มนุษยชาติได้รับความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้าโดยผ่านทางการกลับใจที่จริงใจ (ภาคที่ 4)
ความรู้สึกที่จริงใจของพระผู้สร้างต่อมวลมนุษย์ ผู้คนมักพูดว่าการรู้จักพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม...
พวกเราต้อนรับผู้แสวงหาทุกคนที่ถวิลหาการทรงปรากฏของพระเจ้า!
เมื่อกษัตริย์แห่งนีนะเวห์ทรงได้สดับตรับฟังข่าวนี้ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพระองค์ และเปลื้องฉลองพระองค์ออก แล้วทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้ากระสอบและประทับบนกองขี้เถ้า จากนั้น พระองค์ทรงประกาศว่า ทุกคนในเมืองไม่ได้รับอนุญาตให้ลิ้มรสสิ่งใด และแกะ วัว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กินหญ้าหรือดื่มน้ำ ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงต้องนุ่งห่มผ้ากระสอบ และผู้คนต้องร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจังจริงใจ กษัตริย์ยังได้ทรงประกาศว่าทุกคนจะหันเหจากหนทางที่ชั่วของพวกเขา และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ เมื่อพิจารณาจากลำดับของการกระทำนี้ กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ได้มีการกลับใจที่แท้จริงในส่วนลึกของพระทัยของพระองค์ ลำดับการกระทำที่พระองค์ทรงปฏิบัตินี้—การลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพระองค์ การเปลื้องฉลองพระองค์สำหรับกษัตริย์ของพระองค์ การทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้ากระสอบ และการประทับบนกองขี้เถ้า—บอกผู้คนว่ากษัตริย์เมืองนีนะเวห์กำลังทรงวางพักสถานะการเป็นกษัตริย์ของพระองค์ และกำลังทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้ากระสอบเคียงข้างสามัญชน นี่จึงกล่าวได้ว่า กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ไม่ได้ทรงดำรงสถานะการเป็นกษัตริย์ของพระองค์เพื่อกระทำการประพฤติชั่วของพระองค์หรือการทารุณซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์ทำต่อไปหลังจากที่ได้สดับฟังประกาศจากพระยาห์เวห์พระเจ้า แต่พระองค์ทรงวางพักสิทธิอำนาจที่พระองค์ทรงครอง และกลับใจเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้า ในชั่วขณะนี้ กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ไม่ได้กำลังทรงกลับใจในฐานะกษัตริย์ พระองค์ได้เสด็จมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อกลับใจและสารภาพบาปของพระองค์ในฐานะไพร่ฟ้าธรรมดาของพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังได้ตรัสบอกทั้งเมืองให้กลับใจและสารภาพบาปของพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าในลักษณะเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงทำ นอกจากนี้ พระองค์ทรงมีแผนเฉพาะว่าจะทำเช่นนั้นอย่างไร ดังที่เห็นในคัมภีร์ ความว่า “คนหรือสัตว์เลี้ยงไม่ว่าขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง อย่าลิ้มรสสิ่งใด อย่ากินอาหาร และอย่าดื่มน้ำ… ให้ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง เออ ให้ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ” ในฐานะผู้ปกครองเมือง กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ทรงครองสถานะและอำนาจสูงสุด และสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ทรงปรารถนา เมื่อเผชิญกับประกาศของพระยาห์เวห์พระเจ้า พระองค์จะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ หรือกลับใจและสารภาพบาปของพระองค์เพียงลำพังก็ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าผู้คนในเมืองเลือกที่จะกลับใจหรือไม่นั้น พระองค์จะเพิกเฉยต่อเรื่องนั้นโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ไม่ได้ทรงทำเช่นนี้เลย ไม่เพียงแต่พระองค์จะลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพระองค์ ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้ากระสอบ และประทับบนกองขี้เถ้า และกลับใจและสารภาพบาปของพระองค์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าเท่านั้น พระองค์ยังทรงสั่งให้ผู้คนและสัตว์เลี้ยงทั้งหมดภายในเมืองทำเช่นเดียวกันด้วย พระองค์ทรงสั่งแม้กระทั่งให้ผู้คน “ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง” กษัตริย์เมืองนีนะเวห์ได้ทรงทำสิ่งที่ผู้ปกครองควรทำให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างแท้จริงโดยผ่านทางลำดับการกระทำเหล่านี้ ลำดับการกระทำของพระองค์คือสิ่งที่สัมฤทธิ์ผลได้ยากสำหรับกษัตริย์ทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และแท้จริงแล้วไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเคยสัมฤทธิ์สิ่งเหล่านี้ การกระทำเหล่านี้สามารถเรียกได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์ และควรค่าทั้งแก่การจดจำและการเอาอย่างจากมวลมนุษย์ นับตั้งแต่อรุณรุ่งของมนุษย์ กษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงนำไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ให้ต้านทานและต่อต้านพระเจ้า ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเคยนำไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ให้วอนขอพระเจ้าเพื่อแสวงหาการไถ่สำหรับความชั่วร้ายของพวกเขา รับการอภัยโทษจากพระยาห์เวห์พระเจ้า และหลีกเลี่ยงการลงโทษที่จวนเจียนจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กษัตริย์เมืองนีนะเวห์สามารถนำไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ให้หันหาพระเจ้า ให้ทิ้งการประพฤติชั่วของแต่ละคนไว้เบื้องหลัง และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ นอกจากนั้น พระองค์ยังสามารถละวางบัลลังก์ของพระองค์ลงได้ และเพื่อเป็นการตอบแทน พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงเปลี่ยนพระทัยและรู้สึกเสียพระทัย ทรงถอนพระพิโรธของพระองค์ และทรงอนุญาตให้ผู้คนในเมืองมีชีวิตรอด และพิทักษ์รักษาพวกเขาไว้จากการทำลายล้าง สามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าการกระทำเหล่านี้ของกษัตริย์เป็นปาฏิหาริย์ที่หายากในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และสามารถถือว่าเป็นตัวอย่างต้นแบบของมนุษยชาติที่เสื่อมทราม ซึ่งกลับใจและสารภาพบาปของพวกเขาต่อพระเจ้าได้อย่างแท้จริง

หลังจากที่ได้ยินถ้อยแถลงของพระเจ้า กษัตริย์เมืองนีนะเวห์และไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ได้ลงมือกระทำหลายสิ่งหลายอย่าง การกระทำเหล่านี้และพฤติกรรมของพวกเขามีธรรมชาติอย่างไร? กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เนื้อแท้ของการประพฤติของพวกเขาทั้งหมดทั้งปวงเป็นอย่างไร? เหตุใดพวกเขาจึงทำอย่างที่พวกเขาได้ทำลงไป? ในสายพระเนตรของพระเจ้า พวกเขาได้กลับใจอย่างจริงใจ ไม่เพียงเพราะพวกเขาได้ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงใจและสารภาพบาปของพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาได้เลิกการประพฤติที่ชั่วร้ายของพวกเขาด้วย พวกเขาได้กระทำในหนทางนี้เพราะหลังจากที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้ว พวกเขารู้สึกกลัวอย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ ด้วยการอดอาหาร สวมใส่ผ้ากระสอบ และนั่งบนกองขี้เถ้า พวกเขาปรารถนาที่จะแสดงความเต็มใจของพวกเขาที่จะปฏิรูปวิถีของพวกเขาและระงับจากความชั่วร้าย และพวกเขาได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าเพื่อที่จะระงับโทสะของพระองค์ อ้อนวอนให้พระองค์ถอนการตัดสินพระทัยของพระองค์และมหันตภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา หากพวกเราตรวจสอบพฤติกรรมทั้งหมดของพวกเขา พวกเราจะสามารถมองเห็นได้ว่าพวกเขาเข้าใจแล้วว่าการกระทำชั่วร้ายก่อนหน้าของพวกเขาเป็นที่น่าชิงชังสำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้า และพวกเราสามารถมองเห็นได้เช่นกันว่าพวกเขาเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพระองค์จึงจะทรงทำลายพวกเขาในไม่ช้า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาทุกคนจึงปรารถนาที่จะกลับใจอย่างสมบูรณ์ หันเหออกจากการประพฤติชั่วของพวกเขา และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทันทีที่พวกเขาได้มาตระหนักรู้ถึงถ้อยแถลงของพระยาห์เวห์พระเจ้า พวกเขาทุกๆ คนรู้สึกกลัวในหัวใจของพวกเขา พวกเขาหยุดการประพฤติชั่วร้ายของพวกเขา และไม่กระทำการเหล่านั้นที่เป็นที่น่าชิงชังอย่างยิ่งสำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้าอีกต่อไป นอกจากนั้น พวกเขาได้วอนขอต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าให้ประทานอภัยบาปในอดีตของพวกเขา และไม่ทรงปฏิบัติต่อพวกเขาตามการกระทำในอดีตของพวกเขา พวกเขาเต็มใจที่จะไม่ทำความชั่วร้ายอีกครั้ง และเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของพระยาห์เวห์พระเจ้าถ้าเพียงแต่การทำเช่นนั้นจะไม่ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงกราดเกรี้ยวอีกได้ การกลับใจของพวกเขาจริงใจและถี่ถ้วน มันมาจากส่วนลึกภายในหัวใจของพวกเขา และไม่ได้เสแสร้งและไม่ได้เป็นแค่เรื่องชั่วครู่ชั่วยาม
ทันทีที่ผู้คนทั้งหมดของเมืองนีนะเวห์ตั้งแต่กษัตริย์ไปจนถึงสามัญชนได้เรียนรู้ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้ากริ้วพวกเขา พระเจ้าทรงสามารถมองเห็นทุกๆ การกระทำหลังจากนั้นของพวกเขาและการประพฤติของพวกเขาทั้งหมดทั้งปวงได้อย่างกระจ่างชัดเจน รวมทั้งทุกๆ การตัดสินใจและตัวเลือกที่พวกเขาเลือก พระทัยของพระเจ้าก็ได้เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของพวกเขา พระเจ้าทรงมีกรอบความคิดในชั่วขณะนั้นอย่างไร? พระคัมภีร์สามารถตอบคำถามนั้นกับเจ้าได้ ในคัมภีร์ได้มีการบันทึกพระวจนะต่อไปนี้ ความว่า “เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาที่ได้หันจากการประพฤติชั่ว พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัยเรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา พระองค์ไม่ทรงลงโทษเขา” (โยนาห์ 3:10) ถึงแม้ว่าพระเจ้าได้เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ กรอบความคิดของพระองค์ก็ไม่มีสิ่งใดที่ซับซ้อน พระองค์เพียงทรงเปลี่ยนจากการแสดงโทสะของพระองค์เป็นการทำให้โทสะของพระองค์สงบลง จากนั้นก็ตัดสินพระทัยที่จะไม่นำมหันตภัยมาสู่เมืองนีนะเวห์ เหตุผลว่าทำไมการตัดสินพระทัยของพระเจ้า—ที่จะละเว้นชาวนีนะเวห์จากมหันตภัย—นั้นรวดเร็วยิ่งนักก็เป็นเพราะว่า พระเจ้าทรงสังเกตเห็นหัวใจของทุกผู้คนในเมืองนีนะเวห์ พระองค์ทรงเห็นสิ่งที่พวกเขามีอยู่ลึกภายในหัวใจของพวกเขา นั่นคือ การกลับใจอย่างจริงใจของพวกเขาและการสารภาพบาปของพวกเขา การเชื่อในพระองค์อย่างจริงใจของพวกเขา สำนึกรับรู้ที่ลึกซึ้งของพวกเขาว่าการกระทำชั่วร้ายของพวกเขาได้ทำให้พระอุปนิสัยของพระองค์เดือดดาลอย่างไร และส่งผลให้เกิดความกลัวการลงโทษที่ใกล้จะเกิดขึ้นจากพระยาห์เวห์พระเจ้า ในขณะเดียวกัน พระยาห์เวห์พระเจ้ายังทรงได้ยินการอธิษฐานของพวกเขา ซึ่งมาจากส่วนลึกภายในหัวใจของพวกเขา วอนขอพระองค์ไม่ให้กริ้วพวกเขาอีกต่อไป เพื่อให้พวกเขาอาจหลีกเลี่ยงมหันตภัยนี้ได้ เมื่อพระเจ้าทรงสังเกตเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดเหล่านี้ โทสะของพระองค์ก็ได้เลือนหายไปทีละเล็กละน้อย ไม่ว่าโทสะของพระองค์เมื่อก่อนหน้าจะมีมากเพียงใด พระทัยของพระองค์ก็ได้เกิดความประทับใจเมื่อพระองค์ทรงเห็นการกลับใจอย่างจริงใจลึกภายในหัวใจของผู้คนเหล่านี้ และดังนั้น พระองค์จึงไม่ทรงสามารถทนนำมหันตภัยมาสู่พวกเขาได้ และพระองค์ทรงหยุดกริ้วพวกเขา แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงยื่นความปรานีและการทนยอมรับของพระองค์ให้แก่พวกเขาต่อไปและทรงนำและจัดเตรียมให้แก่พวกเขาต่อไปแทน
การที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนเจตนารมณ์ของพระองค์ต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับการลังเลหรือสิ่งใดก็ตามที่กำกวมหรือคลุมเครือ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นคือการแปลงรูปจากโทสะที่บริสุทธิ์เป็นการทนยอมรับที่บริสุทธิ์ นี่คือการเผยถึงเนื้อแท้ของพระเจ้าอย่างแท้จริง พระเจ้าไม่มีวันไม่แน่พระทัยหรือลังเลในการกระทำของพระองค์ หลักธรรมและจุดประสงค์ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของพระองค์ทั้งหมดมีความชัดเจนและโปร่งใส บริสุทธิ์และไร้ข้อบกพร่อง โดยไม่มีกลโกงหรือกลอุบายใดผสมปนเปอยู่ภายใน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เนื้อแท้ของพระเจ้าไม่มีความมืดหรือความเลว พระเจ้าเกิดโทสะกับชาวนีนะเวห์เพราะการกระทำชั่วร้ายของพวกเขาได้มาอยู่เฉพาะสายพระเนตรอันจับจ้องของพระองค์ ณ ขณะนั้นโทสะของพระองค์มาจากเนื้อแท้ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อโทสะของพระเจ้าค่อยๆ น้อยลงและเมื่อพระองค์ได้ประทานการทนยอมรับของพระองค์ให้กับผู้คนเมืองนีนะเวห์อีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงเผยไปก็ยังคงเป็นเนื้อแท้ของพระองค์เอง ทั้งหมดทั้งปวงของการเปลี่ยนแปลงนี้มีเหตุผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในท่าทีที่มนุษย์มีต่อพระเจ้า ในระหว่างช่วงเวลาทั้งหมดนี้ อุปนิสัยที่มิอาจถูกล่วงเกินได้ของพระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง เนื้อแท้ที่ทนยอมรับของพระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง และเนื้อแท้ที่เปี่ยมความรักใคร่และเปี่ยมปรานีของพระเจ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เมื่อผู้คนกระทำการที่ชั่วร้ายและล่วงเกินพระเจ้า พระองค์จะทรงนำโทสะของพระองค์มาสู่พวกเขา เมื่อผู้คนกลับใจอย่างแท้จริง พระทัยของพระเจ้าจะเปลี่ยนแปลง และโทสะของพระองค์จะยุติ เมื่อผู้คนต่อต้านพระเจ้าอย่างดื้อรั้นต่อไป ความเดือดดาลของพระองค์จะไม่ยุติ และความเดือดดาลของพระองค์จะบีบคั้นพวกเขาทีละน้อยจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย นี่คือเนื้อแท้ของพระอุปนิสัยของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงแสดงและเผยพระอุปนิสัยอันใดของพระองค์ออกมานั้น—จะเป็นพระพิโรธ หรือความปรานีและความรักเมตตา—ย่อมขึ้นอยู่กับการประพฤติตนและพฤติกรรมของมนุษย์ รวมทั้งท่าทีที่พวกเขามีต่อพระเจ้าอยู่ในหัวใจส่วนลึกของพวกเขา หากพระเจ้าทรงทำให้บุคคลหนึ่งอยู่ภายใต้โทสะของพระองค์อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวใจของบุคคลเยี่ยงนี้ต่อต้านพระเจ้า เพราะบุคคลเยี่ยงนี้ไม่เคยกลับใจ ก้มศีรษะของพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า หรือมีการเชื่อจริงแท้ในพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกเขาจึงไม่เคยได้รับความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้า หากใครบางคนได้รับการใส่พระทัยของพระเจ้า ความปรานีของพระองค์ และการทนยอมรับของพระองค์บ่อยครั้ง เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลเช่นนี้มีการเชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริงในหัวใจของพวกเขา และหัวใจของพวกเขาไม่ได้ต่อต้านพระเจ้า บ่อยครั้งที่บุคคลเช่นนี้กลับใจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอย่างแท้จริง ดังนั้น ถึงแม้ว่าบ่อยครั้งที่การบ่มวินัยของพระเจ้าลงมาสู่บุคคลเช่นนี้ แต่พระพิโรธของพระองค์จะไม่ลงมาสู่เขาด้วย
คำอธิบายสั้นๆ นี้ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นพระทัยของพระเจ้า มองเห็นความเป็นจริงของเนื้อแท้ของพระองค์ มองเห็นว่าโทสะของพระเจ้าและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเจตนารมณ์ของพระองค์ ไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ ถึงแม้ว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นเมื่อพระองค์พิโรธและเมื่อพระองค์เปลี่ยนพระทัยของพระองค์จะตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่ามีความไม่เชื่อมโยงกันหรือความตรงกันข้ามกันเป็นอย่างมากระหว่างสองแง่มุมนี้ในเนื้อแท้ของพระเจ้า—กล่าวคือ โทสะของพระองค์และการทนยอมรับของพระองค์—แต่ท่าทีที่พระเจ้าทรงมีต่อการกลับใจของชาวนีนะเวห์ก็ทำให้ผู้คนมองเห็นอีกด้านหนึ่งของพระอุปนิสัยที่แท้จริงของพระเจ้าอีกครั้ง การเปลี่ยนพระทัยของพระเจ้าเปิดโอกาสให้มนุษยชาติสามารถมองเห็นได้อีกครั้งถึงความจริงของความปรานีและความเมตตาของพระเจ้าอย่างแท้จริง และมองเห็นการเผยเนื้อแท้ของพระเจ้าที่แท้จริง มนุษยชาติมีแต่จะต้องยอมรับว่าความปรานีและความเมตตาของพระเจ้าไม่ใช่นิทานปรัมปรา และไม่ใช่สิ่งที่ปลอมขึ้น นี่เป็นเพราะว่าความรู้สึกที่พระเจ้าทรงมีในชั่วขณะนั้นเป็นสิ่งที่แท้ และการเปลี่ยนพระทัยของพระเจ้าเป็นสิ่งที่แท้—พระเจ้าประทานความปรานีและการทนยอมรับของพระองค์ให้กับมวลมนุษย์อีกครั้งโดยแท้
มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างการเปลี่ยนพระทัยของพระเจ้ากับพระพิโรธของพระองค์หรือไม่? แน่นอนว่าไม่! นี่เป็นเพราะว่าการทนยอมรับของพระเจ้าในเวลาเฉพาะนั้นๆ มีเหตุผลของมัน เหตุผลนี้คืออะไรกัน? เหตุผลนี้คือเหตุผลที่ได้รับการระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขา” และ “และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ”
“การประพฤติชั่ว” นี้ไม่ได้อ้างอิงถึงการกระทำชั่วหยิบมือหนึ่ง แต่อ้างอิงถึงแหล่งกำเนิดความชั่วที่ทำให้เกิดพฤติกรรมของผู้คน “หันกลับจากการประพฤติชั่วของคนเรา” หมายความว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่มีวันกระทำการเหล่านี้อีก กล่าวคือ พวกเขาจะไม่มีวันประพฤติในหนทางชั่วนี้อีกครั้ง วิธีการ แหล่งกำเนิด แรงจูงใจ เจตนา และหลักการของการกระทำของพวกเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันใช้วิธีการและหลักการเหล่านั้นเพื่อนำความสำราญและความสุขมายังหัวใจของพวกเขาอีก คำว่า “เลิก” ใน “และเลิกการทารุณซึ่งมือคนเราทำ” หมายถึงการวางลงหรือละทิ้ง เพื่อตัดขาดกับอดีตอย่างสมบูรณ์และไม่มีวันหันกลับ เมื่อผู้คนเมืองนีนะเวห์เลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ สิ่งนี้พิสูจน์และแสดงถึงการกลับใจที่แท้จริงของพวกเขา พระเจ้าทรงเฝ้าสังเกตรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คนรวมถึงหัวใจของพวกเขา เมื่อพระเจ้าทรงสังเกตดูการกลับใจที่แท้จริงอย่างปราศจากคำถามในหัวใจของชาวนีนะเวห์ และยังได้ทรงเฝ้าสังเกตว่าพวกเขาได้ทิ้งการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำแล้ว พระองค์ก็ได้เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ นี่จึงกล่าวได้ว่า การประพฤติและพฤติกรรมของผู้คนเหล่านี้ และวิธีการที่หลากหลายในการปฏิบัติสิ่งต่างๆ อีกทั้งการกลับใจและการสารภาพบาปอย่างจริงใจของพวกเขาในหัวใจของพวกเขา เป็นสาเหตุให้พระเจ้าเปลี่ยนพระทัยของพระองค์ เปลี่ยนเจตนารมณ์ของพระองค์ กลับการตัดสินพระทัยของพระองค์ และไม่ลงโทษหรือทำลายพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ผู้คนเมืองนีนะเวห์จึงสัมฤทธิ์ผลในบทอวสานที่แตกต่างออกไปสำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาไถ่ชีวิตของพวกเขาเอง และในเวลาเดียวกันก็ได้รับความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้า ซึ่งในจุดนั้นพระเจ้าก็ถอนพระพิโรธของพระองค์กลับเช่นกัน
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
ความรู้สึกที่จริงใจของพระผู้สร้างต่อมวลมนุษย์ ผู้คนมักพูดว่าการรู้จักพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม...
ต่อไปนี้คือเรื่องราวตามพระคัมภีร์เกี่ยวกับ “ความรอดของพระเจ้าของเมืองนีนะเวห์” โยนาห์ 1:1-2 พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์...
ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้านั้นหาไม่ยาก—การกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ต่างหากที่หายาก ไม่ว่าพระเจ้ากริ้วชาวนีนะเวห์เพียงใดก็ตาม...