้า? เจ้าปรารถนาว่าจะได้อะไร? เจ้ารักพระเจ้าอย่างไร? พวกที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของตนในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างให้ลุล่วงได้ และพวกที่ไม่สามารถทำความพยายามอย่างเต็มที่ จะกลายเป็นวัตถุแห่งการทำลายล้าง มีความสัมพันธ์ทางกายภาพที่เกิดขึ้นระหว่างผู้คนในปัจจุบัน รวมทั้งความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะแตกสลายไปทั้งหมด บรรดาผู้เชื่อกับบรรดาผู้ไม่เชื่อไม่สามารถเข้ากันได้ ตรงกันข้าม พวกเขาขัดแย้งซึ่งกันและกัน บรรดาผู้ที่อยู่ในการหยุดพักจะเชื่อว่ามีพระเจ้าและจะนบนอบต่อพระเจ้า ในขณะที่บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าจะถูกทำลายทั้งหมด ครอบครัวทั้งหลายจะไม่มีอยู่บนแผ่นดินโลกอีกต่อไป แล้วจะสามารถมีบิดามารดา หรือลูกๆ หรือความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาได้อย่างไร? ความไม่สามารถเข้ากันได้ของความเชื่อและความไม่เชื่อจะตัดขาดความสัมพันธ์ทางกายภาพดังกล่าวโดยสิ้นเชิง!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระเจ้าและมนุษย์จะเข้าสู่การหยุดพักด้วยกัน

เชิงอรรถ:

ก. กลับเข้าฝั่ง: สุภาษิตจีน หมายถึง “กลับมาจากหนทางชั่วร้ายของเรา”

ถัดไป: ฉันรับรู้ว่าสิ่งที่คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ประกาศนั้นคือหนทางที่แท้จริง แต่เพราะผู้คนในคริสตจักรของเราได้ถูกหลอกลวงโดยคำโกหกและเหตุผลวิบัติที่แพร่กระจายโดยพวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโส พวกเขาล้วนไม่เป็นมิตรต่อคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันเป็นกังวลว่าหลังจากยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ฉันจะถูกบอกปัดและสบประมาทโดยเหล่าพี่น้องชายหญิงจากคริสตจักรเดิมของฉัน วุฒิภาวะของฉันนั้นน้อยเกินไป และฉันก็ไม่กล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับทั้งหมดนี้—ฉันควรทำอย่างไรดี?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

โดยผ่านทางการอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และการรับฟังการสามัคคีธรรมและคำพยานของเหล่าพี่น้องชายหญิง ฉันได้กลายมาเป็นมั่นใจว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นคือการทรงกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า และตอนนี้ฉันก็ยอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่สิ่งที่คาใจและไม่น่ายินดีบางอย่างได้เกิดขึ้นในครอบครัวของฉันเมื่อไม่นานมานี้ ทำไมสิ่งดังกล่าวจึงเกิดขึ้น และฉันควรได้รับประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง “จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้”...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger