มีเพียงพระองค์ผู้ซึ่งทรงสามารถสร้างและปกครองเหนือสวรรค์ แผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่งได้เท่านั้น ที่ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งการทรงสร้าง

วันที่ 06 เดือน 01 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งและทรงบริหารทุกสรรพสิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงบริหารทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงปกครองเหนือทั้งหมดที่มี และพระองค์ทรงจัดเตรียมสำหรับทั้งหมดที่มี นี่คือพระสถานะของพระเจ้า และนี่คือพระอัตลักษณ์ของพระองค์ สำหรับทุกสรรพสิ่งและทั้งหมดที่มีนั้น พระอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าคือพระผู้สร้างและองค์ปกครองของสิ่งทรงสร้างทั้งหมด เช่นนั้นคือพระอัตลักษณ์ที่พระเจ้าทรงถือครอง และพระองค์ทรงมีเอกลักษณ์ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งทรงสร้างใดของพระเจ้า—ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์หรือในโลกฝ่ายวิญญาณ—ที่สามารถใช้วิธีการหรือข้ออ้างใดๆ เพื่อปลอมแฝงหรือแทนที่พระอัตลักษณ์และพระสถานะของพระเจ้าได้ เพราะท่ามกลางทุกสรรพสิ่งมีเพียงองค์หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทรงถือครองพระอัตลักษณ์ ฤทธานุภาพ สิทธิอำนาจ และความสามารถในการปกครองเหนือสิ่งทรงสร้าง นั่นก็คือ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงเอกลักษณ์ของพวกเรา พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพและทรงเคลื่อนไปท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสามารถขึ้นสู่ที่สูงที่สุด เหนือทุกสรรพสิ่งได้ พระองค์สามารถถ่อมพระองค์เองโดยการบังเกิดเป็นมนุษย์ การบังเกิดเป็นผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่มีเลือดเนื้อ การมาประจันหน้ากับผู้คน และการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา ขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ทรงบัญชาทั้งหมดที่มี โดยทรงตัดสินชะตากรรมของทั้งหมดที่มีและทิศทางที่มันทั้งหมดจะเคลื่อนไป ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงนำทางชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง และทรงคุมทิศทางของมวลมนุษย์ พระเจ้าเช่นนี้ควรจะได้รับการนมัสการ การเชื่อฟัง และการรู้จักโดยสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในกลุ่มหรือจำพวกใดท่ามกลางมวลมนุษย์ การเชื่อในพระเจ้า การติดตามพระเจ้า การเคารพพระเจ้า การยอมรับการปกครองของพระองค์ และการยอมรับการจัดการเตรียมการของพระองค์ให้แก่ชะตากรรมของเจ้าเป็นเพียงทางเลือกเดียว—ทางเลือกที่จำเป็น—สำหรับบุคคลใดก็ตามและสำหรับสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม ในความทรงเอกลักษณ์ของพระเจ้านั้น ผู้คนมองเห็นว่า สิทธิอำนาจของพระองค์ พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ เนื้อแท้ของพระเจ้า และวิธีการทั้งหลายที่พระองค์ทรงใช้จัดเตรียมแก่ทุกสรรพสิ่งนั้นล้วนทรงเอกลักษณ์โดยครบบริบูรณ์ ความทรงเอกลักษณ์นี้กำหนดพระอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าพระองค์เอง และยังกำหนดสถานะของพระองค์ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ท่ามกลางสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง หากสิ่งมีชีวิตใดในโลกฝ่ายวิญญาณหรือท่ามกลางมวลมนุษย์ปรารถนาที่จะยืนแทนที่พระเจ้า ความสำเร็จย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ดังเช่นที่จะเป็นไปไม่ได้กับความพยายามใดๆ ที่จะปลอมแฝงพระเจ้า นี่คือข้อเท็จจริง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

ฤทธานุภาพของพระเจ้าสามารถสร้างสิ่งทั้งหลายในรูปแบบใดก็ได้ที่มีชีวิตและความทรงพลัง และการนี้ได้รับการกำหนดพิจารณาโดยชีวิตของพระเจ้า พระเจ้าคือชีวิต ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ยิ่งไปกว่านั้น สิทธิอำนาจของพระเจ้าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าทุกคำ กล่าวคือ เริ่มมีขึ้นมาตามพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า และดำรงชีวิตและสืบพันธุ์โดยการทรงบัญชาของพระเจ้า ซึ่งหลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงปกครองและทรงบัญชาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และจะไม่มีวันมีการเบี่ยงเบนตลอดไปตลอดกาลนาน ไม่มีบุคคลหรือวัตถุใดที่มีสิ่งเหล่านี้ มีเพียงพระผู้สร้างเท่านั้นที่ทรงครองและถือครองฤทธานุภาพเช่นนั้น และดังนั้น มันจึงถูกเรียกว่าสิทธิอำนาจ นี่คือความทรงเอกลักษณ์ของพระผู้สร้าง เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นคำว่า “สิทธิอำนาจ” เอง หรือแก่นแท้ของสิทธิอำนาจนี้ แต่ละอย่างสามารถเกี่ยวข้องกับพระผู้สร้างได้เท่านั้น เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิอำนาจและแก่นแท้อันทรงเอกลักษณ์ของพระผู้สร้าง และมันเป็นตัวแทนสิทธิอำนาจและพระสถานะของพระผู้สร้าง นอกเหนือจากพระผู้สร้างแล้วก็ไม่มีบุคคลหรือวัตถุใดที่สามารถเกี่ยวข้องกับคำว่า “สิทธิอำนาจ” ได้ นี่คือการตีความคำว่าสิทธิอำนาจอันทรงเอกลักษณ์ของพระผู้สร้าง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างพระเจ้ากับมวลมนุษย์ก็คือการที่พระเจ้าทรงปกครองและจัดเตรียมให้แก่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง และในขณะที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่สรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวง มวลมนุษย์ก็ชื่นชมทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้น กล่าวคือ มนุษย์ชื่นชมสรรพสิ่งทั้งปวงแห่งการทรงสร้างเมื่อเขายอมรับชีวิตที่พระเจ้าประทานให้แก่ทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าทรงเป็นองค์เจ้านาย และมวลมนุษย์ชื่นชมดอกผลของการที่พระเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง เช่นนั้นแล้วจากมุมมองของสรรพสิ่งทั้งมวลแห่งการทรงสร้างของพระเจ้า สิ่งใดหรือ คือความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับมวลมนุษย์? พระเจ้าทรงสามารถมองเห็นกฎทั้งหลายแห่งวิธีที่ทุกสรรพสิ่งเติบโตได้อย่างชัดเจน และพระองค์ทรงควบคุมและมีอำนาจครอบครองอยู่เหนือกฎเหล่านี้ นั่นคือ ทุกสรรพสิ่งอยู่ภายในสายพระเนตรของพระเจ้าและภายในวงเขตแห่งการพินิจพิเคราะห์ของพระองค์ มวลมนุษย์สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้หรือ? สิ่งที่มวลมนุษย์สามารถมองเห็นได้ถูกจำกัดอยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาโดยตรง หากเจ้าปีนขึ้นภูเขา เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เจ้ามองเห็นก็คือภูเขานั้นเท่านั้น เจ้าไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ หากเจ้าไปที่ชายฝั่ง สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงด้านหนึ่งของมหาสมุทร และเจ้าไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกด้านของมหาสมุทรเป็นเหมือนอะไร หากเจ้าเข้าไปในป่าไม้เจ้าจะสามารถมองเห็นพืชพรรณที่อยู่เบื้องหน้าเจ้าและรอบๆ เจ้า แต่เจ้าไม่สามารถเห็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไกลออกไปข้างหน้า มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นสถานที่ที่สูงกว่า ไกลกว่า ลึกกว่าได้ ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้คือสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาโดยตรง ภายในลานสายตาของพวกเขา ต่อให้มนุษย์จะรู้จักกฎที่บงการฤดูกาลทั้งสี่ของปี หรือกฎทั้งหลายแห่งวิธีที่ทุกสรรพสิ่งเติบโต พวกเขาก็ยังคงไร้ความสามารถที่จะบริหารจัดการหรือบงการทุกสรรพสิ่งได้ กระนั้นหนทางที่พระเจ้าทรงมองเห็นสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวงเป็นเช่นเดียวกับที่พระองค์จะทรงมองเห็นเครื่องจักรที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นด้วยพระองค์เองไม่มีผิด พระองค์ทรงคุ้นเคยอย่างลึกซึ้งกับทุกส่วนประกอบและทุกการเชื่อมต่อ สิ่งที่เป็นหลักการของสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่เป็นแบบแผนของสิ่งเหล่านั้น และสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ของสิ่งเหล่านั้น—พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมดนี้ด้วยความกระจ่างแจ้งในระดับสูงสุด ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเป็นพระเจ้า และมนุษย์ก็คือมนุษย์! แม้ว่ามนุษย์อาจลงลึกในการศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขาและกฎทั้งหลายที่ปกครองทุกสรรพสิ่ง แต่การศึกษาวิจัยนั้นมีวงเขตที่จำกัด ในขณะที่พระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับมนุษย์แล้วการควบคุมของพระเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์ผู้หนึ่งอาจสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตทำการศึกษาวิจัยกิจการที่เล็กที่สุดของพระเจ้าโดยไม่สัมฤทธิ์ผลลัพธ์แท้จริงอันใด นี่คือเหตุผลที่เจ้าจะไม่มีวันมีความสามารถที่จะรู้จักพระเจ้าหรือเข้าใจพระองค์ได้หากเจ้าใช้แค่ความรู้และสิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้เพื่อศึกษาพระเจ้า แต่หากเจ้าเลือกวิธีแห่งการแสวงหาความจริงและแสวงหาพระเจ้า และมองดูพระเจ้าจากมุมมองแห่งการมารู้จักพระองค์ เช่นนั้นแล้วสักวันหนึ่งเจ้าจะระลึกได้ว่า การกระทำของพระเจ้าอยู่ทุกแห่งหนและพระปรีชาญาณของพระเจ้าอยู่ทุกแห่งหนในเวลาเดียวกัน และเจ้าจะรู้เหตุผลที่พระเจ้าทรงได้รับการเรียกขานว่าองค์เจ้านายแห่งทุกสรรพสิ่งและแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง ยิ่งเจ้าได้รับความเข้าใจเช่นนี้มากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งเข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าจึงทรงได้รับการเรียกขานว่าองค์เจ้านายแห่งทุกสรรพสิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสรรพสิ่งและทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งตัวเจ้า กำลังได้รับการจัดเตรียมของพระเจ้าที่หลั่งไหลแบบคงเส้นคงวาอยู่เป็นนิตย์ เจ้าจะมีความสามารถที่จะสำนึกรับรู้ได้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่า ในโลกนี้และท่ามกลางมวลมนุษย์นี้ ไม่มีผู้ใดเลยนอกเหนือจากพระเจ้าที่จะสามารถมีความสามารถและแก่นแท้ที่พระองค์ทรงใช้ปกครอง บริหารจัดการ และธำรงรักษาการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่ง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 8

พระเจ้าจะทรงเป็นตัวแทนของความชอบธรรมตลอดกาล ในขณะที่ซาตาน พวกมาร และหัวหน้าทูตสวรรค์จะเป็นตัวแทนของความชั่วและต้นแบบของกำลังบังคับชั่วตลอดกาล พระเจ้าจะทรงชอบธรรมตลอดกาล นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นหนึ่งแง่มุมของความเหนือธรรมชาติและความพิเศษเหนือธรรมดาของพระเจ้า ต่อให้มนุษย์จะต้องรับเอาความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระเจ้าไว้ พวกเขาก็ยังคงไม่อาจล้ำเลิศกว่าพระเจ้าได้เลย—ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ผู้คนสามารถใช้ชีวิตที่เป็นระเบียบท่ามกลางธรรมบัญญัติและข้อบังคับซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดเท่านั้น และสามารถจัดการกับทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นท่ามกลางธรรมบัญญัติและข้อบังคับเหล่านี้เท่านั้น พวกเขาไม่สามารถกำหนดหรือสร้างธรรมบัญญัติและข้อบังคับใหม่ๆ ได้ นับประสาอะไรที่พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้—นี่คือข้อเท็จจริง แล้วข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นสิ่งใดเล่า? การที่ว่าไม่สำคัญว่าสิทธิอำนาจ พลังอำนาจ และความสามารถที่พระเจ้าทรงมอบให้มวลมนุษย์จะยิ่งใหญ่เพียงใด ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถล้ำเลิศกว่าสิทธิอำนาจของพระเจ้า ไม่สำคัญว่าจะผ่านไปกี่ปี ผ่านคนไปมากมายกี่รุ่น จำนวนประชากรมนุษย์จะมากมายเพียงใด มวลมนุษย์จะมีความสามารถก็แต่เพียงใช้ชีวิตภายใต้สิทธิอำนาจและอธิปไตยของพระเจ้าตลอดไปเท่านั้น นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ การนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย!

ตัดตอนมาจาก “พวกเขาทำหน้าที่ของพวกเขาเพียงเพื่อจะทำให้ ตัวพวกเขาเองโดดเด่นไม่ซ้ำใคร...(1)” ใน การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์

มีศาสนาที่สำคัญมากมายในโลก และแต่ละศาสนาก็มีหัวหน้า หรือผู้นำของตัวเอง และบรรดาผู้ติดตามก็กระจายไปทั่วประเทศและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทุกประเทศ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก มีศาสนาต่างๆ อยู่ภายในประเทศ อย่างไรก็ตามโดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีกี่ศาสนาทั่วโลก ในท้ายที่สุดผู้คนทั้งปวงภายในจักรวาลก็จะดำรงอยู่ภายใต้การทรงนำของพระเจ้าองค์เดียว และการดำรงอยู่ของพวกเขาก็ไม่ได้นำโดยหัวหน้าหรือผู้นำทางศาสนา กล่าวคือมวลมนุษย์ไม่ถูกนำโดยหัวหน้าหรือผู้นำทางศาสนาคนใดคนหนึ่ง ตรงกันข้ามมวลมนุษย์ทั้งปวงได้รับการทรงนำทางโดยพระผู้สร้าง ผู้ที่ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่ง และผู้ที่ทรงสร้างมวลมนุษย์อีกด้วย—นี่คือข้อเท็จจริง แม้ว่าโลกจะมีศาสนาสำคัญมากมาย แต่โดยไม่คำนึงถึงว่าจะยิ่งใหญ่เพียงใด ศาสนาเหล่านี้ทั้งหมดก็ดำรงอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระผู้สร้าง และไม่มีศาสนาใดสามารถเกินเลยวงเขตแห่งอำนาจครอบครองนี้ การพัฒนาของมวลมนุษย์ ความก้าวหน้าทางสังคม การพัฒนาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ—แต่ละเรื่องไม่สามารถแยกออกจากการจัดการเตรียมการของพระผู้สร้างได้ และพระราชกิจนี้ไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่หัวหน้าทางศาสนาใดสามารถทำได้ หัวหน้าทางศาสนาเป็นเพียงผู้นำของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง และไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนขององค์หนึ่งเดียว ผู้ที่ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งได้ หัวหน้าทางศาสนาสามารถนำทางพวกเขาทั้งหมดภายในศาสนาทั้งปวงได้ แต่พวกเขาไม่สามารถบังคับบัญชาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดใต้ฟ้าสวรรค์ได้—นี่คือข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป หัวหน้าด้านศาสนาเป็นเพียงผู้นำ และไม่สามารถยืนเทียบเท่ากับพระเจ้า (พระผู้สร้าง) ได้ ทุกสรรพสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้สร้าง และในบทอวสานทุกสรรพสิ่งก็จะกลับสู่พระหัตถ์ของพระผู้สร้าง แต่เดิมนั้นมวลมนุษย์ได้ถูกพระเจ้าทรงสร้าง และโดยไม่คำนึงถึงศาสนา บุคคลทุกคนจะกลับมาอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระเจ้า—การนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระเจ้าเท่านั้นทรงสูงส่งที่สุดท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง และผู้ปกครองสูงสุดท่ามกลางสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดที่จะต้องกลับสู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระองค์เช่นกัน ไม่สำคัญว่าสถานะของมนุษย์ผู้หนึ่งจะสูงเพียงใด มนุษย์ผู้นั้นไม่สามารถนำพามวลมนุษย์ไปสู่บั้นปลายที่เหมาะสมได้ และไม่มีใครมีความสามารถที่จะจำแนกทุกสรรพสิ่งโดยสอดคล้องกับประเภทได้ พระยาห์เวห์พระองค์เองได้ทรงสร้างมวลมนุษย์และได้ทรงจำแนกแต่ละประเภทโดยสอดคล้องกับประเภท และเมื่อวาระสิ้นสุดมาถึง พระองค์ก็จะยังคงทรงพระราชกิจของพระองค์เองด้วยพระองค์เอง โดยจำแนกทุกสรรพสิ่งโดยสอดคล้องกับประเภท—พระราชกิจนี้ไม่สามารถทำได้โดยผู้ใดนอกจากพระเจ้า พระราชกิจทั้งสามช่วงระยะที่ทรงดำเนินการตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวันนี้ล้วนดำเนินการโดยพระเจ้าพระองค์เอง และดำเนินการโดยพระเจ้าองค์เดียว ข้อเท็จจริงของพระราชกิจทั้งสามช่วงระยะคือข้อเท็จจริงของการที่พระเจ้าทรงเป็นผู้นำของมวลมนุษย์ เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ณ บทอวสานของพระราชกิจทั้งสามช่วงระยะ ทุกสรรพสิ่งจะถูกจำแนกโดยสอดคล้องกับประเภท และกลับสู่ภายใต้อำนาจปกครองของพระเจ้า เพราะทั่วทั้งจักรวาลมีพระเจ้าองค์เดียวองค์นี้เท่านั้นทรงดำรงอยู่ และไม่มีศาสนาอื่นใด ผู้ที่ไม่สามารถสร้างโลกได้จะไม่สามารถนำโลกไปสู่บทอวสานได้ ในขณะที่พระองค์ผู้ทรงสร้างโลกจะทรงสามารถนำไปสู่บทอวสานได้อย่างแน่นอน ดังนั้นหากคนเราไร้ความสามารถที่จะนำยุคสู่บทอวสานได้ และเพียงมีความสามารถที่จะช่วยมนุษย์ฝึกฝนจิตใจของเขาได้ เช่นนั้นแล้วเขาก็จะไม่ใช่พระเจ้าอย่างแน่นอน และจะไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้าของมวลมนุษย์อย่างแน่นอน เขาจะไม่สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถทำงานเช่นนี้ได้ และทั้งหมดที่ไร้ความสามารถที่จะทำงานนี้ได้คือศัตรูและไม่ใช่พระเจ้าอย่างแน่นอน ศาสนาชั่วทั้งหมดเข้ากันไม่ได้กับพระเจ้า และในเมื่อศาสนาเหล่านั้นเข้ากันไม่ได้กับพระเจ้า จึงเป็นศัตรูของพระเจ้า พระราชกิจทั้งหมดกระทำโดยพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวองค์นี้ และทั่วทั้งจักรวาลได้รับการบัญชาโดยพระเจ้าหนึ่งเดียวองค์นี้ โดยไม่คำนึงถึงว่าพระองค์กำลังทรงพระราชกิจในประเทศอิสราเอลหรือในประเทศจีน โดยไม่คำนึงถึงว่าพระราชกิจดำเนินการโดยพระวิญญาณหรือโดยเนื้อหนัง ทั้งหมดก็กระทำโดยพระเจ้าพระองค์เอง และไม่สามารถทำได้โดยผู้อื่นใด เป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของมวลมนุษย์ทั้งปวงอย่างแน่นอน พระองค์จึงทรงพระราชกิจโดยอิสระ ปราศจากการเหนี่ยวรั้งโดยสภาพเงื่อนไขใดๆ—นี่คือนิมิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนิมิตทั้งหมด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรู้จักพระราชกิจของพระเจ้าทั้งสามช่วงระยะคือเส้นทางสู่การรู้จักพระเจ้า

พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสามารถดำเนินพระราชกิจได้มากมาย พระองค์ทรงสามารถสร้างโลกและทำลายมันโดยการให้น้ำท่วมแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสามารถไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงสามารถพิชิตและทำลายมวลมนุษย์ทั้งปวงได้ พระราชกิจนี้ล้วนได้รับการดำเนินการโดยพระเจ้าพระองค์เอง และไม่สามารถได้รับการดำเนินการโดยองค์อื่นใดของพระเจ้าแทนพระองค์ได้ พระวิญญาณของพระองค์สามารถได้รับการเรียกขานโดยพระนามของพระยาห์เวห์และพระเยซู รวมถึงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคริสต์ พระองค์ทรงสามารถกลายเป็นบุตรมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตอยู่สูงเหนือจักรวาลทั้งหลายและท่ามกลางฝูงชน พระองค์ทรงเป็นองค์เจ้านายองค์เดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก! นับตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งถึงบัดนี้ พระราชกิจนี้ได้รับการดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระเจ้าพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นพระราชกิจในฟ้าสวรรค์หรือในเนื้อหนัง ทั้งหมดล้วนดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระองค์เอง สรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง ไม่ว่าในฟ้าสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ล้วนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์อันทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ ทั้งหมดนี้คือพระราชกิจของพระเจ้าพระองค์เอง และไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการแทนพระองค์ได้ ในฟ้าสวรรค์นั้น พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณแต่ก็ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองด้วยเช่นกัน ท่ามกลางพวกมนุษย์นั้น พระองค์ทรงเป็นเนื้อหนังแต่ก็ยังคงทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองอยู่ ถึงแม้ว่าพระองค์อาจได้รับการเรียกขานโดยหลายแสนพระนาม พระองค์ก็ยังคงทรงเป็นพระองค์เอง และพระราชกิจทั้งหมดนั้นคือการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณของพระองค์ การไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงโดยผ่านทางการตรึงกางเขนของพระองค์นั้นเป็นพระราชกิจโดยตรงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดังนั้นจึงเป็นการประกาศต่อชนชาติทั้งมวลและแผ่นดินทั้งมวลในระหว่างยุคสุดท้ายด้วยเช่นกัน ตลอดเวลานั้น พระเจ้าสามารถได้รับการเรียกขานว่าพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวและผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด องค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันนั้นไม่มีอยู่จริง นับประสาอะไรที่จะมีแนวคิดนี้เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีเพียงพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้นในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?

หากสิ่งที่เจ้าเชื่อไม่ใช่พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงเอกลักษณ์ เช่นนั้นแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเจ้าเชื่อในรูปเคารพ หรือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ หรือพระโพธิสัตว์ หรือว่าเจ้านมัสการพระพุทธเจ้าที่อยู่ในหัวใจของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปได้ที่เจ้าเชื่อในบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง กล่าวสั้นๆ คือ เนื่องจากรูปแบบการเชื่อและท่าทีต่างๆ ที่ผู้คนมีต่อพระเจ้า พวกเขาจึงวางพระเจ้าในความคิดความอ่านของพวกเขาเองไว้ในหัวใจของพวกเขา ยัดเยียดจินตนาการของพวกเขาให้พระเจ้า วางท่าทีและจินตนาการทั้งหลายของพวกเขาเกี่ยวกับพระเจ้าไว้เคียงข้างกับพระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงเอกลักษณ์ และหลังจากนั้นก็ยกชูสิ่งเหล่านั้นขึ้นสู่การทำให้ศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายความว่าอย่างไรเมื่อผู้คนมีท่าทีที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมเช่นนั้นต่อพระเจ้า? มันหมายความพวกเขาได้ปฏิเสธพระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เองไปแล้วและกำลังนมัสการพระเจ้าเทียมเท็จอยู่ นั่นบ่งบอกถึงว่า ในขณะที่เชื่อในพระเจ้า พวกเขาก็กำลังปฏิเสธและต่อต้านพระองค์ และว่าพวกเขากำลังปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าเที่ยงแท้ หากผู้คนยังยึดถือรูปแบบการเชื่อเช่นนั้นอยู่ต่อไป พวกเขาจะเผชิญหน้ากับผลพวงใดบ้าง? ด้วยรูปแบบการเชื่อเช่นนั้น พวกเขาจะสามารถเข้าใกล้ชิดพระเจ้าได้มากขึ้นไปอีกเพื่อปฏิบัติข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของพระเจ้าให้สำเร็จลุล่วงได้กระนั้นหรือ? (ไม่ พวกเขาจะทำไม่ได้) ในทางตรงกันข้าม เนื่องจากมโนคติอันหลงผิดและการจินตนาการของพวกเขา พวกเขาจะไถลห่างไปไกลจากหนทางแห่งพระเจ้ายิ่งขึ้นไปอีก เพราะทิศทางที่พวกเขาแสวงหานั้นตรงกันข้ามกับทิศทางที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ให้พวกเขาก้าวเดิน พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “การไปทางใต้โดยการขับเกวียนไปทางเหนือ” หรือไม่? การนี้อาจจะเป็นเพียงกรณีของการไปทางใต้โดยขับเกวียนไปทางเหนือเช่นนั้นก็ได้ หากผู้คนเชื่อในพระเจ้าในแบบที่น่าขันเช่นนั้นแล้วไซร้ เช่นนั้นแล้วยิ่งเจ้าพยายามหนักมากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งห่างไกลจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราขอเตือนสอนพวกเจ้าดังนี้ว่า ก่อนที่พวกเจ้าจะออกเดินทาง เจ้าต้องหยั่งรู้เสียก่อนว่า เจ้ากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริงหรือไม่ จงมุ่งเน้นในความพยายามของพวกเจ้า และถามตัวพวกเจ้าเองให้แน่ใจว่า “พระเจ้าที่ฉันเชื่อนั้นทรงเป็นองค์ปกครองของทุกสรรพสิ่งใช่หรือไม่? พระเจ้าที่ฉันเชื่อทรงเป็นแค่ใครสักคนที่ให้เสบียงอาหารฝ่ายวิญญาณแก่ฉันเท่านั้นใช่หรือไม่? พระองค์ทรงเป็นเพียงรูปเคารพของฉันใช่หรือไม่? พระเจ้าที่ฉันเชื่อพระองค์นี้ทรงขอสิ่งใดจากฉัน? พระเจ้าทรงรับรองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำหรือไม่? การกระทำและการไล่ตามเสาะหาของฉันทั้งหมดสอดคล้องกับการพยายามที่จะรู้จักพระเจ้าหรือไม่? สิ่งเหล่านั้นสอดคล้องกับข้อพึงประสงค์ที่พระองค์ทรงมีต่อฉันหรือไม่? พระเจ้าทรงระลึกรู้และทรงรับรองเส้นทางที่ฉันเดินหรือไม่? พระองค์พึงพอพระทัยกับความเชื่อของฉันหรือไม่?” เจ้าควรถามตัวพวกเจ้าเองด้วยคำถามเหล่านี้บ่อยๆ และซ้ำๆ หากเจ้าปรารถนาที่จะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องมีจิตสำนึกที่ชัดเจนและวัตถุประสงค์ทั้งหลายที่ชัดเจนก่อนที่เจ้าจะสามารถประสบความสำเร็จในการทำให้พระองค์พึงพอพระทัยได้

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

วิธีที่พระเจ้าทรงบริหารจัดการและทรงปกครองทั้งสากลพิภพ

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง ในความกว้างใหญ่ของจักรวาลและพื้นฟ้า สรรพสิ่งทรงสร้างเกินคณานับดำรงชีวิตอยู่และสืบพันธุ์...

ไม่มีทูตสวรรค์องค์ใดสามารถเรียกได้ว่าพระเจ้าได้เลย เพราะพวกเขาไม่มีวันสามารถสร้างสวรรค์ แผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่งได้เลย

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้องจากเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นการทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง...

วิธีที่พระเจ้าได้ทรงนำทางและได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้มวลมนุษย์จนกระทั่งยุคปัจจุบัน

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้องหนทางแห่งชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถมีได้ อีกทั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถบรรลุอย่างง่ายๆ ได้...

พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งการทรงสร้าง สิทธิอำนาจของพระองค์ทรงเอกลักษณ์

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้องพระเจ้าทรงใช้พระวจนะเพื่อสร้างทุกสรรพสิ่งปฐมกาล 1:3-5 พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger