การที่พระเจ้าเที่ยงแท้ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่งทรงเป็นหนึ่งเดียวหรือสาม

วันที่ 04 เดือน 11 ปี 2020

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

พระเจ้าทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งและทรงบริหารทุกสรรพสิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงบริหารทั้งหมดที่มี พระองค์ทรงปกครองเหนือทั้งหมดที่มี และพระองค์ทรงจัดเตรียมสำหรับทั้งหมดที่มี นี่คือพระสถานะของพระเจ้า และนี่คือพระอัตลักษณ์ของพระองค์ สำหรับทุกสรรพสิ่งและทั้งหมดที่มีนั้น พระอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าคือพระผู้สร้างและองค์ปกครองของสิ่งทรงสร้างทั้งหมด เช่นนั้นคือพระอัตลักษณ์ที่พระเจ้าทรงถือครอง และพระองค์ทรงมีเอกลักษณ์ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งทรงสร้างใดของพระเจ้า—ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์หรือในโลกฝ่ายวิญญาณ—ที่สามารถใช้วิธีการหรือข้ออ้างใดๆ เพื่อปลอมแฝงหรือแทนที่พระอัตลักษณ์และพระสถานะของพระเจ้าได้ เพราะท่ามกลางทุกสรรพสิ่งมีเพียงองค์หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ทรงถือครองพระอัตลักษณ์ ฤทธานุภาพ สิทธิอำนาจ และความสามารถในการปกครองเหนือสิ่งทรงสร้าง นั่นก็คือ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงเอกลักษณ์ของพวกเรา พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพและทรงเคลื่อนไปท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสามารถขึ้นสู่ที่สูงที่สุด เหนือทุกสรรพสิ่งได้ พระองค์สามารถถ่อมพระองค์เองโดยการบังเกิดเป็นมนุษย์ การบังเกิดเป็นผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่มีเลือดเนื้อ การมาประจันหน้ากับผู้คน และการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา ขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ทรงบัญชาทั้งหมดที่มี โดยทรงตัดสินชะตากรรมของทั้งหมดที่มีและทิศทางที่มันทั้งหมดจะเคลื่อนไป ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงนำทางชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งปวง และทรงคุมทิศทางของมวลมนุษย์ พระเจ้าเช่นนี้ควรจะได้รับการนมัสการ การเชื่อฟัง และการรู้จักโดยสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในกลุ่มหรือจำพวกใดท่ามกลางมวลมนุษย์ การเชื่อในพระเจ้า การติดตามพระเจ้า การเคารพพระเจ้า การยอมรับการปกครองของพระองค์ และการยอมรับการจัดการเตรียมการของพระองค์ให้แก่ชะตากรรมของเจ้าเป็นเพียงทางเลือกเดียว—ทางเลือกที่จำเป็น—สำหรับบุคคลใดก็ตามและสำหรับสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม ในความทรงเอกลักษณ์ของพระเจ้านั้น ผู้คนมองเห็นว่า สิทธิอำนาจของพระองค์ พระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ เนื้อแท้ของพระเจ้า และวิธีการทั้งหลายที่พระองค์ทรงใช้จัดเตรียมแก่ทุกสรรพสิ่งนั้นล้วนทรงเอกลักษณ์โดยครบบริบูรณ์ ความทรงเอกลักษณ์นี้กำหนดพระอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพระเจ้าพระองค์เอง และยังกำหนดสถานะของพระองค์ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ท่ามกลางสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง หากสิ่งมีชีวิตใดในโลกฝ่ายวิญญาณหรือท่ามกลางมวลมนุษย์ปรารถนาที่จะยืนแทนที่พระเจ้า ความสำเร็จย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ดังเช่นที่จะเป็นไปไม่ได้กับความพยายามใดๆ ที่จะปลอมแฝงพระเจ้า นี่คือข้อเท็จจริง

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

แผนการบริหารจัดการของพระเจ้ายืดขยายเป็นเวลาหกพันปีและถูกแบ่งออกเป็นสามยุคตามความแตกต่างในพระราชกิจของพระองค์ กล่าวคือ ยุคแรกคือยุคธรรมบัญญัติแห่งพันธสัญญาเดิม ยุคที่สองคือยุคพระคุณ และยุคที่สามคือยุคสุดท้าย—ยุคแห่งราชอาณาจักร ในแต่ละยุคนั้นเป็นตัวแทนของพระอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน นี่เป็นเพียงเพราะความแตกต่างในพระราชกิจเท่านั้น นั่นคือ ข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระราชกิจ ช่วงระยะแรกของพระราชกิจในระหว่างยุคพระคุณนั้นได้รับการดำเนินการในอิสราเอล และช่วงระยะที่สองที่ประกอบด้วยพระราชกิจแห่งการไถ่นั้นได้รับการดำเนินการในแคว้นยูเดีย สำหรับพระราชกิจแห่งการไถ่นั้น พระเยซูได้ประสูติโดยผ่านทางการตั้งครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และทรงเป็นพระบุตรพระองค์เดียว ทั้งหมดนั้นเนื่องจากข้อพึงประสงค์ต่างๆ ของพระราชกิจนี้ ในยุคสุดท้ายนั้น พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะขยายพระราชกิจของพระองค์เข้าไปในชนต่างชาติทั้งหลายและพิชิตผู้คนที่นั่นเพื่อที่พระนามของพระองค์จะได้ยิ่งใหญ่ในท่ามกลางพวกเขา พระองค์ทรงปรารถนาที่จะนำทางมนุษย์ในการทำความเข้าใจและการเข้าสู่ความจริงทั้งปวง พระราชกิจทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยพระวิญญาณหนึ่งเดียว ถึงแม้ว่าพระองค์อาจทรงทำเช่นนั้นจากจุดยืนต่างๆ ที่แตกต่างกัน แต่ธรรมชาติและหลักการต่างๆ ของพระราชกิจนั้นยังคงเป็นอย่างเดียวกันอยู่ ทันทีที่เจ้าสังเกตหลักการทั้งหลายและธรรมชาติของพระราชกิจที่พวกพระองค์ได้ทรงดำเนินการ เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นดำเนินการโดยพระวิญญาณหนึ่งเดียว

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?

หากพระราชกิจสามช่วงระยะเหล่านี้ถูกประเมินสอดคล้องกับมโนทัศน์ของตรีเอกานุภาพ เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องมีพระเจ้าสามพระภาคเนื่องจากพระราชกิจที่แต่ละพระองค์ทรงดำเนินการไม่เป็นแบบเดียวกัน หากคนใดท่ามกลางพวกเจ้ากล่าวว่าตรีเอกานุภาพมีอยู่จริง เช่นนั้นแล้วก็จงอธิบายว่าแท้ที่จริงแล้วพระเจ้าหนึ่งเดียวในสามพระองค์นี้คือสิ่งใดกันแน่ พระบิดาผู้บริสุทธิ์ทรงเป็นสิ่งใด? พระบุตรทรงเป็นสิ่งใด? พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสิ่งใด? พระยาห์เวห์คือพระบิดาผู้บริสุทธิ์กระนั้นหรือ? พระเยซูคือพระบุตรกระนั้นหรือ? เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสิ่งใด? พระบิดาไม่ทรงเป็นพระวิญญาณหรอกหรือ? เนื้อแท้ของพระบุตรมิใช่พระวิญญาณด้วยหรอกหรือ? พระราชกิจของพระเยซูมิใช่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรอกหรือ? พระราชกิจของพระยาห์เวห์ ณ เวลาที่ดำเนินการโดยพระวิญญาณมิใช่แบบเดียวกันกับของพระเยซูหรอกหรือ? พระเจ้าทรงสามารถมีพระวิญญาณได้กี่ดวง? ตามคำอธิบายของเจ้านั้น ทั้งสามพระองค์ที่มีพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์คือหนึ่งเดียว หากการนี้เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้ว ก็มีพระวิญญาณสามดวง แต่การจะมีพระวิญญาณสามดวงหมายความว่ามีพระเจ้าสามพระองค์ การนี้หมายความว่าไม่มีพระเจ้าที่แท้จริงหนึ่งเดียวใดๆ เลย พระเจ้าประเภทนี้จะยังคงทรงมีเนื้อแท้ภายในของพระเจ้าได้อย่างไร? หากเจ้ายอมรับว่ามีพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว พระองค์จะทรงสามารถมีบุตรและเป็นบิดาได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงมโนคติอันหลงผิดของพวกเจ้าหรอกหรือ? มีพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น พระองค์เดียวเท่านั้นในพระเจ้าพระองค์นี้ และพระวิญญาณของพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น ดังที่มีการเขียนลงในพระคัมภีร์ว่า “มีพระวิญญาณบริสุทธิ์หนึ่งเดียวเท่านั้น และพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น” ไม่ว่าพระบิดาและพระบุตรที่เจ้าพูดถึงนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้น และเนื้อแท้ของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พวกเจ้าเชื่อนั้นคือเนื้อแท้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ แต่พระองค์ทรงสามารถบังเกิดเป็นมนุษย์และดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางมนุษย์ได้ รวมถึงทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง พระวิญญาณของพระองค์ทรงครอบคลุมทั้งหมดและสถิตทั่วทุกหนแห่ง พระองค์ทรงสามารถสถิตในเนื้อหนังและในจักรวาลและเหนือจักรวาลในเวลาเดียวกันได้ ในเมื่อผู้คนทั้งหมดกล่าวว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว ก็มีพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถแบ่งแยกพระองค์ได้ตามใจชอบ! พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวเท่านั้น และพระองค์หนึ่งเดียวเท่านั้น และนั่นคือพระวิญญาณของพระเจ้า หากการเป็นดังเช่นที่เจ้ากล่าว คือพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้ว พวกพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระเจ้าสามพระภาคหรอกหรือ? พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสิ่งหนึ่ง พระบุตรเป็นอีกสิ่งหนึ่ง และพระบิดาก็ยังทรงเป็นอีกสิ่งหนึ่ง องค์ทั้งหลายของพวกพระองค์แตกต่างกันและเนื้อแท้ของพวกพระองค์ก็แตกต่างกัน เช่นนั้นแล้ว แต่ละพระองค์จะทรงสามารถเป็นพระภาคของพระเจ้าพระองค์เดียวได้อย่างไร? พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระวิญญาณ การนี้ง่ายสำหรับมนุษย์ที่จะเข้าใจ หากการนี้เป็นดังนั้น เช่นนั้นแล้ว พระบิดาก็ทรงเป็นพระวิญญาณเช่นนั้นมากยิ่งกว่าเสียอีก พระองค์ไม่เคยได้เสด็จลงมายังแผ่นดินโลกและไม่เคยได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าในหัวใจของมนุษย์ และพระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณด้วยอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว สัมพันธภาพระหว่างพระองค์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นอย่างไร? มันคือสัมพันธภาพระหว่างพระบิดากับพระบุตรใช่หรือไม่? หรือมันคือสัมพันธภาพระหว่างพระวิญญาณบริสุทธิ์กับพระวิญญาณของพระบิดา? เนื้อแท้ของพระวิญญาณแต่ละดวงเป็นแบบเดียวกันหรือไม่? หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นเครื่องมือหนึ่งของพระบิดา? การนี้จะสามารถอธิบายได้อย่างไร? และเช่นนั้นแล้ว สัมพันธภาพระหว่างพระบุตรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นอย่างไร? มันคือสัมพันธภาพระหว่างพระวิญญาณทั้งสองหรือสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์กับพระวิญญาณ? ทั้งหมดเหล่านี้คือเรื่องที่ไม่สามารถมีคำอธิบายได้! หากพวกพระองค์ล้วนเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียว เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถมีการพูดถึงสามพระองค์ได้ เพราะพวกพระองค์ทรงมีพระวิญญาณดวงเดียว หากพวกพระองค์ทรงเป็นองค์ที่แตกต่างกันชัดเจน เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณของพวกพระองค์ก็คงจะมีพระกำลังที่ผันแปร และพวกพระองค์ก็คงจะไม่สามารถเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวดวงเดียวได้โดยง่าย มโนทัศน์เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้เหลวไหลที่สุด! การนี้แยกพระเจ้าและแบ่งพระองค์ออกเป็นสามพระองค์ แต่ละพระองค์มีสถานะหนึ่งและพระวิญญาณ เช่นนั้นแล้วพระองค์จะยังคงทรงสามารถเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวและพระเจ้าหนึ่งเดียวได้อย่างไร? จงบอกเรามา ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งภายในนั้นได้รับการทรงสร้างโดยพระบิดา พระบุตร หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์กันแน่? บางคนกล่าวว่าพวกพระองค์ได้ทรงสร้างมันทั้งหมดมาด้วยกัน เช่นนั้นแล้ว พระองค์ใดที่ได้ทรงไถ่มวลมนุษย์? เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระบุตร หรือพระบิดากันแน่? บางคนกล่าวว่าพระบุตรนั่นเองคือผู้ที่ได้ทรงไถ่มวลมนุษย์ เช่นนั้นแล้ว พระบุตรในเนื้อแท้นั้นทรงเป็นพระองค์ใด? พระองค์มิใช่ทรงเป็นการจุติเป็นมนุษย์ของพระวิญญาณของพระเจ้าหรอกหรือ? การจุติเป็นมนุษย์เรียกพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ด้วยพระนามของพระบิดาจากมุมมองของมนุษย์ผู้ถูกสร้าง เจ้าไม่ตระหนักหรือว่าพระเยซูประสูติโดยผ่านทางการตั้งครรภ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์? ภายในพระองค์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไรก็ตาม พระองค์ยังคงทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นการจุติเป็นมนุษย์ของพระวิญญาณของพระเจ้า แนวคิดเกี่ยวกับพระบุตรนี้ไม่จริงเลย พระวิญญาณหนึ่งเดียวนั่นเองที่เป็นผู้ซึ่งดำเนินการพระราชกิจทั้งหมด พระเจ้าพระองค์เองเท่านั้น นั่นคือพระวิญญาณของพระเจ้าทรงดำเนินการพระราชกิจของพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?

นี่อาจทำให้ผู้คนส่วนใหญ่นึกถึงพระวจนะของพระเจ้าจากหนังสือปฐมกาล ความว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา” เมื่อคำนึงถึงว่าพระเจ้าตรัสว่า ให้ “เรา” สร้างมนุษย์ตามฉายา “ของเรา” เช่นนั้นแล้ว “เรา” บ่งบอกถึงสองขึ้นไป เนื่องจากพระองค์ได้ทรงระบุว่า “เรา” เช่นนั้นแล้วก็ไม่ใช่มีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ในหนทางนี้ มนุษย์ได้เริ่มคิดในความเป็นนามธรรมขององค์ที่แตกต่างกันชัดเจน และจากพระวจนะเหล่านี้ก็ได้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมา เช่นนั้นแล้วพระบิดาทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? พระบุตรทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นเหมือนสิ่งใด? มันอาจสามารถเป็นไปได้หรือไม่ที่มวลมนุษย์ของวันนี้จะถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาขององค์หนึ่งเดียวที่เกิดจากการรวมกันของสามองค์? เช่นนั้นแล้ว ฉายาของมนุษย์จะเป็นเหมือนพระฉายาของพระบิดา พระบุตร หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์กันเล่า? มนุษย์ถูกสร้างตามพระฉายาของพระองค์ใดของพระเจ้ากันเล่า? แนวคิดนี้ของมนุษย์แค่ไม่ถูกต้องและไร้สาระสิ้นดี! มันทำได้เพียงแค่แบ่งพระเจ้าหนึ่งเดียวออกเป็นพระเจ้าหลายพระองค์เท่านั้น ณ เวลาที่โมเสสได้เขียนหนังสือปฐมกาล เป็นเวลาหลังจากที่มวลมนุษย์ได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการทรงสร้างโลก ในแรกเริ่มนั้น เมื่อโลกได้เริ่มต้นขึ้น โมเสสไม่ได้ดำรงอยู่ และโมเสสไม่ได้เขียนพระคัมภีร์จนกระทั่งหลังจากนั้นนานมาก ดังนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาอาจสามารถรู้ว่าพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ได้ตรัสสิ่งใด? เขาไม่ได้ระแคะระคายเลยว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้ ในพันธสัญญาเดิมของพระคัมภีร์ ไม่มีการกล่าวถึงพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยมีเพียงการกล่าวถึงพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเท่านั้น คือพระยาห์เวห์ ที่ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในอิสราเอล พระองค์ได้รับการเรียกขานโดยพระนามที่แตกต่างกันไปตามการเปลี่ยนแปลงของยุค แต่นี่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแต่ละพระนามอ้างอิงถึงองค์ที่แตกต่างกัน หากการนี้เป็นดังนั้น เช่นนั้นแล้ว จะไม่มีองค์ที่นับไม่ถ้วนในพระเจ้าหรอกหรือ? สิ่งที่เขียนไว้ในพันธสัญญาเดิมคือพระราชกิจของพระยาห์เวห์ พระราชกิจช่วงระยะของพระเจ้าพระองค์เองสำหรับการเริ่มต้นในยุคธรรมบัญญัติ มันคือพระราชกิจของพระเจ้า และมันได้เป็นไปตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ และมันได้ยืนหยัดขึ้นตามที่พระองค์ได้ทรงบัญชา ไม่มีสักครั้งที่พระยาห์เวห์ตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาที่เสด็จมาเพื่อดำเนินพระราชกิจ และพระองค์ไม่เคยเผยพระวจนะว่าพระบุตรเสด็จมาเพื่อไถ่มวลมนุษย์ เมื่อกล่าวถึงเวลาของพระเยซู มีเพียงการกล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงเท่านั้น มิใช่กล่าวว่าเป็นพระบุตรผู้ซึ่งได้เสด็จมา เพราะยุคทั้งหลายนั้นไม่เหมือนกันและพระราชกิจที่พระเจ้าพระองค์เองทรงกระทำนั้นก็แตกต่างกันด้วย พระองค์จึงทรงจำเป็นต้องดำเนินพระราชกิจของพระองค์ภายในอาณาเขตที่แตกต่างกัน ในหนทางนี้ อัตลักษณ์ที่พระองค์ทรงเป็นตัวแทนก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน มนุษย์เชื่อว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระบิดาของพระเยซู แต่การนี้มิได้เป็นที่ยอมรับโดยแท้จริงจากพระเยซู ผู้ซึ่งได้ตรัสว่า “เราไม่เคยถูกแยกแยะออกเป็นพระบิดาและพระบุตร เราและพระบิดาในฟ้าสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว พระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา เมื่อมนุษย์มองเห็นพระบุตร พวกเขากำลังมองเห็นพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์” เมื่อมีการกล่าวถึงทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระบิดาหรือพระบุตร พวกพระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียว มิได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นองค์ทั้งหลายที่แยกต่างหาก ทันทีที่มนุษย์พยายามที่จะอธิบาย เรื่องต่างๆ ก็สลับซับซ้อนไปด้วยแนวคิดเกี่ยวกับองค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันชัดเจน รวมถึงสัมพันธภาพระหว่างพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณ เมื่อมนุษย์กล่าวถึงองค์ทั้งหลายที่แยกต่างหาก นี่มิใช่การทำให้พระเจ้าทรงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาหรอกหรือ? มนุษย์ถึงขั้นจัดอันดับองค์ทั้งหลายให้เป็นองค์ที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม ทั้งหมดเหล่านี้เป็นแต่เพียงการจินตนาการของมนุษย์เท่านั้น ไม่ควรค่าแก่การอ้างอิง และไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง! หากเจ้าถามเขาว่า “มีพระเจ้ากี่องค์?” เขาก็คงจะกล่าวว่า พระเจ้าคือตรีเอกานุภาพแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือ พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว หากเจ้าถามอีกครั้งว่า “พระองค์ใดคือพระบิดา?” เขาก็คงจะกล่าวว่า “พระบิดาคือพระวิญญาณของพระเจ้าในสวรรค์ พระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่ง และทรงเป็นองค์เจ้านายแห่งฟ้าสวรรค์” “เช่นนั้นแล้วพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระวิญญาณกระนั้นหรือ?” เขาก็คงจะกล่าวว่า “ใช่!” หากเจ้าถามเขาอีกว่า “พระองค์ใดคือพระบุตร?” เขาก็คงจะกล่าวว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรอย่างแน่นอน “เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวของพระเยซูคืออะไร? พระองค์เสด็จมาจากที่ไหน?” เขาก็คงจะกล่าวว่า “พระเยซูประสูติจากนางมารีย์โดยผ่านทางการตั้งครรภ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์” เช่นนั้นแล้ว เนื้อแท้ของพระองค์มิใช่พระวิญญาณด้วยหรอกหรือ? พระราชกิจของพระองค์มิใช่เป็นตัวแทนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นกันหรอกหรือ? พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระวิญญาณ และเนื้อแท้ของพระเยซูก็เป็นดังนั้นด้วยเช่นกัน บัดนี้ในยุคสุดท้าย ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าพระวิญญาณนั่นเองที่ยังคงทรงพระราชกิจอยู่ พวกพระองค์จะทรงสามารถเป็นองค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันได้อย่างไร? มันมิใช่แค่เพียงพระวิญญาณของพระเจ้าที่ทรงดำเนินพระราชกิจของพระวิญญาณจากมุมมองที่แตกต่างกันไปเท่านั้นหรอกหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่มีความแตกต่างระหว่างองค์ทั้งหลาย พระเยซูได้สถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พระราชกิจของพระองค์คือพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน ในช่วงระยะแรกของพระราชกิจที่ดำเนินการโดยพระยาห์เวห์นั้น พระองค์มิได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ อีกทั้งมิได้ทรงปรากฏต่อมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จึงไม่เคยมองเห็นการทรงปรากฏของพระองค์ ไม่สำคัญว่าพระองค์จะทรงยิ่งใหญ่เพียงใดและสูงเพียงใด พระองค์ยังคงทรงเป็นพระวิญญาณ พระเจ้าพระองค์เอง ผู้ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ กล่าวคือ พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณของพระเจ้า เมื่อพระองค์ได้ตรัสกับมนุษย์จากท่ามกลางหมู่เมฆนั้น พระองค์ทรงเป็นเพียงพระวิญญาณ ไม่มีผู้ใดได้เป็นประจักษ์พยานการทรงปรากฏของพระองค์ มีเพียงในยุคพระคุณเมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และได้ทรงจุติเป็นมนุษย์ในแคว้นยูเดียเท่านั้น มนุษย์จึงได้มองเห็นพระฉายาแห่งการจุติเป็นมนุษย์ครั้งแรกในฐานะชาวยิวคนหนึ่ง ความรู้สึกของพระยาห์เวห์นั้นไม่สามารถสำนึกรับรู้ได้ อย่างไรก็ตาม พระองค์ได้สถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือ ได้สถิตในครรภ์โดยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์พระองค์เอง และพระเยซูยังคงได้ประสูติมาเป็นรูปจำแลงของพระวิญญาณของพระเจ้า สิ่งที่มนุษย์ได้มองเห็นครั้งแรกคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เสด็จลงมายังพระเยซูเหมือนนกพิราบ นั่นมิใช่พระวิญญาณของพระเยซูแต่เพียงพระองค์เดียว แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่างหาก เช่นนั้นแล้ว พระวิญญาณของพระเยซูสามารถแยกออกจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กระนั้นหรือ? หากพระเยซูทรงเป็นพระเยซู พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้ว พวกพระองค์จะสามารถเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร? พระราชกิจคงมิอาจได้รับการดำเนินการได้หากเป็นเช่นดังนั้น พระวิญญาณภายในพระเยซู พระวิญญาณในฟ้าสวรรค์ และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ล้วนเป็นหนึ่งเดียว พระวิญญาณนั้นสามารถเรียกได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณของพระเจ้า พระวิญญาณที่เพิ่มกำลังขึ้นเจ็ดเท่า และพระวิญญาณผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสามารถดำเนินพระราชกิจได้มากมาย พระองค์ทรงสามารถสร้างโลกและทำลายมันโดยการให้น้ำท่วมแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสามารถไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงสามารถพิชิตและทำลายมวลมนุษย์ทั้งปวงได้ พระราชกิจนี้ล้วนได้รับการดำเนินการโดยพระเจ้าพระองค์เอง และไม่สามารถได้รับการดำเนินการโดยองค์อื่นใดของพระเจ้าแทนพระองค์ได้ พระวิญญาณของพระองค์สามารถได้รับการเรียกขานโดยพระนามของพระยาห์เวห์และพระเยซู รวมถึงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคริสต์ พระองค์ทรงสามารถกลายเป็นบุตรมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน พระองค์สถิตอยู่สูงเหนือจักรวาลทั้งหลายและท่ามกลางฝูงชน พระองค์ทรงเป็นองค์เจ้านายองค์เดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก! นับตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนกระทั่งถึงบัดนี้ พระราชกิจนี้ได้รับการดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระเจ้าพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นพระราชกิจในฟ้าสวรรค์หรือในเนื้อหนัง ทั้งหมดล้วนดำเนินการโดยพระวิญญาณของพระองค์เอง สรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งปวง ไม่ว่าในฟ้าสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ล้วนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์อันทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ ทั้งหมดนี้คือพระราชกิจของพระเจ้าพระองค์เอง และไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการแทนพระองค์ได้ ในฟ้าสวรรค์นั้น พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณแต่ก็ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองด้วยเช่นกัน ท่ามกลางพวกมนุษย์นั้น พระองค์ทรงเป็นเนื้อหนังแต่ก็ยังคงทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เองอยู่ ถึงแม้ว่าพระองค์อาจได้รับการเรียกขานโดยหลายแสนพระนาม พระองค์ก็ยังคงทรงเป็นพระองค์เอง และพระราชกิจทั้งหมดนั้นคือการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณของพระองค์ การไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวงโดยผ่านทางการตรึงกางเขนของพระองค์นั้นเป็นพระราชกิจโดยตรงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดังนั้นจึงเป็นการประกาศต่อชนชาติทั้งมวลและแผ่นดินทั้งมวลในระหว่างยุคสุดท้ายด้วยเช่นกัน ตลอดเวลานั้น พระเจ้าสามารถได้รับการเรียกขานว่าพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวและผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระเจ้าพระองค์เองผู้ทรงครอบคลุมทั้งหมด องค์ทั้งหลายที่แตกต่างกันนั้นไม่มีอยู่จริง นับประสาอะไรที่จะมีแนวคิดนี้เกี่ยวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีเพียงพระเจ้าหนึ่งเดียวเท่านั้นในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ตรีเอกานุภาพมีอยู่จริงหรือไม่?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

การนิยามพระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียวเป็นพระเจ้าตรีเอกานุภาพคือการหมิ่นประมาทพระเจ้า และนั่นเป็นเหตุผลวิบัติที่ไร้สาระที่สุด

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้องหลังจากความจริงเกี่ยวกับการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูได้มามีขึ้น มนุษย์เชื่อกันเช่นนี้ว่า...

ติดต่อเราผ่าน Messenger