ฉันได้ศึกษาพระคัมภีร์มาตลอดระยะเวลายี่สิบปี ฉันได้เรียนรู้ว่า ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์ได้ถูกเขียนโดยผู้เขียนต่างกัน 40 ราย ณ เวลาที่ต่างกัน แต่พระคัมภีร์ก็ไม่มีข้อผิดพลาดบรรจุอยู่สักข้อ นี่พิสูจน์ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้เขียนที่แท้จริงของพระคัมภีร์ และองค์พระคัมภีร์ทั้งหมดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

วันที่ 17 เดือน 03 ปี 2021

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“เยโฮยาคีนมีพระชนมายุ 18 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือน พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเนหุชทา บุตรหญิงของเอลนาธันชาวเยรูซาเล็ม” (2 พงศ์กษัตริย์ 24:8)

“เยโฮยาคีนมีพระชนมายุ 18 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 เดือนกับ 10 วัน พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์” (2 พงศาวดาร 36:9)

“พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านว่า ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’” (มัทธิว 26:34)

“พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านว่า ในวันนี้คือในคืนนี้เอง ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’” (มาระโก 14:30)

“พระองค์ตรัสว่า ‘เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่าวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง’” (ลูกา 22:34)

“พระเยซูตรัสตอบว่า ‘ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ? เราบอกความจริงกับท่านว่า ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’” (ยอห์น 13:38)

“ยูดาสจึงทิ้งเงินนั้นไว้ในพระวิหารและจากไป แล้วออกไปผูกคอตาย” (มัทธิว 27:5)

“คนนี้ได้นำค่าตอบแทนที่ได้จากการอธรรมของตนไปซื้อที่ดิน แล้วก็คะมำตกและแตกกลางลำตัวไส้พุงทะลักออกมาหมด” (กิจการ 1:18)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระคัมภีร์คือบันทึกประวัติศาสตร์พระราชกิจของพระเจ้าในอิสราเอล และบันทึกการพยากรณ์มากมายของผู้เผยพระวจนะยุคโบราณ ตลอดจนถ้อยดำรัสบางส่วนของพระยาห์เวห์ในพระราชกิจของพระองค์ ณ ขณะนั้น ดังนั้นผู้คนจึงมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ (เพราะพระเจ้าทรงศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่) แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือผลของความเคารพที่พวกเขามีให้กับพระยาห์เวห์ และการรักบูชาที่พวกเขามีให้กับพระเจ้า ผู้คนอ้างอิงหนังสือเล่มนี้ในลักษณะนี้เพียงเพราะการทรงสร้างของพระเจ้าช่างน่าเคารพและน่ารักบูชาสำหรับผู้ทรงสร้างของพวกเขาเท่านั้น และยังมีแม้กระทั่งผู้ที่เรียกหนังสือเล่มนี้ว่าหนังสือจากสวรรค์ อันที่จริงแล้ว พระคัมภีร์เป็นแค่บันทึกของมนุษย์ พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ด้วยพระองค์เอง อีกทั้งพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงเป็นผู้นำการสร้างหนังสือเล่มนี้ด้วยพระองค์เอง กล่าวคือ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นมนุษย์ พระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นเพียงชื่อที่เต็มไปด้วยความนับถือที่มนุษย์เป็นผู้ตั้งขึ้นเท่านั้น พระยาห์เวห์และพระเยซูไม่ได้ตัดสินพระทัยเลือกชื่อนี้หลังจากที่พวกพระองค์ทรงหารือกัน ชื่อนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแนวคิดของมนุษย์ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนขึ้นโดยพระยาห์เวห์ นับประสาอะไรที่จะได้เขียนขึ้นโดยพระเยซู แต่เป็นการบรรยายที่ผู้เผยพระวจนะ อัครทูต และผู้มองเห็นในยุคโบราณมากมายให้ไว้ ซึ่งได้รับการรวบรวมเป็นหนังสือข้อเขียนโบราณโดยชนรุ่นหลัง ซึ่งสำหรับผู้คนแล้ว หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนว่าเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เป็นหนังสือที่พวกเขาเชื่อว่าบรรจุความล้ำลึกที่ยากหยั่งถึงและลุ่มลึกมากมายที่กำลังรอให้ชนยุคอนาคตไขออกมา ดังนั้น ผู้คนจึงมีแนวโน้มมากยิ่งไปอีกที่จะเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจากสวรรค์ เมื่อรวมหนังสือหมวดพระกิตติคุณสี่เล่มและหนังสือวิวรณ์เข้าไป ท่าทีที่ผู้คนมีต่อพระคัมภีร์ก็แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นเป็นอย่างยิ่ง และดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะชำแหละ “หนังสือจากสวรรค์” เล่มนี้ เพราะหนังสือเล่มนี้ “ศักดิ์สิทธิ์” เกินไป

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (4)

ในวันนี้ ผู้ใดท่ามกลางพวกเจ้ากล้าพูดว่าคำพูดทั้งหมดที่ถูกพูดโดยพวกที่ถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์? ผู้ใดเล่ากล้าพูดสิ่งต่างๆ เช่นนี้? หากเจ้าพูดสิ่งต่างๆ เช่นนี้จริง เช่นนั้นแล้วทำไมหนังสือแห่งการเผยพระวจนะของเอสราจึงถูกละทิ้ง และทำไมสิ่งเดียวกันจึงถูกกระทำกับบรรดาหนังสือของวิสุทธิชนและผู้เผยพระวจนะในยุคโบราณเหล่านั้น? หากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทำไมพวกเจ้าจึงกล้าทำการเลือกตามอำเภอใจเช่นนี้? เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเลือกพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่? หลายเรื่องราวจากประเทศอิสราเอลก็ถูกละทิ้งเช่นกัน และหากเจ้าเชื่อว่าข้อเขียนแห่งอดีตเหล่านี้ทั้งหมดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทำไมหนังสือบางเล่มจึงถูกละทิ้ง? หากหนังสือทั้งหมดนั่นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ควรได้รับการเก็บรักษาไว้ และส่งไปให้พี่น้องชายหญิงของคริสตจักรได้อ่าน หนังสือเหล่านั้นไม่ควรถูกเลือกหรือละทิ้งโดยความตั้งใจของมนุษย์ มันผิดที่จะทำเช่นนั้น การพูดว่าประสบการณ์ของเปาโลและยอห์นถูกผสมกับความเข้าใจเชิงลึกส่วนตัวของพวกเขาไม่ได้หมายความว่าประสบการณ์และความรู้ของพวกเขามาจากซาตาน แต่เป็นเพียงว่าพวกเขามีสิ่งต่างๆ ที่มาจากประสบการณ์และความเข้าใจเชิงลึกส่วนตัวของพวกเขา ความรู้ของพวกเขาสอดคล้องกับภูมิหลังของประสบการณ์จริงแท้ของพวกเขา ณ เวลานั้น และใครเล่าจะสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าทั้งหมดนั่นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์? หากข่าวประเสริฐทั้งสี่ล้วนมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทำไมมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นแต่ละคนจึงพูดถึงบางสิ่งที่แตกต่างกันเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเยซู? หากเจ้าไม่เชื่อเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้วจงดูที่เรื่องราวต่างๆ ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับการที่เปโตรได้ปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้งอย่างไร กล่าวคือ การปฏิเสธทั้งหมดแตกต่างกัน และแต่ละครั้งก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง หลายคนที่ไม่รู้เท่าทันพูดว่า “พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ก็ทรงเป็นมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นพระวจนะที่พระองค์ตรัสนั้นสามารถมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยครบบริบูรณ์ได้หรือ? หากคำพูดของเปาโลและยอห์นถูกผสมกับความตั้งใจของมนุษย์ เช่นนั้นแล้วพระวจนะที่พระองค์ตรัสนั้นก็ไม่ได้ถูกผสมกับความตั้งใจของมนุษย์จริงๆ หรือ?” ผู้คนที่พูดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตาบอดและไม่รู้เท่าทัน! จงอ่านข่าวประเสริฐทั้งสี่อย่างละเอียดถี่ถ้วน จงอ่านสิ่งที่ข่าวประเสริฐทั้งสี่ได้บันทึกไว้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่พระเยซูได้ทรงทำ และพระวจนะที่พระองค์ได้ตรัสไว้ แต่ละเรื่องราวแตกต่างกันอย่างแน่นอนมาก และแต่ละเรื่องราวก็มีมุมมองของตัวเอง หากสิ่งที่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้เขียนหนังสือเหล่านี้ทั้งหมดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทั้งหมดก็ควรจะเหมือนกันและสอดคล้องกัน เช่นนั้นแล้วทำไมจึงมีความแตกต่าง? มนุษย์ไม่โง่อย่างที่สุดหรอกหรือ ที่ไร้ความสามารถที่จะมองเห็นเรื่องนี้?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ว่าด้วยเรื่องชื่อและอัตลักษณ์

พระกิตติคุณมัทธิวในพันธสัญญาใหม่บันทึกลำดับพงศ์ของพระเยซู ในตอนแรก หนังสือเล่มนี้ระบุว่าพระเยซูทรงเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและของดาวิด และบุตรของโยเซฟ ต่อมาหนังสือเล่มนี้ระบุว่าพระเยซูทรงปฏิสนธิในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และประสูติจากหญิงพรหมจารี—ซึ่งจะหมายความว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นบุตรของโยเซฟหรือพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและของดาวิด อย่างไรก็ตาม ลำดับพงศ์ยืนกรานที่จะเชื่อมโยงพระเยซูเข้ากับโยเซฟ ต่อมาลำดับพงศ์เริ่มบันทึกกระบวนการที่พระเยซูประสูติ โดยหนังสือเล่มนี้ระบุว่าพระเยซูทรงปฏิสนธิในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าพระองค์ประสูติจากหญิงพรหมจารี และไม่ใช่บุตรของโยเซฟ แต่ในลำดับพงศ์มีการเขียนอย่างชัดเจนว่าพระเยซูทรงเป็นบุตรของโยเซฟ และเพราะลำดับพงศ์นี้ได้รับการเขียนขึ้นเพื่อพระเยซู ลำดับพงศ์นี้จึงบันทึกข้อมูลของสี่สิบสองชั่วคน เมื่อไปถึงชั่วคนรุ่นของโยเซฟ หนังสือระบุอย่างเร่งรีบว่าโยเซฟเป็นสามีของมารีย์ ซึ่งเป็นคำพูดที่ระบุเพื่อพิสูจน์ว่าพระเยซูทรงเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งในตัวเองหรือ? ลำดับพงศ์บันทึกต้นตระกูลของโยเซฟอย่างชัดเจน ลำดับพงศ์นี้เป็นลำดับพงศ์ของโยเซฟอย่างชัดเจน แต่มัทธิวยืนกรานว่านี่คือลำดับพงศ์ของพระเยซู นี่ไม่ได้ปฏิเสธข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิสนธิในครรภ์ของพระเยซูโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์หรอกหรือ? ดังนั้นแล้ว ลำดับพงศ์ที่มัทธิวเขียนขึ้นไม่ได้เป็นแนวคิดของมนุษย์หรอกหรือ? มันช่างไร้สาระ! นี่คือวิธีที่เจ้าจะสามารถรู้ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (3)

วันนี้ ผู้คนเชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระเจ้า และพระเจ้าคือพระคัมภีร์ ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อเช่นกันว่าข้อความทั้งหมดในพระคัมภีร์เป็นพระวจนะทั้งหมดทั้งสิ้นที่พระเจ้าตรัส และว่าข้อความทั้งหมดนั้นพระเจ้าเป็นผู้ตรัส บรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าคิดแม้กระทั่งว่า ถึงแม้ว่าหนังสือพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ทั้งหมดหกสิบหกเล่มได้รับการเขียนขึ้นโดยผู้คน แต่หนังสือทุกเล่มได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นบันทึกถ้อยดำรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือการจับใจความที่ผิดพลาดของมนุษย์ และไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างครบบริบูรณ์ อันที่จริงแล้ว นอกเหนือจากหนังสือการเผยพระวจนะแล้ว เนื้อหาส่วนใหญ่ของพันธสัญญาเดิมคือบันทึกทางประวัติศาสตร์ จดหมายฝากบางส่วนของพันธสัญญาใหม่มาจากประสบการณ์ของผู้คน และบางส่วนมาจากความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตัวอย่างเช่น จดหมายฝากของเปาโลเกิดขึ้นจากงานของมนุษย์ จดหมายฝากเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผลจากความรู้แจ้งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทั้งหมดได้รับการเขียนขึ้นเพื่อคริสตจักร และเป็นคำพูดเตือนสติและหนุนใจสำหรับพี่น้องชายหญิงของคริสตจักร คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่พระวจนะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส—เปาโลไม่อาจพูดในนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ อีกทั้งท่านก็ไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะเช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับการที่ท่านจะมองเห็นนิมิตที่ยอห์นได้พบเห็น จดหมายฝากของท่านเขียนขึ้นเพื่อคริสตจักรเอเฟซัส ฟิลาเดลเฟีย กาลาเทีย และคริสตจักรอื่นๆ และด้วยเหตุนี้ จดหมายฝากของเปาโลแห่งพันธสัญญาใหม่จึงเป็นจดหมายฝากที่เปาโลเขียนขึ้นเพื่อคริสตจักร และไม่ใช่การดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ อีกทั้งไม่ใช่ถ้อยดำรัสโดยตรงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จดหมายฝากเหล่านี้เป็นเพียงคำพูดเตือนสติ ความชูใจ และการหนุนใจ ซึ่งท่านเขียนขึ้นเพื่อคริสตจักรในช่วงระหว่างที่งานของท่านดำเนินไป ดังนั้น จดหมายฝากเหล่านี้จึงเป็นบันทึกเกี่ยวกับงานของเปาโลส่วนใหญ่ในขณะนั้นด้วยเช่นกัน บันทึกเหล่านี้เขียนขึ้นเพื่อทุกคนที่เป็นพี่น้องชายหญิงทุกคนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้พี่น้องชายหญิงของคริสตจักรทั้งหลายในเวลานั้นจะได้ติดตามคำแนะนำของท่านและปฏิบัติตามหนทางแห่งการกลับใจขององค์พระเยซูเจ้า เปาโลไม่ได้พูดแต่อย่างใดว่าคริสตจักรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรในเวลานั้นหรือคริสตจักรในอนาคต ต้องกินและดื่มสิ่งต่างๆ ที่ท่านเขียนขึ้น อีกทั้งท่านไม่ได้พูดว่าคำพูดทั้งหมดของท่านมาจากพระเจ้า ตามรูปการณ์แวดล้อมต่างๆ ของคริสตจักรในเวลานั้น ท่านเพียงเข้าสนิทกับพี่น้องชายหญิง และเตือนสติพวกเขาเหล่านั้น และบันดาลใจให้เกิดการเชื่อในพวกเขา และท่านเพียงเทศนาหรือเตือนจำผู้คนให้ระลึกถึงและเตือนสติพวกเขาเท่านั้น คำพูดของท่านมีพื้นฐานมาจากภาระของท่านเอง และท่านสนับสนุนผู้คนโดยผ่านทางคำพูดเหล่านี้ ท่านทำงานของอัครทูตคนหนึ่งของคริสตจักรในเวลานั้น ท่านเป็นคนงานที่องค์พระเยซูเจ้าทรงใช้งาน และด้วยเหตุนี้ท่านต้องรับหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อคริสตจักร และต้องรับภาระงานของคริสตจักร ท่านต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสภาวะของพี่น้องชายหญิง—และเพราะเหตุนี้ ท่านจึงได้เขียนจดหมายฝากให้กับพี่น้องชายหญิงทุกคนในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกสิ่งที่ท่านพูดซึ่งเป็นสิ่งที่เสริมสร้างและเป็นบวกสำหรับผู้คนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่นั่นไม่ได้เป็นตัวแทนของพระดำรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสิ่งที่ท่านพูดไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้ การที่ผู้คนปฏิบัติต่อบันทึกประสบการณ์ของมนุษย์และจดหมายฝากของมนุษย์เสมือนเป็นพระวจนะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสต่อคริสตจักรทั้งหลายคือความเข้าใจที่ผิดมหันต์และเป็นการหมิ่นประมาทอย่างยิ่ง! ซึ่งข้อนี้เป็นจริงโดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของจดหมายฝากที่เปาโลเขียนให้กับคริสตจักรทั้งหลาย เพราะจดหมายฝากของท่านได้รับการเขียนขึ้นเพื่อพี่น้องชายหญิงตามรูปการณ์แวดล้อมต่างๆ และสถานการณ์ของคริสตจักรแต่ละแห่งในเวลานั้น และเป็นไปเพื่อเตือนสติพี่น้องชายหญิงในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับพระคุณขององค์พระเยซูเจ้าได้ จดหมายฝากของท่านเป็นไปเพื่อปลุกเร้าพี่น้องชายหญิงในเวลานั้น สามารถกล่าวได้ว่านี่คือภาระของท่านเอง และยังเป็นภาระที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้กับท่านด้วย อย่างไรเสีย ท่านก็เป็นอัครทูตผู้นำคริสตจักรในเวลานั้น ผู้เขียนจดหมายฝากให้กับคริสตจักรทั้งหลายและเตือนสติพวกเขา—นั่นคือความรับผิดชอบของท่าน อัตลักษณ์ของท่านเป็นแค่อัตลักษณ์ของอัครทูตที่ทำงานเท่านั้น และท่านเป็นเพียงอัครทูตคนหนึ่งที่พระเจ้าได้ทรงส่งมาเท่านั้น ท่านไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ อีกทั้งไม่ใช่ผู้พยากรณ์ สำหรับท่านแล้ว งานของท่านเองและชีวิตของพี่น้องชายหญิงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงไม่สามารถพูดในนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ คำพูดของท่านไม่ใช่พระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นับประสาอะไรที่จะสามารถพูดได้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นพระวจนะของพระเจ้า เพราะเปาโลไม่ได้เป็นอื่นใดมากไปกว่าสิ่งทรงสร้างหนึ่งของพระเจ้า และแน่นอนว่าท่านไม่ใช่การจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้า อัตลักษณ์ของท่านไม่ได้เหมือนกับพระอัตลักษณ์ของพระเยซู พระวจนะของพระเยซูคือพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวจนะของพระองค์คือพระวจนะของพระเจ้า เพราะพระอัตลักษณ์ของพระองค์คือพระอัตลักษณ์ของพระคริสต์—พระบุตรของพระเจ้า เปาโลจะสามารถเทียบเท่ากับพระองค์ได้อย่างไร? หากผู้คนเห็นว่าจดหมายฝากหรือคำพูดเช่นของเปาโลเป็นถ้อยดำรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนมัสการคำพูดเหล่านั้นเป็นพระเจ้า เช่นนั้นแล้วก็สามารถพูดได้เพียงว่าพวกเขาช่างขาดการพิจารณาจนเกินไปเท่านั้น หากพูดอย่างกระด้างขึ้นก็คือ นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การหมิ่นประมาทหรอกหรือ? มนุษย์จะสามารถพูดในนามของพระเจ้าได้อย่างไร? แล้วผู้คนจะสามารถกราบไหว้ต่อหน้าบันทึกของจดหมายฝากของท่าน และคำพูดที่ท่านพูดเสมือนเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์หรือหนังสือจากสวรรค์ได้อย่างไร? มนุษย์คนหนึ่งสามารถเปล่งพระวจนะของพระเจ้าได้อย่างไม่ต้องคิดมากหรือ? มนุษย์จะสามารถพูดในนามของพระเจ้าได้อย่างไร? ดังนั้นแล้ว เจ้าจะพูดว่าอย่างไร—จดหมายฝากที่ท่านเขียนเพื่อคริสตจักรไม่สามารถด่างพร้อยไปด้วยแนวคิดของท่านเองได้อย่างนั้นหรือ? สิ่งเหล่านั้นจะไม่ด่างพร้อยไปด้วยแนวคิดของมนุษย์ได้อย่างไร? ท่านได้เขียนจดหมายฝากสำหรับคริสตจักรโดยมีพื้นฐานอยู่ที่ประสบการณ์ส่วนตัวของท่าน และความรู้ของท่านเอง ตัวอย่างเช่น เปาโลได้เขียนจดหมายฝากถึงคริสตจักรกาลาเทีย ซึ่งประกอบด้วยความคิดเห็นบางประการ และเปโตรได้เขียนจดหมายฝากอีกฉบับซึ่งมีอีกทรรศนะหนึ่ง ความคิดเห็นใดที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์? ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถพูดได้เพียงว่าท่านทั้งสองแบกภาระสำหรับคริสตจักรเท่านั้น แต่จดหมายของพวกท่านเป็นตัวแทนของวุฒิภาวะของพวกท่าน จดหมายของท่านเป็นตัวแทนของการจัดเตรียมและการสนับสนุนเพื่อพี่น้องชายหญิง และภาระของพวกท่านต่อคริสตจักรทั้งหลาย และจดหมายของพวกท่านเป็นตัวแทนของงานของมนุษย์เท่านั้น—จดหมายเหล่านั้นไม่ได้เป็นของพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง หากเจ้าพูดว่าจดหมายฝากของท่านเป็นพระวจนะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไร้สาระ และเจ้ากำลังกระทำการหมิ่นประมาท! จดหมายฝากของเปาโลและจดหมายฝากอื่นๆ ของพันธสัญญาใหม่เทียบเท่ากับชีวประวัติของบุคคลสำคัญด้านจิตวิญญาณเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ จดหมายเหล่านั้นอยู่ระดับเดียวกับหนังสือของวอทช์แมน นี หรือประสบการณ์ของลอว์เรนซ์ เป็นต้น เป็นเพียงแค่ว่าหนังสือของบุคคลสำคัญด้านจิตวิญญาณเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้รับการรวบรวมลงในพันธสัญญาใหม่ แต่เนื้อแท้ของผู้คนเหล่านี้นั้นเหมือนกัน นั่นคือ ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้งานในช่วงระหว่างช่วงเวลาหนึ่งๆ และผู้คนเหล่านี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้โดยตรง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เกี่ยวกับพระคัมภีร์ (3)

ก่อนหน้า: พระคัมภีร์เป็นคำพยานต่อพระราชกิจของพระเจ้า โดยผ่านทางพระคัมภีร์นี่เองที่บรรดาผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนรับรู้ว่า ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งได้รับการทรงสร้างโดยพระเจ้า เป็นเพราะพระคัมภีร์นี่เองที่พวกเขาได้มองดูการอัศจรรย์ ความยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดแห่งกิจการทั้งหลายของพระเจ้า สิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือ พระคัมภีร์บรรจุพระวจนะแห่งพระเจ้า และคำพยานเชิงประสบการณ์ของมนุษย์เอาไว้มากมาย ที่สามารถจัดเตรียมเพื่อชีวิตของมนุษย์ได้ และให้ความเจริญอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ พวกเราสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์จากการอ่านพระคัมภีร์อย่างนั้นหรือ? หรือว่าพระคัมภีร์ไม่บรรจุหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์เอาไว้?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พระคัมภีร์เป็นคำพยานต่อพระราชกิจของพระเจ้า โดยผ่านทางพระคัมภีร์นี่เองที่บรรดาผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนรับรู้ว่า ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งได้รับการทรงสร้างโดยพระเจ้า เป็นเพราะพระคัมภีร์นี่เองที่พวกเขาได้มองดูการอัศจรรย์ ความยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดแห่งกิจการทั้งหลายของพระเจ้า สิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือ พระคัมภีร์บรรจุพระวจนะแห่งพระเจ้า และคำพยานเชิงประสบการณ์ของมนุษย์เอาไว้มากมาย ที่สามารถจัดเตรียมเพื่อชีวิตของมนุษย์ได้ และให้ความเจริญอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ พวกเราสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์จากการอ่านพระคัมภีร์อย่างนั้นหรือ? หรือว่าพระคัมภีร์ไม่บรรจุหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์เอาไว้?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง “พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา...

พระคัมภีร์เป็นคำพยานต่อพระราชกิจของพระเจ้า โดยผ่านทางพระคัมภีร์นี่เองที่บรรดาผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนรับรู้ว่า ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทุกสรรพสิ่งได้รับการทรงสร้างโดยพระเจ้า เป็นเพราะพระคัมภีร์นี่เองที่พวกเขาได้มองดูการอัศจรรย์ ความยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดแห่งกิจการทั้งหลายของพระเจ้า สิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือ พระคัมภีร์บรรจุพระวจนะแห่งพระเจ้า และคำพยานเชิงประสบการณ์ของมนุษย์เอาไว้มากมาย ที่สามารถจัดเตรียมเพื่อชีวิตของมนุษย์ได้ และให้ความเจริญอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ พวกเราสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์จากการอ่านพระคัมภีร์อย่างนั้นหรือ? หรือว่าพระคัมภีร์ไม่บรรจุหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์เอาไว้?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง “พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา...

เป็นเวลาสองพันปีที่ความเชื่อของมนุษย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้มีพื้นฐานอยู่บนพระคัมภีร์ หลังจากที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงเริ่มต้นพระราชกิจแห่งการพิพากษาของยุคสุดท้าย บรรดาผู้ที่ได้ยอมรับพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไปแล้วล้วนมุ่งเน้นอยู่ที่การอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และนานๆ ครั้งจึงจะอ่านพระคัมภีร์ สิ่งที่ฉันต้องการรู้ก็คือ หลังจากที่พวกเขายอมรับพระราชกิจแห่งยุคสุดท้ายของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์แล้ว ผู้คนสามารถเข้าหาและใช้พระคัมภีร์กันอย่างถูกต้องได้อย่างไร?

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง “พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger