ในชีวิตจริง ทุกครั้งที่ฉันพบเจอกับความล้มเหลว ความเจ็บปวดหรือเรื่องราวที่ไม่พึงประสงค์ มักจะคิดว่าพระเจ้าทรงทอดทิ้งและไม่ปกป้องฉัน ดังนั้นฉันมักตกอยู่ในความเชิงลบ และสูญเสียความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า มุมมองนี้ของฉันสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ จะมีปรับเปลี่ยนเช่นไร?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

การที่เชื่อในพระเจ้าไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย การฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนาเหล่านั้นควรถูกกวาดล้าง การไล่ตามเสาะหาการรักษาคนป่วยและการขับไล่บรรดาปีศาจ การจดจ่ออยู่กับหมายสำคัญและการอัศจรรย์ การละโมบอยากได้พระคุณจากพระเจ้า สันติสุข และความชื่นบานมากยิ่งขึ้น การไล่ตามเสาะหาความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้และความสุขสบายของเนื้อหนัง—เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนา และการฝึกฝนปฏิบัติทางศาสนาเช่นนั้นเป็นการเชื่อประเภทที่คลุมเครือ อะไรหรือคือการเชื่อแท้จริงในพระเจ้าในวันนี้? มันคือการยอมรับพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นชีวิตความเป็นจริงของเจ้าและการรู้จักพระเจ้าจากพระวจนะของพระองค์เพื่อที่จะสัมฤทธิ์ในความรักที่แท้จริงสำหรับพระองค์ เพื่อให้ชัดเจน: การเชื่อในพระเจ้าเป็นไปเพื่อที่เจ้าอาจเชื่อฟังพระเจ้า รักพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่ซึ่งควรได้รับการปฏิบัติโดยสิ่งทรงสร้างอย่างหนึ่งของพระเจ้า นี่คือจุดมุ่งหมายของการที่เชื่อในพระเจ้า เจ้าจะต้องสัมฤทธิ์ในความรู้หนึ่งเกี่ยวกับความน่ารักชื่นชมของพระเจ้า เกี่ยวกับการที่พระเจ้าทรงคู่ควรเพียงใดต่อความเคารพ เกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งความรอดในบรรดาสิ่งทรงสร้างของพระองค์และการทำให้พวกเขามีความเพียบพร้อม—เหล่านี้คือสาระจำเป็นอันประจักษ์แจ้งของการเชื่อของเจ้าในพระเจ้า การเชื่อในพระเจ้าโดยหลักแล้วเป็นการสลับเปลี่ยนจากชีวิตหนึ่งของเนื้อหนังไปสู่ชีวิตหนึ่งของการรักพระเจ้า จากการใช้ชีวิตภายในความเสื่อมทรามไปสู่การใช้ชีวิตภายในชีวิตของพระวจนะของพระเจ้า มันคือการออกมาจากภายใต้แดนครอบครองของซาตานและการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลเอาพระทัยใส่และการคุ้มครองปกป้องของพระเจ้า มันคือการที่สามารถจะสัมฤทธิ์ในความเชื่อฟังต่อพระเจ้าและความไม่เชื่อฟังต่อเนื้อหนัง มันคือการยอมให้พระเจ้าทรงได้รับหมดทั้งหัวใจของเจ้า ยอมให้พระเจ้าทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อม และปลดปล่อยตัวเจ้าเองเป็นอิสระจากอุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตาน การเชื่อในพระเจ้าโดยหลักแล้วเป็นไปเพื่อที่ฤทธานุภาพและพระสิริของพระเจ้าอาจได้รับการสำแดงในตัวเจ้า เพื่อที่เจ้าอาจทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และทำให้แผนของพระเจ้าสำเร็จลุล่วง และสามารถเป็นคำพยานต่อพระเจ้าได้ต่อหน้าซาตาน การเชื่อในพระเจ้าไม่ควรวนเวียนอยู่กับความอยากที่จะได้เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ อีกทั้งไม่ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังส่วนตัวของเจ้า มันควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ตามเสาะหาการรู้จักพระเจ้า และการสามารถเชื่อฟังพระเจ้า และ เช่นเดียวกับเปโตร การเชื่อฟังพระองค์จนกระทั่งคนเราถึงแก่ความตาย เหล่านี้คือจุดมุ่งหมายหลักของการที่เชื่อในพระเจ้า เรากินและดื่มพระวจนะของพระเจ้าเพื่อที่จะรู้จักพระเจ้าและทำให้พระองค์พึงพอพระทัย การกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เจ้ามีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเจ้า เพียงภายหลังจากนั้นแล้วเท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถเชื่อฟังพระองค์ได้ ด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าเท่านั้น เจ้าจึงสามารถรักพระองค์ได้ และนี่คือเป้าหมายที่มนุษย์ควรมีในการเชื่อของเขาในพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ได้ด้วยพระวจนะของพระเจ้า

กิจการของเรามีมากกว่าจำนวนของเม็ดทรายบนชายหาด และปัญญาของเราเหนือกว่าบุตรชายทั้งหมดของซาโลมอน กระนั้นผู้คนก็เพียงคิดว่าเราเป็นแพทย์ที่ไม่มีความสำคัญและเป็นครูที่ไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของมนุษย์เท่านั้น ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงเพื่อที่เราอาจจะได้รักษาพวกเขาเท่านั้น ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงเพื่อที่เราอาจจะได้ใช้ฤทธานุภาพของเราขับวิญญาณสกปรกออกจากร่างของพวกเขาเท่านั้น และผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงแค่ว่าพวกเขาอาจจะได้รับสันติสุขและความชื่นบานยินดีจากเรา ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงเพื่อเรียกร้องทรัพย์สมบัติทางวัตถุจากเราให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตนี้อย่างสันติสุขและเพื่อที่จะอยู่อย่างปลอดภัยคลายกังวลในโลกที่จะมาถึง ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์จากนรกและเพื่อได้รับพรจากสวรรค์ ผู้คนมากมายยิ่งนักเชื่อในเราเพียงเพื่อสิ่งชูใจชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ได้พยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดในโลกที่จะมาถึง เมื่อเราได้ปล่อยความพิโรธต่อมนุษย์ของเราออกมาและได้ยึดเอาความชื่นบานยินดีและสันติสุขที่พวกเขาเคยมีไป มนุษย์ก็กลับคลางแคลงใจ เมื่อเราได้ให้ความทุกข์จากนรกแก่มนุษย์และได้เอาพรจากสวรรค์กลับคืน ความละอายของมนุษย์ก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ เมื่อมนุษย์ได้ขอให้เรารักษาเขา แต่เราไม่ได้ให้ความสนใจและรู้สึกชิงชังต่อเขา มนุษย์ได้ออกห่างจากเราเพื่อแสวงหาวิธีการของยาและวิทยาคมอันชั่วร้ายแทน เมื่อเราได้เอาทุกอย่างที่มนุษย์เรียกร้องจากเรากลับไป ทุกคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยเหตุนี้ เราจึงบอกว่ามนุษย์มีความเชื่อในเราเพราะเราให้พระคุณมากเกินไป และมีมากเกินไปที่จะได้รับ

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเชื่อ?

ดังนั้นแล้ว มีสภาวะบางอย่างภายในผู้คนซึ่งหากพวกเขาไม่เข้าใจสภาวะเหล่านั้นและไม่รู้สึกว่าสภาวะเหล่านั้นผิด เช่นนั้นแล้ว ไม่สำคัญว่าพวกเขาไล่ตามเสาะหาอย่างจริงจังตั้งใจเพียงใด หรือพวกเขากระตือรือร้นเพียงใด วันหนึ่งพวกเขาอาจล่มสลาย จะว่าไปแล้ว มีผู้คนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถได้มาซึ่งความจริง การเข้าใจความจริงไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย การเข้าใจแม้กระทั่งความจริงเล็กน้อยนั้นใช้เวลานาน ใช้เวลานานในการที่จะได้รับความรู้จากประสบการณ์เล็กน้อย ในการที่จะบรรลุบางสิ่งที่เป็นความเข้าใจอันถ่องแท้หรือได้รับความสว่างเล็กน้อย หากเจ้าไม่แก้ไขราคีทั้งหมดภายในตัวเจ้า เช่นนั้นแล้ว ความสว่างเล็กน้อยนั้นก็ย่อมสามารถจมน้ำได้ในทุกเวลาหรือทุกที่ ความลำบากยากเย็นหลักของมนุษย์ตอนนี้ก็คือ ทุกบุคคลมีการจินตนาการ มโนคติอันหลงผิด และความอยากได้อยากมี และอุดมคติอันว่างเปล่าบางอย่างภายในตัวพวกเขา ซึ่งพวกเขาไร้ความสามารถที่จะค้นพบได้ด้วยตัวพวกเขาเอง สิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกับผู้คนเป็นการเจือปนภายในตัวพวกเขาเป็นนิตย์ แท้จริงแล้วนี่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง และผู้คนก็หมิ่นเหม่ที่จะเปล่งเสียงความคับข้องใจได้ทุกชั่วขณะ มีการเจือปนมากมายเหลือเกินภายในตัวมนุษย์ ถึงแม้ว่าผู้คนอาจมีความทะเยอทะยานที่ดี โดยปรารถนาที่จะไล่ตามเสาะหาความจริงและที่จะเชื่อในพระเจ้าอย่างจริงจังตั้งใจ แต่พวกเขาก็ยังไร้ความสามารถที่จะสัมฤทธิ์การนั้น สิ่งประเภทนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในประสบการณ์ของแต่ละบุคคล พวกเขาเผชิญเรื่องเล็กน้อย และผู้อื่นคิดว่าพวกเขาควรมีความสามารถที่จะปล่อยวางเรื่องนั้นได้โดยง่าย เหตุใดเล่าพวกเขาจึงไม่สามารถ? เหตุใดเล่าพวกเขาผู้ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างมีประสบการณ์ ผู้ซึ่งสำหรับผู้อื่นแล้วดูค่อนข้างแข็งแกร่ง และผู้ซึ่งสมองใส จึงล่มสลายเมื่อพวกเขาเผชิญเรื่องเล็กน้อย และล่มสลายรวดเร็วเหลือเกิน? มนุษย์ตกอยู่ภายใต้ความแปรผันของโชคลาภอย่างแท้จริง เขาจะอาจสามารถคาดทำนายการนั้นได้อย่างไร? ในทุกบุคคล มีบางสิ่งซึ่งพวกเขาเต็มใจที่จะไล่ตามเสาะหาและได้มา และทุกคนมีความเลือกชอบของพวกเขาเอง ปกติแล้ว ผู้คนไม่สามารถล่วงรู้การนี้ได้ด้วยตัวพวกเขาเอง หรือไม่ก็พวกเขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ดีอยู่แล้ว ว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่ผิดปกติกับพวกเขา แล้ววันหนึ่ง บางสิ่งเช่นนี้ก็เกิดขึ้นและพวกเขาก็สะดุด พวกเขากลายเป็นคิดลบและอ่อนแอ และพวกเขาไม่สามารถกลับขึ้นมาได้ พวกเขาเองอาจไม่รู้ว่าปัญหานั้นคืออะไร โดยรู้สึกว่าพวกเขานั้นมีเหตุมีผล และว่าเป็นพระเจ้านั่นเองผู้ซึ่งได้ทรงกระทำผิดต่อพวกเขา หากผู้คนไม่เข้าใจตัวพวกเขาเอง พวกเขาย่อมจะไม่มีวันมีความสามารถที่จะรู้ว่าความลำบากยากเย็นของพวกเขาเองนั้นอยู่ตรงไหน หรือว่าพวกเขาหมิ่นเหม่ที่จะล้มเหลวและล่มสลายในด้านใด พวกเขานั้นน่าเวทนา เพราะฉะนั้น ผู้คนที่ไม่เข้าใจตัวพวกเขาเองจึงอาจล่มสลาย ล้มเหลว และทำให้ตัวพวกเขาเองพังทลายทุกชั่วขณะ

ตัดตอนมาจาก “มีเพียงโดยการเข้าใจสภาวะของตัวเจ้าเองเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถเริ่มเข้าสู่ร่องครรลองที่ถูกต้องได้” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

ในอดีต ผู้คนทั้งหมดจะมาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเพื่อสร้างปณิธานของพวกเขา และพวกเขาจะพูดว่า “ต่อให้ไม่มีผู้ใดอื่นรักพระเจ้า ข้าพระองค์ก็ต้องรักพระองค์” แต่ตอนนี้ กระบวนการถลุงเกิดขึ้นแก่เจ้า และในเมื่อนี่ไม่อยู่ในแนวเดียวกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้า เจ้าก็สูญเสียความเชื่อในพระเจ้า นี่คือความรักที่จริงแท้หรือไม่? เจ้าได้อ่านเกี่ยวกับความประพฤติของโยบไปหลายครั้งหลายหนแล้ว—เจ้าได้ลืมเกี่ยวกับพวกมันไปแล้วหรือ? ความรักที่แท้จริงสามารถเป็นรูปเป็นร่างได้จากภายในความเชื่อเท่านั้น เจ้าพัฒนาความรักที่เป็นจริงสำหรับพระเจ้าโดยผ่านทางกระบวนการถลุงที่เจ้าก้าวผ่าน และโดยผ่านทางความเชื่อของเจ้านั่นเอง เจ้าจึงมีความสามารถที่จะคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าในประสบการณ์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของเจ้าได้ และโดยผ่านทางความเชื่อนั่นเองเช่นกันที่เจ้าละทิ้งเนื้อหนังของเจ้าเองและไล่ตามเสาะหาชีวิต นี่คือสิ่งที่ผู้คนควรทำ หากเจ้าทำสิ่งนี้แล้วไซร้ เจ้าย่อมจะมีความสามารถที่จะมองเห็นการกระทำของพระเจ้าได้ แต่หากเจ้าขาดพร่องความเชื่อแล้วไซร้ เจ้าย่อมจะไร้ความสามารถที่จะมองเห็นการกระทำของพระเจ้าหรือผ่านประสบการณ์กับพระราชกิจของพระองค์ได้ หากเจ้าต้องการให้พระเจ้าทรงใช้และทรงทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วไซร้ เจ้าต้องครองทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือ เจตจำนงที่จะทนทุกข์ ความเชื่อ การสู้ทน การเชื่อฟัง และความสามารถที่จะผ่านประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้า จับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ คำนึงถึงความโศกเศร้าของพระองค์ และอื่นๆ การทำให้บุคคลหนึ่งมีความเพียบพร้อมนั้นไม่ง่ายเลย และทุกๆ กระบวนการถลุงที่เจ้าผ่านประสบการณ์พึงต้องใช้ความเชื่อและความรักของเจ้า หากเจ้าต้องการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า เพียงแค่การแล่นไปข้างหน้าบนเส้นทางย่อมไม่พอเพียง อีกทั้งเพียงแค่การสละตัวเจ้าเองเพื่อพระเจ้าก็ไม่พอเพียง เจ้าต้องครองหลายสิ่งเพื่อที่จะมีความสามารถกลายเป็นใครบางคนที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าได้ เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับความทุกข์ เจ้าต้องมีความสามารถที่จะวางความกังวลสนใจต่อเนื้อหนังไว้ก่อนและไม่ทำการร้องทุกข์คร่ำครวญต่อพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงซ่อนเร้นพระองค์เองจากเจ้า เจ้าต้องมีความสามารถที่จะมีความเชื่อที่จะติดตามพระองค์ ที่จะธำรงรักษาความรักก่อนหน้านี้ของเจ้าโดยไม่เปิดโอกาสให้มันกระท่อนกระแท่นหรือสูญสลาย ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงทำสิ่งใด เจ้าต้องนบนอบต่อการออกแบบของพระองค์และตระเตรียมที่จะสาปแช่งเนื้อหนังของเจ้าเองแทนที่จะทำการร้องทุกข์คร่ำครวญต่อพระองค์ เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับการทดสอบ เจ้าต้องทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัย แม้ว่าเจ้าอาจร่ำไห้อย่างขมขื่นหรือรู้สึกอิดออดที่จะไปจากวัตถุอันเป็นที่รักบางอย่าง สิ่งนี้เท่านั้นคือความรักและความเชื่อที่แท้จริง ไม่สำคัญว่าวุฒิภาวะจริงของเจ้าจะเป็นอะไร ก่อนอื่นเจ้าต้องครองทั้งเจตจำนงที่จะทนทุกข์ความยากลำบากและความเชื่อที่แท้จริง และเจ้าต้องมีเจตจำนงที่จะละทิ้งเนื้อหนังอีกด้วย เจ้าควรเต็มใจสู้ทนความยากลำบากส่วนตัวและทนทุกข์กับความสูญเสียต่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเจ้าเพื่อที่จะทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า เจ้าต้องสามารถรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับตัวเจ้าเองในหัวใจของเจ้าอีกด้วย กล่าวคือ ในอดีตนั้น เจ้าไม่ได้มีความสามารถที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้ และบัดนี้ เจ้าสามารถเสียใจได้ด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าต้องไม่กำลังขาดพร่องสิ่งใดในเรื่องเหล่านี้—โดยผ่านทางสิ่งเหล่านี้นั่นเองที่พระเจ้าจะทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อม หากเจ้าไม่สามารถประจวบพ้องกับเกณฑ์กำหนดเหล่านี้ได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมไม่สามารถถูกทำให้มีความเพียบพร้อมได้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, บรรดาผู้ที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมต้องก้าวผ่านกระบวนการถลุง

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger