ดังที่พวกเราเข้าใจกัน ผู้ชำนาญการและนักวิชาการทางศาสนานานาชาติผู้มีชื่อเสียงเกียรติยศหลายรายได้ระลึกรู้ว่า คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นเป็นคริสตจักรคริสเตียนกำเนิดใหม่แห่งหนึ่ง อะไรหรือคือความแตกต่างระหว่างคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กับศาสนาคริสต์ดั้งเดิม?

วันที่ 20 เดือน 11 ปี 2021

ตอบ:

ศาสนาคริสต์ได้มาดำรงอยู่หลังพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ ทั้งนี้ นี่เป็นคริสตจักรซึ่งเกี่ยวข้องกับยุคพระคุณ ในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ได้เสด็จมา โดยทรงนำพาปลายทางมาสู่ยุคพระคุณและทรงนำทางเข้าสู่ยุคแห่งราชอาณาจักร และองค์พระเยซูเจ้ากำลังทรงแสดงความจริงและทรงปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิพากษาซึ่งเริ่มต้นจากพระนิเวศของพระเจ้า บนรากฐานของพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้า ในทุกนิกายคริสเตียน หลายคนที่รักความจริงและโหยหาการทรงปรากฏขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นอ่านพระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และได้มาระลึกถึงพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขาได้กลายเป็นแน่ใจว่า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นการทรงกลับมาขององค์พระเยซูเจ้า และแต่ละคนได้ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และได้ติดตามย่างพระบาทของพระเมษโปดก—คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการนี้ ด้วยเหตุนี้ ทั้งคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และศาสนาคริสต์จึงได้ถือกำเนิดขึ้นจากการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า แต่ในขณะที่ศาสนาคริสต์นั้นเป็นผลิตผลจากพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าในระหว่างยุคพระคุณ คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อพระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในระหว่างยุคสุดท้ายเพื่อทรงดำเนินการพระราชกิจแห่งการพิพากษา ทั้งนี้ นั่นก็คือคริสตจักรของยุคแห่งราชอาณาจักร ทั้งสองคริสตจักรได้เกิดขึ้นจากการที่พระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทรงปรากฏและทรงพระราชกิจ เพียงแค่ในยุคที่ต่างกันเท่านั้น ศาสนาคริสต์เป็นคริสตจักรของยุคพระคุณ ในขณะที่คริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เป็นคริสตจักรของยุคแห่งราชอาณาจักร เป็นคริสตจักรที่ได้รับการนำทางและเป็นผู้เลี้ยงโดยพระราชกิจส่วนพระองค์และถ้อยดำรัสของพระเจ้าในวันนี้ ในทางกลับกัน ศาสนาคริสต์ได้สูญเสียพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปเพราะศาสนาคริสต์ก้าวตามไม่ทันย่างพระบาทของพระเจ้า และศาสนาคริสต์ต้านทานและกล่าวโทษพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย ทังนี้ นั่นคือคริสตจักรซึ่งพระเจ้าทรงกล่าวโทษและทรงละทิ้ง ดังนั้นแล้วพระเจ้าจึงไม่ทรงระลึกรู้ศาสนาคริสต์ในฐานะที่เป็นของพระเจ้า แต่ในฐานะที่เป็นศาสนาคริสต์ที่ต้านทานและกล่าวโทษพระเจ้า เช่นนั้นแล้ว จึงไม่มีการเปรียบเทียบใดเลยระหว่างทั้งสอง องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์เมื่อสองพันปีที่แล้ว พระองค์ไม่ทรงอยู่บนแผ่นดินโลก แม้ว่าผู้คนของศาสนาคริสต์เชื่อในพระนามขององค์พระเยซูเจ้า แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยพบพระองค์ นับประสาอะไรที่พระองค์จะได้ทรงให้น้ำและเป็นผู้เลี้ยงพวกเขา อีกทั้งพวกเขาก็ยังไม่ใส่ใจต่อการปฏิบัติหรือการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาไม่รู้จักองค์พระเยซูเจ้าเลยแม้แต่น้อย ที่มากกว่านั้นก็คือ พวกเขาไม่รู้จักพระวิญญาณของพระองค์เช่นกัน ดังนั้นแล้วคริสตจักรในยุคพระคุณจึงเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงคลุมเครือและผู้ทรงเป็นนามธรรมในสวรรค์เท่านั้น ไม่ใช่พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ เพราะฉะนั้นคริสตจักรเช่นนี้จึงไม่ใช่ศาสนาคริสต์ที่แท้จริง ทั้งนี้ คริสตจักรนี้ได้ถูกลดลงเป็นกลุ่มศาสนาไม่ต่างอะไรจากพุทธศาสนาหรือลัทธิเต๋า และคริสตจักรนี้ไม่ใช่คริสตจักรของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ การที่ศาสนาคริสต์โหยหาการทรงกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและการถูกรับขึ้นไปในราชอาณาจักรแห่งสวรรค์จึงเป็นความเพ้อฝันล้วนๆ บรรดาผู้ที่อยู่ในศาสนาคริสต์ที่ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือหญิงพรหมจารีมีปัญญาที่ได้รับการอุ้มชูเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับพระราชกิจแห่งการพิพากษาในยุคสุดท้ายของพระเจ้า พวกเขากล่าวเพียงแค่ตัวอักษรและคำสอนจากพระคัมภีร์เท่านั้น และเกาะติดกฎเกณฑ์และพิธีกรรมทางศาสนา พวกเขาไร้ความสามารถที่จะก้าวตามทันพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และแทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับติดตามระบอบเยี่ยงซาตานของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในการทำสุดความสามารถของพวกเขาเพื่อกล่าวโทษและต้านทานพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย ผู้คนเหล่านี้คือหญิงพรหมจารีโง่เขลา และพระเจ้าได้ทรงรังเกียจ ทรงปฏิเสธ และทรงกำจัดพวกเขาทิ้งแล้ว ทั้งนี้ พระเจ้าไม่ทรงยอมรับรู้พวกเขา พวกเขาเป็น “คริสตชน” แต่เพียงในนามเท่านั้น และพวกเขาได้สูญเสียแก่นแท้ของศาสนาคริสต์ ซึ่งพวกเขาได้ครองในนามนานมาแล้วเท่านั้น

เมื่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงปรากฏและได้เริ่มทรงพระราชกิจ พระเจ้าได้ทรงถอนพระราชกิจของพระวิญญาณของทั้งจักรวาลแล้ว เพื่อทรงมุ่งเน้นไปที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ได้ยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้าย คริสตชนของคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว พวกเขาได้รับการจัดเตรียมชีวิตอันมั่งคั่งของพระเจ้าแล้ว โดยอธิษฐานต่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และกินและดื่มพระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาปฏิบัติและได้รับประสบการณ์กับพระวจนะแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาและการตีสอนแห่งพระวจนะของพระเจ้า พวกเขามีความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความจริง ความเสื่อมทรามของพวกเขากำลังได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ อุปนิสัยของพวกเขากำลังได้รับการทำให้เปลี่ยนแปลง และพวกเขาบรรลุความรอดของพระเจ้า โดยกลายเป็นกลุ่มผู้ชนะที่ได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์โดยพระเจ้าก่อนความวิบัติ อย่างไรก็ตาม ในศาสนาคริสต์นั้น มีผู้คนเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นหญิงพรหมจารีมีปัญญาที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และนั่งอยู่ที่งานเลี้ยงสมรสของพระเมษโปดกแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ในศาสนาคริสต์ไม่ได้เพียงแค่ล้มเหลวที่จะติดตามรอยเท้าแห่งพระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังคงติดตามกำลังบังคับชั่วของศัตรูของพระคริสต์แห่งโลกศาสนา ในการต้านทานและกล่าวโทษการทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พวกเขาได้สูญเสียพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นานมาแล้ว พวกเขาได้ถูกพระเจ้าทรงรังเกียจและทรงปฏิเสธและได้ถูกผลักเข้าสู่ความวิบัติแล้ว โดยหลั่งน้ำตาอันขมขื่นและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของพวกเขา

ถัดไป: พวกเราได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปมากมาย พระวจนะเหล่านั้นครองสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพ และพระวจนะเหล่านั้นเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าจริงๆ ทว่าพวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า ในพระคัมภีร์เขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่พวกท่านด่วนละทิ้งพระองค์ผู้ซึ่งทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ และหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย ซึ่งที่จริงไม่ใช่ข่าวประเสริฐ แต่มีบางคนทำให้พวกท่านยุ่งยาก และปรารถนาบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป” (กาลาเทีย 1:6-8) โดยอาศัยคำพูดเหล่านี้ที่เปาโลพูดไว้ พวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า การเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพวกเรานั้นไถลห่างจากพระนามขององค์พระเยซูเจ้า และจากหนทางขององค์พระเยซูเจ้า พวกเขากล่าวว่า พวกเราเชื่อในอีกข่าวประเสริฐหนึ่ง และว่านี่คือการละทิ้งความเชื่อ การทรยศต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พวกเรารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นผิด แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างแน่ใจได้ว่าพวกเขาผิดในหนทางใด กรุณาสามัคคีธรรมกับพวกเราเกี่ยวกับการนี้เถิด

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อเราผ่าน Messenger