ทุกวันนี้ แผ่นดินโลกถูกรุมเร้าโดยความวิบัติทั้งหลาย อย่างเช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร กาฬโรค น้ำท่วม และภัยแล้ง ความวิบัติเหล่านี้กำลังเติบโตเป็นวงกว้าง และเป็นเหตุให้เกิดความตายมากขึ้นทุกวัน พระเจ้าทรงรักมนุษย์และทรงช่วยมนุษย์ให้รอด ดังนั้นแล้ว เหตุใดพระองค์จึงต้องทรงกระหน่ำพรมมหาวิบัติเช่นนั้นลงมาเล่า?

วันที่ 18 เดือน 03 ปี 2021

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“‘เราเองเป็นผู้ยับยั้งฝนไว้เสียจากเจ้าด้วย สามเดือนก่อนถึงฤดูเกี่ยว เราให้ฝนตกในเมืองหนึ่ง อีกเมืองหนึ่งไม่ให้ฝน นาแห่งหนึ่งมีฝนตก ส่วนนาที่ไม่มีฝนก็เหี่ยวแห้ง ดังนั้นชาวเมืองสองสามเมืองก็เดินโซเซไปหาอีกเมืองหนึ่ง เพื่อจะหาน้ำดื่ม แต่ไม่สิ้นกระหาย กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ‘เราโจมตีพืชผลของเจ้าด้วยโรคและเชื้อรา บรรดาไร่นาของเจ้า และสวนองุ่นของเจ้า ต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของเจ้า ตั๊กแตนก็มากิน กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ‘เราให้โรคระบาดอย่างที่เกิดในอียิปต์มาเกิดท่ามกลางเจ้า เราประหารคนหนุ่มของเจ้าด้วยดาบ กับเอาม้าทั้งหลายของเจ้าไปเสีย และทำให้ความเน่าเหม็นที่ค่ายของเจ้าคลุ้งเข้าจมูกพวกเจ้า กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ‘เราคว่ำพวกเจ้าบางคน อย่างที่พระเจ้าคว่ำเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ เจ้าเหมือนดุ้นฟืนที่เขาหยิบออกมาจากกองไฟ กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ‘โอ อิสราเอลเอ๋ย เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำแก่เจ้าดังนี้ และเพราะเราจะต้องทำเช่นนี้แก่เจ้า โอ อิสราเอลเอ๋ย จงเตรียมตัวเพื่อจะเผชิญพระเจ้าของเจ้า’” (อาโมส 4:7-12)

“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า ‘นี่แน่ะ วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งความกันดารมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่กันดารอาหาร หรือกระหายน้ำ แต่จะเป็นการกันดารพระวจนะของพระยาห์เวห์’” (อาโมส 8:11)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าทรงทำได้รับการวางแผนอย่างแม่นยำ เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่ามีสิ่งหรือสถานการณ์กำลังเกิดขึ้น ในสายพระเนตรของพระองค์มีมาตรฐานเพื่อใช้ประเมินอยู่แล้ว และมาตรฐานนี้กำหนดว่าพระองค์จะทรงเปิดตัวแผนการที่จะจัดการกับมันหรือไม่ หรือวิธีเข้าหาอะไรที่จะใช้ในการจัดการกับสิ่งหรือสถานการณ์นี้ พระองค์ไม่ทรงเมินเฉย หรือขาดแคลนความรู้สึกต่อทุกสิ่งทุกอย่าง อันที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง มีข้อเขียนหนึ่งตรงนี้ที่ระบุสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสแก่โนอาห์ว่า “เราจะให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงสิ้นสุดต่อหน้าเรา ด้วยเหตุว่า แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความโหดร้ายเพราะการกระทำของมนุษย์ ดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก” เมื่อพระเจ้าได้ตรัสการนี้ พระองค์ทรงหมายความว่าพระองค์กำลังทรงทำลายมนุษย์เท่านั้นหรือไม่? ไม่! พระเจ้าได้ตรัสว่าพระองค์กำลังจะทรงทำลายสิ่งมีชีวิตที่มีเนื้อหนังทั้งหมด เหตุใดพระเจ้าจึงได้ทรงต้องการความย่อยยับ? มีการเปิดเผยถึงพระอุปนิสัยของพระเจ้าอีกอย่างหนึ่งในที่นี้ ในสายพระเนตรของพระเจ้ามีขีดจำกัดในความอดทนของพระองค์ต่อความเสื่อมทรามของมนุษย์ ต่อความโสโครก ความโหดร้าย และการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ทั้งหมด อะไรคือขีดจำกัดของพระองค์? ดังที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน” วลีที่ว่า “เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน” หมายความว่าอะไร? มันหมายความว่าสิ่งมีชีวิตอันใด รวมถึงพวกที่ได้ติดตามพระเจ้า พวกที่ได้ร้องเรียกพระนามของพระเจ้า พวกที่ครั้งหนึ่งได้เคยทำเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระเจ้า พวกที่ได้ยอมรับรู้พระเจ้าด้วยวาจา และถึงกับสรรเสริญพระเจ้า—ทันทีที่พฤติกรรมของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสื่อมทราม และไปถึงพระเนตรของพระเจ้า พระองค์ก็จะต้องทำลายพวกเขา นั่นคือขีดจำกัดของพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงยังคงอดทนต่อมนุษย์และความเสื่อมทรามของมนุษย์ทั้งหมดถึงระดับใด? ถึงระดับที่ผู้คนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตามของพระเจ้าหรือผู้ไม่เชื่อ ไม่ได้กำลังเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ถึงระดับที่มนุษย์ไม่ได้เพียงเสื่อมทรามทางศีลธรรม และเต็มไปด้วยความชั่ว แต่ในที่ที่ไม่มีใครสักคนได้เชื่อในการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้า ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีผู้ใดที่ได้เชื่อว่าโลกถูกปกครองโดยพระเจ้า และเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถนำความสว่างและเส้นทางที่ถูกต้องมาให้มนุษย์ได้ ถึงระดับที่มนุษย์ได้ดูหมิ่นการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้า และไม่อนุญาตให้พระเจ้าทรงดำรงอยู่ ทันทีที่ความเสื่อมทรามของมนุษย์ได้ไปถึงจุดนี้ พระเจ้าก็ไม่ทรงสามารถทนได้อีกต่อไป อะไรจะมาแทนที่เล่า? การมาถึงของพระพิโรธและการลงโทษของพระเจ้านั่นเอง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 1

ทั้งหมดจะสำเร็จลุล่วงโดยวจนะของเรา ไม่มีมนุษย์คนใดอาจมีส่วนร่วม และไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำงานที่เราจะดำเนินการ เราจะทำให้อากาศของแผ่นดินทั้งมวลใสสะอาดและกำจัดร่องรอยทั้งหมดของพวกปีศาจบนแผ่นดินโลก เราได้เริ่มต้นแล้ว และเราจะตั้งต้นทำขั้นตอนแรกแห่งงานตีสอนของเราในที่อาศัยของพญานาคใหญ่สีแดง ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่าการตีสอนของเราได้บังเกิดแก่ทั้งจักรวาล และเห็นได้ว่าพญานาคใหญ่สีแดงและวิญญาณที่มีมลทินทุกประเภทจะไม่มีพลังอำนาจที่จะหลีกหนีการตีสอนของเรา เพราะเราเฝ้ามองดินแดนทั้งปวง เมื่องานของเราบนแผ่นดินโลกเสร็จสมบูรณ์ นั่นคือเมื่อยุคแห่งการพิพากษามาถึงบทอวสาน เราจะตีสอนพญานาคใหญ่สีแดงอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าประชากรของเราจะมองเห็นเราตีสอนพญานาคใหญ่สีแดงด้วยความชอบธรรม แน่นอนว่าพวกเขาจะพากันแซ่ซ้องสรรเสริญเพราะความชอบธรรมของเรา และแน่นอนว่าจะเชิดชูนามอันบริสุทธิ์ของเราไปตลอดกาลเพราะความชอบธรรมของเรา ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าย่อมจะปฏิบัติหน้าที่ของพวกเจ้าอย่างเป็นทางการ และจะสรรเสริญเราอย่างเป็นทางการทั่วแผ่นดินทั้งหลาย ตลอดกาลนาน!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 28

เมื่อผู้คนทั้งปวงได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์ และทุกชาติบนแผ่นดินโลกกลายเป็นราชอาณาจักรของพระคริสต์ เมื่อนั้นจึงจะถึงเวลาที่เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังกระหึ่ม วันนี้คือก้าวย่างไปสู่ช่วงระยะนั้น พลังได้ถูกปลดปล่อยไปสู่วันนั้นแล้ว นี่คือแผนการของพระเจ้า และในอนาคตอันใกล้ แผนการนี้จะถูกทำให้เป็นจริง อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงสำเร็จลุล่วงทุกสิ่งที่พระองค์ดำรัสไว้ไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าชาติทั้งหลายบนแผ่นดินโลกเป็นเพียงปราสาททรายที่สั่นไหวเมื่อกระแสน้ำขึ้นเริ่มเข้ามาใกล้ กล่าวคือ วันสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว และพญานาคใหญ่สีแดงจะล้มคว่ำภายใต้พระวจนะของพระเจ้า เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการของพระองค์ดำเนินไปอย่างประสบผลสำเร็จ บรรดาทูตสวรรค์ได้ลงมาบนแผ่นดินโลก โดยทำอย่างเต็มที่เพื่อให้พระเจ้าพึงพอพระทัย พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงปรากฏในรูปมนุษย์ได้เสด็จไปยังสนามรบเพื่อทำสงครามกับศัตรู ที่ใดก็ตามที่มีการทรงปรากฏในรูปมนุษย์เกิดขึ้นก็คือสถานที่ที่ศัตรูถูกทำลายจนสิ้นซาก ประเทศจีนจะเป็นชาติแรกที่ถูกทำลายล้าง โดยจะถูกทำให้ย่อยยับด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้า ที่นั่นพระเจ้าจะไม่ทรงแสดงความปรานีอย่างเด็ดขาด ข้อพิสูจน์ของการล่มสลายลงเรื่อยๆ ของพญานาคใหญ่สีแดงสามารถมองเห็นได้ในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่องของผู้คน การนี้เด่นชัดและมองเห็นได้สำหรับทุกคน การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของผู้คนคือหมายสำคัญอย่างหนึ่งถึงอวสานของศัตรู นี่คือคำอธิบายส่วนหนึ่งถึงความหมายของคำว่า “แข่งขัน”

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 10

วันนี้ เราไม่เพียงกำลังลงมายังชนชาติของพญานาคใหญ่สีแดงเท่านั้น แต่เรายังกำลังหันไปเผชิญหน้ากับทั่วทั้งจักรวาลอีกด้วย ทำให้สวรรค์ชั้นสูงสุดทั้งหมดทั้งมวลสั่นไหว มีสถานที่ใดสักแห่งไหมที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การพิพากษาของเรา? มีสถานที่สักแห่งไหมที่ไม่ดำรงอยู่ภายใต้ความหายนะที่เรากระหน่ำลงไป? ทุกที่ที่เราไป เราได้กระจาย “เมล็ดพันธุ์แห่งความวิบัติ” ทุกประเภทไว้แล้ว นี่เป็นหนึ่งในวิธีทำงานของเรา และเป็นการกระทำเพื่อช่วยมนุษยชาติให้รอดอย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่เราหยิบยื่นให้พวกเขายังคงเป็นความรักอย่างหนึ่ง เราปรารถนาที่จะอนุญาตให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นอีกทำความรู้จักเราและสามารถเห็นเรา และด้วยวิธีนี้ มาเคารพพระเจ้าองค์หนึ่งซึ่งพวกเขาไม่สามารถมองเห็นมานานหลายปีแล้ว แต่ผู้ซึ่ง ณ บัดนี้เป็นจริงแล้ว เราได้สร้างโลกด้วยเหตุผลอะไรหรือ? ทำไมหลังจากมนุษย์ได้กลายเป็นเสื่อมทราม เราจึงไม่ได้ทำลายล้างพวกเขาอย่างสิ้นเชิง? เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดใช้ชีวิตท่ามกลางความวิบัติด้วยเหตุผลอะไรเล่า? อะไรคือจุดประสงค์ของเราในการรับสภาพมนุษย์? เมื่อเรากำลังปฏิบัติงานของเรา มนุษย์ไม่เพียงเรียนรู้เฉพาะรสชาติของความขมขื่นเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้รสชาติของความหวานอีกด้วย

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 10

ในพระราชกิจช่วงระยะนี้ เนื่องจากพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเปิดเผยกิจการทั้งปวงของพระองค์ไปทั่วโลก เพื่อที่มนุษย์ทั้งปวงผู้ทรยศพระองค์จะมานบนอบอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์อีกครั้ง การพิพากษาของพระเจ้าจะยังคงประกอบด้วยความกรุณาและความรักเมตตาของพระองค์ พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์ปัจจุบันทั่วทั้งโลกมาเป็นโอกาสทำให้มนุษย์รู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขาแสวงหาพระเจ้าเพื่อที่พวกเขาอาจหลั่งไหลกลับมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ดังนั้น พระเจ้าจึงตรัสว่า “นี่เป็นหนึ่งในวิธีทำงานของเรา และเป็นการกระทำเพื่อช่วยมนุษยชาติให้รอดอย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่เราหยิบยื่นให้พวกเขายังคงเป็นความรักอย่างหนึ่ง”

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 10

ในพระราชกิจระยะต่างๆ ของพระเจ้า ความรอดยังคงอยู่ในรูปแบบของความวิบัตินานัปการ และไม่มีผู้ใดที่ถูกชี้ชะตาไว้แล้วสามารถหลีกหนีความวิบัติเหล่านี้ไปได้ มีเพียงในท้ายที่สุดเท่านั้นจึงเป็นไปได้ที่จะสัมฤทธิ์สภาพการณ์บนแผ่นดินโลกที่ “สงบเยือกเย็นเหมือนสวรรค์ชั้นที่สาม กล่าวคือ ณ ที่นี้ สิ่งมีชีวิตทั้งใหญ่และเล็กดำรงอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง ไม่พัวพันอยู่ใน ‘ความขัดแย้งทางปากและลิ้น’” แง่มุมหนึ่งแห่งพระราชกิจของพระเจ้าคือเพื่อพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวงและได้รับประชากรที่ทรงเลือกสรรไว้โดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์ อีกแง่มุมหนึ่งคือการพิชิตบุตรแห่งการกบฏทั้งปวงผ่านทางความวิบัตินานัปการ นี่คือส่วนหนึ่งของพระราชกิจขนาดใหญ่ของพระเจ้า ในหนทางนี้เท่านั้นจึงจะสามารถสัมฤทธิ์ราชอาณาจักรบนแผ่นดินโลกที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ได้อย่างครบถ้วน และการนี้คือส่วนที่เป็นทองคำบริสุทธิ์ในพระราชกิจของพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 7

ความปรานีของเรานั้นแสดงออกต่อบรรดาผู้ที่รักเราและปฏิเสธตัวพวกเขาเอง ในขณะเดียวกัน การลงโทษที่ได้ไปเยือนคนเลว ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงอุปนิสัยที่ชอบธรรมของเราอย่างชัดเจน และยิ่งไปกว่านั้นคือ พิสูจน์คำพยานแห่งความโกรธเคืองของเรา เมื่อความวิบัติมาเยือน ทุกคนที่ต่อต้านเราจะวิปโยคร่ำไห้ในขณะที่พวกเขาตกเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของการกันดารอาหารและภัยพิบัติ บรรดาผู้ที่ได้กระทำความเลวในทุกลักษณะ เว้นแต่ผู้ที่ได้ติดตามเรามาเป็นเวลาหลายปี จะไม่มีทางหลบพ้นการชำระชดใช้ให้กับบาปของตน พวกเขาอีกเช่นกัน ที่จะดิ่งพรวดลงสู่ความวิบัติ ในแบบที่นานๆ ครั้งจะได้เห็นกันในตลอดระยะเวลาหลายล้านปี และพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะแห่งความอกสั่นขวัญผวาและหวาดกลัวตลอดเวลา และบรรดาผู้ติดตามของเราทั้งหลายที่ได้แสดงความจงรักภักดีต่อเราจะชื่นบานและปรบมือให้กับอิทธิฤทธิ์ของเรา พวกเขาจะผ่านประสบการณ์กับความพอใจอันเกินพรรณนา และดำรงชีวิตท่ามกลางความชื่นบานยินดีอย่างที่เราไม่เคยมอบให้มวลมนุษย์ เพราะเราถนอมความล้ำค่าของความประพฤติที่ดีงามของมนุษย์และชิงชังความประพฤติชั่วของพวกเขา ตั้งแต่เมื่อเราเริ่มต้นนำทางมวลมนุษย์ เรามุ่งหวังอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดว่าจะได้รับผู้คนสักกลุ่มที่มีจิตใจเดียวกับเรา ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีจิตใจเดียวกับเรานั้น เราก็ไม่เคยลืม เราเกลียดพวกเขาในหัวใจของเราเสมอ รอคอยโอกาสที่จะนำพาการลงทัณฑ์อันสาสมมาสู่พวกเขา อันเป็นสิ่งซึ่งเราจะเพลิดเพลินที่ได้เห็น บัดนี้วันของเราได้มาถึงแล้วในที่สุด และเราไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, จงตระเตรียมความประพฤติที่ดีงามให้พอเพียงสำหรับบั้นปลายของเจ้า

ก่อนหน้า: บ่อยครั้งที่พวกศิษยาภิบาลบอกพวกเราว่า แม้ว่าความวิบัติกระหน่ำพรมลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเราต้องไม่กลัว เพราะพระคัมภีร์บอกพวกเราว่า “พันคนจะล้มอยู่ข้างๆ ท่าน หมื่นคนที่ขวามือของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน” (สดุดี 91:7) หากพวกเรามีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า และอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และชุมนุมกันต่อไป ความวิบัติก็จะไม่ตกแก่พวกเรา แต่ก็มีพวกศิษยาภิบาลเคร่งศาสนาและคริสตชนบางคนที่ได้ตายไปในความวิบัติเหล่านี้ พวกเขาล้วนได้อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน และรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นแล้วทำไมพระเจ้ามิได้ทรงอารักขาพวกเขาเล่า?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger