เมื่อไม่ทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อเงินอีกต่อไป ฉันจึงพบชีวิตที่มีความสุข

วันที่ 02 เดือน 03 ปี 2021

โดย Dan Chun, อินโดนีเซีย

“คุณกำลังประเมินตัวคุณเองสูงเกินไปจริงๆ หากคุณคิดว่าคุณสามารถส่งลูกของคุณเรียนมหาวิทยาลัยได้ ในเมื่อคุณไม่มีเงินเลย!”

“นั่นสิ นั่นเป็นแค่การพยายามที่จะไปเกินวิถีทางของคุณเพื่อสิ่งไร้ค่า หากคุณไม่มีเงินเลย เช่นนั้นแล้ว คุณก็ควรให้ลูกของคุณออกไปหางานทำ ลืมเรื่องมหาวิทยาลัยไปเลย!”

…………

เมื่อฉันถามบรรดาญาติๆ และเพื่อนสนิทของฉันว่า ฉันสามารถยืมเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยให้ลูกของฉันได้ไหม คำพูดตัดบทของพวกเขารู้สึกเหมือนมีดที่แทงเข้าที่หัวใจของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันรู้สึกหัวเสียและไร้หนทาง และฉันก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจว่า “นี่คือความเป็นจริง: หากปราศจากเงินทอง ฉันก็สามารถเป็นได้เพียงพวกหางแถวเท่านั้น และแม้แต่เพื่อนๆ และญาติๆ ของฉันก็ดูแคลนฉัน!”

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเยาะเย้ยถากถาง ฉันจึงเริ่มที่จะทำงานหนักเพื่อหาเงิน

หลังจากสามีของฉันเสียชีวิต ชีวิตของฉันซึ่งได้รับการจัดเตรียมสิ่งจำเป็นพื้นฐานทั้งหมดโดยปราศจากความกังวลเกินควรอันใด ก็สูญสิ้นไป มีเงินเล็กน้อยเหลืออยู่ในธนาคาร และลูกชายของฉันก็ยังคงเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษา มีหลายสิ่งที่จะต้องชำระเงินหลังจากนั้น กล่าวคือ ลูกสาวของฉันกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และค่าใช้จ่ายก็สูง และภาระในการเลี้ยงดูครอบครัวที่มีคนสามรุ่นก็ตกบนบ่าของฉันอย่างจัง ฉันไม่ต้องการเป็นคนจน นับประสาอะไรที่จำเป็นที่จะต้องสู้ทนการมองอย่างเหยียบย่ำ และการชายตามองอย่างเย่อหยิ่งจากคนอื่นๆ ดังนั้น ทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้ก็คือ การกำหมัดของฉันแน่นและบอกกับตัวฉันเองว่า “ในสังคมนี้ซึ่งเงินทองมีอำนาจสูงสุด ทุกคนมองหาทางที่จะทำเงิน และมีเพียงผู้คนที่มีเงินเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งทั้งหลายให้แล้วเสร็จได้ ตราบเท่าที่ฉันเต็มใจที่จะทำงานหนัก เช่นนั้นแล้ว ฉันจะทำเงินมากมาย มีชีวิตที่ดี และไม่ถูกผู้คนอื่นๆ ดูแคลนอีกต่อไปอย่างแน่นอน!” ดังนั้น ฉันจึงเริ่มต้นชีวิตของฉันในการพยายามที่จะทำเงินอย่างแทบขาดใจ

ฉันเคยเป็นช่างตัดเสื้อมาก่อน ดังนั้น ฉันจึงได้งานตัดเย็บเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม เพราะฉันไม่ได้ทำงานนี้มาเป็นเวลานานมาก ฉันจึงฝีมือฝืดเป็นอย่างมาก และฉันก็ไม่สามารถทำเสื้อผ้าสองชุดเสร็จสิ้นในหนึ่งสัปดาห์เสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนี้ เจ้านายก็ยังคงมอบเสื้อผ้าบางส่วนที่มีรูปแบบซับซ้อนให้ฉันตัดเย็บ และซึ่งมาในรูปทรงที่หลากหลาย และซึ่งไม่มีใครอื่นเลยที่เต็มใจจะทำ นี่หมายความว่าฉันต้องใช้เวลานานขึ้นไปอีกเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าแค่หนึ่งชิ้น และที่มากกว่านั้นก็คือ ฉันได้รับค่าจ้างตามจำนวนชิ้น มันไม่ยุติธรรมจริงๆ ที่นายจ้างจะแบ่งสรรงานในหนทางนี้ และฉันก็ไม่มีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพื่อที่จะทำเงิน ทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้ก็คือ เงียบเข้าไว้และกล้ำกลืนการปฏิบัติอันไม่ยุติธรรมนี้ เพราะเงินที่ฉันหาได้นั้นไม่เพียงพอที่จะจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะขายสิ่งของในบ้านของเราซึ่งไม่มีค่าอะไรนัก เพื่อที่จะช่วยสนับสนุนเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้กลายเป็นท้อใจ แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับกลายเป็นมุ่งมั่นที่จะทำงานหนักและหาเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาวะที่ลำบากใจนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ฉันค่อยๆ กลายเป็นมีความสามารถที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าหนึ่งชุดต่อวันได้ และฉันก็เริ่มที่จะหาเงินได้มากขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันไม่ชอบตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับเจ้านายที่จ่ายเงินให้ไม่มากพอ ดังนั้น ฉันจึงหาเจ้านายอีกคนที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ ดังนั้น ฉันจึงสามารถตัดเย็บเสื้อผ้าได้มากขึ้น ฉันตื่นหลังตีห้าในเช้าแต่ละวัน และทันทีที่ฉันได้พาลูกชายไปโรงเรียนแล้ว ฉันก็ไปทำงาน และจะทำงานไปจนกระทั่งตีหนึ่งหรือตีสองของเช้าวันถัดไป บางครั้ง เมื่อมีมากมายที่จะต้องทำ ฉันก็จะทำงานไปจนกระทั่งตีสี่หรือตีห้าของเช้าวันถัดไป ในระหว่างช่วงเวลานั้น บ่อยครั้งที่ฉันติดธุระกับการทำงานมากจนกระทั่งฉันละเลยที่จะกินอาหาร และเมื่อฉันหิว ฉันก็จะแค่ดื่มน้ำบ้างเพื่อเติมท้องให้เต็ม เนื่องจากฉันไม่ได้กินมื้ออาหารตามปกติและไม่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอเป็นช่วงเวลานาน ฉันจึงมีอาการปวดกระเพาะอาหารและอาการปวดหัวขึ้นมา บางครั้งกระเพาะอาหารของฉันก็จะปวดมากจนกระทั่งฉันไม่มีความสามารถที่จะเหยียดร่างกายของฉันให้ตรงได้ และหัวของฉันก็จะปวดมากจนกระทั่งฉันแค่อยากเอาหัวของฉันโขกกำแพงเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ฉันก็ยังคงไม่เต็มใจที่จะหยุดพัก เมื่อมีอาการเจ็บปวดมากเกินไป ฉันก็จะกินยาแก้ปวดสองเม็ด แล้วก็แค่ทำงานต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป ฉันมีอาการดื้อยาแก้ปวดขึ้นมา จนกระทั่งยาแก้ปวดเหล่านี้ไม่มีผลอันใดอีกต่อไป กระเพาะอาหารของฉันจะยังคงเต้นตุบๆ ด้วยอาการเจ็บปวดอยู่เนืองนิจ และบางครั้งเมื่อโรคภัยไข้เจ็บของฉันแย่ลงมาก มันจะปวดมากจนกระทั่งฉันจะนอนห่มตัวอยู่ในผ้าคลุมเตียงของฉันแล้วก็ร้องไห้เท่านั้น แต่ฉันยังคงมอบสิ่งชูใจและการหนุนใจให้ตัวฉันเองอย่างเงียบๆ โดยพูดกับตัวฉันเองว่า “อาการเจ็บปวดนี้จะไม่คงอยู่ ฉันจะเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน มีเพียงโดยการทำเงินจำนวนมากเท่านั้น ผู้คนจึงจะไม่ดูแคลนฉันอีกต่อไป!”

เมื่อตัวฉันเองติดธุระยุ่งเพื่อเงิน ฉันมีสภาวะทางสายตาแบบเฉียบพลันขึ้นมาซึ่งเกือบจะทำให้ฉันสูญเสียการมองเห็น

หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ฉันทำเงินจำนวนหนึ่งได้สำเร็จ ดังนั้นฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะปรับปรุงบ้านของพวกเราใหม่ และฉันได้ซื้อเครื่องใช้ในบ้านใหม่ทั้งหมด จากนั้นญาติๆ เพื่อนๆ และเพื่อนบ้านของฉันก็ไม่ทำตัวห่างเหินอีกต่อไปเมื่อพวกเขาเห็นฉัน แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับเริ่มที่จะส่งเสียงทักทายฉันและแวะมาเยือนบ้านของฉัน และพวกเขาก็พูดถึงฉันอย่างยกย่องนับถือและยกยอฉัน การได้ยินพวกเขาพูดสิ่งเหล่านี้รู้สึกว่าช่างวิเศษ และจริงๆ แล้วฉันมาซึ้งคุณค่าของข้อเท็จจริงที่ว่า สิ่งทั้งหลายนั้นแตกต่างออกไปเมื่อคนเรามีเงิน! หลังจากนั้น เพื่อที่จะทำเงินมากขึ้นอีก ฉันได้กลายเป็นเหมือนนาฬิกาที่ไขลาน แล้วก็ทำงานตลอดเวลาเท่านั้น

เป็นเวลาหลายปีทีเดียวที่ฉันค่อนข้างสายตาสั้น และการมองเห็นของฉันก็พร่ามัวเล็กน้อย บางครั้งฉันจะรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดที่ทิ่มแทงในดวงตาของฉัน และในตอนกลางคืนอาการเจ็บปวดนี้ก็จะแทบจะทนไม่ได้ ฉันต้องการไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจดวงตา แต่ฉันรู้สึกว่าไม่เพียงแค่นั่นจะทำให้ฉันต้องเสียเงินเท่านั้น แต่มันยังจะเป็นการเสียเวลาด้วยเช่นกัน และดังนั้น ฉันจึงขบฟันของฉันแล้วก็ทำงานต่อไป วันหนึ่ง พี่ชายของฉันเห็นว่าดวงตาของฉันแดงไปหมด และเขาก็ว่ากล่าวฉัน โดยพูดว่า “หากแกตาบอด เช่นนั้นแล้ว แกก็จะไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรได้เลย แล้วจากนั้นเงินทุกสตางค์ที่แกได้เก็บมาก็จะไร้ประโยชน์ จงไปหาหมอทันทีที่แกทำได้!” ฉันกลัวเช่นกันว่าฉันจะตาบอดจริงๆ แล้วจากนั้นฉันก็จะไม่มีหนทางที่จะหาเงิน ดังนั้น ฉันจึงไปสิงคโปร์เพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์ หลังจากการตรวจสอบดวงตาของฉัน คุณหมอก็บอกฉันว่า ดวงตาของฉันอักเสบอย่างรุนแรง และกำชับฉันไม่ให้ทำงานของฉันอีกต่อไป มิฉะนั้นแล้วฉันจะตาบอดทั้งสองข้าง ข่าวนี้มาถึงเหมือนกับเมฆดำที่ปกคลุมดวงอาทิตย์ และมันทำให้ฉันหวาดกลัวอย่างมากจนกระทั่งขาของฉันรู้สึกสั่น ฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลและรู้สึกกระวนกระวาย และฉันก็คิดว่า “การทำให้หลายชีวิตของครอบครัวของฉันดีขึ้นเป็นการดิ้นรนต่อสู้อะไรเช่นนั้น ฉันจะสามารถมีโรคภัยไข้เจ็บนี้โดยกะทันหันเหลือเกินได้อย่างไรกัน? หากฉันตาบอดจริงๆ ใครจะดูแลครอบครัวของฉัน? และหากหลังจากนั้นฉันไม่สามารถหาเงินได้เลย ผู้คนจะไม่ดูแคลนฉันมากขึ้นไปอีกหรอกหรือ?” เมื่อคิดเช่นนี้ ฉันจึงตัดสินใจว่าสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้ก็คือ การพักงานและไปเข้ารับการรักษา

อย่างไรก็ตาม ฉันตกใจที่ค้นพบว่า แค่การรักษาสั้นๆ เป็นเวลาสองสัปดาห์ก็ทำให้ฉันต้องใช้เงินเก็บเท่ากับหกเดือน ยิ่งไปกว่านั้น โรคภัยไข้เจ็บที่ดวงตาของฉันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างเต็มที่ แต่ฉันจำเป็นที่จะต้องกินยานำเข้าอย่างต่อเนื่องแทนเพื่อบรรเทาอาการ เมื่อเผชิญหน้ากับสภาวะที่ลำบากใจนี้ ฉันไม่สามารถสู้ทนมันได้อีกต่อไป เมื่อนั่งตรงหน้าจักรเย็บผ้าของฉัน อดีตก็ถลันผ่านจิตใจของฉันเหมือนกระแสน้ำ กล่าวคือ การเสียชีวิตของสามีของฉัน การมองอย่างเหยียบย่ำ และการเยาะเย้ยถากถางของผู้คนรอบๆ ตัวฉัน การทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนหลายปีเพื่อให้ได้เงินมา และความเศร้าหมองซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการปวดหัวของฉัน อาการปวดกระเพาะอาหารของฉัน และอาการปวดในดวงตาของฉัน... ในชั่วพริบตา ฉันรู้สึกถึงสำนึกอันไม่อาจเปรียบเทียบได้ถึงความอ้างว้างและความไร้หนทาง และฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า “อันที่จริงแล้วฉันได้รับสิ่งใดจากการทำงานหนักต่อเนื่องของฉันตลอดหลายปีมานี้? ฉันยังไม่ได้หาเงินได้มากมายขนาดนั้นเสียด้วยซ้ำ และฉันก็ได้มีโรคภัยไข้เจ็บมากมายเหลือเกินขึ้นมาแล้ว ฉันควรที่จะต้องใช้ชีวิตเยี่ยงนี้อย่างไร...?”

เมื่อเศร้าหมองและงุนงงที่สุด ความรอดของพระเจ้ามาสู่ฉัน

วันหนึ่ง ฉันได้พบกับคริสตชนคนหนึ่งบนเฟซบุ๊ก เธอจริงใจและกังวลสนใจเกี่ยวกับฉันเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่เธอพูดกับฉันเกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อในพระเจ้า และเมื่อเธอทำเช่นนั้นฉันรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายใน โดยผ่านทางการสนทนากับพี่น้องหญิงคนนี้ ฉันพบว่าทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก รวมถึงมวลมนุษย์ สร้างขึ้นโดยพระเจ้า พบว่าก่อนที่มวลมนุษย์จะถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม พวกเขาฟังพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์ และพบว่าภายใต้การดูแลและการทรงอารักขาของพระเจ้า พวกเขาใช้ชีวิตเป็นอิสระจากความกังวลหรือความกระวนกระวายอันใด และเป็นอิสระจากอาการเจ็บปวดจากอายุแก่ชรา โรคภัยไข้เจ็บ และความตาย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มวลมนุษย์ถูกซาตานหลอกล่อและทำให้เสื่อมทราม พวกเขาก็ไม่ฟังพระเจ้าอีกต่อไป และกลายเป็นเหินห่างจากพระเจ้าออกไปทุกที พวกเขาสูญเสียการดูแลและการทรงอารักขาของพระเจ้า โรคภัยไข้เจ็บและความเดือดร้อนทำให้พวกเขาทุกข์ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และชีวิตของพวกเขาก็กลายเป็นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากขึ้นทุกที เพื่อที่จะทำให้มวลมนุษย์สามารถเป็นอิสระจากอันตรายของซาตานได้ พระเจ้าจึงทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์เป็นนิตย์เพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด ประการแรก พระเจ้าได้ทรงกล่าวประกาศธรรมบัญญัติและได้ทรงนำทางมวลมนุษย์ซึ่งเพิ่งเริ่มใหม่ในชีวิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก และพระองค์ได้ทรงอนุญาตให้พวกเขารู้ว่าบาปคืออะไร หลังจากนั้น พระเจ้าพระองค์เองได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และได้ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของมวลมนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการไถ่มวลมนุษย์จากกำมือของซาตาน และเป็นการอนุญาตให้พวกเขาสารภาพของพวกเขาและกลับใจ ในยุคสุดท้าย พระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง และได้เสด็จมายังโลกเพื่อแสดงความจริงและปฏิบัติพระราชกิจแห่งการพิพากษาและการชำระมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์ เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้มนุษย์เป็นอิสระจากโซ่ตรวนแห่งบาปเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบรรลุความรอดของพระเจ้า และเพื่อฟื้นคืนมวลมนุษย์สู่ชีวิตดั้งเดิมที่ช่างวิเศษซึ่งพวกเขาได้ชื่นชมในสวนเอเดน บัดนี้ มีเพียงโดยการยอมรับความรอดของพระเจ้าในยุคสุดท้าย โดยการอ่านพระวจนะของพระเจ้าและการเข้าใจความจริงมากขึ้น โดยการเห็นอย่างชัดเจนถึงวิถีทางและวิธีการซึ่งซาตานใช้ในการทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทราม และโดยการไล่ตามเสาะหาเป้าหมายที่ถูกต้องเท่านั้น พวกเราจึงจะสามารถเป็นอิสระจากอันตรายอันมีสาเหตุมาจากซาตาน และใช้ชีวิตที่มีสันติสุขและอิสรภาพได้ จากการสามัคคีธรรมของพี่น้องหญิงคนนี้ ฉันได้มาเข้าใจว่า สาเหตุรากเหง้าของความเจ็บปวดในชีวิตของพวกเรา ก็คือความเสื่อมทรามของซาตาน ฉันยังได้มาเข้าใจเล็กน้อยเช่นกันเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้าในการช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้า และฉันได้ยอมรับพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระเจ้าด้วยความชื่นบาน หลังจากนั้น ฉันเริ่มที่จะเข้าร่วมการประชุม และพวกเราอ่านพระวจนะของพระเจ้าร่วมกับบรรดาพี่น้องชายหญิง สามัคคีธรรมเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเราและความเข้าใจเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้า และขับร้องเพลงสรรเสริญเพื่อเป็นการสรรเสริญพระเจ้า ฉันเริ่มที่จะชื่นชมสันติสุขและความชื่นบานซึ่งพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพามา และฉันก็ไม่รู้สึกเศร้าหมองเช่นนั้นอีกต่อไป

อันที่จริงแล้วชะตากรรมของพวกเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า

วันหนึ่ง ฉันได้เล่าให้พี่น้องหญิงคนนั้นฟังเกี่ยวกับประสบการณ์อันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของฉันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา จากการทำงานตัวเป็นเกลียว พี่น้องหญิงคนนั้นฟังฉัน จากนั้นก็แสดงบทตอนหนึ่งของพระวจนะของพระเจ้าให้ฉันดู ความว่า “ชะตากรรมของมนุษย์ถูกควบคุมโดยพระหัตถ์ของพระเจ้า เจ้าไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวของเจ้า กล่าวคือ ทั้งที่มนุษย์จะสาละวนเร่งรีบและทำตัวเขาเองให้วุ่นวายในนามของเขาเองอยู่เสมอ เขาก็ยังคงไม่สามารถควบคุมตัวเขาเองได้ หากเจ้าสามารถรู้ความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถควบคุมชะตากรรมของเจ้าเองได้ เจ้าจะยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสร้างอยู่หรือ?(“การฟื้นคืนชีวิตที่ปกติของมนุษย์และการนำมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันน่าอัศจรรย์”)

จากนั้นพี่น้องหญิงคนนั้นก็ให้การสามัคคีธรรม โดยพูดว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง และพระเจ้าทรงปกครองและทรงควบคุมทุกสรรพสิ่ง ชะตากรรมของพวกเราอาจจะเป็นอย่างไรก็ตามและพวกเราจะอุดมด้วยโภคทรัพย์เพียงใดในชีวิต ก็ถูกควบคุมในพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วยเช่นกัน และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กำหนดตัดสินโดยแผนหรืองานหนักของพวกเราเอง มีภาษิตบางบทที่กล่าวว่า ‘ชะตาลิขิตของมนุษย์ถูกตัดสินโดยพระเจ้า’ ‘มนุษย์เสนอ พระเจ้าทรงจัดวาง’ และ ‘แผนของฟ้าเข้าแทนที่แผนของพวกเราเอง’ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการแสดงตัวอย่างของประเด็นนี้ แต่เพราะพวกเราได้ถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม และได้ถูกซาตานสั่งสอนและได้รับอิทธิพลจากซาตาน พวกเราจึงรับเอาเหตุผลวิบัตินอกรีตของซาตานอย่างเช่น ‘ไม่มีพระเจ้าแต่อย่างใดเลย’ ‘ไม่เคยมีพระผู้ช่วยให้รอด’ ‘ชะตาลิขิตของคนเราอยู่ในมือของเขาเอง’ และ ‘เจ้าต้องได้มาซึ่งความสุขของตัวเจ้าเอง’ ว่าเป็นภาษิตที่แท้จริง และพวกเราก็เริ่มที่จะปฏิเสธการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้าและปฏิเสธอธิปไตยของพระเจ้า โดยหวังอย่างสูญเปล่าที่จะวางแผนชีวิตของพวกเราเองด้วยวิถีทางของงานหนักของพวกเรา และสร้างชีวิตที่มีความสุขเพื่อตัวพวกเราเอง เพื่อที่จะทำให้อุดมคติของพวกเราเป็นจริงขึ้น พวกเราจึงเพียรพยายามที่จะทำงานหนัก และพวกเราก็ดิ้นรนต่อสู้ โดยสละเวลาและพลังงานทั้งหมดของพวกเรา ถึงขั้นที่ต้องแลกด้วยสุขภาพของพวกเราเอง แต่อะไรหรือคือผลลัพธ์ของทั้งหมดนี้? พวกเราได้มาซึ่งชีวิตที่มีความสุขที่พวกเราต้องการหรือไม่? ผู้คนมากมายพึ่งพาเรี่ยวแรงของมือทั้งสองข้างของพวกเขาเอง และพึ่งพาการทำงานหนักของพวกเขา ในการที่จะเร่งรีบหาเงินปีแล้วปีเล่า อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่เพียงแค่พวกเขาไร้ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม การดิ้นรนต่อสู้ของพวกเขากับชะตากรรมของพวกเขาเองเป็นสาเหตุให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทางกายภาพและทางจิตใจมากมาย พวกเราสามารถเห็นได้จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ว่า พระเจ้าทรงปกครองและทรงจัดการเตรียมการชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง พวกเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตทรงสร้างขนาดเล็กซึ่งไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของพวกเราเองได้เลย ที่มากไปกว่านั้นก็คือ โดยการใช้ชีวิตตามเหตุผลวิบัตินอกรีตของซาตาน พวกเรายิ่งห่างไกลจากพระเจ้าออกไปเรื่อยๆ เท่านั้น และพวกเราก็ลงเอยด้วยการตกสู่ห้วงเหวของความเจ็บปวด เพื่อที่จะถูกซาตานล้อเล่นด้วยและทำอันตราย มีเพียงโดยการมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและการนมัสการพระเจ้า การยอมรับและการนบนอบต่ออธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า ตลอดจนโดยการอ่านพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น การเข้าใจความจริงและการมีเป้าหมายที่ถูกต้องที่จะไล่ตามเสาะหาเท่านั้น พวกเราจึงจะสามารถกำจัดชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของพวกเราไปจากตัวพวกเรา และใช้ชีวิตด้วยสันติสุขและความสุขได้”

หลังจากที่ฟังพระวจนะของพระเจ้าและการสามัคคีธรรมของพี่น้องหญิงคนนั้น ฉันคิดย้อนกลับไปถึงประสบการณ์อันไม่ราบรื่นของฉันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และตระหนักว่า ฉันได้ถูกเหตุผลวิบัตินอกรีตของซาตานครอบงำแล้วโดยแท้ ฉันไม่ได้ระลึกถึงอธิปไตยของพระเจ้า นับประสาอะไรที่จะได้ตระหนักว่า ชะตากรรมของพวกเราถูกกุมไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ฉันได้มอบทั้งหมดของฉันแล้ว โดยพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของฉัน และใช้ชีวิตที่จะเป็นเหตุให้คนอื่นๆ มองฉันอย่างนับถือ โดยผ่านทางการทำงานหนักและการดิ้นรนต่อสู้ของฉัน แต่สุดท้ายแล้ว ไม่เพียงแค่ฉันไม่ได้ทำให้ความพึงปรารถนาของฉันลุล่วงเท่านั้น แต่ร่างกายของฉันได้กลายเป็นสลายอับปางด้วยโรคภัยไข้เจ็บ และชีวิตของฉันได้กลายเป็นชีวิตที่มีความทุกข์ พระวจนะของพระเจ้าเปิดโอกาสให้ฉันเข้าใจว่า ชะตากรรมของพวกเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และเข้าใจว่า พวกเราไม่มีการควบคุมเหนือชะตากรรมเหล่านั้นเลยอย่างสิ้นเชิง! ทันทีที่ฉันได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ฉันต้องการที่จะเชื่อในพระเจ้าอย่างจริงจังตั้งใจ และล้มเลิกชีวิตของงานที่สิ้นหวัง และฉันต้องการที่จะเข้าใจความจริงมากขึ้น ดังนั้น ฉันจึงจัดการเตรียมการเวลาที่กำหนดขึ้น เพื่อพบปะกับพี่น้องหญิงของฉันและอ่านพระวจนะของพระเจ้า จากนั้นฉันก็ทั้งทำงานของฉันและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า และฉันได้เรียนรู้ที่จะขับร้องเพลงสรรเสริญแห่งพระวจนะของพระเจ้า การใช้ชีวิตในหนทางนี้ ทำให้ฉันสบายใจและเปี่ยมสันติสุขมากกว่าที่ฉันได้เคยรู้สึกมาก่อน

ฉันตกสู่การทดลองอีกครั้ง และพบสาเหตุรากเหง้าที่ว่า เหตุใดผู้คนจึงทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อเงิน

เวลาผ่านไปไว และเทศกาลวันอีดก็กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้าในอินโดนีเซีย นี่คือเดือนที่ความต้องการเสื้อผ้าอยู่ที่ระดับสูงสุด และยังเป็น “เดือนทอง” สำหรับการทำเงินด้วยเช่นกัน ฉันเคยได้เสื้อผ้าจำนวนมากจากเจ้านายของฉันเสมอ และหากฉันทำงานล่วงเวลาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันก็สามารถหาเงินได้เท่ากับค่าจ้างสองเดือน แต่ครั้งนี้ ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย กล่าวคือ หากฉันยอมรับงานนี้ เช่นนั้นแล้ว แน่นอนว่านั่นจะแทรกแซงการเข้าร่วมการประชุมของคริสตจักร และไม่มีทางที่ดวงตาของฉัน จะมีความสามารถที่จะรับมือกับการทำงานตลอดคืนได้อีก แต่แล้วฉันก็คิดว่า โอกาสเหมาะนี้เกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น และคิดว่า ธุรกิจคงจะลดลงมากเมื่อผ่านเดือนนี้ไป ฉันรู้สึกกระหายร้อนรนที่จะเริ่มต้น โดยคิดว่าฉันจะพลาดโอกาสทำเงินมากเกินไป หากฉันปล่อยโอกาสเหมาะนี้ให้หลุดมือฉันไป ฉันคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ฉันก็ยังคงไม่สามารถต้านทานแรงดึงของเงินทองได้ ดังนั้น ฉันจึงเสวนาเรื่องนี้กับพี่น้องหญิงที่คริสตจักรของฉัน และขอไม่เข้าประชุมหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ และฉันก็สัญญาว่าจะทำอย่างดีที่สุดที่จะหาเวลาเข้าร่วมการประชุมของคริสตจักร แต่ฉันก็กลายเป็นติดธุระมากกว่าที่ฉันได้เคยคิดไว้ ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ทำเสื้อผ้าเสร็จสิ้นหนึ่งชุด ฉันก็จะเริ่มต้นกับชุดถัดไปเสียแล้ว และฉันก็ไม่สามารถหยุดได้เลย และดังนั้น ฉันจึงขอตัวไม่เข้าร่วมการประชุมของคริสตจักรบ่อยครั้ง และบางครั้งแม้ในยามที่ฉันกำลังเข้าร่วมการประชุมทางออนไลน์อยู่นั้น จิตใจของฉันก็จะกระสับกระส่ายดังเช่นกิ่งไม้ที่ถูกพายุกระหน่ำ โดยคิดอยู่เสมอเกี่ยวกับว่า มีเสื้อผ้ามากน้อยแค่ไหนที่กำลังรอให้ฉันตัดเย็บ หัวใจของฉันอยู่ห่างจากพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ และเมื่อสิ้นสุดแต่ละวัน ฉันจะไม่รู้สึกเพียงแค่เหนื่อยล้าอย่างเหลือทนทั้งในร่างกายและจิตใจเท่านั้น แต่หัวใจของฉันจะรู้สึกว่างเปล่าด้วยเช่นกัน และฉันก็มีสำนึกถึงความไม่สบายใจเสมอ ในที่สุดแล้ว ฉันได้มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่ออธิษฐานและแสวงหา และฉันได้ขอให้พระเจ้าทรงนำฉัน

ในการประชุมครั้งหนึ่ง ฉันเล่าให้พี่น้องหญิงคนนั้นฟังเกี่ยวกับสภาวะที่ฉันเป็นอยู่ และเธอก็แสดงบทตอนหนึ่งของพระวจนะของพระเจ้าให้ฉันดู ความว่า “‘เงินทำให้โลกหมุนไป’ เป็นปรัชญาหนึ่งของซาตานและมันแพร่หลายไปท่ามกลางมวลมนุษย์ทั้งหมด ในทุกสังคมมนุษย์ เจ้าสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่านั่นเป็นกระแสนิยมเพราะนั่นได้ถูกปลูกฝังในหัวใจของทุกผู้คน ตั้งแต่แรกเริ่มนั้น ผู้คนไม่ได้ยอมรับคติพจน์นี้ แต่ต่อมาพวกเขาก็ให้การยอมรับการนั้นโดยปริยายเมื่อพวกเขาเข้ามาติดต่อสัมพันธ์กับชีวิตจริง และเริ่มที่จะรู้สึกว่าอันที่จริงแล้วคำพูดเหล่านี้จริงแท้ นี่ไม่ใช่กระบวนการที่ซาตานทำให้ผู้คนเสื่อมทรามหรอกหรือ?…ไม่ว่าใครบางคนจะมีประสบการณ์กับคติพจน์นี้มากเพียงใด ผลด้านลบใดหรือที่มันสามารถมีต่อหัวใจของใครบางคนได้? บางสิ่งบางอย่างถูกเปิดเผยโดยผ่านทางอุปนิสัยแบบมนุษย์ของผู้คนในพิภพนี้ รวมถึงพวกเจ้าแต่ละคน สิ่งที่ถูกเปิดเผยนี้จะได้รับการตีความอย่างไร? มันคือการบูชาเงิน มันยากที่จะลบเรื่องนี้ออกไปจากหัวใจของใครบางคนใช่หรือไม่? มันยากมาก! ดูเหมือนว่าการทำให้มนุษย์เสื่อมทรามของซาตานจะลึกซึ้งจริงๆ! ดังนั้นหลังจากที่ซาตานใช้กระแสนิยมนี้เพื่อทำให้ผู้คนเสื่อมทราม มันถูกสำแดงในพวกเขาอย่างไร? พวกเจ้ารู้สึกว่าพวกเจ้าไม่สามารถอยู่รอดในพิภพนี้ได้โดยปราศจากเงินเลย ว่าแม้แต่วันหนึ่งที่ปราศจากเงินก็คงจะเป็นไปไม่ได้ใช่หรือไม่? สถานะของผู้คนขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเงินมากเพียงใด เช่นเดียวกับความนับถือที่พวกเขาอยากได้มา หลังของคนยากจนก้มโค้งด้วยความอดสู ในขณะที่คนมั่งคั่งชื่นชมกับสถานที่สูงส่งของพวกเขา พวกเขาเชิดและเย่อหยิ่ง พูดเสียงดังและดำรงชีวิตอย่างโอหัง คติพจน์และกระแสนิยมนี้นำพาสิ่งใดมาสู่ผู้คนหรือ? จริงหรือไม่ที่ผู้คนมากมายทำการพลีอุทิศทุกอย่างในการไล่ตามเสาะหาเงินตรา?…ซาตานไม่ส่อแววร้ายหรอกหรือที่ใช้วิธีการนี้และคติพจน์นี้เพื่อทำให้มนุษย์เสื่อมทรามถึงระดับเช่นนั้น? นี่ไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมที่คิดร้ายหรอกหรือ? ขณะที่เจ้าดำเนินก้าวหน้าจากการคัดค้านคติพจน์ยอดนิยมนี้ไปสู่การยอมรับในที่สุดว่ามันเป็นความจริง หัวใจของเจ้าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของซาตานโดยบริบูรณ์ และดังนั้นเจ้าก็ได้มาดำรงชีวิตอยู่ด้วยคติพจน์นี้โดยไม่ตั้งใจ คติพจน์นี้ส่งผลต่อเจ้าถึงระดับใดหรือ? เจ้าอาจจะรู้จักหนทางที่แท้จริง และเจ้าอาจจะรู้จักความจริง แต่เจ้าไร้พลังที่จะไล่ตามเสาะหาการนั้น เจ้าอาจจะรู้อย่างชัดเจนว่าพระวจนะของพระเจ้าคือความจริง แต่เจ้าไม่เต็มใจที่จะจ่ายราคา หรือที่จะทนทุกข์เพื่อให้ได้รับความจริงนั้นมา ในทางกลับกัน เจ้าคงจะพลีอุทิศอนาคตและชะตาลิขิตของเจ้าเองเพื่อต้านทานพระเจ้าจนถึงที่สุดมากกว่า ไม่สำคัญว่าพระเจ้าตรัสสิ่งใด ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงทำสิ่งใด ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ว่าความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเจ้านั้นลึกซึ้งเพียงใดหรือยิ่งใหญ่เพียงใด เจ้าคงจะยืนกรานอย่างดื้อด้านในการที่จะมีหนทางของเจ้าเองและจ่ายราคาให้แก่คติพจน์นี้ กล่าวคือ คติพจน์นี้ได้ควบคุมพฤติกรรมของเจ้าและความคิดของเจ้าเอาไว้แล้ว และเจ้าก็คงจะให้มันควบคุมชะตากรรมของเจ้ามากกว่าที่จะล้มเลิกมันทั้งหมด ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คนกระทำการในหนทางนี้ ที่ว่าพวกเขาถูกคติพจน์นี้ควบคุมและถูกมันบงการ แสดงตัวอย่างว่าการทำให้มนุษย์เสื่อมทรามของซาตานมีประสิทธิภาพมิใช่หรือ? นี่เป็นปรัชญาและอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของซาตานที่หยั่งรากในหัวใจของเจ้ามิใช่หรือ? หากเจ้าทำการนี้ ซาตานไม่ได้สัมฤทธิ์เป้าหมายของมันแล้วหรือ?(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 5)

จากนั้นพี่น้องหญิงคนนั้นก็ให้สามัคคีธรรม โดยพูดว่า “พวกเราได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวดแล้วซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงิน และได้เข้าใจจากพระวจนะของพระเจ้าว่า พระเจ้าทรงปกครองเหนือชะตากรรมของมวลมนุษย์ ดังนั้นแล้ว เหตุใดเล่าพวกเราจึงไม่สามารถเป็นอิสระจากการทดลองของความอุดมด้วยโภคทรัพย์ได้? พระวจนะของพระเจ้าซึ่งพวกเราเพิ่งจะได้อ่านไปนั้น เปิดเผยสาเหตุรากเหง้าของประเด็นปัญหานี้ มันเป็นเพราะพวกเราได้รับอิทธิพลอย่างดิ่งลึกจากสัจพจน์ของตรรกะและเหตุผลวิบัตินอกรีตของซาตานอย่างเช่น ‘เงินต้องมาก่อน’ และ ‘เงินทำให้โลกหมุนไป’ ภายใต้อิทธิพลของสิ่งเหล่านี้ พวกเราเชื่อว่า ในโลกนี้ที่ซึ่งทุกคนไล่ตามเงินทอง มีเพียงโดยการที่มั่งคั่งเท่านั้น พวกเราจึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและได้รับความนับถือจากคนอื่นๆ และเชื่อว่า หากพวกเราไม่มั่งคั่ง เช่นนั้นแล้ว พวกเราย่อมจะถูกคนอื่นๆ ดูเบาและลบหลู่ และจะไม่มีที่ในสังคม ภายใต้การครอบงำจากทรรศนะที่ผิดเหล่านี้ พวกเราทำงานหนักต่อเนื่องเพื่อทำเงินให้ได้มากขึ้น โดยไม่มีการคำนึงถึงสุขภาพของพวกเราเองแต่อย่างใดเลย ผลลัพธ์ก็คือว่า พวกเราเหนื่อยล้ามากจนกระทั่งพวกเรากลายเป็นเจ็บป่วย และทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเราก็ทุกข์ร้อนไปด้วยความทุกข์และความทรมาน หลังจากที่พวกเราเริ่มเชื่อในพระเจ้า พวกเรารู้ดีที่สุดว่า การไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์นั้นไร้ความหมายและไม่มีค่านิยม รู้ว่าพวกเราควรอ่านพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น และเสาะแสวงที่จะเข้าใจความจริง เนื่องจากโดยการทำเช่นนั้นเท่านั้น พวกเราจึงจะสามารถเป็นอิสระจากอันตรายของซาตานได้ แต่กระนั้น พวกเราก็ยังคงไร้ความสามารถที่จะเอาชนะแรงดึงซึ่งความอุดมด้วยโภคทรัพย์มีต่อพวกเรา เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของการทำเงิน พวกเราเข้าร่วมการประชุมของคริสตจักรน้อยลง ขอตัวไม่เข้าร่วมการประชุม และไม่ให้ความสนใจต่อชีวิตของพวกเราเองเลยแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายแล้ว พวกเราก็ตกสู่บ่วงของซาตานอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง และพวกเราก็ใช้ชีวิตด้วยความเจ็บปวดจากการที่ไม่มีพระเจ้าเคียงข้างพวกเรา การนี้ไม่ได้ล้วนแต่มีสาเหตุมาจากการที่พวกเราถูกหลอกลวง และถูกทำให้เสื่อมทราม โดยคำโกหกซึ่งหน้าของซาตานหรอกหรือ? พี่น้องหญิง พวกเราสามารถเห็นได้ว่า มีผู้คนมากมายในโลกนี้ซึ่งใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างสิ้นหวังไปกับการทำงานเพื่อหาเงิน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายของทั้งหมดนี้ก็คือ พวกเขาใช้ครึ่งแรกของชีวิตของพวกเขาไปกับการใช้ชีวิตของพวกเขาเพื่อหาเงิน แล้วจากนั้นพวกเขาก็ใช้ครึ่งหลังของชีวิตของพวกเขาไปกับการใช้เงินของพวกเขาเพื่อซื้อชีวิต แล้วก็มีคนเด่นคนดังบางคนและผู้คนที่มั่งคั่งและมีอิทธิพลบางคน ผู้ซึ่งถึงแม้ว่าชีวิตอันอุดมด้วยโภคทรัพย์ของพวกเขาอาจนำพาสิ่งชูใจทางกายภาพชั่วคราวมาให้พวกเขา แต่จิตวิญญาณของพวกเขาก็ว่างเปล่าและอยู่ในความเจ็บปวดทั้งสิ้น และบางคนถึงขั้นเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะเป็นอิสระจากความเจ็บปวดนี้ นี่แสดงให้พวกเราเห็นว่า ความอุดมด้วยโภคทรัพย์ ชื่อเสียง และทรัพย์สมบัติ ไม่สามารถนำพาความสุขมาให้พวกเราได้ ทั้งหมดที่สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ก็คือ เป็นสาเหตุให้พวกเราทนทุกข์และเสื่อมสภาพมากขึ้นเรื่อยๆ—การไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์ ชื่อเสียง และทรัพย์สมบัติ ไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง ซาตานใช้เหตุผลวิบัตินอกรีตและสัจพจน์ของตรรกะอย่างเช่น ‘เงินต้องมาก่อน’ และ ‘เงินทำให้โลกหมุนไป’ เพื่อที่จะนำทางพวกเราไปอยู่บนเส้นทางของความชั่วในการไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์ และเพื่อทำให้พวกเราตกสู่กระเพาะของความอุดมด้วยโภคทรัพย์ซึ่งกลืนกินทุกอย่าง เพื่อกลายเป็นทาสของเงิน และเพื่อที่ในที่สุดแล้วจะถูกซาตานสังหาร ซาตานไม่เคลือบแฝงและเลวทรามมากเหลือเกินหรอกหรือ? พี่น้องหญิง พระเจ้าทรงแสดงความจริงในยุคสุดท้าย เพื่อเปิดโปงวิถีทางอันซ่อนเร้นทุจริตซึ่งซาตานใช้ในการทำให้มวลมนุษย์เสื่อมทราม ตลอดจนความตั้งใจอันมุ่งร้ายของมัน ด้วยความหวังว่า บรรดาผู้ที่ครองทั้งหัวใจและจิตวิญญาณ อาจมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อรับพระวจนะของพระองค์ เข้าใจความจริง มองกลอุบายฉลาดแกมโกงของซาตานทะลุปรุโปร่ง บอกปัดเหตุผลวิบัตินอกรีตหลากหลายทั้งหมดของซาตาน เดินบนเส้นทางของการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่ว และเป็นอิสระจากอันตรายจากซาตานตลอดไป สำหรับพวกเราเหล่ามนุษย์ นี่คือโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยสัมบูรณ์ในบรรดาทั้งหมด!”

หลังจากฟังพระวจนะของพระเจ้าและการสามัคคีธรรมของพี่น้องหญิงคนนี้ ฉันรู้สึกได้รับการดลใจมาก และฉันก็รู้สึกว่าทุกพระวจนะของพระเจ้าเป็นคำวิวรณ์แห่งความจริง ฉันคิดเกี่ยวกับว่า ฉันได้รับผลกระทบอย่างลุ่มลึกจากโซ่ตรวนแห่งเหตุผลวิบัตินอกรีตของซาตานอย่างไร และเกี่ยวกับว่า ฉันได้ไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์อย่างไม่ลดละอย่างไร โดยทำงานเหมือนเครื่องจักรทำเงินทุกวัน ตั้งแต่รุ่งสางจวบจนพลบค่ำ ทำงานอย่างแทบขาดใจเพื่อหาเงิน และเป็นเพียงเมื่อฉันเกือบจะสูญเสียการมองเห็นของฉันแล้วเท่านั้น ที่ในที่สุดแล้วฉันจึงได้จำเป็นที่จะต้องหยุด หลังจากฉันเริ่มที่จะเชื่อในพระเจ้า ฉันไม่รู้วิธีที่จะทะนุถนอมเวลาอันล้ำค่าของฉัน ในการที่จะอ่านพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น และเสาะแสวงที่จะเข้าใจความจริง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ฉันกลับไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์เรื่อยไปเท่านั้น จนถึงจุดที่การหาเงินนั้นแทรกแซงการเข้าร่วมการประชุมของคริสตจักร และหัวใจของฉันก็ไถลห่างจากพระเจ้าออกไปทุกที เมื่อนั้นเท่านั้นฉันจึงได้เห็นว่า ฉันได้ถูกแนวคิดและทรรศนะผิดๆ ของซาตานทำให้เสื่อมทรามอย่างดิ่งลึกเพียงใด ฉันได้คำนึงถึงเงินว่าสำคัญกว่ากระทั่งชีวิตของฉันเอง และฉันก็ได้กลายเป็นทาสของเงิน พอดีกับตอนนั้นที่ฉันได้คิดเกี่ยวกับพี่น้องของฉัน ซึ่งได้ใช้เวลาทั้งวันทุกๆ วันไปกับการฉงนฉงายว่า เขาจะสามารถทำเงินมากขึ้นได้อย่างไร เพื่อที่เขาจะสามารถใช้ชีวิตที่ระดับสูงสุดได้ แล้วจากนั้นเขาก็ได้เริ่มที่จะทนทุกข์จากความเศร้าหมอง เมื่อเขายังคงอยู่ในวัยสี่สิบกว่าเท่านั้น เขาได้หยิบยืมเงินจำนวนมาก แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถเยียวยาความเศร้าหมองของเขาได้ และทั้งครอบครัวก็ทนทุกข์ด้วยการนี้ แล้วก็ยังมีน้องชายของฉันซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ เขาทำงานอย่างแทบขาดใจเพื่อทำเงิน และเขาก็หาเงินได้มาก แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นมะเร็งและเสียชีวิต โดยผ่านทางคำวิวรณ์แห่งพระวจนะของพระเจ้า ตลอดจนจากตัวอย่างที่มีชีวิตรอบๆ ตัวฉัน ฉันได้เห็นว่า แนวคิดและทรรศนะของซาตาน มีอยู่เพียงเพื่อจะหลอกลวงพวกเรา เพื่อผูกมัดพวกเรา เพื่อหลอกพวกเรา และเพื่อทำอันตรายแก่พวกเราเท่านั้น ถึงแม้ว่าเงินสามารถนำพาความชื่นชมยินดีทางวัตถุชั่วคราวและความเลื่อมใสและความนับถือจากผู้คนอื่นๆ มาให้พวกเราได้ แต่มันก็ไม่สามารถเยียวยาความระทมใจและความทุกข์ที่พวกเรารู้สึกได้ อีกทั้งมันไม่สามารถซื้อสันติสุขและความชื่นบานฝ่ายจิตวิญญาณหรือความจริงได้ และนับประสาอะไรที่มันจะสามารถซื้อชีวิตได้ ในที่สุดแล้วฉันได้เข้าใจว่า การไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์ จริงๆ แล้วไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้องโดยผ่านทางชีวิต และการใช้ชีวิตทุกวันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของเงินนั้นเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจริงๆ ตอนนั้นฉันรู้ว่า หากฉันไม่ได้ตื่นขึ้นสู่ความจริง ฉันคงจะมีแต่ลงเอยด้วยการติดตามในก้าวย่างของพี่ชายของฉันและลูกพี่ลูกน้องของฉันเท่านั้น และเมื่อถึงเวลานั้นมันก็คงจะสายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ!

ฉันพบชีวิตที่มีความสุขและฉันรู้สึกเปี่ยมสันติสุขและสบายใจ

จากนั้นฉันก็อ่านอีกบทตอนหนึ่งของพระวจนะของพระเจ้า ความว่า “แต่มีหนทางหนึ่งซึ่งเรียบง่ายยิ่งนักที่จะทำให้คนเราเป็นอิสระจากสภาวะนี้ซึ่งเป็นการอำลาวิถีชีวิตเดิมของคนเรา เพื่อที่จะกล่าวคำอำลาต่อเป้าหมายชีวิตก่อนหน้านี้ของพวกเขา เพื่อที่จะสรุปและวิเคราะห์ลีลาชีวิตก่อนหน้านี้ มุมมองของชีวิต กิจกรรมต่างๆ ที่ทำไปตามความชอบ ความอยากได้อยากมี และอุดมคติต่างๆ ของคนเรา และจากนั้นก็เปรียบเทียบสิ่งเหล่านั้นกับน้ำพระทัยและข้อเรียกร้องของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ และดูว่ามีสิ่งใดในสิ่งเหล่านั้นที่สอดคล้องเข้ากันได้กับน้ำพระทัยและข้อเรียกร้องของพระเจ้า ดูว่ามีสิ่งใดบ้างในสิ่งเหล่านั้นที่มอบคุณค่าที่ถูกต้องของชีวิต นำทางคนเราไปสู่ความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับความจริง และอำนวยให้คนเรามีชีวิตอยู่กับสภาวะความเป็นมนุษย์และรูปสัณฐานของความเป็นมนุษย์ เมื่อเจ้ายังคงเจาะลึกลงไปซ้ำๆ และทำการจำแนกอย่างระมัดระวังในเป้าหมายอันหลากหลายที่ผู้คนไล่ตามเสาะหาในชีวิต และหนทางการดำเนินชีวิตนับหมื่นแสนของพวกเขา เจ้าจะไม่พบแม้สักหนึ่งอย่างที่สอดคล้องกับพระเจตนาดั้งเดิมของพระผู้สร้างที่พระองค์ใช้ในการสร้างมนุษยชาติขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดดึงผู้คนให้ห่างออกจากอธิปไตยและการดูแลเอาใจใส่ของพระผู้สร้าง สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคือกับดักที่เป็นเหตุให้ผู้คนกลายเป็นต่ำช้า และเป็นสิ่งที่นำทางพวกเขาไปสู่นรก หลังจากที่เจ้าระลึกได้ในเรื่องนี้ กิจของเจ้าก็คือวางมุมมองเก่าของชีวิตลง อยู่ให้ห่างจากกับดักอันหลากหลาย ยอมให้พระเจ้าเข้ากำกับชีวิตของเจ้าและทำการจัดการเตรียมการสำหรับเจ้า มันเป็นการพยายามเพียงเพื่อที่จะนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการทรงนำของพระเจ้า ที่จะมีชีวิตโดยปราศจากการเลือกของปัจเจกบุคคล และเพื่อที่จะกลายเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งนมัสการพระเจ้า(พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 3)

คำขอบคุณจงมีแด่พระเจ้าที่พระวจนะของพระองค์ได้แสดงให้ฉันเห็นทิศทางที่ถูกต้องที่จะไล่ตามเสาะหาอยู่ในนั้น ฉันคิดเกี่ยวกับว่า ฉันได้ทำงานหนักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเพื่อหาเงิน และคิดถึงว่า ชีวิตทางวัตถุของฉันได้ปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นบ้างอย่างไร แต่ความระทมใจและความทุกข์ซึ่งเกิดขึ้นจากการเร่งรีบหาเงิน คือสิ่งซึ่งเงินไม่สามารถทำให้บรรเทาลงได้ ฉันได้ไปไล่ตามเสาะหาความอุดมด้วยโภคทรัพย์อย่างหูหนวกตาบอด และได้ถูกซาตานทำอันตรายอย่างขมขื่นยิ่งนัก แต่บัดนี้ฉันได้มีวาสนาดีพอที่จะยอมรับพระราชกิจในยุคสุดท้ายของพระเจ้า มีเพียงโดยการติดตามพระเจ้าอย่างจริงจังตั้งใจ การเดินบนเส้นทางในการไล่ตามเสาะหาความจริง การนบนอบต่ออธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และการปฏิบัติหน้าที่ของคนเราในฐานะสิ่งมีชีวิตทรงสร้างเท่านั้น ที่เป็นเป้าหมายที่ถูกต้องที่จะต้องไล่ตามเสาะหาในชีวิต และมีเพียงเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นสิ่งซึ่งนำพาความสุขที่สุดมาสู่ชีวิตของคนเรา ฉันคิดเกี่ยวกับว่า ถึงแม้ว่าบรรดาพี่น้องชายหญิงมากมายในคริสตจักรไม่มีสถานะที่สูงส่ง อีกทั้งพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตที่อุดมด้วยโภคทรัพย์ แต่กระนั้นพวกเขาเข้าใจความจริงบางอย่าง และมีความสามารถที่จะคำนึงถึงเงินได้อย่างถูกต้องได้อย่างไร พวกเขาไม่ละโมบความอุดมด้วยโภคทรัพย์ พวกเขานบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง พวกเขามุ่งเน้นไปที่การไล่ตามเสาะหาความจริง พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาใช้ชีวิตที่เปี่ยมสันติสุขและมั่นคง และจิตวิญญาณของพวกเขาเป็นอิสระ—นี่คือบางสิ่งซึ่งไม่ว่าเงินจำนวนเท่าใดก็ไม่สามารถซื้อได้ และเป็นบางสิ่งซึ่งพวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าไม่สามารถที่จะได้รับประสบการณ์ได้เลย ฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่มีวันเป็นทาสของเงินอีกเป็นอันขาด และที่จะพึงพอใจกับเงินที่พอสำหรับสิ่งจำเป็นพื้นฐานด้านอาหารและเสื้อผ้า “ฉันจะเข้าร่วมการประชุมอย่างแข็งขัน” ฉันตั้งใจแน่วแน่กับตัวฉันเอง “และอ่านพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น เพื่อที่ฉันจะสามารถเข้าใจความจริงได้มากขึ้น ฉันจะนบนอบต่ออธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า และกำจัดชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดนี้จากตัวฉันเอง อันเกิดจากการทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของเงิน”

ต่อมา ฉันหางานได้งานหนึ่งซึ่งไม่ค่อยยุ่งมากนัก และฉันก็ตกลงกับเจ้านายใหม่ของฉันว่า ฉันจะตัดเย็บเสื้อผ้ากี่ชิ้นในหนึ่งวัน ฉันยังได้เข้าร่วมการประชุมตามปกติกับบรรดาพี่น้องชายหญิงในคริสตจักรของฉันด้วยเช่นกัน และฉันก็จะอ่านพระวจนะของพระเจ้า และเรียนรู้เพลงสรรเสริญเมื่อใดก็ตามที่ฉันมีเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ฉันได้มาเข้าใจความจริงบางประการ และเมื่อใดก็ตามที่ฉันเผชิญประเด็นปัญหาและความลำบากยากเย็นในชีวิต ฉันจะอธิษฐานต่อพระเจ้าและค้นหาเส้นทางที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านั้นภายในพระวจนะของพระเจ้า ทุกวันของชีวิตของฉันได้กลายเป็นมั่งคั่งและมีความสุข และฉันได้มาซึ้งคุณค่าประโยคเหล่านี้จากพระวจนะของพระเจ้าอย่างแท้จริง ความว่า “ความจริงที่มนุษย์จำเป็นต้องครองนั้นพบอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า และมันก็เป็นความจริงที่ให้ประโยชน์และช่วยเหลือมวลมนุษย์มากที่สุด มันเป็นยาชูกำลังและความเสบียงอาหารที่ร่างกายของพวกเจ้าจำเป็นต้องการ เป็นบางสิ่งที่ช่วยมนุษย์ฟื้นฟูสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ปกติของเขา มันคือความจริงหนึ่งซึ่งมนุษย์ควรมีพร้อมเอาไว้(พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ทันทีที่เจ้าเข้าใจความจริง เจ้าควรนำมันไปสู่การปฏิบัติ)

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ก็เกือบจะถึงเวลาสำหรับเทศกาลวันอีดของปี ค.ศ. 2018 แล้ว เจ้านายใหม่ของฉันได้ขอให้ฉันตัดเย็บเสื้อผ้ามากกว่าปกติ โดยพูดว่า “อย่าพลาดโอกาสนี้ไปเสียล่ะ เพราะมันจะไม่มาอีก จงฉวยโอกาสของครั้งนี้ไว้เดี๋ยวนี้เลย แล้วใช้เรี่ยวแรงของคุณทำเงินสักก้อน แล้วจากนั้นคุณก็จะมีความสามารถที่จะชื่นชมชีวิตได้เมื่อคุณแก่ตัว” คำพูดของเจ้านายของฉันทำให้ฉันโอนเอนเล็กน้อย แต่แล้วฉันก็คิดเกี่ยวกับว่า ชีวิตของฉันเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและสาหัสเพียงใดก่อนหน้านั้น เมื่อฉันได้ทำงานหนักเพื่อทำเงิน ฉันยังคิดด้วยเช่นกันว่า หากปราศจากพระพรของพระเจ้า พวกเราเหล่ามนุษย์ไม่สามารถได้มาซึ่งสิ่งทั้งหลายที่พวกเราต้องการได้ ไม่สำคัญว่าพวกเราจะทำงานหนักมากเพียงใดเพื่อสิ่งเหล่านั้น การที่ฉันจะยากจนหรือมั่งมีนั้น อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ทั้งหมดที่ฉันจำเป็นที่จะต้องทำก็คือ ทำงานตามเวลาปกติ เพื่อที่งานของฉันไม่ได้ส่งผลต่อการเข้าร่วมประชุมที่คริสตจักรของฉันหรือสุขภาพของฉัน และไม่ว่าฉันจะหาเงินได้มากหรือไม่ก็ตาม ฉันจะนบนอบต่ออธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า ฉันไม่ได้ต้องการที่จะถูกซาตานทำอันตรายอีกต่อไป อีกทั้งไม่ได้ต้องการให้ซาตานจูงจมูกนำทางฉันอีกต่อไป และดังนั้น ฉันจึงได้ปฏิเสธเจ้านายของฉันไป ฉันต้องแปลกใจที่ทันทีที่เทศกาลวันอีดสิ้นสุดลง ก็มีกระแสของผู้คนที่สม่ำเสมอทุกวันมาขอให้ฉันตัดผ้าเพื่อทำเสื้อผ้า และในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันก็สามารถทำเงินได้เท่ากับที่ฉันสามารถทำได้โดยการตัดเย็บเสื้อผ้าทั้งชุด ฉันได้มาซึ้งคุณค่าจริงๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันที่จริงแล้วถูกปกครองและจัดการเตรียมการในพระหัตถ์ของพระเจ้าอย่างไร และฉันสามารถหาเงินได้มากเท่าใดนั้น ก็ยังเป็นบางสิ่งซึ่งลิขิตไว้ล่วงหน้าโดยพระเจ้าด้วยเช่นกัน มีเพียงโดยการปฏิบัติโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า และการนบนอบต่อการจัดวางเรียบเรียงและการจัดการเตรียมการของพระเจ้าเท่านั้น ฉันจึงจะสามารถใช้ชีวิตด้วยอิสรภาพและสันติสุขได้

ทุกวันนี้ นอกเหนือจากการทำงานของฉันตามเวลาปกติแล้ว ฉันปฏิบัติหน้าที่ของฉันในคริสตจักรอย่างสุดความสามารถของฉัน และฉันเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าเคียงข้างบรรดาพี่น้องชายหญิงของฉัน ฉันรู้สึกว่าชีวิตประเภทนี้เปี่ยมไปด้วยความหมายและมีความสุขเป็นอย่างมาก อาการปวดกระเพาะอาหารของฉันไม่เกิดขึ้นบ่อยอย่างที่เคยเป็น และฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาทุกวันอีกต่อไป ข้อเท็จจริงเหล่านี้เปิดโอกาสให้ฉันล่วงรู้ความรักที่แท้จริงของพระเจ้าและกิจการอันอัศจรรย์ของพระองค์ และฉันได้ตั้งปณิธานที่จะติดตามพระเจ้าไปตลอดกาล คำขอบคุณจงมีแด่พระเจ้า!

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การกลับใจของคุณหมอ

โดย หยาง ฟาน, ประเทศจีน สมัยที่เริ่มเป็นหมอ ฉันพยายามจะเป็นหมอที่ใจดีและเป็นมืออาชีพ ทำดีกับคนไข้ และวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ ในไม่ช้า...

ในการอธิษฐานให้ได้งาน ฉันเป็นประจักษ์พยานต่อกิจการของพระเจ้า

โดย จี้จิง ประเทศญี่ปุ่น ฉันได้ยินมานานแล้วว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ดีจริงๆ ที่จะเดินทางไป หลังจากที่ฉันได้ไปถึงประเทศญี่ปุ่นในเดือนเมษายน...

ทางเลือกเพื่อช่วงชีวิตที่เหลือ

โดย เซี่ยวหย่ง ประเทศจีน ตอนเด็กบ้านผมค่อนข้างจน พวกเราถูกคนในหมู่บ้าน ระรานอยู่บ่อยๆ เวลาเห็นแม่ร้องไห้เพราะโดนรังแก ผมจะรู้สึกแย่เสมอ...

ติดต่อเราผ่าน Messenger