พระเจ้าทรงบัญชาอับราฮัมให้ถวายอิสอัค

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2020

พระราชกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการของพระเจ้าและความรอดของมวลมนุษย์เริ่มต้นด้วยการที่อับราฮัมพลีอุทิศอิสอัค

พระวจนะที่พระเจ้าได้ตรัสกับอับราฮัมได้ถูกทำให้ลุล่วงไปด้วยการทรงมอบบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัม นี่ไม่ได้หมายความว่าแผนของพระเจ้าได้หยุด ณ ที่นี้ ในทางตรงกันข้าม แผนที่งดงามของพระเจ้าในการบริหารจัดการและความรอดของมวลมนุษย์เพิ่งจะได้เริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และการอวยพรของพระองค์ให้อับราฮัมมีบุตรชายคนหนึ่งก็เป็นแค่อารัมภบทของแผนการบริหารจัดการโดยรวมของพระองค์ ณ ชั่วขณะนั้น ใครเล่าที่รู้ว่าการสู้รบของพระเจ้ากับซาตานได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเงียบๆ ในชั่วขณะที่อับราฮัมได้มอบถวายอิสอัค?

พระเจ้าไม่ใส่พระทัยว่ามนุษย์โง่เขลาหรือไม่—พระองค์เพียงทรงขอให้มนุษย์ซื่อตรงเท่านั้น

ต่อไป เรามาดูสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำกับอับราฮัมกัน ในปฐมกาล 22:2 พระเจ้าได้ทรงให้พระบัญชาต่อไปนี้แก่อับราฮัม ความว่า “จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังดินแดนโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” ความหมายของพระเจ้านั้นชัดเจน กล่าวคือ พระองค์กำลังตรัสบอกกับอับราฮัมให้มอบบุตรชายคนเดียวของเขา คืออิสอัค ผู้ที่เขารัก ให้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เมื่อมองการนั้นในวันนี้ พระบัญชาของพระเจ้ายังคงขัดแย้งกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์อยู่หรือไม่? ใช่แล้ว! ทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำในเวลานั้นตรงกันข้ามกันทีเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจจับใจความได้ ในมโนคติที่หลงผิดของพวกเขานั้น ผู้คนเชื่อดังต่อไปนี้: เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อ และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าได้ทรงมอบบุตรคนหนึ่งแก่เขา และหลังจากที่เขาได้รับบุตรชายคนหนึ่งแล้ว พระเจ้าได้ทรงขอให้เขาพลีอุทิศบุตรชายของเขา นี่ไม่น่าเชื่อโดยสิ้นเชิงมิใช่หรือ! ที่จริงแล้วพระเจ้าตั้งพระทัยที่จะทำสิ่งใด? เจตนารมณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าคือสิ่งใด? พระองค์ได้ประทานบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัมโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ทว่าพระองค์ก็ได้ทรงขอให้อับราฮัมทำเครื่องบูชาที่ไม่มีเงื่อนไขด้วยเช่นกัน นี่ไม่มากเกินไปหรอกหรือ? จากจุดยืนของบุคคลภายนอก นี่ไม่เพียงแค่มากเกินไปเท่านั้น แต่ยังเป็นกรณีบางอย่างที่เป็น “การสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผลใดๆ” ด้วยเช่นกัน แต่อับราฮัมเองไม่ได้เชื่อว่าพระเจ้ากำลังทรงขอมากเกินไป ถึงแม้เขาจะมีความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างของเขาเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยพระเจ้าเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงตระเตรียมที่จะทำเครื่องบูชา ณ จุดนี้ เจ้าเห็นสิ่งใดที่พิสูจน์ว่าอับราฮัมเต็มใจที่จะถวายบุตรชายของเขา? ในประโยคเหล่านี้กำลังกล่าวสิ่งใด? ข้อความเดิมบอกเล่าเรื่องราวดังต่อไปนี้: “อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องบูชา แล้วเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน” (ปฐมกาล 22:3) “เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย” (ปฐมกาล 22:9-10) เมื่ออับราฮัมยื่นมือออกไปจับมีดเพื่อฆ่าบุตรชายของเขา พระเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นการกระทำของเขาหรือไม่? พระองค์ทรงเห็น ทุกขั้นตอน—ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อพระเจ้าได้ทรงขอให้อับราฮัมพลีอุทิศอิสอัค จนถึงตอนที่อับราฮัมยกมีดขึ้นเพื่อฆ่าบุตรชายของเขาจริงๆ—ได้แสดงให้พระเจ้าทรงเห็นหัวใจของอับราฮัม และไม่ว่าความโง่เขลา ความไม่รู้เท่าทัน และความไม่เข้าใจพระเจ้าก่อนหน้านี้ของเขาจะเป็นอย่างไร ณ เวลานั้น หัวใจของอับราฮัมที่มีต่อพระเจ้านั้นซื่อตรงและซื่อสัตย์ และเขากำลังจะส่งมอบอิสอัค บุตรชายที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่เขา คืนกลับไปให้แก่พระเจ้า พระเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นการเชื่อฟังในตัวเขา การเชื่อฟังอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงพึงปรารถนา

สำหรับมนุษย์นั้น พระเจ้าทรงทำหลายสิ่งที่ไม่อาจจับใจความได้และแม้กระทั่งไม่อาจเชื่อได้ เมื่อพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะจัดวางเรียบเรียงใครบางคน การจัดวางเรียบเรียงนี้มักจะขัดแย้งกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์และเขาไม่อาจจับใจความได้ แต่กระนั้นแน่นอนว่าเป็นเพราะความไม่สอดคล้องและความไม่อาจจับใจความได้นี้นั่นเองที่เป็นการทดสอบและการทดลองมนุษย์ของพระเจ้า ในขณะเดียวกัน อับราฮัมก็สามารถแสดงให้เห็นการเชื่อฟังพระเจ้าภายในตัวเขาได้ ซึ่งเป็นสภาพเงื่อนไขที่เป็นรากฐานสำคัญมากที่สุดในการที่เขาจะสามารถทำให้สมดังสิ่งที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์ได้ เมื่อนั้นเท่านั้น เมื่ออับราฮัมสามารถเชื่อฟังข้อพึงประสงค์ของพระเจ้า เมื่อเขาได้มอบถวายอิสอัคแล้วเท่านั้น พระเจ้าจึงได้รู้สึกวางพระทัยและทรงเห็นชอบต่อมวลมนุษย์อย่างแท้จริง—ต่ออับราฮัม ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกสรร เมื่อนั้นเท่านั้นพระเจ้าจึงมั่นพระทัยว่าบุคคลผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกสรรคนนี้เป็นผู้นำที่ขาดเสียไม่ได้ ผู้ซึ่งสามารถรับสัญญาของพระองค์และแผนการบริหารจัดการในภายหลังของพระองค์ได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงการทดสอบและการทดลอง แต่พระเจ้าก็รู้สึกอิ่มเอิบพระทัย พระองค์ทรงรู้สึกถึงความรักที่มนุษย์มีต่อพระองค์ และพระองค์รู้สึกสบายพระทัยโดยมนุษย์อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ณ ชั่วขณะนั้นที่อับราฮัมยกมีดขึ้นเพื่อฆ่าอิสอัค พระเจ้าได้ทรงหยุดเขาหรือไม่? พระเจ้าไม่ได้ทรงปล่อยให้อับราฮัมพลีอุทิศอิสอัค เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงมีเจตนารมณ์ที่จะเอาชีวิตของอิสอัคอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงได้หยุดอับราฮัมทันเวลา สำหรับพระเจ้าแล้วนั้น การเชื่อฟังของอับราฮัมได้ผ่านการทดสอบแล้ว สิ่งที่เขาได้ทำไปนั้นเพียงพอแล้ว และพระเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นบทอวสานของสิ่งที่พระองค์ได้ตั้งพระทัยที่จะทำแล้ว บทอวสานนี้เป็นที่พึงพอพระทัยของพระเจ้าหรือไม่? สามารถกล่าวได้ว่าบทอวสานนี้เป็นที่พึงพอพระทัยของพระเจ้า ว่ามันคือสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ และเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงถวิลหารอคอยที่จะเห็น เรื่องนี้จริงหรือไม่? ถึงแม้ว่าในบริบทที่แตกต่างกันไป พระเจ้าจะทรงใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อทดสอบแต่ละบุคคล พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงต้องประสงค์ในตัวอับราฮัม พระองค์ทอดพระเนตรเห็นว่าหัวใจของอับราฮัมนั้นซื่อตรง และว่าการเชื่อฟังของเขานั้นไม่มีเงื่อนไข แน่นอนว่า “การไม่มีเงื่อนไข” นี้นั่นเองที่พระเจ้าทรงพึงปรารถนา ผู้คนมักจะกล่าวว่า “ฉันได้ถวายสิ่งนี้ไปแล้ว ฉันได้ยอมสละสิ่งนั้นไปแล้ว—เหตุใดพระเจ้าจึงยังคงไม่พึงพอพระทัยกับฉัน? เหตุใดพระองค์ยังคงทรงคอยนำฉันไปสู่การทดสอบอยู่เรื่อยๆ? เหตุใดพระองค์ยังคงทรงคอยทดสอบฉันอยู่เรื่อย?” การนี้แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงหนึ่ง นั่นคือ พระเจ้ายังไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นหัวใจของเจ้า และยังไม่ได้ทรงได้มาซึ่งหัวใจของเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระองค์ยังไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นความจริงใจดังเช่นเมื่อตอนที่อับราฮัมสามารถยกมีดขึ้นเพื่อฆ่าบุตรชายของเขาด้วยมือของเขาเองและถวายเขาให้แก่พระเจ้าได้ พระองค์ยังไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นการเชื่อฟังโดยไม่มีเงื่อนไขของเจ้า และยังไม่ได้สบายพระทัยโดยเจ้า เช่นนั้นแล้วก็เป็นธรรมชาติที่พระเจ้าทรงคอยทดสอบเจ้าอยู่เรื่อยๆ การนี้ไม่จริงหรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger