นับตั้งแต่ที่หัวหน้าทูตสวรรค์กบฏต่อพระเจ้าเพื่อล่อลวงบรรพบุรุษของมนุษย์ให้ทำบาป มนุษย์ก็มีความชั่วร้ายและเสื่อมทรามมากยิ่งขึ้น โลกก็มืยิ่งดลง สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจคือพระเจ้าทรงมีฤทธิ์และรอบรู้เหนือทุกอย่างตั้งแต่พระองค์รู้ว่าหัวหน้าทูตสวรรค์จะทรยศพระองค์ ทำไมถึงสร้างมันขึ้นมา? หลังจากที่หัวหน้าทูตสวรรค์กบฏต่อพระเจ้าแล้ว ทำไมพระเจ้าจึงยอมให้มาที่โลกเพื่อเสื่อมทรามมนุษยชาติ?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

อันดับแรกพระเจ้าได้ทรงสร้างอาดัมกับเอวา และพระองค์ได้ทรงสร้างงูขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในบรรดาสรรพสิ่งทั้งมวล งูตัวนี้มีพิษที่สุด ตัวของมันบรรจุไปด้วยน้ำพิษ ซึ่งซาตานได้ใช้เพื่อฉวยประโยชน์จากมัน นี่คืองูที่ได้พยายามทดลองเอวาให้ทำบาป อาดัมได้ทำบาปหลังจากที่เอวาได้ทำลงไป และแล้วพวกเขาทั้งสองก็สามารถที่จะแยกความต่างระหว่างดีและชั่วได้ หากพระยาห์เวห์ได้ทรงทราบว่างูจะพยายามทดลองเอวา และทราบว่าเอวาจะทดลองอาดัม เช่นนั้นแล้ว เหตุใดพระองค์จึงมิได้ทรงวางพวกเขาทั้งหมดไว้ในสวนเล่า? หากพระองค์ทรงสามารถคาดทำนายสิ่งเหล่านี้ได้ เช่นนั้นแล้ว เหตุใดพระองค์จึงได้ทรงสร้างงูขึ้นมาตัวหนึ่งและวางมันลงในสวนเอเดนเล่า? เหตุใดหรือ สวนเอเดนจึงมีผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่ว? พระองค์มิได้ทรงหมายที่จะให้พวกเขากินผลไม้นั้นหรอกหรือ? เมื่อตอนที่พระยาห์เวห์เสด็จมา ทั้งอาดัมและเอวา ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับพระองค์ และถึงตอนนั้นเท่านั้นเองที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทราบว่าพวกเขาได้กินผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วเข้าไปแล้ว และตกเป็นเหยื่อเล่ห์เหลี่ยมของงู ในตอนสุดท้าย พระองค์จึงได้ทรงสาปแช่งงู และพระองค์ทรงสาปแช่งอาดัมกับเอวาเช่นเดียวกัน ตอนที่พวกเขาทั้งสองกินผลของต้นไม้ พระยาห์เวห์หาได้ทรงตระหนักรู้เลยไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ มนุษยชาติได้กลายเป็นเสื่อมทรามจนถึงจุดของการเป็นคนชั่วและสำส่อนทางเพศ ไปไกลมากถึงขนาดที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเก็บงำอยู่ในหัวใจของพวกเขานั้นชั่วและไม่ชอบธรรม มันล้วนแต่โสมมไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงเสียพระทัยกับการที่ได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมา หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในการทำลายล้างโลกด้วยน้ำท่วมจนเสร็จสิ้น ซึ่งโนอาห์กับบุตรทั้งหลายของเขาได้รอดชีวิต บางสรรพสิ่งนั้นมิได้ก้าวล้ำและเหนือธรรมชาติเท่ากับที่ผู้คนอาจจินตนาการ บ้างก็ถามว่า “ในเมื่อพระเจ้าได้ทรงทราบแล้วว่าหัวหน้าทูตสวรรค์จะทรยศพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงได้ทรงสร้างมันขึ้นมาเล่า?” เหล่านี้คือข้อเท็จจริง นั่นคือ ก่อนที่แผ่นดินโลกจะได้มาดำรงอยู่ หัวหน้าทูตสวรรค์เป็นทูตสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟ้าสวรรค์ มันมีอำนาจปกครองเหนือทูตสวรรค์ทั้งปวงในฟ้าสวรรค์ นี่เป็นสิทธิอำนาจที่พระเจ้าได้ทรงมอบให้มัน ด้วยการยกเว้นของพระเจ้า มันจึงยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์แห่งฟ้าสวรรค์ ในเวลาต่อมา หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้น เบื้องล่างบนแผ่นดินโลก หัวหน้าทูตสวรรค์ได้ดำเนินการหักหลังซึ่งยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกต่อพระเจ้าจนสำเร็จ เราพูดว่ามันได้ทรยศพระเจ้าก็เพราะมันต้องการที่จะบริหารจัดการมนุษยชาติและอยู่เหนือล้ำสิทธิอำนาจของพระเจ้า หัวหน้าทูตสวรรค์นี่เองที่ได้ทดลองเอวาให้ทำบาป และที่มันทำเช่นนั้นก็เพราะมันปรารถนาที่จะสถาปนาอาณาจักรของมันบนแผ่นดินโลกและทำให้พวกมนุษย์หันหลังให้กับพระเจ้าและเชื่อฟังหัวหน้าทูตสวรรค์แทน หัวหน้าทูตสวรรค์เห็นว่า หลายสิ่งเหลือเกินที่จะสามารถเชื่อฟังมันได้—พวกทูตสวรรค์สามารถ เช่นเดียวกับที่ผู้คนบนแผ่นดินโลกก็สามารถ นกและสัตว์ร้าย ต้นไม้ ป่า ภูเขา แม่น้ำ และทุกสรรพสิ่งบนแผ่นดินโลกนั้นอยู่ใต้การดูแลของพวกมนุษย์—นั่นก็คือ อาดัมกับเอวา—ในขณะที่อาดัมกับเอวาเชื่อฟังหัวหน้าทูตสวรรค์ เพราะฉะนั้นหัวหน้าทูตสวรรค์จึงได้อยากที่จะอยู่เหนือล้ำสิทธิอำนาจของพระเจ้าและทรยศพระเจ้า หลังจากนั้น มันได้นำทูตสวรรค์มากมายในการกบฏต่อพระเจ้า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวิญญาณที่ไม่สะอาดสารพัดชนิด พัฒนาการของมนุษยชาติจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้มีเหตุมาจากการทำให้เสื่อมทรามของหัวหน้าทูตสวรรค์หรอกหรือ? พวกมนุษย์เป็นอย่างที่พวกเขาเป็นในวันนี้ก็เพราะหัวหน้าทูตสวรรค์ได้ทรยศพระเจ้าและทำให้มนุษยชาติเสื่อมทราม พระราชกิจแบบทีละขั้นตอนนี้ไม่ได้เป็นรูปธรรมและเรียบง่ายใกล้เคียงกับที่ผู้คนอาจจินตนาการเลย ซาตานได้ดำเนินการทรยศของมันจนสำเร็จด้วยเหตุผลหนึ่ง ทว่าผู้คนก็หาได้สามารถจับใจความข้อเท็จจริงอันเรียบง่ายเช่นนั้นได้ไม่ เหตุใดเล่าที่พระเจ้าผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งจึงได้ทรงสร้างซาตานขึ้นมาด้วยเช่นกัน? ในเมื่อพระเจ้าทรงดูหมิ่นซาตานมากมายยิ่งนัก และซาตานคือศัตรูของพระองค์ เหตุใดเล่าพระองค์จึงได้ทรงสร้างซาตานขึ้นมา? การทรงสร้างซาตานไม่ใช่เป็นการที่พระองค์กำลังทรงสร้างศัตรูหรอกหรือ? อันที่จริงแล้ว พระเจ้ามิได้ทรงสร้างศัตรูขึ้นมา ในทางกลับกัน พระองค์ทรงสร้างทูตสวรรค์ และต่อมาทูตสวรรค์องค์นั้นได้ทรยศพระองค์ สถานะของมันได้เติบโตยิ่งใหญ่เหลือเกินจนถึงขั้นที่มันได้ปรารถนาจะทรยศพระเจ้า คนเราอาจสามารถกล่าวได้ว่านี่เป็นความบังเอิญ แต่ว่านี่ก็เป็นความหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างหนึ่ง มันคล้ายคลึงกับการที่บุคคลหนึ่งจะตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่การเป็นผู้ใหญ่ได้ไปถึงจุดเฉพาะจุดหนึ่ง สิ่งทั้งหลายก็แค่ได้พัฒนาการมาจนถึงช่วงระยะนั้นเท่านั้นเอง พวกโง่สิ้นคิดบางคนกล่าวว่า “ในเมื่อซาตานเป็นศัตรูของพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงทรงสร้างมันขึ้นมา? พระองค์ไม่ทรงทราบหรอกหรือว่าหัวหน้าทูตสวรรค์จะทรยศพระองค์? พระองค์ไม่ได้ทรงสามารถเขม้นมองจากชั่วกัลปาวสานสู่ชั่วกัลปาวสานหรอกหรือ? พระองค์มิได้ทรงทราบธรรมชาติของหัวหน้าทูตสวรรค์หรอกหรือ? ในเมื่อพระองค์ทรงทราบชัดเจนว่ามันจะทรยศพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงได้ทำให้มันกลายเป็นหัวหน้าทูตสรรค์เล่า? มันไม่ได้แค่ทรยศพระองค์เท่านั้น มันยังได้นำทูตสวรรค์องค์อื่นๆ มากมายเหลือเกินมากับมัน และมันก็ได้ลงมายังโลกของพวกมนุษย์เพื่อที่จะทำให้มนุษยชาติเสื่อมทราม ทว่ากระทั่งทุกวันนี้ พระองค์ก็ยังไม่ทรงสามารถเสร็จสิ้นแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์ได้เลย” คำพูดเหล่านั้นถูกต้องหรือ? เมื่อเจ้าคิดไปในหนทางนี้ เจ้าไม่ได้กำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกหรือ? มีคนอื่นๆ ที่พูดว่า “หากซาตานไม่ได้ทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามมาถึงปัจจุบันนี้ พระเจ้าก็คงจะไม่ได้ทรงนำพาความรอดมาสู่มนุษยชาติอย่างนี้ เมื่อเป็นดังนั้น พระปรีชาญาณและพระมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้าคงจะไม่สามารถมองเห็นได้ นั่นคือ พระปรีชาญาณของพระองค์จะได้รับการเปิดเผยที่แห่งหนใดหรือ? เพราะฉะนั้น พระเจ้าได้ทรงสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์หนึ่งขึ้นมาเพื่อซาตาน เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงสามารถเปิดเผยพระมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ได้ภายหลัง—หาไม่แล้ว มนุษย์จะสามารถค้นพบพระปรีชาญาณของพระเจ้าได้อย่างไรกัน? หากมนุษย์มิได้ต้านทานพระเจ้าหรือกบฏต่อพระองค์ มันก็คงจะไม่จำเป็นที่การกระทำต่างๆ ของพระองค์จะต้องถูกเปิดเผย หากสิ่งทรงสร้างทั้งปวงจะนมัสการพระองค์และนบนอบต่อพระองค์อยู่แล้ว พระเจ้าก็คงไม่ทรงมีพระราชกิจให้ทำ” นี่ยิ่งห่างไกลความเป็นจริงเข้าไปใหญ่ เพราะไม่มีสิ่งใดเลยที่โสมมเกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้น พระองค์จึงไม่ทรงสามารถสร้างความโสมมได้ พระองค์ทรงเปิดเผยการกระทำต่างๆ ของพระองค์ในตอนนี้เพียงเพื่อที่จะทำให้ศัตรูของพระองค์ปราชัย เพื่อที่จะช่วยพวกมนุษย์ที่พระองค์ได้ทรงสร้างให้รอด และเพื่อที่จะมอบความปราชัยให้ปีศาจทั้งหลายและซาตานซึ่งเกลียดชัง ทรยศ และต้านทานพระเจ้า และซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจครอบครองของพระองค์และเป็นของพระองค์ในตอนแรกเริ่มสุด พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะมอบความปราชัยให้ปีศาจเหล่านี้ และเปิดเผยพระมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ต่อทุกสรรพสิ่งในการทำเช่นนั้น มนุษยชาติและทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกในตอนนี้นั้นอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานและอยู่ภายใต้แดนครอบครองของคนเลว พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะเปิดเผยการกระทำต่างๆ ของพระองค์ต่อทุกสรรพสิ่ง เพื่อที่ผู้คนอาจรู้จักพระองค์ และด้วยประการฉะนี้จึงเป็นการทำให้ซาตานปราชัยและกำราบพวกศัตรูของพระองค์อย่างถ้วนหน้ากัน ความครบถ้วนทั้งหมดของพระราชกิจนี้สำเร็จลุล่วงโดยผ่านทางการเปิดเผยการกระทำต่างๆ ของพระองค์ สิ่งทรงสร้างทั้งปวงของพระองค์นั้นอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตาน ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงปรารถนาที่จะเปิดเผยพระมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์แก่พวกมัน อันเป็นการทำให้ซาตานปราชัยด้วยประการฉะนี้เอง หากไม่มีซาตาน พระองค์ก็คงจะไม่ทรงจำเป็นต้องเปิดเผยกิจการของพระองค์ หากไม่ใช่เพราะการคุกคามของซาตาน พระเจ้าคงจะไม่ได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมา และนำทางพวกเขามาใช้ชีวิตอยู่ในสวนเอเดน ก่อนการทรยศของซาตาน เหตุใดเล่าพระเจ้าจึงไม่เคยทรงเปิดเผยกิจการของพระองค์ต่อพวกทูตสวรรค์หรือต่อหัวหน้าทูตสวรรค์เลย? หากในปฐมกาล พวกทูตสวรรค์ทั้งหมดและหัวหน้าทูตสวรรค์ได้รู้จักพระเจ้าและได้นบนอบต่อพระองค์ เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็คงจะไม่ได้ทรงดำเนินการกระทำต่างๆ ที่ไร้ความหมายเกี่ยวกับพระราชกิจไปจนเสร็จสิ้น เพราะการดำรงอยู่ของซาตานและพวกปีศาจ พวกมนุษย์จึงได้ต้านทานพระเจ้าและเต็มปริ่มไปด้วยอุปนิสัยซึ่งเป็นกบฏเช่นกัน เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปรารถนาที่จะเปิดเผยการกระทำของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงปรารถนาที่จะทำสงครามกับซาตาน พระองค์จึงต้องทรงใช้สิทธิอำนาจของพระองค์เองและการกระทำทั้งหมดของพระองค์ในการที่จะมอบความปราชัยให้กับมัน ในหนทางนี้ พระราชกิจแห่งความรอดที่พระองค์ทรงปฏิบัติท่ามกลางพวกมนุษย์จะอำนวยให้พวกเขามองเห็นพระปรีชาญาณและพระมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ พระราชกิจที่พระเจ้ากำลังทรงปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้นั้นเปี่ยมความหมาย และไม่มีทางที่จะคล้ายคลึงกับพระราชกิจที่บางผู้คนพูดพาดพิงถึงว่า “พระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติไม่ย้อนแย้งกันหรอกหรือ? การสืบทอดพระราชกิจนี้มิใช่เป็นแค่แบบฝึกหัดหนึ่งในการสร้างปัญหาให้ตัวพระองค์เองหรอกหรือ? พระองค์ได้ทรงสร้างซาตานขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้มันทรยศและต้านทานพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างพวกมนุษย์ขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ส่งมอบพวกเขาให้กับซาตาน ปล่อยให้อาดัมกับเอวาถูกทดลอง เพราะพระองค์ได้ทรงทำทั้งหมดนี้ลงไปอย่างมีจุดประสงค์ เหตุใดพระองค์จึงยังคงทรงรังเกียจมนุษยชาติอยู่เล่า? เหตุใดพระองค์จึงทรงเกลียดซาตาน? พระองค์มิได้ทรงทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเองหรอกหรือ? มีอะไรตรงนั้นให้พระองค์เกลียดชังหรือ?” ผู้คนสิ้นคิดจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่พูดอะไรแบบนี้ พวกเขาปรารถนาที่จะรักพระเจ้า แต่ลึกลงไป พวกเขาพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระเจ้า ช่างย้อนแย้งอะไรเช่นนี้! เจ้าไม่เข้าใจความจริง เจ้ามีความคิดที่เหนือธรรมชาติมากเกินไป และเจ้าถึงกับกล่าวอ้างว่าพระเจ้าได้ทรงทำผิดพลาด—เจ้าช่างสิ้นคิดอะไรเช่นนั้น! เจ้านั่นเองที่กำลังทำเป็นเล่นกับความจริง มันไม่ใช่กรณีที่พระเจ้าได้ทรงทำผิดพลาดเลยสักนิด! ผู้คนบางคนถึงขั้นพร่ำบ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “เป็นพระองค์นั่นเองที่ได้ทรงสร้างซาตานขึ้นมา และพระองค์ก็ทรงโยนซาตานทิ้งลงมาท่ามกลางมนุษย์ และทรงส่งมอบพวกเขาให้กับมัน ครั้นมนุษย์ได้ครองอุปนิสัยเยี่ยงซาตาน พระองค์ก็มิได้ทรงยกโทษให้พวกเขา ในทางตรงข้าม พระองค์ได้ทรงเกลียดชังพวกเขาจนถึงระดับหนึ่งเลย ในตอนแรก พระองค์ได้ทรงรักเขาถึงระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ พระองค์ทรงรังเกียจพวกเขา พระองค์นั่นเองที่ได้ทรงเกลียดชังมนุษยชาติ ทว่าพระองก็คือผู้ซึ่งได้ทรงรักมนุษยชาติเช่นกัน กำลังเกิดอะไรขึ้นตรงนี้กันแน่? นี่ไม่ใช่การย้อนแย้งหรอกหรือ?” ไม่ว่าพวกเจ้ามองมันอย่างไร นี่ก็คือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในสวรรค์ นี่คือลักษณะที่หัวหน้าทูตสวรรค์ได้ทรยศพระเจ้าและมนุษยชาติได้ถูกทำให้เสื่อมทราม และนี่คือวิธีที่พวกมนุษย์ดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วลีกับมันอย่างไร นั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าจักต้องเข้าใจว่า พระประสงค์ทั้งองค์รวมเบื้องหลังพระราชกิจนี้ที่พระเจ้ากำลังทรงกระทำอยู่ในวันนี้ก็คือ เพื่อที่จะช่วยพวกเจ้าให้รอด และเพื่อที่จะมอบความปราชัยให้กับซาตาน

เพราะพวกทูตสวรรค์นั้นเปราะบางเป็นพิเศษและไม่ได้ครองความสามารถต่างๆ ให้พูดถึง พวกเขาจึงเกิดความโอหังขึ้นในทันทีที่พวกเขาได้รับสิทธิอำนาจ นี่คือความจริงแท้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้าทูตสวรรค์ที่มีสถานะสูงกว่าสถานะของทูตสวรรค์องค์อื่น กษัตริย์องค์หนึ่งในหมู่ทูตสวรรค์ มันเป็นผู้นำของทูตสวรรค์หลายล้านองค์ และภายใต้พระยาห์เวห์ สิทธิอำนาจของมันเหนือล้ำสิทธิอำนาจของทูตสวรรค์องค์อื่นๆ มันต้องการจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้น และต้องการจะเป็นผู้นำทูตสวรรค์ทั้งหลายลงมาท่ามกลางพวกมนุษย์เพื่อที่จะควบคุมโลก พระเจ้าได้ตรัสว่า พระองค์คือองค์หนึ่งเดียวผู้ซึ่งควบคุมดูแลจักรวาล แต่หัวหน้าทูตสวรรค์ได้กล่าวอ้างว่ามันเป็นผู้ควบคุมดูแลจักรวาล—แล้วหลังจากนั้นมา หัวหน้าทูตสวรรค์ก็ได้ทรยศพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงสร้างอีกพิภพหนึ่งขึ้นในสวรรค์ และหัวหน้าทูตสวรรค์ได้ปรารถนาที่จะควบคุมพิภพนี้ และยังปรารถนาที่จะลงมายังอาณาจักรมนุษย์ด้วยเช่นกัน พระเจ้าจะทรงสามารถอนุญาตให้มันทำเช่นนั้นได้หรือ? ด้วยเหตุนั้น พระองค์จึงได้ทรงบดขยี้หัวหน้าทูตสวรรค์และโยนมันทิ้งลงไปกลางเวหา ตลอดมานับตั้งแต่มันได้ทำให้พวกมนุษย์เสื่อมทราม พระเจ้าได้ทรงทำสงครามกับหัวหน้าทูตสวรรค์เพื่อที่จะช่วยพวกมนุษย์ให้รอด นั่นคือ พระองค์ได้ทรงใช้หกพันปีนี้ไปกับการทำให้มันปราชัย มโนคติของพวกเจ้าที่เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้นเข้ากันไม่ได้กับพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกำลังดำเนินให้เสร็จสิ้นในปัจจุบัน มันช่างไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริงโดยสิ้นเชิง และช่างเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากมาย! อันที่จริงแล้ว เพียงหลังจากการทรยศของหัวหน้าทูตสวรรค์เท่านั้น พระเจ้าจึงได้ทรงประกาศแถลงว่ามันคือศัตรูของพระองค์ เพียงเพราะการทรยศของมันเท่านั้น หัวหน้าทูตสวรรค์จึงได้เหยียบย่ำไปบนมนุษยชาติหลังการมาถึงในอาณาจักรมนุษย์ และเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่มนุษยชาติได้พัฒนามาถึงจุดนี้ หลังจากเกิดเรื่องนั้นแล้ว พระเจ้าได้ทรงปฏิญญาต่อซาตานว่า “เราจะทำให้เจ้าปราชัย และนำพาความรอดมาสู่พวกมนุษย์ทั้งปวงที่เราได้สร้างขึ้นมา” ด้วยความที่ไม่เชื่อในตอนแรก ซาตานจึงได้ตอบกลับไปว่า “ว่ากันตรงๆ แล้ว สิ่งใดหรือที่พระองค์ทรงทำกับข้าได้? พระองค์ทรงสามารถบดขยี้ข้าลงกลางเวหาได้จริงๆ กระนั้นหรือ? พระองค์ทรงสามารถทำให้ข้าปราชัยได้อย่างแท้จริงกระนั้นหรือ?” หลังจากที่พระเจ้าทรงโยนมันทิ้งลงไปกลางเวหา พระองค์ก็มิได้ทรงใส่ใจในหัวหน้าทูตสวรรค์อีกต่อไปเลย และภายหลังต่อมาก็ได้ทรงเริ่มช่วยมนุษยชาติและดำเนินพระราชกิจของพระองค์เองทั้งที่มีการรบกวนอย่างต่อเนื่องของซาตาน ซาตานสามารถทำสิ่งนี้สิ่งนั้นได้ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะพลังอำนาจที่พระเจ้าได้ทรงให้กับมันก่อนหน้านี้ มันได้นำสิ่งเหล่านี้ไปสู่กลางเวหากับมันด้วย และได้เก็บรักษาพวกมันมาจนถึงทุกวันนี้ ขณะกำลังบดขยี้หัวหน้าทูตสวรรค์ลงสู่กลางเวหา พระเจ้ามิได้ทรงนำสิทธิอำนาจของมันกลับคืนมา และดังนั้น ซาตานจึงยังคงทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามต่อไป ในอีกทางหนึ่ง พระเจ้าได้ทรงเริ่มการให้ความรอดกับมนุษยชาติผู้ซึ่งได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามหลังการทรงสร้างไม่ทันไร พระเจ้ามิได้ทรงเปิดเผยการกระทำต่างๆ ของพระองค์ในขณะที่อยู่ในสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ก่อนการสร้างแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงอนุญาตให้ผู้คนในพิภพที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นในสวรรค์ได้เห็นการกระทำของพระองค์ ด้วยเหตุนั้นจึงเป็นการทรงนำผู้คนเหล่านั้นบนสวรรค์ พระองค์ได้ทรงให้สติปัญญาและเชาว์ปัญญาแก่พวกเขา และทรงนำผู้คนเหล่านั้นมาใช้ชีวิตในพิภพนั้น เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครเลยในพวกเจ้าที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ต่อมาหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา หัวหน้าทูตสวรรค์ก็ได้เริ่มทำให้พวกเขาเสื่อมทราม นั่นคือ บนแผ่นดินโลก มนุษยชาติทั้งปวงตกไปสู่ความสับสนอลหม่าน ถึงตอนนั้นเท่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเริ่มสงครามของพระองค์กับซาตาน และเพียง ณ เวลานั้นเท่านั้นที่พวกมนุษย์ได้เริ่มมองเห็นกิจการของพระองค์ ในปฐมกาล การกระทำต่างๆ ดังกล่าวมิได้ถูกปกปิดจากมนุษยชาติเลย หลังจากที่ซาตานได้ถูกโยนทิ้งลงสู่กลางเวหามันได้ทำสิ่งต่างๆ ของตัวมันเอง และพระเจ้าได้ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์เองต่อไป โดยทำสงครามกับซาตานอย่างต่อเนื่อง เรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคสุดท้าย บัดนี้เป็นเวลาที่ซาตานควรถูกทำลายได้แล้ว ในตอนเริ่มต้น พระเจ้าได้ทรงให้สิทธิอำนาจแก่มัน และต่อมา พระองค์ก็ได้ทรงบดขยี้มันลงไปสู่กลางเวหา ทว่ามันก็ยังคงเยาะเย้ยท้าทาย หลังจากนั้น มันก็ได้ทำให้มนุษยชาติบนแผ่นดินโลกเสื่อมทราม แต่พระเจ้าก็ทรงกำลังบริหารจัดการมนุษยชาติอยู่ที่นั่น พระเจ้าทรงใช้การบริหารจัดการพวกมนุษย์ของพระองค์ในการทำให้ซาตานปราชัย ซาตานนำพาชะตากรรมของผู้คนไปสู่จุดจบ และทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงักโดยการทำให้พวกเขาเสื่อมทราม ในทางกลับกัน พระราชกิจของพระเจ้าคือความรอดของมนุษยชาติ ขั้นตอนใดของพระราชกิจของพระเจ้าหรือ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยมนุษยชาติให้รอด? ขั้นตอนใดหรือ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะชำระผู้คนให้สะอาด และทำให้พวกเขาประพฤติตนอย่างชอบธรรม และใช้ชีวิตในภาพลักษณ์ของคนทั้งหลายที่สามารถได้รับความรัก? อย่างไรก็ตาม ซาตานไม่ได้ทำสิ่งนี้ มันทำให้มนุษยชาติเสื่อมทราม มันดำเนินงานของมันในการทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามจนสำเร็จอย่างต่อเนื่องไปทั่วทั้งจักรวาล แน่อยู่แล้วว่า พระเจ้าก็ทรงพระราชกิจของพระองค์เอง โดยมิได้ใส่พระทัยกับซาตานแต่อย่างใด ไม่สำคัญว่าซาตานจะมีสิทธิอำนาจมากเพียงใด พระเจ้าก็ยังคงทรงเป็นผู้ที่ให้สิทธิอำนาจนั้นแก่มันอยู่ดี พระเจ้าไม่ได้ทรงให้สิทธิอำนาจทั้งหมดของพระองค์แก่มันจริงๆ แต่อย่างใด และดังนั้น ไม่สำคัญว่าซาตานจะทำอะไร มันไม่เคยสามารถอยู่เหนือล้ำพระเจ้าได้เลย และมันจะอยู่ในกำมือของพระเจ้าเสมอ พระเจ้ามิได้ทรงเปิดเผยการกระทำใดของพระองค์ในขณะอยู่ในสวรรค์ พระองค์ก็แค่ได้ทรงให้สิทธิอำนาจในสัดส่วนเล็กๆ แก่ซาตานและได้ทรงอนุญาตให้มันทำการควบคุมเหนือทูตสวรรค์องค์อื่นๆ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ไม่สำคัญว่าซาตานจะทำอะไร มันก็ไม่สามารถอยู่เหนือล้ำสิทธิอำนาจของพระเจ้าได้ เพราะสิทธิอำนาจที่พระเจ้าได้ทรงยอมอนุมัติให้มันแต่เดิมนั้นมีขีดจำกัด ในขณะที่พระเจ้าทรงพระราชกิจ ซาตานทำให้เกิดการหยุดชะงัก ในยุคสุดท้าย การทำให้เกิดการหยุดชะงักของมันจะแล้วเสร็จ ในทำนองเดียวกัน พระราชกิจของพระเจ้าก็จะแล้วเสร็จเช่นกัน และบรรดามนุษย์ประเภทที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทำให้ครบบริบูรณ์ก็จะได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์ พระเจ้าทรงชี้นำผู้คนไปในทางที่เป็นบวก พระชนม์ชีพของพระองค์คือน้ำแห่งชีวิต อันประมาณค่ามิได้ และไร้พรมแดน ซาตานได้ทำให้มนุษย์เสื่อมทรามจนถึงระดับหนึ่ง ในตอนสุดท้าย น้ำแห่งชีวิตก็จะทำให้มนุษย์ครบบริบูรณ์ และมันจะเป็นไปไม่ได้ที่ซาตานจะแทรกแซงและทำงานของมันจนสำเร็จ ด้วยเหตุนั้นพระเจ้าจึงจะทรงสามารถได้รับประชากรของพระองค์โดยครบบริบูรณ์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรรู้ว่าองค์รวมแห่งมนุษยชาติได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบันอย่างไร

ไม่สำคัญว่ามนุษยชาติจะเติบโตเสื่อมทรามไปอย่างไร หรืองูทดลองพวกเขาอย่างไร พระยาห์เวห์ยังคงทรงมีพระปรีชาญาณของพระองค์ เมื่อเป็นดังนั้น พระองค์ได้ทรงทำพระราชกิจใหม่ตลอดมานับตั้งแต่พระองค์ได้ทรงสร้างโลก และไม่มีขั้นตอนใดเลยของพระราชกิจนี้ที่เคยถูกทำซ้ำ ซาตานได้นำแผนร้ายมาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มนุษยชาติได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอยู่เป็นนิตย์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าก็ได้ดำเนินพระราชกิจอันเปี่ยมพระปรีชาญาณของพระองค์ไปจนเสร็จสิ้นโดยไม่หยุดยั้ง พระองค์มิเคยทรงล้มเหลว ทั้งยังมิเคยหยุดทรงพระราชกิจ ตลอดมานับตั้งแต่โลกได้ถูกสร้างขึ้นมา หลังจากที่พวกมนุษย์ได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม พระองค์ยังทรงพระราชกิจอยู่ในหมู่พวกเขาต่อไปเพื่อที่จะมอบความปราชัยให้แก่ซาตาน ศัตรูซึ่งเป็นที่มาของความเสื่อมทรามของพวกเขา การสู้รบนี้ได้เดือดดาลขึ้นตั้งแต่ครั้งปฐมกาล และจะดำเนินต่อไปจนถึงบทอวสานของโลก ในการทรงพระราชกิจนี้ทั้งหมด พระยาห์เวห์พระเจ้าไม่เพียงได้ทรงอนุญาตให้พวกมนุษย์ที่ได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามได้รับความรอดอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เท่านั้น แต่ยังได้ทรงอนุญาตให้พวกเขามองเห็นพระปรีชาญาณ พระมหิทธิฤทธิ์ และสิทธิอำนาจของพระองค์ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนสุดท้าย พระองค์จะทรงยอมให้พวกเขามองเห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์—การลงโทษคนเลวและการให้บำเหน็จรางวัลแก่คนดี พระองค์ได้ทรงสู้รบกับซาตานมาจนถึงทุกวันนี้และมิได้เคยทรงปราชัยเลย นี่ก็เป็นเพราะพระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงปรีชาญาณ และพระองค์ทรงนำพระปรีชาญาณของพระองค์มาใช้บนพื้นฐานของแผนร้ายทั้งหลายของซาตาน เพราะฉะนั้น พระเจ้ามิใช่เพียงทรงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในฟ้าสวรรค์นั้นนบนอบต่อสิทธิอำนาจของพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกวางอยู่ใต้ที่รองพระบาทของพระองค์ และข้อที่สำคัญ พระองค์ทรงทำให้คนเลวที่รุกรานและคุกคามมนุษยชาติตกมาอยู่ภายในการตีสอนของพระองค์ ผลลัพธ์ของพระราชกิจนี้ทั้งหมดเป็นผลสำเร็จได้ก็เพราะพระปรีชาญาณของพระองค์ พระองค์มิเคยทรงเปิดเผยพระปรีชาญาณของพระองค์มาก่อนการดำรงอยู่ของมนุษยชาติเลย เนื่องจากพระองค์มิได้มีศัตรูในฟ้าสวรรค์ บนแผ่นดินโลก หรือแห่งหนใดในทั้งจักรวาลเลย และไม่มีกำลังบังคับมืดที่คอยรุกรานสิ่งใดท่ามกลางธรรมชาติ หลังจากหัวหน้าทูตสวรรค์ได้ทรยศพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมาบนแผ่นดินโลก และเป็นเพราะมนุษยชาตินี่เองที่พระองค์จึงได้ทรงเริ่มสงครามที่ยาวนานนับพันปีของพระองค์อย่างเป็นกิจจะลักษณะกับซาตาน หัวหน้าทูตสวรรค์องค์นั้น—สงครามหนึ่งซึ่งยิ่งเร่าร้อนมากขึ้นตามทุกช่วงระยะที่สืบทอดมา พระมหิทธิฤทธิ์และพระปรีชาญาณของพระองค์มีปรากฏอยู่ในแต่ละช่วงระยะเหล่านี้ ถึงตอนนั้นเท่านั้นเองที่ทุกสิ่งทุกอย่างในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกเป็นพยานให้กับพระปรีชาญาณ พระมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า และให้กับความเป็นจริงของพระเจ้าโดยเฉพาะ พระองค์ยังคงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ต่อไปให้เสร็จสิ้นในลักษณะที่สอดรับกับความเป็นจริงในแบบเดียวกันนี้จนมาถึงวันนี้ นอกจากนี้แล้ว ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ให้เสร็จสิ้น พระองค์ยังทรงเปิดเผยพระปรีชาญาณและพระมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ไปด้วยเช่นกัน พระองค์ทรงอนุญาตให้พวกเจ้ามองเห็นความจริงภายในของแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจ มองเห็นว่าจะอธิบายพระมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้าอย่างไรให้แม่นยำ และที่มากกว่านั้นคือ มองเห็นคำอธิบายอันเด็ดขาดเกี่ยวกับความเป็นจริงของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรรู้ว่าองค์รวมแห่งมนุษยชาติได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบันอย่างไร

แผนการจัดการทั้งหมดของเรา ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะเวลา 6,000 ปีนั้นประกอบด้วยสามระยะ หรือสามยุค ได้แก่ ยุคธรรมบัญญัติปฐมกาล ยุคพระคุณ (ซึ่งเป็นยุคแห่งการทรงไถ่ด้วยเช่นกัน) และยุคแห่งราชอาณาจักรแห่งยุคสุดท้าย งานของเราในสามยุคดังกล่าวแตกต่างกันในด้านเนื้อหาตามลักษณะของแต่ละยุค ทว่าในแต่ละระยะ งานส่วนนี้จะมีความเหมาะสมกับความจำเป็นของมนุษย์ หรือกล่าวให้ชัดเจนกว่านั้นได้ว่า ถูกกระทำไปโดยสอดรับกับเล่ห์เพทุบายที่ซาตานนำมาใช้ในสงครามที่เราต้องเข้าต่อกรด้วย วัตถุประสงค์แห่งงานของเราคือเพื่อทำให้ซาตานพ่ายแพ้ เพื่อสำแดงปัญญาและฤทธานุภาพอันไม่สิ้นสุดของเราให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเปิดโปงเล่ห์เพทุบายทั้งสิ้นของซาตาน และด้วยเหตุนั้นจะเป็นการช่วยเผ่าพันธุ์มนุษยชาติทั้งมวลซึ่งอยู่ภายใต้แดนครอบครองของซาตานให้รอด ทั้งหมดก็เพื่อแสดงถึงปัญญาและฤทธานุภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของเรา และเพื่อเผยให้เห็นความน่าขยะแขยงเกินจะทานทนของซาตาน และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เพื่อช่วยให้สิ่งมีชีวิตทรงสร้างทั้งหลายสามารถแยกแยะระหว่างความดีกับความชั่วได้ เพื่อจะรับรู้ได้ว่าเราคือผู้ปกครองเหนือทุกสรรพสิ่ง เพื่อให้ได้เห็นกันอย่างชัดแจ้งว่าซาตานคือศัตรูแห่งมนุษยชาติ เป็นผู้ที่เสื่อม เป็นมารชั่วร้าย และเพื่อให้พวกเขาสามารถบอกกล่าวด้วยความเชื่อมั่นเต็มหัวใจถึงข้อแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่ว ความจริงและความลวง ความบริสุทธิ์และความโสมม รวมถึงสิ่งใดยิ่งใหญ่เลอค่าและสิ่งใดไร้เกียรติควรเหยียดหยาม ด้วยเหตุนี้มนุษย์ผู้ไม่รู้เท่าทันจึงจะสามารถเป็นประจักษ์พยานฝ่ายเราได้ว่า ไม่ใช่เราที่เป็นผู้บ่อนทำลายมนุษยชาติให้เสื่อมทราม และมีแต่เรา—พระผู้สร้าง—เท่านั้น ที่สามารถช่วยมนุษยชาติให้อยู่รอด ที่สามารถมอบสิ่งต่างๆ ซึ่งให้ความสุขแก่พวกเขาได้ จนกระทั่งพวกเขาได้ตระหนักรู้ว่าเราคือผู้ปกครองทุกสรรพสิ่ง และซาตานเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งดำรงอยู่ที่เราได้สร้างขึ้นมาและซึ่งต่อมากลับผันแปรพักตร์ไปจากเรา แผนการจัดการระยะเวลา 6,000 ปีของเราแบ่งออกเป็นสามระยะ และด้วยเหตุนั้นเราได้ดำเนินงานเพื่อให้บรรลุผลในการทำให้สิ่งมีชีวิตทรงสร้างสามารถเป็นพยานต่อเราได้ เข้าใจเจตนาของเราได้ และรู้ได้ว่าเราคือความจริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เรื่องจริงเบื้องหลังพระราชกิจยุคแห่งการไถ่

ที่กล่าวมานั้นคือการบริหารจัดการของพระเจ้าในอันที่จะส่งมอบมวลมนุษย์ให้กับซาตาน—มวลมนุษย์ที่ไม่รู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น สิ่งที่ผู้ทรงสร้างทรงเป็น วิธีที่จะนมัสการพระเจ้า หรือเหตุผลที่จำเป็นจะต้องนบนอบต่อพระเจ้า—และเปิดโอกาสให้ซาตานทำให้เขาเสื่อมทราม พระเจ้าจึงทรงกู้คืนมนุษย์จากเงื้อมมือของซาตานทีละขั้นทีละตอน จนกว่ามนุษย์จะนมัสการพระเจ้าอย่างสุดใจและปฏิเสธซาตาน นี่คือการบริหารจัดการของพระเจ้า นี่อาจฟังเหมือนเป็นนิทานปรัมปรา และอาจดูน่างุนงงสงสัย ผู้คนรู้สึกเหมือนว่า นี่คือเรื่องราวปรัมปรา เพราะพวกเขาไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าได้มีอะไรเกิดขึ้นกับมนุษย์มากมายเพียงใดตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา นับประสาอะไรที่พวกเขาจะรู้ว่า มีเรื่องราวมากมายเพียงใดที่ได้อุบัติขึ้นในจักรวาลและภาคพื้น และยิ่งไปกว่านั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถซึ้งคุณค่าโลกอันชวนหวาดกลัวกว่าและน่าตกตะลึงกว่าซึ่งดำรงอยู่เหนือโลกวัตถุ แต่สายตามนุษย์ของพวกเขาทำให้พวกเขามองไม่เห็นเท่านั้นเอง มนุษย์รู้สึกเหมือนไม่สามารถเข้าใจมันได้ ก็เพราะมนุษย์ไม่เข้าใจนัยสำคัญแห่งความรอดของมนุษยชาติของพระเจ้า หรือนัยสำคัญของพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระองค์ และไม่เข้าใจว่าท้ายที่สุดแล้ว พระเจ้าทรงปรารถนาให้มนุษย์เป็นอย่างไร ใช่การไม่ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกับเอวาและอาดัมหรือไม่? ไม่ใช่! จุดประสงค์ของการบริหารจัดการของพระเจ้าก็เพื่อที่จะได้รับผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งนมัสการพระเจ้าและนบนอบต่อพระองค์ แม้ผู้คนเหล่านี้ได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทรามไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มองซาตานเป็นบิดาอีกต่อไปแล้ว พวกเขาระลึกรู้ได้ถึงใบหน้าอันน่าขยะแขยงของซาตานและปฏิเสธใบหน้านั้น และพวกเขามาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อที่จะยอมรับการพิพากษาและการตีสอนของพระองค์ พวกเขามารู้ว่าสิ่งใดที่อัปลักษณ์และสิ่งนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งซึ่งบริสุทธิ์อย่างไร และมาระลึกรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและความชั่วของซาตาน มนุษยชาติเช่นนี้จะไม่ทำงานให้ซาตาน หรือนมัสการซาตาน หรือจัดแท่นบูชาซาตานอีกต่อไป นี่เป็นเพราะพวกเขาคือกลุ่มของผู้คนที่ได้รับการรับไว้จากพระเจ้าอย่างแท้จริง นี่คือนัยสำคัญของพระราชกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการมนุษย์ของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ภาคผนวก 3: มนุษย์สามารถได้รับการช่วยให้รอดท่ามกลางการบริหารจัดการของพระเจ้าเท่านั้น

ก่อนหน้า: พวกเราได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปมากมาย พระวจนะเหล่านั้นครองสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพ และพระวจนะเหล่านั้นเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าจริงๆ ทว่าพวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า ในพระคัมภีร์เขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่พวกท่านด่วนละทิ้งพระองค์ผู้ซึ่งทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ และหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย ซึ่งที่จริงไม่ใช่ข่าวประเสริฐ แต่มีบางคนทำให้พวกท่านยุ่งยาก และปรารถนาบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป” (กาลาเทีย 1:6-8) โดยอาศัยคำพูดเหล่านี้ที่เปาโลพูดไว้ พวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสกล่าวว่า การเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของพวกเรานั้นไถลห่างจากพระนามขององค์พระเยซูเจ้า และจากหนทางขององค์พระเยซูเจ้า พวกเขากล่าวว่า พวกเราเชื่อในอีกข่าวประเสริฐหนึ่ง และว่านี่คือการละทิ้งความเชื่อ การทรยศต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พวกเรารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นผิด แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะกล่าวอย่างแน่ใจได้ว่าพวกเขาผิดในหนทางใด กรุณาสามัคคีธรรมกับพวกเราเกี่ยวกับการนี้เถิด

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

ติดต่อเราผ่าน Messenger