หากหัวใจของมนุษย์อยู่ในความเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า มนุษย์จะสามารถยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วได้อย่างไร?
ในเมื่อผู้คนในปัจจุบันไม่ได้ครอบครองสภาวะความเป็นมนุษย์แบบเดียวกันกับโยบ เนื้อแท้แห่งธรรมชาติของพวกเขา และท่าทีของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้าเป็นอย่างไร? พวกเขายำเกรงพระเจ้าหรือไม่? พวกเขาหลบเลี่ยงความชั่วหรือไม่? บรรดาผู้ที่ไม่ยำเกรงพระเจ้าหรือหลบเลี่ยงความชั่วสามารถสรุปได้ด้วยสามคำเท่านั้น นั่นก็คือ “ศัตรูของพระเจ้า” พวกเจ้ามักจะกล่าวสามคำเหล่านี้บ่อยๆ แต่พวกเจ้าไม่เคยรู้ความหมายจริงของคำเหล่านี้ คำว่า “ศัตรูของพระเจ้า” มีสาระสำคัญ กล่าวคือ คำพูดเหล่านี้ไม่ได้กำลังกล่าวว่าพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นมนุษย์เป็นศัตรู แต่กล่าวว่ามนุษย์มองเห็นพระเจ้าเป็นศัตรู ประการแรก เมื่อผู้คนเริ่มที่จะเชื่อในพระเจ้า พวกเขาคนใดบ้างที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย สิ่งจูงใจ และความทะเยอทะยานของพวกเขาเอง? ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งของพวกเขาจะเชื่อในการดำรงอยู่ของพระเจ้าและได้มองเห็นการดำรงอยู่ของพระเจ้า แต่การเชื่อในพระเจ้าของพวกเจ้าก็ยังคงบรรจุไปด้วยสิ่งจูงใจ และจุดมุ่งหมายสูงสุดของพวกเขาในการเชื่อในพระเจ้าก็คือเพื่อได้รับพระพรของพระองค์และสิ่งทั้งหลายที่พวกเขาต้องการ ในประสบการณ์ชีวิตของผู้คนนั้น พวกเขามักคิดถึงตัวเองว่า ฉันได้ยอมทิ้งครอบครัวและงานของฉันเพื่อพระเจ้าแล้ว และพระองค์ได้ประทานสิ่งใดให้ฉัน? ฉันต้องเพิ่มมันขึ้นและยืนยันมัน—ฉันได้รับพระพรใดๆ หรือยังในช่วงนี้? ฉันได้ให้ไปมากมายในช่วงระหว่างเวลานี้ ฉันได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และได้ทนทุกข์มากมาย—พระเจ้าได้ทรงมอบพระสัญญาใดๆ เป็นการตอบแทนแก่ฉันหรือยัง? พระองค์ได้ทรงจดจำความประพฤติดีๆ ของฉันหรือยัง? บทอวสานของฉันจะเป็นอย่างไร? ฉันสามารถได้รับพระพรของพระเจ้าได้หรือไม่?…ทุกบุคคลทำการคิดคำนวณเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอภายในหัวใจของพวกเขา และพวกเขาทำการร้องขอจากพระเจ้าซึ่งเป็นแรงจูงใจ ความทะเยอทะยาน และความคิดแบบแลกเปลี่ยนของพวกเขา กล่าวคือ ในหัวใจของเขานั้น มนุษย์กำลังทดสอบพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ คิดวางแผนเกี่ยวกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ โต้แย้งเรื่องราวเพื่อบทอวสานแต่ละอย่างของพวกเขาเองกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ และพยายามที่จะคัดรายงานแถลงจากพระเจ้า โดยดูว่าพระเจ้าสามารถประทานสิ่งที่เขาต้องการให้แก่เขาหรือไม่ ในเวลาเดียวกันกับที่ไล่ตามเสาะหาพระเจ้านั้น มนุษย์ก็ไม่ปฏิบัติกับพระเจ้าดังเช่นพระเจ้า มนุษย์พยายามที่จะทำข้อตกลงกับพระเจ้าอยู่เสมอ ทำข้อเรียกร้องจากพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน และแม้กระทั่งกดดันพระองค์ในทุกขั้นตอน โดยหลังจากได้คืบแล้วก็พยายามที่จะเอาศอก ในเวลาเดียวกันกับที่พยายามทำข้อตกลงกับพระเจ้า มนุษย์ก็ยังโต้แย้งกับพระองค์ด้วย และมีแม้กระทั่งผู้คนที่มักจะกลายเป็นอ่อนแอ อยู่นิ่งเฉย และหย่อนยานในงานของพวกเขา และเต็มไปด้วยการร้องทุกข์คร่ำครวญเกี่ยวกับพระเจ้าเมื่อการทดสอบตกมาถึงพวกเขาและเต็มไปด้วยคำติเตียนเกี่ยวกับพระเจ้า จากเวลาที่มนุษย์ได้เริ่มเชื่อในพระเจ้านั้น เขาได้พิจารณาว่าพระเจ้าทรงเป็นความอุดมสมบูรณ์ เป็นมีดพับสวิส และเขาได้พิจารณาตัวเขาเองว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้า ราวกับว่าการพยายามได้รับพระพรและพระสัญญาจากพระเจ้านั้นเป็นสิทธิ์และภาระผูกพันประจำตัวของเขา ในขณะที่หน้าที่รับผิดชอบของพระเจ้าคือการคุ้มครองปกป้องและดูแลมนุษย์ และการจัดเตรียมให้กับเขา เช่นนั้นเองคือความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ “การเชื่อในพระเจ้า” ของพวกเหล่านั้นทั้งหมดที่เชื่อในพระเจ้า และเช่นนั้นคือความเข้าใจส่วนลึกที่สุดของพวกเขาเกี่ยวกับมโนทัศน์แห่งการเชื่อในพระเจ้า จากเนื้อแท้แห่งธรรมชาติของมนุษย์ไปจนถึงการไล่ตามเสาะหาในใจของเขา ไม่มีสิ่งใดที่สัมพันธ์กับความยำเกรงพระเจ้าเลย จุดมุ่งหมายของมนุษย์ในการเชื่อในพระเจ้าไม่สามารถเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับการนมัสการพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มนุษย์ไม่เคยได้พิจารณาหรือเข้าใจว่าการเชื่อในพระเจ้าจำเป็นต้องมีการยำเกรงและการนมัสการพระเจ้า เนื่องจากสภาพเงื่อนไขเช่นนั้น เนื้อแท้ของมนุษย์ก็ชัดแจ้ง เนื้อแท้นี้คือสิ่งใด? มันก็คือหัวใจของมนุษย์นั้นมุ่งร้าย เก็บงำการทรยศหักหลังและการหลอกลวง ไม่รักความยุติธรรมและความชอบธรรมและสิ่งที่เป็นเชิงบวก และมันน่าเหยียดหยามและโลภ หัวใจของมนุษย์ไม่สามารถใกล้ชิดกับพระเจ้าได้มากขึ้น เขาไม่ได้มอบมันให้แก่พระเจ้าเลย พระเจ้าไม่เคยทรงมองเห็นหัวใจที่แท้จริงของมนุษย์ อีกทั้งพระองค์ไม่เคยได้รับการนมัสการโดยมนุษย์ ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงจ่ายราคาที่ยิ่งใหญ่เพียงใด หรือพระองค์ทรงพระราชกิจมากเพียงใด หรือพระองค์ทรงจัดเตรียมให้มนุษย์มากเพียงใด มนุษย์ยังคงมืดบอดและไม่แยแสอย่างสิ้นเชิงต่อการนั้นทั้งหมด มนุษย์ไม่เคยได้มอบหัวใจของเขาแด่พระเจ้า เขาเพียงต้องการที่จะเอาใจใส่หัวใจของเขาด้วยตัวเอง ที่จะทำการตัดสินใจของเขาเองเท่านั้น—ซึ่งความนัยก็คือว่ามนุษย์ไม่ต้องการที่จะติดตามหนทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่ว หรือที่จะเชื่อฟังอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้า อีกทั้งเขาไม่ต้องการนมัสการพระเจ้าในฐานะพระเจ้า เช่นนั้นคือสภาวะของมนุษย์ในปัจจุบัน บัดนี้พวกเรามาดูที่โยบกันอีกครั้งเถิด ก่อนอื่น เขาเคยทำข้อตกลงกับพระเจ้าหรือไม่? เขามีแรงจูงใจแฝงในการยึดมั่นกับหนทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่วหรือไม่? ในเวลานั้น พระเจ้าเคยตรัสถึงบทอวสานที่จะมาถึงหรือไม่? ในเวลานั้นพระเจ้าไม่ได้ทรงทำพระสัญญาต่อผู้ใดเกี่ยวกับบทอวสาน และมันขัดแย้งกับภูมิหลังที่โยบสามารถยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว ผู้คนของวันนี้ได้ยืนขึ้นเพื่อการเปรียบเทียบกับโยบหรือไม่? มีความต่างมากเกินไป พวกเขาอยู่ในกลุ่มที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าโยบไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้ามากนัก เขาได้มอบหัวใจของเขาแด่พระเจ้าและมันเป็นของพระเจ้า เขาไม่เคยทำข้อตกลงกับพระเจ้า และไม่มีความอยากได้อยากมีหรือข้อเรียกร้องที่ฟุ่มเฟือยต่อพระเจ้า แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาเชื่อว่า “พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย” นี่เป็นสิ่งที่เขาได้มองเห็นและได้รับจากการยึดมั่นกับหนทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่วในช่วงระหว่างหลายปีของชีวิต ในทำนองเดียวกันนั้น เขายังได้รับบทอวสานที่ได้ถูกแสดงแทนไว้ในพระวจนะเหล่านี้ด้วย นั่นคือ “เราจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ?” สองประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาได้เห็นและได้มารู้ว่าเป็นผลจากท่าทีของเขาที่มีต่อการเชื่อฟังต่อพระเจ้าในช่วงระหว่างประสบการณ์ชีวิตของเขา และสองประโยคนั้นยังเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของเขาที่เขาใช้เพื่อมีชัยชนะในช่วงระหว่างการทดลองของซาตานด้วยเช่นกัน และสองประโยคนั้นยังเป็นรากฐานแห่งการตั้งมั่นของเขาในคำพยานต่อพระเจ้า ณ จุดนี้ พวกเจ้าพิจารณาว่าโยบเป็นบุคคลที่ดีงามหรือไม่? พวกเจ้าหวังที่จะเป็นบุคคลเช่นนั้นหรือไม่? พวกเจ้าเกรงว่าต้องก้าวผ่านการทดลองของซาตานหรือไม่? พวกเจ้าตกลงใจแน่วแน่ที่จะอธิษฐานเพื่อให้พระเจ้าทรงให้พวกเจ้าตกอยู่ภายใต้การทดสอบแบบเดียวกันกับโยบหรือไม่? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้คนส่วนใหญ่คงจะไม่กล้าที่จะอธิษฐานเพื่อสิ่งต่างๆ เช่นนั้น เช่นนั้นแล้วมันจึงแน่ชัดว่าความเชื่อของพวกเจ้านั้นเล็กน้อยอย่างน่าเวทนา เมื่อเทียบกับโยบแล้ว ความเชื่อของเจ้าก็แค่ไม่มีค่าคู่ควรแก่การกล่าวถึง พวกเจ้าเป็นศัตรูของพระเจ้า พวกเจ้าไม่ยำเกรงพระเจ้า พวกเจ้าไม่สามารถตั้งมั่นในคำพยานของพวกเจ้าต่อพระเจ้าได้ และพวกเจ้าไร้ความสามารถที่จะมีชัยเหนือการโจมตี การกล่าวหา และการทดลองของซาตาน สิ่งใดทำให้พวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะได้รับพระสัญญาของพระเจ้า? เมื่อได้ยินเรื่องของโยบและได้เข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดและความหมายของความรอดของมนุษย์แล้ว บัดนี้พวกเจ้ามีความเชื่อที่จะยอมรับการทดสอบแบบเดียวกันกับโยบหรือไม่? พวกเจ้าไม่ควรมีความตั้งใจแน่วแน่สักเล็กน้อยเพื่อยอมให้ตัวพวกเจ้าเองติดตามหนทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและการหลบเลี่ยงความชั่วหรอกหรือ?
—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ