พระผู้สร้างทรงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงที่พระองค์ทรงมีให้กับมนุษยชาติ

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2020

การสนทนาระหว่างพระยาห์เวห์พระเจ้าและโยนาห์นี้เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่พระผู้สร้างทรงมีให้กับมนุษยชาติอย่างปราศจากข้อสงสัย ในทางหนึ่ง การสนทนานี้ให้ข้อมูลกับผู้คนเกี่ยวกับความเข้าใจที่พระผู้สร้างทรงมีเกี่ยวกับสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงภายใต้อธิปไตยของพระองค์ ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ตรัสว่า “แล้วเราไม่ควรละเว้นไม่ทำร้ายเมืองนีนะเวห์ ซึ่งเป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่มีผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคน ผู้ที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างมือซ้ายและมือขวา และยังสัตว์เลี้ยงอีกมากมายหรือ?” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความเข้าใจที่พระเจ้าทรงมีเกี่ยวกับเมืองนีนะเวห์นั้นไม่ใช่ไม่ละเอียด พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงรู้จำนวนของสิ่งมีชีวิตภายในเมืองเท่านั้น (ซึ่งรวมถึงผู้คนและปศุสัตว์) แต่พระองค์ยังทรงรู้จำนวนของผู้คนที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างมือซ้ายและมือขวา—นั่นคือ จำนวนเด็กเล็กและคนหนุ่มสาวที่มีอยู่ นี่คือหลักฐานที่เป็นรูปธรรมว่าพระเจ้าทรงมีความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับมวลมนุษย์ ในอีกทางหนึ่ง การสนทนานี้ให้ข้อมูลผู้คนเกี่ยวกับท่าทีที่พระผู้สร้างทรงมีต่อมนุษยชาติ กล่าวคือ น้ำหนักของมนุษยชาติในพระทัยของพระผู้สร้าง ซึ่งเป็นดั่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “เจ้ามีความสงสารต่อต้นละหุ่งที่เจ้าไม่ได้ลงแรงและไม่ได้ทำให้มันเจริญเติบโต ซึ่งเกิดขึ้นมาในหนึ่งคืน และตายไปในหนึ่งคืน: แล้วเราไม่ควรละเว้นไม่ทำร้ายเมืองนีนะเวห์ ซึ่งเป็นเมืองยิ่งใหญ่…หรือ?” เหล่านี้คือพระวจนะที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงตำหนิโยนาห์ แต่พระวจนะทั้งหมดนั้นจริงแท้

ถึงแม้ว่าโยนาห์ได้รับความไว้วางพระทัยให้กล่าวประกาศพระวจนะของพระยาห์เวห์พระเจ้าต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์ เขาก็ไม่ได้เข้าใจเจตนารมณ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้า อีกทั้งเขาไม่ได้เข้าใจความกังวลและความคาดหวังที่พระองค์ทรงมีต่อผู้คนในเมือง ด้วยการตำหนินี้ พระองค์ทรงหมายที่จะบอกเขาว่า มนุษยชาติคือผลิตผลแห่งพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง และพระองค์ได้ทรงใช้ความมานะพยายามอันพากเพียรกับบุคคลทุกๆ คน ว่าบุคคลทุกๆ คนแบกความคาดหวังของพระเจ้าไว้บนบ่าของพวกเขา และว่าบุคคลทุกๆ คนได้ชื่นชมการจัดหาชีวิตของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงจ่ายราคาเป็นความมานะพยายามอันพากเพียรเพื่อบุคคลทุกๆ คน การตำหนินี้ยังบอกโยนาห์ด้วยว่าพระเจ้าทรงทะนุถนอมมนุษยชาติ ซึ่งเป็นพระราชกิจแห่งพระหัตถ์ของพระองค์เอง เช่นเดียวกับที่โยนาห์ทะนุถนอมต้นละหุ่งนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งมวลมนุษย์อย่างง่ายๆ หรือจนกระทั่งชั่วขณะสุดท้ายที่เป็นไปได้เลย เพราะเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ มีเด็กเล็กและปศุสัตว์ที่ไร้เดียงสามากมายภายในเมืองนั้น เมื่อจัดการกับผลิตผลแห่งการทรงสร้างของพระเจ้าที่อ่อนวัยและไม่รู้เท่าทันเหล่านี้ผู้ที่ไม่สามารถแม้กระทั่งแยกแยะมือขวาของตนออกจากมือซ้ายของตน การที่พระเจ้าจะทรงสิ้นสุดชีวิตของพวกเขาและกำหนดบทอวสานของพวกเขาอย่างเร่งรีบเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่คิดฝันได้น้อยลงไปอีก พระเจ้าทรงหวังจะได้ทอดพระเนตรเห็นพวกเขาเติบโต พระองค์ทรงหวังว่าพวกเขาจะไม่เดินบนเส้นทางเดียวกันกับผู้อาวุโสของพวกเขา ว่าพวกเขาจะไม่ต้องได้ยินคำเตือนของพระยาห์เวห์พระเจ้าอีกครั้ง และว่าพวกเขาจะเป็นพยานให้กับอดีตของเมืองนีนะเวห์ ยิ่งไปกว่านั้น พระเจ้าทรงหวังที่จะเห็นเมืองนีนะเวห์หลังจากที่มันได้กลับใจแล้ว เห็นอนาคตของเมืองนีนะเวห์หลังจากการกลับใจของมัน และที่สำคัญกว่านั้นคือ เห็นเมืองนีนะเวห์ดำเนินชีวิตภายใต้ความปรานีของพระเจ้าอีกครั้ง ดังนั้น ในสายพระเนตรของพระเจ้า วัตถุแห่งการทรงสร้างที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างมือขวาและมือซ้ายของตนได้เหล่านั้นคืออนาคตของเมืองนีนะเวห์ พวกเขาจะแบกรับอดีตที่น่ารังเกียจของเมืองนีนะเวห์ เช่นเดียวกับที่พวกเขาจะแบกรับหน้าที่อันสำคัญในการเป็นพยานต่อทั้งอดีตของเมืองนีนะเวห์และอนาคตของมันภายใต้การทรงนำทางของพระยาห์เวห์พระเจ้า ในถ้อยแถลงความรู้สึกที่แท้จริงของพระองค์นี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงแสดงความปรานีของพระผู้สร้างที่ทรงมีให้กับมนุษยชาติทั้งหมดทั้งมวล สิ่งนี้แสดงให้มนุษยชาติเห็นว่า “ความปรานีของพระผู้สร้าง” ไม่ใช่วลีที่ว่างเปล่า อีกทั้งไม่ใช่คำสัญญาที่ไร้ค่าไม่จริงใจ ความปรานีของพระผู้สร้างมีหลักธรรม วิธีการ และวัตถุประสงค์ที่เป็นรูปธรรม พระเจ้าทรงเที่ยงแท้และเป็นจริง และพระองค์ไม่ทรงใช้การพูดเท็จหรือการปลอมแปลง และในลักษณะเดียวกันนี้ มนุษยชาติได้รับความปรานีของพระองค์อย่างไม่รู้จบในทุกช่วงเวลาและทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ การโต้ตอบของพระผู้สร้างกับโยนาห์เป็นการแถลงด้วยวาจาแต่เพียงครั้งเดียวของพระองค์ว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงแสดงความปรานีต่อมนุษยชาติ พระองค์ทรงแสดงความปรานีต่อมนุษยชาติอย่างไร พระองค์ทรงทนยอมรับมนุษยชาติอย่างไร และความรู้สึกที่แท้จริงที่พระองค์ทรงมีให้กับมนุษยชาติ พระวจนะที่รวบรัดของพระยาห์เวห์พระเจ้าในช่วงระหว่างการสนทนานี้แสดงออกถึงพระดำริของพระองค์ต่อมนุษยชาติโดยถ้วนทั่วทั้งหมด พระวจนะเหล่านี้เป็นการแสดงออกที่แท้จริงถึงท่าทีของพระทัยของพระองค์ต่อมนุษยชาติ และยังเป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรมถึงการประทานความปรานีอย่างอุดมให้แก่มนุษยชาติของพระองค์ ความปรานีของพระองค์ไม่ได้ถูกประทานให้กับชนรุ่นอาวุโสกว่าของมนุษยชาติเท่านั้น แต่ยังประทานให้กับสมาชิกที่เยาว์วัยกว่าของมนุษยชาติด้วย เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาเสมอจากชั่วคนหนึ่งถึงอีกชั่วคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าพระพิโรธของพระเจ้าจะลงมาถึงบางมุมโลกและบางยุคของมนุษยชาติบ่อยครั้ง แต่ความปรานีของพระเจ้าก็ไม่เคยยุติ ด้วยความปรานีของพระองค์ พระองค์ทรงนำและทรงนำทางสรรพสิ่งที่ทรงสร้างของพระองค์รุ่นแล้วรุ่นเล่า และทรงจัดหาและบำรุงเลี้ยงสรรพสิ่งที่ทรงสร้างรุ่นแล้วรุ่นเล่า เพราะความรู้สึกที่แท้จริงที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษยชาติจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ตรัสว่า “ไม่สมควรหรือที่เราจะเวทนา…?” พระองค์ทรงทะนุถนอมสรรพสิ่งที่ทรงสร้างของพระองค์เองเสมอ นี่คือความปรานีแห่งพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระผู้สร้าง และยังเป็นความทรงเอกลักษณ์อย่างสมบูรณ์ของพระผู้สร้างด้วยเช่นกัน!

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นการกลับใจที่จริงใจลึกภายในหัวใจของชาวนีนะเวห์

ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างปฏิกิริยาของเมืองนีนะเวห์และเมืองโสโดมต่อคำเตือนของพระยาห์เวห์พระเจ้า การถูกทำลายหมายถึงอะไร? ในภาษาพูด...

พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระผู้สร้างเป็นจริงและแจ่มแจ้ง

ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้านั้นหาไม่ยาก—การกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ต่างหากที่หายาก ไม่ว่าพระเจ้ากริ้วชาวนีนะเวห์เพียงใดก็ตาม...

หากการเชื่อในพระเจ้าของเจ้าเป็นจริง เจ้าจะได้รับการใส่พระทัยจากพระองค์บ่อยครั้ง

การที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนเจตนารมณ์ของพระองค์ต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับการลังเลหรือสิ่งใดก็ตามที่กำกวมหรือคลุมเครือ...

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger