พี่น้องชายหญิงของเราส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ก่อนการเสด็จมาถึงขององค์พระเยซูเจ้า พวกฟาริสีมักจะตีความพระคัมภีร์ให้คนอื่นในธรรมศาลา พวกเขายืนอยู่หน้าผู้คนและอธิษฐานและใช้กฎของพระคัมภีร์เพื่อกล่าวโทษผู้คน ภายนอกพวกเขาดูน่าเคารพนับถือมาก เหมือนคนที่จะไม่มีทางทรยศพระคัมภีร์ แต่ทำไมพวกฟาริสีจึงถูกองค์พระเยซูเจ้าสาปแช่งล่ะ พวกเขาต่อต้านพระเจ้าโดยทางไหน พวกเขาแสดงความหน้าซื่อใจคดยังไง ทำไมพวกเขาจึงประสบพระพิโรธของพระเจ้า
ตอบ: คนที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้ารู้ว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงเกลียดชังพวกฟาริสีจริงๆ และทรงสาปแช่งพวกเขา และทรงประกาศวิบัติทั้งเจ็ดเหนือพวกเขา นี่มีความหมายมากในการเปิดโอกาสให้ผู้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้หยั่งรู้บรรดาฟาริสีที่หน้าซื่อใจคด หลุดออกจากพันธนาการและการควบคุมของพวกเขา และได้รับความรอดของพระเจ้า ยังไงก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียดาย ผู้เชื่อมากมายไม่สามารถหยั่งรู้แก่นแท้ของความหน้าซื่อใจคดของพวกฟาริสีได้ พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมองค์พระเยซูเจ้าจึงทรงเกลียดชังและสาปแช่งฟาริสีเหล่านั้นอย่างมาก วันนี้เราจะคุยกันถึงปัญหาพวกนี้สักเล็กน้อย พวกฟาริสีมักจะตีความพระคัมภีร์ให้คนอื่นในธรรมศาลา พวกเขามักจะอธิษฐานต่อหน้าผู้อื่นและใช้กฎของพระคัมภีร์เพื่อกล่าวโทษผู้คน สำหรับผู้สังเกตจากภายนอก พวกเขาดูเหมือนผู้รักษาพระคัมภีร์ที่น่าเคารพนับถือ ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเกลียดชังพวกเขาและสาปแช่งพวกเขาอย่างมากล่ะ ในความเป็นจริง เหตุผลหลักก็คือโดยแก่นแท้แล้ว พวกเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดที่ต่อต้านพระเจ้า พวกฟาริสีสนใจแต่เรื่องการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและทำตามกฎ พวกเขาแค่ตีความกฎและคำสอนในพระคัมภีร์ และไม่เคยสนทนาถึงน้ำพระทัยของพระเจ้ากับใครเลย อีกทั้งไม่มุ่งปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าหรือเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า ที่จริง พวกเขามองข้ามพระบัญญัติของพระเจ้า ทุกอย่างที่พวกเขาทำตรงข้ามกับน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง นั่นคือแก่นแท้ของความหน้าซื่อใจคดของพวกฟาริสี นั่นคือเหตุผลสำคัญว่าทำไมองค์พระเยซูเจ้าจึงทรงเกลียดชังและสาปแช่งพวกเขา องค์พระเยซูเจ้าตรัสแบบนั้นตอนที่พระองค์ทรงเปิดโปงพวกเขา “เพราะเหตุใดท่านทั้งหลายจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะคำสอนสืบทอดของท่าน? เพราะว่าพระเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ‘จงให้เกียรติบิดามารดาของตน’ และ ‘ใครประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย’ แต่พวกท่านกลับสอนว่า ‘ใครกล่าวกับบิดามารดาว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน สิ่งนั้นเป็นของที่ถวายแด่พระเจ้าแล้ว” คนนั้นก็ไม่ต้องให้เกียรติบิดาของตน’ อย่างนั้นแหละ พวกท่านทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นโมฆะไป เพราะคำสอนสืบทอดของท่าน พวกหน้าซื่อใจคด อิสยาห์พยากรณ์ถึงท่านทั้งหลายถูกแล้ว ว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’” (มัทธิว 15:3-9) เมื่อองค์พระเยซูเจ้าได้เปิดโปงพวกฟาริสีแล้ว เราเห็นได้ชัดเจน ว่าแม้พวกฟาริสีมักจะตีความพระคัมภีร์ให้ผู้อื่นในธรรมศาลา แต่พวกเขาไม่ได้เคารพนับถือหรือสรรเสริญพระเจ้าสักนิดเดียว พวกเขาไม่ได้ทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า และถึงกับแทนที่พระบัญญัติของพระเจ้าด้วยประเพณีของมนุษย์ พวกเขาลืมเรื่องพระบัญญัติของพระเจ้าไป พวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าอย่างเปิดเผย นี่เป็นหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับวิธีที่พวกฟาริสีรับใช้พระเจ้าแต่ก็ต่อต้านพระองค์ด้วยไม่ใช่เหรอ พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการประสบคำสาปแช่งและความเกลียดชังของพระเจ้าได้ยังไง พระบัญญัติของพระเจ้าระบุไว้ชัดเจนว่า “ห้ามฆ่าคน” “ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน” แต่พวกฟาริสีเพิกเฉยต่อพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาเป็นพยานเท็จอย่างเปิดเผย และกล่าวโทษและฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและมนุษย์ผู้ชอบธรรมซึ่งพระเจ้าส่งมา พวกเขาต่อต้านพระเจ้าโดยตรง ดังนั้น องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวโทษและสาปแช่งพวกฟาริสีว่า “เจ้าพวกงู พวกชาติงูร้าย เจ้าจะพ้นโทษนรกได้อย่างไร? เพราะเหตุนี้ เราจึงใช้บรรดาผู้เผยพระวจนะ บรรดานักปราชญ์ และธรรมาจารย์ทั้งหลายไปหาพวกเจ้า เจ้าทั้งหลายก็จะฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของพวกเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง เพื่อจะให้โลหิตของคนชอบธรรมทั้งหมดที่ตกในแผ่นดินโลกนั้นตกบนตัวพวกเจ้า […]” (มัทธิว 23:33-35) พวกฟาริสีต่อต้านพระเจ้าและฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและคนชอบธรรมที่พระองค์ทรงส่งมาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาพยายามยามทำลายพระราชกิจของพระเจ้าและปิดกั้นการดำเนินการตามน้ำพระทัยของพระองค์ พวกเขาทำให้พระอุปนิสัยของพระเจ้าเดือดดาลอย่างรุนแรง แล้วพวกเขาจะไม่ถูกพระองค์สาปแช่งได้ยังไง ทุกอย่างที่พวกฟาริสีได้ทำเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่เหรอครับ เราไม่สามารถเห็นแก่นแท้และพฤติกรรมหน้าซื่อใจคดของพวกฟาริสีได้เหรอ
ภายนอกพวกฟาริสีดูน่าเคารพนับถือ แต่แก่นแท้ของพวกเขาบ่อนทำลายและเจ้าเล่ห์ พวกเขาชำนาญเป็นพิเศษในการเสแสร้งและตบตาคนอื่น ถ้าองค์พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงเปิดโปงการกระทำชั่วร้ายทั้งหมดของพวกเขา รวมถึงการทรยศและละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า เราก็คงไม่สามารถเห็นแก่นแท้ความน่าซื่อใจคดของพวกฟาริสีได้ ทีนี้มาดูการทรงเปิดโปงและกล่าวโทษพวกฟาริสีขององค์พระเยซูเจ้ากันอีกครั้งนะครับ มัทธิว 23:23-24 “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อนั้นพวกเจ้ากลับละเลย การถวายทศางค์นั้นเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยเรื่องที่สำคัญนั้นด้วย โอ เจ้าพวกคนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป” 27-28 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าพวกเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและทุกอย่างที่โสโครก พวกเจ้าก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความอธรรม” พวกฟาริสีแสร้งทำน่าเคารพนับถือต่อหน้าคนอื่น พวกเขาจงใจอธิษฐานในธรรมศาลาและที่มุมถนน เมื่อพวกเขาอดอาหาร พวกเขาก็จงใจแสดงสีหน้าเศร้าโศก พวกเขาเขียนข้อความจากพระคัมภีร์บนพู่อาภรณ์ของพวกเขา เมื่อพวกเขาบริจาคให้การกุศล พวกเขาก็ดูให้แน่ใจว่าคนอื่นจะเห็น พวกเขาดูให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ลืมถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า พวกเขาถึงขนาดทำตามกฎในประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น “จงล้างมือให้ทั่วก่อนทานอาหาร” เป็นต้น พวกฟาริสีโน้มเข้าหารายละเอียดยิบย่อยมากมายอย่างประณีต ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังข้อพึงประสงค์ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เช่น การรักพระเจ้า รักผู้อื่น เป็นคนชอบธรรม มีเมตตา และสัตย์ซื่อ พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าสักนิด พวกเขาพูดแต่เรื่องความรู้จากพระคัมภีร์และทฤษฎีเทววิทยา พวกเขาแค่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเชื่อฟังกฎ นั่นคือจุดสูงสุดของความน่าซื่อใจคดของพวกเขา และวิธีที่พวกเขาหลอกคนอื่น พฤติกรรมของพวกเขาแสดงให้เราเห็นชัดเจนว่า ทุกอย่างที่พวกฟาริสีทำเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามหลอกลวงและบีบบังคับผู้อื่น พวกเขาแค่พยายามที่จะสถาปนาตัวเองเพื่อให้ได้รับการกราบไหว้เท่านั้น พวกเขาห่วงแค่เรื่องการจัดการและการหาความมั่นคงให้สถานะและตั๋วอาหารของตัวเองเท่านั้น พวกเขาเดินทางลงสู่เส้นทางที่ผิดของการหน้าซื่อใจคดและต่อต้านพระเจ้า นั่นเป็นเหตุผลที่การต่อต้านพระเจ้าของพวกเขาทำให้พระเจ้าสาปแช่งพวกเขา
พวกฟาริสีไม่รักความจริง พวกเขาไม่เคยสนใจปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้า หรือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าเลย พวกเขาสนใจแต่การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเดินบนเส้นทางของการต่อต้านพระเจ้าเท่านั้น ดังนั้น เมื่อองค์พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อทรงพระราชกิจและประกาศ ธรรมชาติหน้าซื่อใจคดและมุ่งร้ายต่อพระเจ้าอย่างซาตานของพวกเขาจึงถูกพระเจ้าทรงเปิดโปงจนหมดเปลือก พวกฟาริสีรู้ดีมากว่าพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้ามีสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพ พวกเขาไม่เพียงแค่ไม่แสวงหาแก่นแท้และที่มาของพระวจนะและพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่พวกเขาโจมตีและทำลายชื่อเสียงขององค์พระเยซูเจ้าอย่างมุ่งร้าย พวกเขาพูดว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงขับผีด้วยนายผี พวกเขาตีตราพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้า ซึ่งเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจและฤทธานุภาพของพระเจ้าว่าเป็นความเสียสติ พวกเขากระทำบาปในการหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์และทำให้พระอุปนิสัยของพระเจ้าขุ่นเคืองอย่างรุนแรง พวกฟาริสีไม่เพียงแค่หมิ่นประมาทและกล่าวโทษองค์พระเจซูเจ้าเองเท่านั้น แต่พวกเขายังปลุกปั่นและหลอกผู้เชื่อให้ต่อต้านและกล่าวโทษองค์พระเยซูเจ้า พวกเขาทำให้ผู้สัตย์ซื่อสูญเสียความรอดขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกลายเป็นวัตถุในสุสานและเหยื่อของพวกเขา ดังนั้น เมื่อองค์พระเยซูเจ้าทรงกล่าวโทษและสาปแช่งพวกเขา พระองค์ได้ตรัสว่า “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์ เพราะพวกเจ้าเองไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ไม่ยอม” (มัทธิว 23:13) “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าไปทั่วทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อจะได้สักคนหนึ่งเข้าจารีต แต่เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาตกนรกยิ่งกว่าพวกเจ้าเองถึงสองเท่า” (มัทธิว 23:15) ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า พวกฟาริสีเป็นพวกหน้าซื่อใจคดที่ต่อต้านและกระทำการหมิ่นประมาทพระเจ้า เป็นพวกศัตรูของพระคริสต์ที่ยืนเป็นศัตรูกับพระเจ้า พวกนั้นเป็นกลุ่มชั่วร้ายที่กินวิญญาณของมนุษย์และล่อลวงพวกเขาสู่นรก ดังนั้น องค์พระเยซูเจ้าจึงติเตียนพวกฟาริสีด้วย “วิบัติทั้งเจ็ด” เนื่องจากพฤติกรรมชั่วร้ายของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นพระอุปนิสัยที่บริสุทธิ์และชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้อย่างเต็มที่
ตอนนี้เราก็ได้รับการหยั่งรู้เกี่ยวกับเนื้อแท้แบบหน้าซื่อใจคดของพวกฟาริสีบ้างแล้ว ทีนี้มาดูพวกศิษยาภิบาลและผู้อาวุโสสมัยใหม่กัน พวกเขาแค่ตีความความรู้จากพระคัมภีร์และทฤษฎีเทววิทยาเท่านั้น พวกเขาแค่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและทำตามกฎเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้าสักนิด อีกทั้งไม่ได้ดำเนินตามพระบัญญัติของพระองค์ด้วย พวกเขาก็เหมือนกับพวกฟาริสี เดินไปตามทางที่พวกเขารับใช้แต่ก็ต่อต้านพระเจ้าด้วย องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และด้วยสุดความคิดของท่าน นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (มัทธิว 22:37-29) พวกที่รักพระเจ้าควรปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์และต้องเอาใจใส่น้ำพระทัยของพระองค์ พวกเขาควรรับผิดชอบชีวิตของพี่น้องชายหญิงของพวกเขา ตอนนี้พวกศิษยาภิบาลกับผู้อาวุโสพบกับคริสตจักรที่เงียบเหงา และความเชื่อกับความรักของผู้เชื่อทั้งหลายก็ลดน้อยลง พวกเขาไม่หาน้ำแห่งชีวิตที่ไหลรินให้ผู้เชื่อ เมื่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เสด็จมาเพื่อทรงแสดงความจริงและมอบชีวิตแก่ผู้คน พวกเขาปฏิเสธมัน พวกเขาไม่ศึกษาหรือยอมรับมัน พวกเขาต่อต้านและกล่าวโทษมันต่อไปในขณะที่ขัดขวางผู้เชื่อไม่ให้ค้นหาหนทางที่แท้จริง พวกเขาไม่เปิดโอกาสให้ผู้เชื่อติดต่อคนจากคริสตจักรแห่งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ อีกทั้งไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาอ่านพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ด้วย ที่แย่กว่านั้น พวกเขาสาปแช่งหรือโจมตีพี่น้องชายหญิงของเราที่เผยแพร่ข่าวประเสริฐเกี่ยวกับอาณาจักรของพระองค์ พวกนั้นอาจจะถึงกับแจ้งตำรวจมาจับพวกเขา พวกเขาไม่ได้กำลังทำชั่วและต่อต้านพระเจ้าด้วยทุกอย่างที่พวกเขาทำหรอกเหรอครับ สิ่งที่พวกเขาทำแตกต่างจากวิธีที่พวกฟาริสีต่อต้านและกล่าวโทษองค์พระเยซูเจ้าตรงไหน เพื่อปกป้องสถานะและตั๋วอาหารของพวกเขา บรรดาศิษยาภิบาลและผู้อาวุโส ขัดขวางผู้เชื่อจากการยอมรับความรอดของพระเจ้าในยุคสุดท้าย พวกเขากำลังลากคนลงนรกไม่ใช่เหรอ พวกเขาเป็นผู้รับใช้ชั่วที่องค์พระเยซูเจ้าตรัสถึงไว้ไม่ใช่เหรอ พวกเขาเป็นฟาริสียุคปัจจุบันไม่ใช่เหรอ
ตัดตอนจากบทภาพยนตร์เรื่อง เมืองนั้นจะล่มจม
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ